ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 609 ไข่มุกเม็ดใหญ่ ตอนที่ 610 พี่ชายน้องสาวแท้ๆ
ตอนที่ 609 ไข่มุกเม็ดใหญ่ / ตอนที่ 610 พี่ชายน้องสาวแท้ๆ
ตอนที่ 609 ไข่มุกเม็ดใหญ่
ซ่งหม่านซานเผยสีหน้าภาคภูมิใจ ก็มีแต่ซ่งอิงที่ไม่เหลียวมองเขาด้วยซ้ำ
นางเป็นผู้บำรุงร่างกายให้ซ่งสวิน แม้พี่ชายนางดูทั้งผอมทั้งซีดเซียว ในความเป็นจริงแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก!
ไม่เช่นนั้นจะดื่มน้ำแกงไก่โสมให้เสียเปล่าหรือ
“จริงสิ จะสอบผ่านหรือไม่ พรุ่งนี้ก็รู้แล้ว” ซ่งหม่านซานกล่าวเสริมขึ้นมาอีกประโยค
ซ่งอิงครุ่นคิด จากนั้นล้วงเอาตลับกล่องหนึ่งออกมา “ฝากเอาให้พี่ชายข้าเป็นของขวัญแสดงความยินดีด้วยนะเจ้าคะ”
“…” ซ่งหม่านซางุนงง จ้องมองกล่องตลับในมือ ครั้นเปิดออกดูนึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นไข่มุกหนึ่งเม็ด มองดูแวววับล้ำค่าอย่างยิ่ง!
“เจ้าสิ่งนี้…มิใช่ของปลอมกระมัง” ซ่งหม่านซานงงเป็นไก่ตาแตก ก่อนจะหยิบขึ้นมาดู
เขาเคยซื้อไข่มุกเช่นกัน แต่ราคาค่อนข้างแพงน่าดู ไข่มุกที่ขนาดใหญ่พอๆ กับหนึ่งเมล็ดถั่วเหลืองก็พอซื้อได้ในราคาสองสามตำลึงเงิน แต่หากอยากซื้อไข่มุกหลายเม็ดที่ลักษณะคล้ายๆ กัน และกลมมนเป็นพิเศษ ก็จะเป็นราคาที่สูงลิ่ว
ซ่งหม่านซานเป็นคนหนึ่งที่ตาถึง หลังขบคิดอย่างหนักอยู่ครู่หนึ่งก็ค้นพบว่าไข่มุกเม็ดนี้เป็นของจริง
“เอ้อร์ยา เจ้าเอาไข่มุกนี้มาจากไหนหรือ เจ้าคงรู้นะว่าไข่มุกที่ขนาดใหญ่เพียงนี้มีมูลค่าเท่าไร!” ซ่งหม่านซานกล่าว
“หรือว่ามีราคาถึงสองสามร้อยตำลึงเงินเจ้าคะ” ซ่งอิงครุ่นคิดแล้วกล่าว
“ไม่แน่ว่ามิใช่เพียงสองสามร้อยตำลึงเงินด้วยซ้ำไป!” ซ่งหม่านซานตระหนกตกใจอย่างยิ่ง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าครั้งก่อนยามที่ข้าซื้อของให้อาสะใภ้สี่เจ้า เห็นสร้อยไข่มุกประคำของคนจากตระกูลร่ำรวยสูงศักดิ์ตระกูลหนึ่ง สร้อยนั่นก็มีมุกประมาณหนึ่งร้อยเม็ดเท่านั้นเอง แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นราคาเกือบห้าพันตำลึงเงิน!”
“ตอนนั้นข้าประหลาดใจและตกตะลึงเหลือเกินจึงตั้งใจไปหาผู้ดูแลร้านขายสิ่งนั้นเพื่อถามไถ่ดู คนเขากล่าวว่าไข่มุกประคำที่ราคาสี่ห้าพันตำลึงเงินไม่ถือว่าแพงแต่อย่างใด ตอนนั้นเขาเอาไข่มุกประคำเส้นหนึ่งให้ข้าดู เส้นหนึ่งมีไข่มุกขนาดอย่างที่เจ้าให้ข้ามานี่หนึ่งร้อยแปดเม็ด บนเส้นนั้นยังประกอบไปด้วยจี้เศียรพระและจี้ทรงเมฆมงคล ขายได้ราคาสูงถึงสามหมื่นตำลึงเงินเชียวละ!”
หากเอามาขายแยก ราคาก็ประมาณเม็ดละพันกว่าตำลึง!
