ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 641 เขาผิดไปแล้ว ตอนที่ 642 คุ้นหน้าเหลือเกิน
ตอนที่ 641 เขาผิดไปแล้ว / ตอนที่ 642 คุ้นหน้าเหลือเกิน
ตอนที่ 641 เขาผิดไปแล้ว
หนิวต้าลี่ยุ่งอยู่พักหนึ่งก็ได้เงินออมส่วนตัวมาเก็บเพิ่มอีกนิดแล้ว
ความจริงในใจคุณชายรองยังคงกระวนกระวายมาก เกรงกลัวว่าคนผู้นี้จะเล่นพิเรนทร์ใส่เขา แต่กระทั่งหลังจากกินอิ่มท้องจึงพบว่าอาหารอร่อยไม่น้อยเลยทีเดียว อร่อยกว่าที่ภัตตาคารทำด้วยซ้ำ!
เขาไม่นึกเลยว่าจะเกิดความรู้สึกละอายใจขึ้นมาเล็กน้อย อันเนื่องจากเงินที่ให้ไปเป็นจำนวนน้อยนิดแค่นั้นเอง
“แม่นาง…ข้าเป็นคุณชายรองแห่งจวนกงเจ๋ว์ เจ้า…เจ้าเข้าใจหรือไม่ว่ากงเจ๋ว์คืออะไร” คุณชายรองเซว์เอ่ยถาม
หนิวต้าลี่ครุ่นคิด “ก็แค่ขุนนางใหญ่มิใช่หรือ”
“ใช่ๆๆ ท่านพ่อข้าเป็นขุนนางใหญ่ หากเจ้าปล่อยข้าไป หลังจากนี้จะให้เงินเจ้าได้จำนวนนับไม่ถ้วน ถึงกระทั่งว่าหากเจ้ายินยอม เจ้าจะเป็นผู้คุ้มกันให้ข้าก็ได้ ข้าให้เจ้าเดือนละสิบตำลึงเงิน แน่นอนว่าหากเจ้ารู้สึกน้อยไป ยังเพิ่มได้…” คุณชายรองเซว์รู้สึกว่าแม่นางน้อยผู้นี้ยังพอพูดคุยได้
แม่นางผู้นี้ทำกับข้าวอร่อยดี หน้าตาก็ไม่แย่ เอากลับบ้านไปเป็นแม่ครัวหรือไม่ก็เป็นองครักษ์ แม้กระทั่งเป็นทำเรื่องอย่างว่าบนเตียงก็ยังได้
“ท่านอยากให้ข้าไปกับท่านหรือ” หนิวต้าลี่เผยสีหน้ามาดร้าย
“ใช่…ข้ารู้สึกว่าการที่เจ้าติดสอยห้อยตามหญิงชาวบ้านคนหนึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดาย เจ้าวางใจเถิด หากเจ้าลงนามสัญญาขายตัวไว้ก็ไม่เป็นไร ข้าจ่ายเงินเพื่อซื้อตัวเจ้ามาอีกทอดหนึ่งได้ ตระกูลข้ามีอำนาจ สะใภ้ตระกูลฮั่วผู้นี้ไม่ขายก็ต้องขาย!” คุณชายรองเซว์กล่าวขึ้นอีกครั้ง
เสียงฟาดมือตบดัง ‘เพี้ยะ’ หนิวต้าลี่ตวัดมือลงไปที่ศีรษะของคุณชายรองเซว์
“ท่านอดอยากปากแห้งแล้วรึ!” ฮึ
หมายความว่าอันใด! เห็นนางเป็นปีศาจที่หน้าเงินประเภทนั้นหรือไร
นางก็แค่อยากหาเงินส่วนตัวสักหน่อยเท่านั้นเอง มนุษย์คนนี้ก็นึกว่านางจะหักหลังพี่สาวได้เชียวหรือ!
