ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 667 ท้องเดียวกัน ตอนที่ 668 ตบตา
ตอนที่ 667 ท้องเดียวกัน / ตอนที่ 668 ตบตา
ตอนที่ 667 ท้องเดียวกัน
ซ่งเหล่าเกินนับซ่งอิงรวมไปด้วยตามจิตสำนึก ด้านหัวหน้าหมู่บ้านซ่งเห็นเขาเช่นนี้ก็อดหัวเราะไม่ได้
“เหล่าตี้ เจ้าเอาใจใส่สาวน้อยซ่งอิงผู้นั้นจริงๆ เลยนะ ขนาดหลานสาวร่วมสายเลือดโดยตรงยังเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว
ซ่งเหล่าเกินชะงักนิ่งไป
จากนั้นยิ้มเล็กน้อยอย่างละอายใจ “ข้าเองก็ไม่กลัวเหล่าเกอหัวเราะเยาะเช่นกัน นี่ข้าเอาใจใส่นางเสียที่ไหน ติดค้างน้ำใจจากคนเขาเยอะๆ เข้ามันกระวนกระวายใจน่ะสิ แม้เห็นว่าปกติแต่ละวันเอ้อร์ยาดูไม่เกรงใจข้าผู้เฒ่าคนนี้ แต่เวลาผ่านมายาวนานเพียงนี้แล้ว ข้าก็มองนิสัยใจคอของเด็กสาวผู้นั้นออกเช่นกัน นางเป็นคนจิตใจดีคนหนึ่ง หากเป็นแม่นางที่ใจแคบเช่นนั้น ลำพังเรื่องที่ข้าไล่นางออกจากบ้าน เกรงว่าเป็นตายร้ายดีก็ไม่ไปมาหาสู่กันแล้ว!”
ยังจะเป็นเหมือนเช่นปัจจุบันนี้เสียที่ไหนเล่า ซ่งอิงให้การดูแลฝั่งตระกูลมารดาตั้งมากมายเท่าไหร่
“ใช่ เด็กบ้านเจ้าคนนี้ยอดเยี่ยม ทางด้านหมู่บ้านข้างๆ มีบุตรสาวจากตระกูลหนึ่งได้รับความรักและทะนุถนอมจากในครอบครัวเช่นกัน เพราะเรื่องการแต่งงานไม่เป็นไปตามใจปรารถนา ปัจจุบันจึงไม่ลงรอยกับตระกูลมารดา ตระกูลคนที่แต่งเข้าไปก็ไม่แย่ แต่กลับว่าร้ายตระกูลฝั่งมารดาไปเสียทุกอย่าง แม้ว่าไม่อาจตัดสินได้ว่าสิ่งที่พูดถึงนั้นถูกหรือผิด แต่ก็ชวนให้รู้สึกหดหู่ใจเช่นกัน” หัวหน้าหมู่บ้านซ่งถอนหายใจ
“โชคดีที่คนครอบครัวเจ้านี่มิได้ใจดำเช่นนั้น หากเป็นเช่นนั้น เอ้อร์ยาที่แข็งแกร่งเพียงนี้ ต้องไม่มีทางหวนกลับมาทำดีต่อเจ้าแน่” หัวหน้าหมู่บ้านซ่งกล่าวเสริมขึ้นอีกประโยค
“ใช่แล้ว เหล่าลูกๆ ตระกูลข้าที่ไม่เอาไหนเหล่านั้น แม้ไม่ค่อยมากความสามารถ แต่ก็จิตใจไม่แย่” ซ่งเหล่าเกินพยักหน้าเห็นด้วย ดูมีความภาคภูมิใจเล็กน้อย
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ซ่งเหล่าเกินพลันตกตะตึง จากนั้นกล่าวขึ้นอีกครัง “เรื่องการไหว้บรรพบุรุษครานี้…ไม่ให้เอ้อร์ยามาด้วยดีกว่า สองปีมานี้ข้าไปมาหาสู่กับเด็กสาวคนนี้อย่างเข้ากันได้ดี ข้าเลยเกือบลืมไปแล้วว่าเด็กจากจวนโหวที่มาเยือนนั่น เป็นน้องชายและน้องสาวแท้ๆ ของเอ้อร์ยากระมัง”
หัวหน้าหมู่บ้านซ่งรู้เรื่องราวภายในมากกว่าคนอื่นๆ ในวงศ์ตระกูล ดังนั้นก็ฉุกนึกขึ้นได้เช่นกัน
