ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 653 ปวดหัว ตอนที่ 654 เติบโตแล้ว
ตอนที่ 653 ปวดหัว / ตอนที่ 654 เติบโตแล้ว
ตอนที่ 653 ปวดหัว
นางกับเจ้าของร่างหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ดังนั้นนางจึงสัมผัสได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดของเจ้าของร่าง
ตัวอย่างเช่น เดิมทีเจ้าของร่างก็ไม่ได้โกรธเคืองผู้ใดในหมู่บ้านสักคนเดียว เพราะเคยจากไปสองปี ดังนั้นทุกหย่อมหญ้าในหมู่บ้าน สำหรับนางแล้วล้วนเป็นสวรรค์ที่แสนสงบสุข
แต่ในยามที่เจ้าของร่างอับจนหนทางที่สุด นางไม่ได้คิดให้ทุกคนเข้าข้างนาง เพียงแค่อยากพูดคุยกับพวกเขาบ้างเท่านั้นเอง
นางอยากได้ยินคำปลอบโยนจากญาติพี่น้อง และอยากกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน สมาชิกทั้งครอบครัวครึกครื้นและยุ่งตัวเป็นเกลียว น่าเสียดาย ก่อนที่เจ้าของร่างจะตายจากไป กลับได้รับความแล้งน้ำใจมากมายเป็นส่วนใหญ่ เห็นได้ชัดเจนจากการที่ตระกูลซ่งแยกครอบครัว
ที่อารมณ์ซ่งอิงไม่แปรปรวนกับเรื่องเหล่านี้ นี่ก็เป็นผลให้หลังจากซ่งอิงหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับทั้งหมดของเจ้าของร่าง ภายในใจค่อนข้างสงบเยือกเย็นเล็กน้อยด้วยเช่นกัน
แม้ว่าผิวเผินกระทำดีต่อคนตระกูลซ่ง แต่ก็เพื่อรักษาภาพลักษณ์เดิมเอาไว้ พูดอย่างน่าเกลียดหน่อยก็คือทำชีวิตเป็นละคร แสดงไปอย่างนั้น
อีกทั้ง ทั้งหมดทั้งมวลที่ทำเพื่อตระกูลซ่ง ล้วนเป็นสิ่งที่นางสามารถทำได้ง่ายๆ ไม่เคยทุ่มเทแรงใจด้วยซ้ำไป
ทว่าตอนนี้เห็นท่าทีของสมาชิกทั้งตระกูล ความทรงจำของเจ้าของร่างก็พรั่งพรูขึ้นมาในสมองซ่งอิง
ตอนที่เจ้าของร่างยังเด็ก ในครอบครัวก็เป็นประมาณนี้
บ้านที่เต็มไปด้วยเด็กซุกซน บ้านที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าที่มีแต่ความอบอุ่นอ่อนโยน ไม่เหมือนจวนโหว ที่ไม่ว่าตรงไหนก็เต็มไปด้วยความเย็นชา เต็มไปด้วยความหวาดกลัว คำพูดคำจาไร้เยื่อใย ทำให้ทุกสิ่งอย่างที่เกี่ยวกับหมู่บ้านซิ่งฮวาในใจนางล้วนเปลี่ยนเป็นความงดงามดุจสวรรค์
แม้ซ่งอิงดูใจกว้าง ทว่าตามจริงในใจลึกๆ ก็มีความเย็นชาอยู่บ้าง
แต่บัดนี้ นางสัมผัสได้ถึงความจิตใจดีและบริสุทธิ์ของเจ้าของร่างเดิม
เจ้าของร่างก็เหมือนกับดินสะอาดหนึ่งผืน เหมือนดวงจันทร์สว่าง ทอแสงกระจ่างบริสุทธิ์
ตั้งแต่เล็ก นาง…ถูกคนตระกูลซ่งปฏิบัติอย่างเกรงใจและไม่สนิทสนม ไม่ถือว่ามีครอบครัวอย่างแท้จริง ภายหลังต่อมาถูกจวนโหวกดขี่ข่มเหง ยิ่งไม่เหลือใคร แต่สำหรับนาง ชีวิตกลับไม่ใช่เมล็ดบัวขม หากแต่เป็นความหอมหวาน