คุณชายรองเซว์รู้สึกเพียงตรงหน้ามืดมิดลงในชั่วพริบตา เขาถูกตบหมดสติไปเสียดื้อๆ
หนิวต้าลี่ไม่สนใจเช่นกัน
คนเหล่านี้จึงนอนรวมกันอยู่ในลานบ้าน ถึงอย่างไรก็ไม่มีฝนไม่มีลม นอนไปสักสองสามวันไม่ตายขึ้นมาหรอก และเพื่อเลี่ยงไม่ให้พวกเขาหนีไป บรรดาปีศาจย่อมต้องผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าเวรยาม
ตอนกลางคืน ซ่งอิงได้รับจดหมาย ก็รู้ว่าคนผู้นี้ถูกขังอยู่ในบ้านตน ไปไหนไม่ได้ ดังนั้นก็ไม่ได้รีบร้อนเลยสักนิดส่วนคนผู้นี้…
จริงอยู่ที่ต้องเจอหน้าค่าตากันเสียหน่อย
ไอ้คนใช้เล่ห์กลหลอกลวงผู้นี้ตอแยเหลือเกิน เจอหน้าพร้อมกลวิธีรุนแรงสักหน จึงจะเป็นโอกาสพลิกสถานการณ์ที่ทำให้คนผู้นี้รีบไสหัวไปในทันที
เพียงแต่ว่า เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อนเกินไปแต่อย่างใด
คนในบ้านรู้จักประมาณการ คงไม่ถึงขั้นทำให้คนเหล่านั้นหิวตาย
ซ่งอิงอยู่ตัวอำเภอหกเจ็ดวัน จากนั้นจึงได้ควบรถเกวียนลากลับไปอย่างอืดอาดยืดยาด ต้าไป๋เปลี่ยนร่างแล้ว ตามความประสงค์ของซ่งอิง นางไม่ต้องการใช้มันลากเกวียนให้แล้ว แต่ต้าไป๋อุปนิสัยค่อนข้างดื้อดึง
มันรู้สึกว่าตัวเองแตกต่างจากฝูง หากปล่อยโอกาสลากรถเกวียนนี้ให้ลาตัวอื่น ก็เท่ากับยกสถานะสัตว์พาหนะอันดับหนึ่งของตนให้ตัวอื่น ย่อมต้องไม่ยินยอมเป็นธรรมดา ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่ซ่งอิงออกไปข้างนอก ยามที่ต้องใช้งานเขา ต้าไป๋ก็จะเปลี่ยนร่างกลับไปตามเดิม
ลาที่บรรลุแล้วเมื่อวิ่งขึ้นมาไม่เพียงรวดเร็วแต่ยังมั่นคงอีกด้วย และไม่ต้องให้ซ่งอิงถือแส้เส้นเล็กตวัดนำทางแต่อย่างใด เบาแรงกว่าเมื่อก่อนมากยิ่งขึ้น
และในเวลาเดียวกันนี้ ที่บ้านซ่งอิง คุณชายรองเซว์พร้อมพวกไม่ค่อยเหลือเรี่ยวแรงมาพักใหญ่แล้ว
นอกจากวันแรกที่ได้กินอิ่มท้อง ต่อมาวันรุ่งขึ้นก็ไม่ได้กินข้าวเลย
ระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว มีสองวันที่คนในบ้านเห็นพวกเขาหิวจนไม่ไหวแล้ว จึงได้ให้แผ่นแป้งทอดแห้งๆ จำนวนหนึ่งและน้ำเย็นไม่กี่อึก จากนั้นก็ไม่สนใจอีก
ตอนนี้ พวกเขารู้สึกเพียงแทบจะเป็นลมหมดสติแล้ว
ก่อนหน้านี้คุณชายรองเซว์รู้สึกมาตลอดว่าต่อให้ตนถูกกักบริเวณ คนบ้านนี้ใจกล้าสักเพียงใดก็คงไม่กล้ากดขี่ข่มเหงเขา แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายวันเพียงนี้ เขารู้ว่าตนคิดผิดแล้ว
เขาผิดเองที่ก่อนเดินทางมามั่นใจในตัวเองเกินไป แม้แต่ผู้ดูแลบ้านก็ยังพาออกมาด้วย
คนเหล่านั้นที่เหลืออยู่ในบ้านล้วนไม่มีอำนาจตัดสินใจ ต่อให้หาเขาไม่เจอก็ทำได้เพียงคิดว่าเขาออกมาเที่ยวเล่นและติดธุระบางอย่างเข้าแล้ว นอกจากนั้นเหล่าสาวใช้นั่น ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะกังวลใจว่าเขาหายไปอยู่แห่งหนใด! ต่อให้กังวลใจ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะออกมาตามหา!
ด้วยความที่ไม่ใช่เมืองหลวง กำลังคนไม่เพียงพอ หากอยู่ในเรือนที่เมืองหลวง เขาไม่กลับไปคืนเดียวทางบ้านก็พลิกฟ้าตามหาแล้ว!