“จริงด้วย หากตอนนั้นนางอยู่ที่นั่นอย่างทุกข์ยากลำบาก ตอนนี้…ไม่ต้องเจอะเจอกันจะเหมาะสมกว่าหน่อย” หัวหน้าหมู่บ้านซ่งพยักหน้า
“เรื่องนี้ไว้ข้าจะถามไถ่ความเห็นของนางดู ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นนางกับน้องชายและน้องสาวคู่นี้คบหาสมาคมกันเป็นอย่างไร หากมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เจอหน้ากันสักครั้งก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ หากไม่มีความรู้สึกดีๆ เช่นนั้นค่อยว่ากันอีกที” ซ่งเหล่าเกินกล่าว
หัวหน้าหมู่บ้านซ่งพยักหน้าเชิงเห็นด้วยเช่นกัน
ทั้งสองคนไม่เจอกันนานแล้วจึงพูดคุยสัพเพเหระกันอีกครู่หนึ่ง
หัวหน้าหมู่บ้านซ่งมองดูลานบ้านกว้างใหญ่ที่ซ่งอิงซื้อไว้ในตัวอำเภอแห่งนี้ก็รู้สึกอิจฉาเล็กๆ เหมือนกัน แต่กลับไม่ใช่ความริษยา ถึงขั้นมีความภูมิใจเล็กน้อยด้วยซ้ำ
ตลอดชั่วชีวิตเขาผู้นี้ล้วนคำนึงเพื่อประชาชนในหมู่บ้านชนบททั้งนั้น หากบรรดาเด็กๆ เหล่านี้ได้ใช้ชีวิตสุขสบาย เขาก็สบายใจไปด้วยเช่นกัน
หัวหน้าหมู่บ้านเคยเล่าเรียนหนังสือ รู้ว่าซ่งอิงจ้างอาจารย์สอนทั้งวิชาบุ๋นและบู๊ไว้ที่บ้านด้วย นอกจากนั้นยังถึงขั้นจ้างอาจารย์หญิงตลอดจนสตรีผู้เชี่ยวชาญงานเย็บปักถักร้อยมาสอนซ่งซานยาอีกด้วย เขาจึงยิ่งเลื่อมใสในความใจกว้างของซ่งอิงมากขึ้น
นี่ไม่ใช่พี่น้องร่วมท้องเดียวกันแต่ยังทำให้เช่นนี้ หากเป็นท้องเดียวกัน…ต้องมีความรักและห่วงใยอย่างลึกซึ้งมากเป็นแน่กระทั่งส่งหัวหน้าหมู่บ้านซ่งไปแล้ว ซ่งเหล่าเกินจึงเรียกผู้คุ้มกันบ้านคนหนึ่งที่ซ่งอิงให้อยู่ดูแลภายในบ้านมาหาด้วยความกระวนกระวายใจ เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นก็ให้เขาพาตนไปหาซ่งอิงทางด้านเมืองยง
เมื่อถึงสถานที่ที่ซ่งอิงทำงาน ซ่งเหล่าเกินแทบจะตาลาย
ผู้คนไม่น้อยเลยจริงๆ
มีทั้งสร้างบ้านเรือน มีทั้งขุดคลอง หลานสาวเขาอยู่บริเวณหนึ่ง กำลังร่วมแรงกับคนอื่นยกท่อนไม้ที่ทั้งหนักทั้งใหญ่
พวกเขาทำกันแค่สองคน ท่อนไม้ที่แบกหนากว่าช่วงเอวคนด้วยซ้ำ ช่างชวนให้ซ่งเหล่าเกินตระหนกตกใจจริงๆ
“งานประเภทนี้ไฉนไม่ให้ผู้ชายมาทำ” ซ่งเหล่าเกินรู้สึกว่าสาวน้อยผู้นี้โง่เขลายิ่งนัก
จ้างคนมาตั้งมากมายขนาดนี้แล้วยังต้องลงมือด้วยตัวเองอีก
ซ่งอิงปัดๆ มือ “ก็แค่ผ่านมาเลยช่วยอีกแรงเท่านั้นเอง อีกทั้งเพิ่มคนช่วยอีกแรงก็จะได้ทำงานเสร็จไวขึ้นอีกหนึ่งวัน หลังจากนี้ยังมีหลายเรื่องที่ต้องทำเลยเจ้าค่ะ!”
