ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 617 นายท่านชรา บทที่ 618 ผู้มาเยือนประสงค์ร้าย
บทที่ 617 นายท่านชรา / บทที่ 618 ผู้มาเยือนประสงค์ร้าย
บทที่ 617 นายท่านชรา
ตอนนี้ซ่งเหล่าเกินถูกรับตัวมายังตัวอำเภอแล้ว แต่เขากลับรู้สึกไม่สบายใจเลยจริงๆ
เขาไม่เคยคิดเลยว่าภพชาตินี้จะได้มาอาศัยเรือนหลังโตโอ่อ่าที่หลานสาวซื้อ!
เช้าตรู่ลืมตาตื่นขึ้นมา แม่บ้านวัยกลางคนก็ต้มน้ำเตรียมไว้ข้างนอกแล้ว ทั้งยังมีหนุ่มใหญ่คอยช่วยไปไหนมาไหนตามคำสั่ง มีเด็กรับใช้คอยดูแล และมีผู้คุ้มกันเรือนคอยคุ้มกัน…
อย่างนี้เรียกว่ามากำกับดูแลหลาน ๆ ได้ที่ไหนเล่า นี่เท่ากับมาเป็นนายท่านชราชัดๆ!
หากซ่งอิงเป็นหลานชาย เขาก็ยินดีน้อมรับเช่นกัน แต่ปัญหาคือนางเป็นหลานสาว ในหมู่บ้านของเขา หลานสาวที่ออกเรือนไปแล้วก็เหมือนน้ำที่สาดออกไป เขาจะกอบโกยผลประโยชน์จากนางได้ที่ไหนกันเล่า!
ในใจช่างว้าวุ่นเหลือเกิน!
“เอ้อร์ยา ข้าเห็นว่าเด็กๆ เหล่านี้ก็ค่อนข้างซื่อตรงและว่าง่ายดี ข้าว่าข้ากลับไปจะดีกว่า อยู่ที่นี่แลดูไม่เหมาะเกินไป…” เช้าตรู่ ผู้เฒ่าซ่งกินข้าวพลางเอ่ยขึ้น
ตัวเขายังรู้สึกว่าอาภรณ์เก่าบนกายตนทำให้บ้านหลังนี้ต้องแปดเปื้อนเสียด้วยซ้ำ!
ซ่งอิงตักข้าวเข้าปากหนึ่งคำ “ท่านอยากกลับหรือเจ้าคะ ท่านจะไม่สนใจเด็กพวกนั้นแล้วหรือ”
“พวกเขาก็เชื่อฟังดีมิใช่หรือ ต้องไปเล่าเรียนข้างนอกทุกวัน หลังกลับมาก็ยังมีอาจารย์สองคนคอยติดตาม แม้แต่ซานยายังมีหมัวมัวอะไรนั่นกับอาจารย์คอยดูแลอยู่ข้างกายเช่นกัน ไม่ต้องถึงมือข้าหรอก” ซ่งเหล่าเกินพูดด้วยความลำบากใจ
ซ่งอิง เด็กคนนี้ดีต่อตระกูลซ่งของพวกเขาเกินไปแล้ว
ลำพังบุญคุณน้อยนิดในตอนแรก ตอนนี้ได้ตอบแทนคืนไปเท่าไหร่แล้วเชียว
พี่ชายของนางไปสอบเรียนได้ก็ต้องขอบคุณนางด้วยกระมัง นอกจากนั้น บรรดาลูกสะใภ้ที่บ้านมีความสามารถในการหาเงินของขึ้นมาได้ก็เพราะได้นางช่วยเหลือเช่นกัน…
ตอนนี้แม้แต่หลานชายหลานสาวในตระกูล นางก็ยังช่วยจัดการวางแผนให้เสร็จสรรพ!
มีทั้งอาจารย์บู๊ อาจารย์บุ๋น คนในตระกูลใหญ่โตทั้งหลายก็เป็นเช่นนี้กันทั้งนั้นสินะ!