หลานสาวเขาผู้นี้ จู่ๆ ก็โยนของที่ราคาแพงขนาดนี้ใส่มือเขาง่ายๆ เช่นนี้น่ะหรือ!
มิหนำซ้ำยังต้องการให้เขานำไปเป็นของขวัญให้หลานสวินอีกหรือ!
ซ่งอิงช่างไม่คิดอะไรอื่นจริงๆ ภพชาติก่อนไข่มุกแม้ราคาแพง แต่ก็ไม่ใช่ของหายาก
ดังนั้นเดิมทีนางคิดว่าไข่มุกหนึ่งเม็ดน่าจะราคาประมาณหลายสิบตำลึงเงินหรือหลักร้อยตำลึงเงิน
อีกทั้งเพื่อเลี่ยงความเป็นจุดสนใจเกินไป นางยังตั้งใจหยิบเอาหนึ่งเม็ดที่ค่อนข้างเล็กออกมาเสียด้วยซ้ำไป
ตอนนี้ในมือนางยังมีไข่มุกที่ยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่เสียทีเดียวอีกห้าเม็ด ขนาดแต่ละเม็ดพอๆ กับเม็ดลำไยเห็นจะได้ แต่เพราะไข่มุกนั่นขนาดใหญ่จนชวนตระหนกตกใจจริงๆ นางจึงแอบซ่อนเอาไว้
ปีศาจหอยแมลงภู่อาศัยบารมีของนางจึงบรรลุขึ้นมาได้ จึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่นางควรจะได้รับผลประโยชน์บ้าง
หลังจากปีศาจหอยแมลงภู่บรรลุ มันก็คายไข่มุกออกมาให้ได้วันละหนึ่งถึงสองเม็ด ขนาดเล็กใหญ่และสีสันล้วนไม่แน่นอน โดยส่วนใหญ่ขนาดค่อนข้างเล็กและไม่ได้กลมมนนัก แต่บางครั้งก็ให้ชนิดที่ดียิ่ง นางตกลงกับปีศาจหอยแมลงภู่ไว้แล้วว่า สิ่งที่มันคายออกมานี้จะเป็นของนางสามส่วน ที่เหลือให้ปีศาจหอยแมลงภู่เก็บเอาไว้เอง
ปีศาจหอยแมลงภู่เต็มใจอย่างยิ่ง
ไม่เพียงเท่านี้ ปัจจุบันปีศาจหอยแมลงภู่เป็นซ่านไฉถงหนี่ว์[1]ที่ได้รับความนิยมชมชอบมากที่สุดในหมู่ปีศาจ อันเนื่องจากชอบใครก็จะมอบไข่มุกให้ผู้นั้น…
ทว่าปีศาจตนอื่นเมื่อได้รับไข่มุก บางครั้งก็จะถือมาตรงหน้านาง หากนางไม่เอา อีกฝ่ายก็จะปั้นหน้าน่าสงสารจับใจ เหมือนกับว่าตัวเองไม่ได้รับความโปรดปรานอย่างไรอย่างนั้น…
ซ่งอิงจนปัญญา จึงหากล่องตลับขนาดเล็กหนึ่งกล่องมาบรรจุไข่มุกเป็นการเฉพาะ
ตอนนี้ ไข่มุกกลมบ้างไม่กลมบ้าง รวมๆ กันแล้วก็ประมาณห้าสิบเม็ดเห็นจะได้
หากมอบเป็นของขวัญ จะมอบเม็ดที่ไม่ค่อยกลมก็ออกจะดูไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นจึงได้มาแค่หนึ่งเม็ดนี้เท่านั้น
เห็นซ่งอิงสีหน้าเฉยเมย ซ่งหม่านซานรู้สึกถึงเพียงความอิจฉาผุดขึ้นในใจตัวเอง
“เอ้อร์ยา หลานสวินยังอายุน้อยอยู่เลย จะเอาไข่มุกนี่ไปทำอันใดเล่า หรือไม่เจ้ายกให้ข้าดีล่ะ ตอนฉลองปีใหม่ที่ผ่านมานี้ เจ้าก็ไม่ได้ให้อะไรเพื่อแสดงความเคารพนับถือแก่ข้าเลยนี่ นี่ไม่เหมาะสมเกินไปหน่อยแล้วหรือไม่ ข้าผู้นี้ในฐานะอาก็ไม่คิดเล็กคิดน้อยอันใดกับเจ้าหรอก แค่ยกไข่มุกนี่ให้ข้าก็พอแล้ว!” ซ่งหม่านซานกล่าวอย่างไร้ยางอาย
ตอนที่ 610 พี่ชายน้องสาวแท้ๆ
ซ่งอิงมองซ่งหม่านซานอย่างดูแคลนปราดหนึ่ง
“อาสี่เจ้าคะ เดือนนั้นที่ฉลองวันคล้ายวันเกิดท่าน ดูเหมือนข้าให้ผลกำไรเพิ่มอีกหนึ่งส่วน และยามที่ฉลองปีใหม่ก็มีเงินปันผลให้ด้วยเช่นกัน…หรือว่าข้าจำผิดไปแล้วเจ้าคะ” ซ่งอิงมุ่นคิ้ว
ซ่งหม่านซานถอนหานใจ “นั่นก็เทียบไม่ได้กับไข่มุกเม็ดนี้นี่!”