ซ่งอิงพลันรู้สึกเหมือนร่างกายนี้มีบางส่วนที่เบาสบายขึ้นมาก คนทั้งคนถึงขั้นรู้สึกแปลกๆ
นอกจากนั้นยังรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
“เป็นอันใดไป” หร่วนซื่อสังเกตเห็น
“ปวดหัวเจ้าค่ะ” ซ่งอิงเขกๆ ศีรษะตัวเอง
“จะเขกแรงขนาดนี้ทำไมกัน เดี๋ยวก็สมองพังกันพอดี ไม่สบายก็ไปพักผ่อนเสีย อาหารมื้อนี้เดี๋ยวข้าจัดการแทนเจ้าเอง หิวแล้วค่อยมากิน” หร่วนซื่อรีบบอกกล่าว
“ข้าไม่ได้โกรธเคืองเจ้า” ผู้เฒ่าซ่งกล่าวเสริมขึ้นมา “รีบไปพักผ่อนเถอะ เรื่องใหญ่แค่ไหนกันเชียว ถึงขั้นปวดหัวเลยหรือ”
ฮึ ยังเป็นสาวอยู่แท้ๆ สู้เขาที่แก่แล้วก็ไม่ได้ เขายังแข็งแรง อยู่ได้อีกห้าสิบปีสบายๆ
ซ่งอิงรู้สึกเหมือนสมองจะระเบิดก็ไม่ปาน จึงไม่ได้ต่อปากต่อคำกับผู้เฒ่าซ่ง รีบเดินไปบ้านของครอบครัวบุตรชายคนรองตระกูลซ่ง แล้วนอนพักในห้องของบิดามารดา
ครั้นเอนกายนอนลงบนเตียง ซ่งอิงก็หลับใหลไปในทันที
ในความเป็นจริง นางเหมือนตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน มองเห็นลำแสงสามทาง
ลำแสงหนึ่งสีขาวบริสุทธิ์ ลำแสงหนึ่งสีเทาเงิน ลำแสงหนึ่งสีทอง
ลำแสงสีทองและลำแสงสีขาวบริสุทธิ์ตอนนี้กำลังหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว จากนั้นเริ่มกลืนส่วนที่เป็นสีเทาเงินนั่น
ซ่งอิงสับสนมึนงงเล็กน้อย
นี่มันคืออะไร…
นางจึงนอนเงียบๆ และรอคอยไปเช่นนั้น
ตอนค่ำ เห็นนางยังไม่สบายอยู่ หรวนซื่อและซ่งจินซานจึงไปนอนอยู่ในห้องของซ่งสวิน ยกห้องใหญ่ให้นาง ส่วนซ่งอิงตลอดทั้งคืนนี้ไม่ต่างกับลงสนามรบใหญ่สามร้อยหน คนทั้งคนรู้สึกเหนื่อยล้าเสียยิ่งกว่าอะไรดี
ในที่สุด ลำแสงทั้งสองก็กลืนส่วนลำแสงสีเทาเงินนั่นได้นิดหนึ่ง
แต่ก็เป็นนิดหนึ่งอย่างที่น้อยนิดจริงๆ เพราะลำแสงสีเทาเงินนั่นมากความสามารถอย่างยิ่ง วิ่งไปวิ่งมาก็ว่าไม่ธรรมดาแล้ว มิหนำซ้ำยังมีพลังต่อสู้แข็งแกร่ง เรียกว่าน่าเกรงกลัวก็ยังได้
เพียงแต่ว่าหลังจากแตะต้องปลายลำแสงเทาเงินนั่น ซ่งอิงก็รู้สึกทรมานในหัวสมอง
มิหนำซ้ำในสมองยังมีภาพวุ่นวายปรากฏขึ้นมาด้วย
มีขุนเขา มีท้องทะเล สิ่งที่โบยบินบนท้องนภา สิ่งที่แหวกว่ายในท้องทะเล…บ้างก็เป็นสิ่งของขนาดใหญ่ บ้างก็เป็นสิ่งของขนาดเล็ก นอกจากนั้นยังมีคนลักษณะเหมือนนก…
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ซ่งอิงรู้สึกเหมือนตัวเองต่างไปจากเดิม
มีตรงไหนผิดแปลกไปก็บอกไม่ถูกเช่นกัน เหมือนกับว่า…การบำเพ็ญเพียรเลื่อนขึ้นไปอีกขั้นก็ไม่ปาน มองดูโลกอีกครั้ง สภาพจิตใจของคนทั้งคนรู้สึกต่างไปหมด
“แม่งเอ๊ย ได้ทักษะความสามารถอะไรมาอีกกันแน่” ซ่งอิงส่งเสียงพึมพำ
“ถุย!” ทำไมนางจึงอุทานคำหยาบขึ้นมาเสียเล่า!