สวนสัตว์แห่งนี้มีรูปแบบใหญ่โต ขณะนี้จึงยุ่งวุ่นวายมากจริงๆ
นางขบคิดอยู่ว่า กว่าจะได้เปิดกิจการอย่างเป็นทางการก็ต้องหลังจากนี้ครึ่งปีกระมัง ซึ่งนี่ยังอยู่ภายใต้การมีปีศาจเป็นลูกมือช่วยงาน หากอาศัยกำลังคนเพียงอย่างเดียว หนึ่งถึงสองปีก็ยังยาก
ตอนที่ 668 ตบตา
ไม่ใช่ซ่งอิงมีความตั้งใจพูดเกินจริง แต่ความเป็นจริงเป็นเช่นนี้
ตัวอย่างเช่น ให้ปีศาจนำถ้อยคำบอกกล่าวต่อๆ กันหน่อยว่ามีการปรับเปลี่ยนแผนการ จ้างปีศาจที่บินได้มาสักตน เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ถ่ายทอดคำพูดไปได้ทั่วแล้ว หากเปลี่ยนเป็นคน วิ่งไปวิ่งมาต้องเปลืองแรงอย่างยิ่ง
อีกตัวอย่างเช่นก้อนหินขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักเป็นตันๆ นั่น ต้องใช้คนจำนวนมากมายและคิดวิธีการย้ายมัน แต่เปลี่ยนเป็นปีศาจ แม้ทำตนเดียวจะเปลืองแรงมากหน่อย แต่กรณีมีเพิ่มอีกสองสามตนก็จะขนย้ายไปได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนั้นยังมีเรื่องของการเลือกสัตว์ ก็จำเป็นต้องพึ่งฝีมือปีศาจทั้งหมด ลำพังกำลังคนอย่างเดียวไม่อาจสำเร็จได้
“เหตุใดท่านจึงคิดมาหาข้าถึงที่นี่ได้” ซ่งอิงประหลาดใจมาก
“มีเรื่องสำคัญ” ผู้เฒ่าซ่งเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย “มีคนมาจากเมืองหลวง กล่าวว่ามาไหว้บรรพบุรุษ ส่งคนมาบอกหัวหน้าหมู่บ้านว่าน้องชายและน้องสาวของเจ้าจะมาพร้อมคนและม้า ตอนนี้อยู่เมืองยงแล้ว รอให้ทางหมู่บ้านเราตระเตรียม เมื่อทั้งหมดเตรียมพร้อมแล้วพวกเขาก็จะมาเยือน”
“ไหว้บรรพบุรุษยังต้องตระเตรียมด้วยหรือ” ซ่งอิงมีปฏิกิริยาเช่นเดียวกับซ่งเหล่าเกินก่อนหน้า
ด้วยถ้อยคำเช่นนี้ของนาง ซ่งเหล่าเกินถึงขั้นรู้สึกว่าสาวน้อยผู้นี้เป็นคนครอบครัวเดียวกันกับเขา
มองดูปฏิกิริยาโต้ตอบนี้สิ เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน
“คนเขาก็แค่ทำตัวเอิกเกริก อยากให้ชาวบ้านในหมู่บ้านเห็นความสำคัญสักหน่อยเท่านั้นเอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด อย่างมากสุดก็ตระกูลซ่งเราตระเตรียมเครื่องเซ่นไหว้ไว้ให้พร้อม จากนั้นค่อยให้คนตระกูลซ่งที่ไม่อยู่บ้านเหล่านั้นรีบกลับมาเจอะเจอกันช่วงนี้สักหน่อยเท่านั้นเอง” ซ่งเหล่าเกินกล่าว
ซ่งอิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
มาไหว้บรรพบุรุษในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ชอบมาพากล