“ท่านอาสี่ ท่านหาเงินได้ อยากจะซื้อไข่มุกลักษณะไหนก็ซื้อได้ทั้งนั้นมิใช่หรือ ผิดกับพี่ชายข้า แม้ว่าสอบซิ่วฉายผ่านแล้วก็ยังเป็นซิ่วฉายจนๆ ไม่มีเงินแต่อย่างใด! ข้าจะค้ำจุนสักหน่อยก็เป็นเรื่องปกติมาก อีกอย่าง ผู้เล่าเรียนหนังสือต่างก็ต้องมีการไปมาหาสู่กับผู้อื่น หากไม่มีเงินเช่นนั้นก็คงไม่ได้เรื่องจริงๆ นะเจ้าคะ” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“เขานี่นะไม่มีเงิน!” ซ่งหม่านซานส่งเสียงโอดครวญ “ทางด้านร้านค้าของพ่อแม่เจ้านั่นรายรับเดือนหนึ่งอย่างน้อยก็หนึ่งถึงสองร้อยตำลึงเงิน!”
ซ่งสวินก็คือผู้ที่รวยที่สุดต่างหากเล่า!
เพียงแค่ต้องเล่าเรียนหนังสือ เบื้องบนมีสวรรค์คอยเข้าข้าง เบื้องล่างมีน้องสาวคอยค้ำจุน ใครบ้างมีชีวิตสุขสบายไปกว่าเขา!
“เขาไม่ต้องการเงินของท่านพ่อท่านแม่ ข้าก็ไม่ต้องการเช่นกัน และทางครอบครัวก็ซื้อที่ดินเอาไว้ จึงใช้จ่ายเงินออกไปเกลี้ยงแล้วด้วย” ซ่งอิงกล่าว
“…” ซ่งหม่านซานถึงกับสำลัก
ไฉนเขาจึงไม่มีน้องสาวที่เอาใจใส่กันเพียงนี้บ้างนะ!
“เจ้าว่าตอนนั้นข้าโง่หรือไม่ จะรับเจ้าเป็นหลานสาวทำไมก็ไม่รู้ ควรเป็นน้องสาวแท้ๆ ต่างหากล่ะ! หากเป็นเช่นนี้เราสองก็เป็นพี่ชายน้องสาวแท้ๆ แล้ว!” ซ่งหม่านซานถอนหายใจ
“…” ซ่งอิงถลึงตาใส่ “ท่านอาสี่ ท่านพูดจาประสาอะไร”
“ก็แค่พูดเท่านั้นเอง เจ้าโตขนาดนี้แล้ว นึกเสียดายภายหลังก็ไม่ได้ช่วยอะไรแล้วเช่นกันมิใช่หรือ” ซ่งหม่านซานเพียงแค่รู้สึกเสียดายเท่านั้น
ซ่งอิงถือเป็นเด็กรุ่นหลัง เขาในฐานะญาติผู้ใหญ่ก็ไม่มีหน้ารบเร้าขอเงินอย่างไร้ยางอายเช่นกัน
ไข่มุกที่ดีเลิศเพียงนี้ก็เลยถูกเจ้าเด็กซ่งสวินนี่เอาไปเสียแล้ว
“คาดว่าเขาก็คงไม่เอาเช่นกัน” ซ่งหม่านซานกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง
“ท่านก็พูดกับเขาว่าหากเขาไม่เอา ของสิ่งนี้ก็จะเป็นของท่าน เช่นนั้นพี่ชายข้าจะไม่เอาเปรียบท่านเป็นแน่” ซ่งอิงครุ่นคิดแล้วกล่าว
“…” ซ่งหม่านซานเพียงแค่รู้สึกราวกับถูกมีดทิ่มแทงใจเข้าแล้ว “เกิดเขาสอบไม่ผ่านเล่า”
“เป็นไปได้ว่าจะสอบผ่านเจ้าค่ะ ท่านไม่เคยเห็น ก่อนหน้านี้ว่าพี่รองข้าตั้งใจมากเพียงใด อีกอย่าง ห้าปีนั้นเขาก็ไม่เคยละทิ้งการอ่านหนังสือเลย เขามีทั้งพรสวรรค์และความสามารถแล้วจะสอบไม่ผ่านได้อย่างไรกันเจ้าคะ อีกทั้งท่านก็พูดเองนี่ว่าเขาเดินออกมาจากสนามสอบด้วยท่าทางสบายๆ เช่นนั้นก็แสดงว่าสถานการณ์เป็นไปด้วยดี ข้าเชื่อในตัวเขาเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวอย่างสงบและผ่อนคลาย
ซ่งหม่านซานทอดถอนใจยกใหญ่อีกครั้ง
ดูๆ นี่ต่างหากที่เรียกว่าพี่ชายน้องสาวแท้ๆ
จากนั้นลองดูเหล่าพี่ชายหน้าไม่อายที่อยู่ลำดับเหนือกว่าเขา แต่ละคนล้วนนึกว่าเขาอยู่เมืองยงเพื่อถลุงเงินแทนซ่งอิงเสียนี่!