ตอนที่ 654 เติบโตแล้ว
ซ่งอิงถอนหายใจ
ทำไมในช่วงเวลาอันสั้นก็รู้สึกว่าตัวเองเก่งกาจไม่ธรรมดาขึ้นมากระทันหันเสียได้เล่า อีกทั้งยังรู้สึกว่า…
ซ่งอิงมองออกไปนอกหน้าต่าง ตรงนั้น พวกซ่งต๋าเล่นต่อสู้กันอยู่ในลานบ้าน ดูตัวเล็กกระจิด…เหมือน…มด
เอ่อ…
ทำไมจึงเป็นมด นั่นเป็นน้องชายของนาง แล้วยังมีลูกของนางด้วยนี่!
ซ่งอิงถอนหายใจ นางอาจบ้าไปแล้ว เหมือนจำพวก…จิตหลอน แต่นางก็รู้สึกอีกว่าอาการจิตหลอนนี้ไม่ได้ผิดปกติแต่อย่างใด
ซ่งอิงเดินออกไปหลังสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย
“พี่รอง ท่านดีขึ้นแล้วหรือ”
“ท่านแม่ ครั้งนี้ท่านนอนนานไปหน่อยนะขอรับ เหนื่อยเกินไปใช่หรือไม่”
ฮั่วหลินและพวกซ่งต๋าพร้อมใจกันพูด
ซ่งอิงกวาดตามองพวกเขา รู้สึกใจอ่อนยวบเบาๆ แต่บนใบหน้ากลับเผยอารมณ์ความรู้สึกเรียบเฉย “ก็สบายดี แค่ได้รับความตื่นตระหนกนิดหน่อย สภาพจิตใจจึงต่างไปจากเดิมเล็กน้อย”
ฮั่วหลินมองซ่งอิง พลันใจเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย
ไม่รู้ทำไม ตอนนี้เขามักรู้สึกถึงรังสีบนตัวมารดาเขาที่ว่าไม่น่าเข้าใกล้ แต่กลับทำให้รู้สึกสนิทชิดเชื้ออย่างถึงที่สุดยิ่งขึ้นกว่าเดิม
“มองข้าทำไม ฝึกฝนกันต่อไปสิ” ซ่งอิงเลิกคิ้วกล่าว
ครั้นสิ้นเสียง เด็กๆ ก็เชื่อฟังเสมือนแมวตัวหนึ่งในชั่วพริบตา
ซ่งอิงเลียริมฝีปากแล้วยกยิ้มมุม “เด็กดี”
“…” ฮั่วหลิน
ซ่งอิงรู้สึกหิวเล็กน้อยจึงไปหาอาหารกิน ส่วนซ่งต๋าแอบชะเง้อคอยาวเยียด “แม่ของเจ้าเสียสติไปแล้วหรือไม่ ทำไมข้ารู้สึกว่าแววตาของนางคู่นั้นเหมือนจะกินคนได้”
“แม่ท่านสิเสียสติไปแล้ว” ฮั่วหลินสบถฮึ “พลังดุดันของท่านแม่ข้านั่น ท่านไม่เข้าใจหรอก”
“จริงอยู่ที่ข้าไม่เข้าใจ พี่รองแค่หลับไปคืนเดียวเท่านั้น ทำไมข้าถึงรู้สึกกลัวนางยิ่งขึ้นนะ”
“ข้าสิต้องกลัว” ฮั่วหลินเม้มปาก
“ข้ารู้สึกว่า…พี่รองดูเหมือนสวยขึ้นเล็กน้อย” ซ่งอู่กล่าว
“ไร้สาระน่า ท่านแม่ข้าย่อมสวยอยู่แล้วสิ สวยขึ้นกว่าเมื่อก่อนทุกๆ วัน!” ฮั่วหลินกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“…” ซ่งอู่ขอถอนคำพูดของตัวเองอย่างหงุดหงิดใจเบาๆ