ตอนนี้ท่านโหวผู้นี้ดำรงตำแหน่งมายี่สิบกว่าปีแล้วกระมัง ว่ากันตามหลักปฏิบัติทั่วไป น่าจะกลับบ้านเกิดมาไหว้บรรพบุรุษในยามที่เพิ่งดำรงตำแหน่ง หรือไม่ก็ในบ้านมีการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงอันใดครั้งใหญ่
ทางด้านจวนโหวนั่นมีโถงบรรพบุรุษเป็นเฉพาะ ตอนนี้ในเวลาเช่นนี้กล่าวว่ามาไหว้บรรพบุรุษ เกรงว่าจะเป็นการตบตาผู้คนมากกว่ากระมัง
ซ่งอิงไม่อยากขู่ให้ผู้เฒ่าซ่งตื่นกลัว
เขาอายุปูนนี้แล้ว การรักษาชีวิตให้อยู่รอดต่อไปมิใช่เรื่องง่าย
“ข้าอยากถามเจ้าหน่อยว่า เจ้ากับน้องชายและน้องสาวร่วมสายเลือดมีความสัมพันธ์ต่อกันเป็นเช่นไร หากเข้ากันดี ก็กลับไปพร้อมข้า หากไม่ดี เช่นนั้นก็ช่างเถิด” ผู้เฒ่าซ่งกล่าว
ซ่งอิงหวนนึกคิดครู่หนึ่ง
เจ้าของร่างมีพี่น้องค่อนข้างมาก มีพี่ชายและน้องชายที่ร่วมบิดามารดาอย่างละคน พี่ชายและน้องชายที่เกิดจากอนุภรรยาก็อย่างละคน มีน้องสาวที่อยู่ในนามภรรยาหลวงโดยชอบธรรมสองคนและน้องสาวที่เกิดจากอนุภรรยาอีกสามคน
ท่านโหวอายุไม่น้อยแล้วเช่นกัน คาดว่าคงไม่อาจมีบุตรได้แล้ว ดังนั้นพี่น้องร่วมสายเลือด อืม…รวมๆ กันแล้วก็เก้าคน
ครอบครัวใหญ่น่าดู
ส่วนคนที่มาไหว้บรรพบุรุษครั้งนี้…
ซ่งอิงขบคิด ด้วยความนึกคิดของหลานซื่อผู้นั้น ย่อมไม่ให้บุตรที่เกิดจากอนุภรรยามาเป็นแน่ ซ่งฮวนที่ถูกวางตัวเป็นบุตรสาวคนโตแทนนางก็อายุไม่น้อยแล้ว ต้องออกเรือนแล้วอย่างแน่นอน นี่จึงยิ่งไม่อาจมาได้ไปใหญ่
ดังนั้นตัวเลือกมีเพียงสองคน นั่นก็คือซ่งซินหัวและซ่งถังหังผู้นั้น
ยังอายุน้อยๆ กันทั้งนั้น ปัจจุบัน…
คนหนึ่งน่าจะสิบห้าปี และอีกคนสิบสามปีกระมัง
ตอนนั้นยามที่เจ้าของร่างอยู่จวนโหว เด็กสองคนนี้ยังเล็ก เห็นหน้าค่าตาไม่บ่อยครั้ง
เพียงแต่แอบจำได้ว่าตอนที่เจ้าของร่างถูกรังแก ซ่งซินหัวผู้นี้แรกเริ่มไม่ได้ร่วมวงด้วย และถึงขั้นออกหน้าแทนนางถึงสองครั้ง แต่ภายหลังต่อมาไม่รู้ทำไมจู่ๆ จึงเปลี่ยนไป หันมาเหน็บแนมนางตามคนอื่นๆ
ส่วนซ่งถังหังก็เคยยืนมองดูเฉยๆ ด้วยท่าทีอ่อนแอราวกับว่าถูกทำให้ตระหนกตกใจเสียขวัญ
ดังนั้นเกี่ยวกับน้องสาวน้องชายคู่นี้ ซ่งอิงไม่มีความรู้สึกใด
ทว่า นางคาดคิดว่าสาเหตุที่คนของจวนโหวมาในครั้งนี้ก็เพราะนาง
หากนางหลบไม่ออกมาเจอ จะกลายเป็นสร้างความยุ่งยากเอาได้ ไม่สู้ออกไปยืนให้เห็นกันซึ่งๆ หน้าจะดีกว่า
ด้วยเหตุนี้นางจึงกล่าวกับผู้เฒ่าซ่ง “ก็มีความสัมพันธ์ระดับทั่วไปเจ้าค่ะ แต่ในเมื่อเป็นการมาไหว้บรรพบุรุษ เจอะเจอสักหน่อยก็ไม่เป็นไร พวกเขาก็ไม่ใช่สัตว์ดุร้าย จะกินข้าได้เชียวหรือ”