“ท่านอยากกลับก็ได้เจ้าค่ะ แต่หากเด็กพวกนี้เสียคนขึ้นมา ท่านจะว่าข้ามิได้นะเจ้าคะ” ซ่งอิงเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ “ท่านก็เห็นแล้วว่าที่นี่คือตัวอำเภอ คนตระกูลมั่งคั่งก็มากมาย ตามถนนหนทางก็ปรากฏตระกูลที่ล่มจมให้เห็นเป็นครั้งคราว เมื่อก่อนเด็กๆ ที่บ้านเรายังเห็นสังคมภายนอกน้อยนัก ยามนี้ข้าไปรับมาอย่างกระทันหัน ไม่แน่ว่าอาจผยองแล้วทำตัวอวดร่ำอวดรวยก็เป็นได้”
“ตอนนี้เหล่าสหายร่วมเรียนที่พวกเขาคบหาสมาคมด้วยก็มีบางส่วนที่มาจากตระกูลระดับกลาง แต่บ้างก็เป็นคุณชายตระกูลร่ำรวยสูงศักดิ์ ถึงตอนนั้นหากใฝ่สูงเข้า ไม่แน่ว่าอาจใจแตก หากกลายเป็นลิ่วล้อคนอื่นเขา หรือเป็นผีพนันเสเพลไป ท่านก็เตรียมใจไว้ให้ดีด้วยแล้วกันนะเจ้าคะ” ซ่งอิงกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง
ซ่งเหล่าเกินถึงกับเบิกตาโต
“ข้าว่า เจ้าก็ไม่ควรให้พวกเขามาตั้งแต่แรก จะคอยพึ่งเจ้าไปเสียทุกเรื่องได้ที่ไหนกันเล่า เจ้าไม่กลัวทำให้พวกคนที่บ้านเคยชินจนเสียนิสัยหรอกหรือ!” ซ่งเหล่าเกินถอนหายใจ
“เดิมที…เด็กพวกนี้ก็ได้ประโยชน์จากเจ้าไปไม่น้อยแล้ว เพียงเท่านี้ก็น่าจะพอใจแล้ว ขืนยังเป็นเช่นนี้ต่อไป จะไม่กลายเป็นคนไม่รู้ผิดชอบชั่วดีหรอกหรือ” ผู้เฒ่าซ่งเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
ตอนที่ซ่งอิงเอ่ยเสนอ เขาก็ปฏิเสธไปแล้ว
แต่ซ่งอิงประเดี๋ยวก็อ้างว่าอาจารย์ที่เมืองเสี้ยนเฉิงดี ประเดี๋ยวก็อ้างว่าอยากให้เด็กๆ ได้เปิดหูเปิดตา พร่ำพูดถึงข้อดีสารพัด ทำให้สามบ้านต่างหน้ามืดตามัวไปด้วย
แล้วใครยังจะไม่เห็นดีด้วยอีกเล่า บ้านไหนต่างก็ไม่หวงลูกชาย ยอมส่งมาทั้งหมด บ้านสี่รู้ประสาหน่อย แต่บุตรชายลำดับที่สี่ของตระกูลกลับส่งจดหมายมาว่าให้สองแม่ลูกมาด้วยเช่นกัน!
เขาจะทำอย่างไรได้อีก
“ท่านปู่คิดว่าข้าเอาใจท่านป้ากับอาสะใภ้สามอย่างนั้นหรือ” ซ่งอิงยิ้มเล็กน้อย
ซ่งเหล่าเกินกลอกตามองบน “ใช่ แม้เจ้าให้สิ่งดีๆ แต่ก็เป็นการพูดปลุกระดมเสียมากเกินไป…เอ้อร์ยา ข้าอายุปูนนี้แล้ว มาจากตระกูลต่ำต้อย จะเป็นนายท่านชราประจำตระกูลได้อย่างไรเล่า”
“ตอนที่เจ้ายังไม่มา เพื่อนบ้านสองฝั่งก็มาเยี่ยมเยือนที่บ้าน ข้ายังไม่มีหน้าออกไปพบปะเลย” ซ่งเหล่าเกินเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
นี่หากอยู่ในหมู่บ้าน เขายังเป็นผู้อาวุโสที่ได้รับความนับหน้าถือตา แต่มาที่นี่ ก็เป็นแค่คนแก่เงอะงะคนหนึ่ง