ตอนที่ 642 คุ้นหน้าเหลือเกิน
คุณชายรองเซว์รู้สึกถึงการที่ตัวเองอยู่ใกล้ความตายขนาดนี้เป็นครั้งแรก
เบื้องหน้าค่อยๆ มืดมนลงเล็กน้อย สายตากำลังห่อตัวรวมเป็นจุดเดียว ก่อนที่จะหมดสติไปอีกครั้ง เขามองเห็นประตูบานใหญ่ของบ้านหลังนี้เปิดออก เผยลำแสงสว่างปรากฏขึ้นมา ในแสงสว่างนั่นมีเงาร่างคนผู้หนึ่ง ซึ่งเงาร่างนั้น…เหมือนธิดาสวรรค์ก็ไม่ปาน
“ไฉนจึงล้มไปอยู่กับพื้นเสียแล้วล่ะ” ซ่งอิงขมวดคิ้ว
“ไม่เป็นอะไรนักหนาขอรับ ก็แค่หิว เดี๋ยวทำโจ๊กให้ดื่มสักสองอึกก็ใช้ได้แล้ว” ชิงเหลียนน้ำเสียงไม่เป็นเดือดเป็นร้อน
ซ่งอิงพยักหน้า “เช่นนั้นก็ได้ ทำให้ฟื้นขึ้นมาทั้งหมดและให้มีเรี่ยวมีแรงสักหน่อย เราเป็นคนที่พูดคุยกันด้วยเหตุผล จะเอาชีวิตคนโดยฉวยโอกาสยามที่คนเขาล้มป่วยมิได้ ใช่หรือไม่เล่า”
“ใช่เจ้าค่ะ” หนิวต้าลี่พยักหน้า แลวรีบไปจัดการทันทีเว้นช่วงเวลาไปหลายวันขนาดนี้ ในที่สุดคนกลุ่มหนึ่งก็ได้กินอะไรบ้าง ช่วยให้กระเพาะอุ่นขึ้นมาหน่อย
ซ่งอิงให้เวลาพวกเขาได้ฟื้นฟูพละกำลัง วันรุ่งขึ้นจึงเพิ่งได้มานั่งอยู่ตรงหน้าคนเหล่านี้
อาภรณ์ที่คุณชายรองเซว์สวมใส่อยู่ถึงกับเหม็นเปรี้ยวเล็กน้อย ตอนนี้เขานั่งอยู่บนพื้นเหมือนขอทานคนหนึ่ง ส่วนซ่งอิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้แบบมีพนักพิงโอ่อ่าที่อาสามทำให้ ด้านข้างมีโต๊ะเล็กตัวหนึ่งที่วางผลไม้ไว้ด้านบน
“ได้ยินว่าเจ้าอยากเจอข้าหรือ” ซ่งอิงน้ำเสียงเกียจคร้าน ฟังดูกวนประสาทเป็นพิเศษ
แต่คุณชายรองเซว์ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมเหลือแล้ว ตอนนี้แม้แต่อารมณ์โมโหยังไม่มีเลยสักนิด อีกทั้งยังขลาดกลัวอย่างยิ่ง “ล้วนเป็นความเข้าใจผิดทั้งนั้น…”
“ข้าก็คิดเช่นกันว่าเป็นความเข้าใจผิด เด็กๆ จากชนบทของพวกเราเป็นไปไม่ได้ที่จะทำพู่หยกเจ้าเสียหายแล้วไม่ยอมรับ” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“ใช่ พู่หยกนั่นข้าเป็นคนทำแตกเอง ไม่เกี่ยวกับเด็กคนนั้น” คุณชายรองเซว์เหมือนเด็กที่ซื่อตรงคนหนึ่ง
“อืม เห็นทีว่าเจ้าก็เป็นคนหนึ่งที่มีเหตุมีผล ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่ต้องให้พวกเขาชดใช้หนึ่งพันตำลึงเงินแล้วกระมัง” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“แน่นอน” เขาอยากรนหาที่ตายเท่านั้นละ จึงจะให้คนเขาชดใช้เงิน
เขาสาบานได้ ขอเพียงครั้งนี้ไปพ้นสถานที่แย่ๆ นี้ได้ เขาก็จะไม่มาก่อความยุ่งยากให้สะใภ้ตระกูลฮั่วผู้นี้อีก!