เขาเพียงแค่รู้สึกว่า เมื่อวานพี่รองดูสวยก็จริง แต่วันนี้…เหมือนว่าจู่ๆ ก็เติบใหญ่ขึ้นแล้ว หน้าตาเหมือนกับเมื่อวาน แต่มองดูงดงามกว่าเมื่อก่อนมาก
“เอ้อร์ยา วันนี้เจ้าทาแป้งฝุ่นอันใดหรือ เนื้อตัวหอมเชียว หน้าตาก็…คล้ายเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้ว” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ตาแหลม ยามที่มองเห็นซ่งอิงก็ส่งเสียงขึ้นมาทันที “ก็จริง ตอนนี้อายุสิบเก้าแล้วนี่นะ จะให้ดูเด็กน้อยก็ไม่ใช่แล้ว”
ซ่งอิงลูบใบหน้า
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เอื้อมมือมาคลึงๆ พวงแก้มของนางเช่นกัน “จุ๊ๆ เมื่อก่อนมองไม่ออกเลยว่าเอ้อร์ยาของเราเป็นคนงามยิ่ง”
“…” ซ่งอิงนิ่งอึ้ง
ซ่งอิงหาคันฉ่องมาส่องดู
แม้เห็นอะไรไม่ชัดนัก แต่ว่า…ก็ไม่เห็นจะมีอะไรต่างไปนี่!
เมื่อวานก็เป็นลักษณะนี้มิใช่หรือ
นอกจากพวกเหยาซื่อสะใภ้เล็ก เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าซ่งอิงจะมีอะไรแตกต่างไป อย่างมากสุดก็แค่รู้สึกว่าหลังนอนหลับไปตื่นหนึ่งจึงดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นมากเท่านั้นเอง
ซ่งอิงไม่ได้คิดมากนักเช่นกัน ตอนนี้ก็เป็นช่วงปลายปีแล้ว ดังนั้นเด็กน้อยในครอบครัวก็ไม่ต้องไปตัวอำเภอ ทุกคนล้วนอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน
ซ่งอิงชอบลานบ้านกว้างใหญ่ของตนแห่งนั้นมากกว่า จึงรีบกลับไป
เพียงแต่หลังจากถึงบ้านตัวเอง พอซ่งอิงไปในช่องว่างระหว่างมิติ จากนั้น…
ก็ตระหนกตกใจอย่างยิ่ง
เพราะ…
ภายในช่องว่างระหว่างมิติต่างไปจากเดิมแล้ว
ทอดสายตามองออกไป เป็นความกว้างใหญ่ไม่สิ้นสุด
เมื่อก่อนในนี้กว้างเพียงแค่พันกว่าหมู่ นางปลูกพืชพันธุ์เอาไว้มากมาย ยามที่อยู่ตัวอำเภอ ก็ต้องใช้เวลานานมากกว่าจะเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์เหล่านั้นหมด เหนื่อยจะแย่ แต่ตอนนี้ มีกี่หมู่นางเองก็ไม่ทราบแน่ชัด เอาเป็นว่าหากให้ปลูกพืชอีก นางคงทำไม่ไหวแล้วจริงๆ
อีกทั้ง ที่น่าแปลกยิ่งกว่าคือ ท้องนภาที่เมื่อก่อนปกคลุมไปด้วยม่านหมอก มีเจ้าสิ่งกลมๆ…หนึ่งดวง สีขาวเงินของมันไม่กระจ่างชัดมากนัก เหมือนจะเป็น…ดวงจันทร์?