บางครั้งกลับไปบ้าน แต่ละคนยังไม่วายพูดจาสั่งสอนเขาด้วยความหวังดี ให้เขาตั้งใจทำงานเข้าไว้ อย่าได้เอาเงินของซ่งอิงไปทำให้ขาดทุนหมด
เขาใช่คนประเภทนั้นหรือ!
ซ่งหม่านซานถือไข่มุกกลับร้านไปอย่างเงียบขรึม ยามนี้ซ่งสวินก็พักอยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน แต่เขาเป็นคนซื่อตรงและว่านอนสอนง่าย ยามที่ซ่งหม่านซานไม่อยู่ร้านเขาก็ไม่อยู่ว่างเช่นกัน คอยช่วยงานในร้านค้าเสมอ
ซ่งหม่านซานไม่ได้รีบร้อนมอบให้ หากแต่เอาไข่มุกไปนอนกอดไว้หนึ่งคืนเต็ม
อยากจะเอาใส่ปากกลืนลงไปให้รู้แล้วรู้รอดเสียด้วยซ้ำ
วันรุ่งขึ้น ประกาศผลสอบ
ซ่งหม่านซานปากพร่ำดูถูกซ่งสวิน แต่ก็ยังคงให้ความสำคัญกับคนเล่าเรียนหนังสือของตระกูลซ่งพวกเขา จัดการส่งเด็กในร้านไปต่อแถวตั้งแต่เช้าตรู่ฟ้ายังไม่สว่าง ด้วยเกรงกลัวว่าอีกเดี๋ยวคนมาเบียดเสียดแล้วจะมองไม่เห็นชื่อของซ่งสวิน
รอกระทั่งเวลาผ่านไปพอประมาณแล้วก็ยังวิ่งถ่อไปด้วยตัวเองอีกด้วย
ลูกตานั่นกวาดมองอย่างสุดฤทธิ์
ท้ายที่สุดไม่นึกเลยว่าจะเห็นชื่อเต็มของซ่งสวินอยู่ที่ตำแหน่งรายชื่อลำดับที่สี่
ตอนนั้นด้วยความตื่นเต้นจึงหันไปกอดเด็กช่วยงานในร้านอย่างเต็มแรง “เยี่ยม! ยอดเยี่ยม! ไม่เสียแรงที่เป็นหลานชายของข้าซ่งหม่านซาน ทายาทของตระกูลซ่งข้า! สอบผ่านซิ่วฉายแล้ว! แม่เอ๊ย ภายภาคหน้าต้องเป็นจวี่เหรินเหล่าเหยียได้แน่นอน!”
จะไม่ดีใจได้อย่างไรเล่า!
คนหนึ่งได้ขึ้นมามีอำนาจ พี่น้องและเครือญาติก็ได้อานิสงส์ไปด้วยน่ะสิ! นอกจากเปลี่ยนฐานะวงศ์ตระกูลได้แล้ว ยังลดทอนในส่วนของภาษีที่นาและภาษีต่างๆ ได้อีกด้วย!
[1] ซ่านไฉถงหนี่ว์ (散财童女) เทพธิดาตัวน้อยตามภาพวาดจีนโบราณตามช่วงฉลองเทศกาลปีใหม่ มีท่วงท่าโปรยเหรียญทอง สื่อถึงความหมายการให้โชคลาภ