“หากไม่รู้ก็เรียนรู้ด้วยได้นี่เจ้าคะ อาจารย์ที่จ้างมาประจำที่บ้านนั้นว่างงานช่วงกลางวัน ก็ให้พวกเขามาสอนท่านรู้จักตัวหนังสือแล้วกันนะเจ้าคะ” ซ่งอิงเอ่ย
ผู้เฒ่าซ่งก็พอรู้ตัวหนังสือบ้างแต่ไม่มาก
“เจ้าว่าอะไรนะ” ซ่งเหล่าเกินเบิกตาด้วยความตกใจ
บทที่ 618 ผู้มาเยือนประสงค์ร้าย
สังขารก็ชราจวนจะลงโลงอยู่แล้ว ยังต้องมาเรียนหนังสือกับอาจารย์อยู่อีกหรือ
“ทำไมหรือเจ้าคะ ท่านคิดว่าตัวเองโง่เขลาเรียนไม่ได้หรือเจ้าคะ” ซ่งอิงหัวเราะเยาะหยัน
“…” ซ่งเหล่าเกินถลึงตาโตทันที รู้สึกโมโหขึ้นมาจะแย่
“ท่านดูหลานๆ เหล่านี้ของท่านสิ พี่ชายข้าก็เป็นซิ่วฉาย หากไม่มีอะไรผิดพลาด ไม่ช้าก็เร็วคงได้เป็นจวี่เหริน หรืออาจได้รับราชการ ถึงตอนนั้นท่านก็เป็นเหล่าไท่เหยีย อย่างไรก็ต้องได้ออกไปต้อนรับแขกเหรื่อบ้าง แต่หากเหล่าไท่เหยียอย่างท่านอ่านหนังสือไม่ออกสักตัวจะได้เรื่องหรือเจ้าคะ ท่านยังมีหลานๆ เหล่านี้ที่เรียนเก่งเหลือเกิน ไม่นานคงได้ดิบได้ดีเช่นกัน ต่อไปผู้คนคงพากันสงสัยว่าเด็กพวกนี้โตมาได้อย่างไร หากเห็นว่าท่านไม่รู้หนังสือ ท่านลุงท่านอาของข้าก็ไม่เป็นโล้เป็นพาย ไม่แน่อาจคิดว่าเด็กพวกนี้ไม่ใช่หลานแท้ๆ ของตระกูลซ่งก็เป็นได้นะเจ้าคะ…”
“เหลวไหล! เด็กเหล่านี้เป็นหลานแท้ๆ ของข้าทั้งนั้น!” ซ่งเหล่าเกินเอ่ยด้วยความหงุดหงิด
“ก็นั่นสิเจ้าคะ แต่พวกเขาไม่เหมือนท่านนี่ ท่านเก่งอย่างพวกเขาหรือไม่ล่ะเจ้าคะ” ซ่งอิงหัวเราะขึ้นมา
“…” แม้รู้ทั้งรู้ว่าซ่งอิงจงใจยั่วโมโหตน แต่ตอนนี้ซ่งเหล่าเกินก็ถูกกระตุ้นโทสะเข้าเสียแล้ว
นั่นน่ะสิ บรรดาหลานของเขาล้วนรู้ความกันทุกคน แม้แต่หลานชายลำดับที่สามและหลานชายลำดับที่สี่ขณะที่เรียนผู้คุ้มกันก็ยังเรียนรู้ตัวหนังสือไปด้วยเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ หมายความว่าเด็กๆ ในตระกูลล้วนมีความสามารถด้วยกันทั้งนั้น
มีเพียงคนแก่อย่างเขาที่ไร้ความสามารถ
“เรื่องเรียนให้เรียนก็ได้ แต่ตอนนี้ถึงเวลาต้องเก็บเกี่ยวธัญพืชของที่บ้านแล้วเหมือนกัน…” ซ่งเหล่าเกินเอ่ยด้วยความลังเล
“ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ที่หมู่บ้านสวนของข้าแห่งนั้นมีคนงานอยู่ ถึงตอนนั้นข้าจะให้ทำในส่วนของท่านด้วย แต่ส่วนที่เหลือให้ท่านลุงกับท่านอาสามทำเอง ข้าจะดูแลเพียงของท่านกับท่านพ่อท่านแม่ข้าเท่านั้นเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ซ่งเหล่าเกินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