คนผู้นี้ชั่วร้ายเกินไปแล้ว และคนเหล่านี้ก็ล้วนเหมือนคนที่มีความสามารถพิเศษ เกิดไม่อาจกำจัดให้สิ้นซากทั้งหมดได้ ไม่แน่ว่าจะโผล่มาอยู่ข้างกายเขาแล้วลอบสังหารเขาได้ทุกเมื่อก็เป็นได้!
“เจ้ามีเหตุมีผลอย่างยิ่งเลยนี่!” ซ่งอิงชมเชย “ทว่า ถึงอย่างไรก็เป็นคนละเรื่องเดียวกัน เงินนี่เจ้าไม่ต้องการแล้ว แต่ได้ยินว่าเจ้าตบหน้าเด็กของหมู่บ้านพวกเราด้วย เรื่องนี้จะอย่างไรก็ต้องเอาความกันหน่อยกระมัง”
“จะ…จะเอาความอย่างไรหรือ” คุณชายรองเซว์กลืนน้ำลาย
ขณะนี้เอง เขาจึงได้เงยหน้ามองซ่งอิงอย่างระมัดระวัง
ครั้นมองไป ก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย
แม่นางผู้นี้ดวงหน้าดูคุ้นตาเหลือเกิน เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน อีกทั้ง…ไม่นึกเลยว่าจะอ่อนเยาว์และงดงามเช่นนี้
มองดูแล้วอายุแค่สิบแปดสิบเก้าปีเท่านั้นเอง…ก่อนหน้านี้เขาเรียกคนผู้นี้ว่าสะใภ้ตระกูลฮั่วมาโดยตลอด ดังนั้นจึงคิดไปโดยปริยายว่านางคือหญิงที่อายุสามสิบกว่าปีเป็นอย่างน้อย…
“มีสองวิธีการเอาความ หนึ่ง ชดใช้เงิน เด็กน้อยเป็นเสมือนดอกไม้ตูมของบ้านเมือง ตบตีเยี่ยงนี้จะเสียหายได้ง่ายมาก ในแง่ของจิตใจก็จะก่อให้เกิดการทำร้ายความรู้สึกอย่างที่ไม่อาจลบล้างได้ ดังนั้นจำเป็นต้องดูแลเอาใจใส่อย่างดี ความหมายของข้าคือ เจ้าเลือกได้ว่าจะชดใช้เงินหนึ่งพันตำลึงเงิน หรือ…ถูกคนของข้าตบหนึ่งที…” ซ่งอิงกล่าว
“ข้าเลือกชดใช้เงิน!” คุณชายรองเซว์กล่าวออกมาทันควัน
ซ่งอิงพยักหน้า “เช่นนั้นก็ได้ ต้าลี่ เจ้าไปเรียกคนของครอบครัวลุงหนิวมาแล้วสะสางกันซึ่งๆ หน้า เขียนสัญญาให้เรียบร้อย จะได้ไม่กลับคำ หากคนครอบครัวลุงหนิวยินยอมตกลง เช่นนั้นเรื่องนี้ก็เป็นอันจบไป หลังจากนี้จะเอ่ยขึ้นมาอีกมิได้”
หนิวต้าลี่ไปเรียกคนผู้นั้นทันที
ระหว่างทางก็นำเรื่องราวบอกกล่าวกับคนตระกูลหนิวอย่างชัดเจน
คนครอบครัวนี้ถึงกับตกตะลึง
แค่ตบหน้าครั้งเดียว ก็ชดใช้เงิน…หนึ่งพันตำลึงเงินเลยหรือ
นี่สวรรค์โปรยทรัพย์ลงมาให้กันหรือ เขาไม่ค่อยกล้ารับไว้ จะทำอย่างไรดีล่ะ
“ลุงหนิว ท่านไม่ต้องสนใจหรอกเจ้าค่ะ เขาใส่ร้ายหนิวซานซาน นี่จึงเป็นสิ่งที่สมควรชดใช้ มิเช่นนั้นภายหลังเด็กน้อยก็จะมีเงาร้ายอยู่ในใจ” ซ่งอิงคลี่ยิ้ม “เพียงแต่ว่า ไม่ว่าท่านร่ำรวยเพียงใดแล้ว การอบรมสั่งสอนเด็กคนนี้จะให้หย่อนยานมิได้เชียว ข้ายังจำได้ว่าเมื่อก่อนหน้านี้ข้าถูกหนิวซานซานปาของใส่เกือบตายไปแล้วครั้งหนึ่ง หลังจากนี้จะกระทำเรื่องอย่างการรังแกผู้อื่นเช่นนั้นอีกมิได้นะเจ้าคะ”