“เจ้าเด็กคนนี้ปากแข็งแต่ใจอ่อน” ซ่งเหล่าเกินถอนหายใจ
ในเรื่องสำคัญๆ ไม่รู้ว่าทำประโยชน์ให้แต่ละครอบครัวนั้นไปตั้งเท่าไหร่แล้ว ทว่าเรื่องเล็กน้อยจิปาถะเช่นนี้กลับคิดเล็กคิดน้อยอย่างชัดเจน ทำให้คนคิดว่าไม่ควรมีเรื่องกับนาง แต่ในความเป็นจริงแล้วนางเป็นคนใจดีที่สุดแล้ว
ผู้เฒ่าซ่งไม่เอ่ยพูดอะไรให้มากความแล้วเช่นกัน พูดไปก็ไร้ประโยชน์ อย่างไรก็ถูกนางโต้กลับเสียทั้งหมด เช่นนั้นก็เรียนๆ ไปแล้วกันด้วยเหตุนี้ บรรยากาศการเรียนในเรือนหลังโตโอ่อ่าของซ่งอิงแห่งนี้ก็ดีขึ้นอีกไม่น้อย ผู้เฒ่ามีความรู้ในระดับเดียวกันกับหลานคัง เด็กเหล่านั้นเห็นผู้เฒ่าซ่งตั้งใจเพียงนี้ก็ยิ่งรู้ความมากขึ้น
“ฮูหยินเจ้าคะ ข้างนอกมีคนส่งเทียบเชิญมาให้เจ้าค่ะ” ซ่งอิงมาอาศัยอยู่ตัวอำเภอได้ไม่กี่วัน ก็ได้รับจดหมายเสียแล้ว
ครั้นเปิดออกดู ไม่พบชื่อเสียงเรียงนามแต่อย่างใด
เขียนเอาไว้แค่นัดหมายนางให้ไปพบที่โรงน้ำชาแห่งหนึ่ง
“ท่านแม่ ท่านไม่ไปดูหน่อยหรือ” ฮั่วหลินชะโงกหน้ามาถามด้วยความประหลาดใจ
ซ่งอิงทิ้งเทียบเชิญนั้นไป “แม้แต่ชื่อยังไม่มี คงเป็นคนหนึ่งที่มีลับลมคมนัยไม่น้อยทีเดียว”
นางมีเวลาว่างมากถึงขนาดไปพบคนแปลกหน้าได้หรืออย่างไร ไม่สู้เอาเวลาไปพักผ่อนเสียจะดีกว่า
ฮั่วหลินได้ยินดังกล่าวก็รู้สึกว่ามีเหตุผล
และในเวลาเดียวกันนี้ ที่ห้องรับรองส่วนตัวในโรงน้ำชา มีใครบางคนกำลังรอซ่งอิงอยู่
โรงน้ำชาแห่งนี้อยู่ใกล้กับที่พักของซ่งอิง แต่เมื่อผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้วยังไม่เห็นมา คนในห้องรับรองก็เริ่มร้อนใจ
“เกิดอะไรขึ้น ส่งคนไปถามดูอีกครั้ง” สาวรับใช้คนหนึ่งเอ่ยขึ้น
ไม่นานนักก็มีคนมาเคาะประตูบ้านซ่งอิงอีกครั้ง ครั้งนี้ ครั้นเปิดประตูออกมาก็พบชายร่างกำยำยืนอยู่ห้าหกคนผู้คุ้มกันประจำบ้านไม่กล้าตัดสินใจเองเช่นกัน จึงเขียนจดหมายไปบอกซ่งอิง นางจึงได้เดินออกมาดู
ครั้นมองเห็น นางก็พบว่าตนอาจหาเรื่องใส่ตัวเสียแล้ว
ผู้มาเยือนประสงค์ร้ายนี่!
อีกทั้งชายฉกรรจ์ห้าหกคนนี้ยังสวมเครื่องแบบองครักษ์เหมือนกัน ทั้งยังพกอาวุธ ตระกูลร่ำรวยทั่วไปคงไม่กล้าเลี้ยงดูผู้คุ้มกันประจำเรือนลักษณะนี้เป็นแน่ ดังนั้นผู้เป็นนายที่อยู่เบื้องหลังอย่างน้อยสุดก็คือครอบครัวขุนนาง