ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 671 คุกเข่าขอโทษ ตอนที่ 672 อยู่ด้วยกัน
ตอนที่ 671 คุกเข่าขอโทษ / ตอนที่ 672 อยู่ด้วยกัน
ตอนที่ 671 คุกเข่าขอโทษ
ผู้เฒ่าซ่งและหัวหน้าตระกูลซ่งนำคนอื่นๆ ยุ่งวุ่นวายอยู่กับการตระเตรียมถึงห้าหกวัน ขบวนใหญ่โตของทางด้านจวนโหวนั่นถึงได้ค่อยๆ เดินทางมา
ตอนนี้ซ่งหม่านซานและซ่งสวินที่เป็นคนในตระกูลซ่งก็กลับมาด้วยเช่นกัน
คนตระกูลซ่งยืนคอยอยู่ที่ปากทางเข้าออกหมู่บ้าน
ซ่งอิงกับซ่งจินซานพร้อมด้วยภรรยายืนอยู่ด้านหลังผู้เฒ่าซ่งจวบจนทำเป็นพิธีเสร็จสิ้นตามความปรารถนาของผู้เฒ่า
คนหมู่บ้านนี้แม้รู้ว่าซ่งอิงไม่ใช่ลูกหลานในสายเลือด แต่ก็คิดว่านางเป็นเด็กของครอบครัวอื่น นอกจากหัวหน้าหมู่บ้านก็ไม่มีคนนอกรู้ความสัมพันธ์ของนางกับจวนโหว
เมื่อถึงปากทางหมู่บ้าน ขบวนคนกลุ่มหนึ่งก็หยุดลง
คนหนุ่มสาวสองคนลงจากรถม้าสองคัน
ซ่งอิงมองไปพริบตาแรก ปรากฏว่าเป็นซ่งซินหัวและซ่งถังหังจริงอย่างที่คาดคิดไว้
ไม่ได้พบเจอสองปีกว่า ซ่งซินหัวรูปลักษณ์งดงามขึ้นไม่น้อย มีความละม้ายคล้ายคลึงเจ้าของร่างอยู่บ้างเช่นกัน
แต่ยามที่ฉลองปีใหม่ ซ่งอิงสภาพจิตใจเปลี่ยนไปแล้ว แม้แต่รูปลักษณ์และบุคลิกก็ยังเปลี่ยนไปด้วยเล็กน้อย ดังนั้นปัจจุบันเทียบกับรูปลักษณ์ใสซื่อเช่นในอดีต ตอนนี้นางดูมีความงดงามและห้าวหาญมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อยู่ต่อหน้าซ่งซินหัวไม่ดูด้อยกว่าแต่อย่างใด ถึงขั้นเด่นกว่าเสียด้วยซ้ำ
“ถังหังคนรุ่นหลังคารวะผู้อาวุโสทุกท่านขอรับ” ซ่งถังหังไม่รู้จักคนเหล่านี้ จึงเอ่ยพูดอย่างเกรงใจประโยคหนึ่ง
ในเวลานี้เอง ซ่งเหล่าเกินจึงได้เป็นฝ่ายออกหน้า กล่าวว่า “เจ้าเป็นคุณชายน้อยของ…จวนโหวกระมัง ว่ากันตามลำดับรุ่น คาดว่าเจ้าต้องเรียกข้าว่าท่านปู่”
ส่วนลำดับที่เท่าไหร่นั้น ตามจริงซ่งเหล่าเกินก็ไม่ทราบแน่ชัด อย่างไรเสียคนร่วมวงศ์ตระกูลมากมายก็จากไปแล้ว บรรพบุรุษของเขาทางด้านนี้ไม่ค่อยสนิทสนมกับฝั่งจวนโหวแต่อย่างใด
“ท่านปู่” ซ่งถังหังและซ่งซินหัวกล่าวพร้อมเพรียง
“นี่คือเหล่าลูกชายทั้งสี่คนของข้า ฝูซาน จินซาน อิ๋นซานและหม่านซาน เราครอบครัวชาวชนบทไม่ได้มีระเบียบกฎเกณฑ์มากมายขนาดนั้น เติมคำว่าท่านอาไว้หน้าชื่อก็พอ ไม่ต้องเกรงใจมากมายแต่อย่างใด” ซ่งเหล่าเกินกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ทั้งสองคนมองไป แล้วเลื่อนสายตาไปที่ครอบครัวบุตรชายคนรอง“นี่คือ…หลานสาวของท่านปู่ใช่หรือไม่ขอรับ” ซ่งถังหังกล่าวขณะมองซ่งอิง
ซ่งเหล่าเกินมองเขาปราดหนึ่งอย่างประหลาดใจ “นี่คือหลานสาวที่ไม่เอาไหนของตระกูลข้า แม้ว่าออกเรือนแล้ว แต่คนในครอบครัวก็ยังรักและห่วงใยนาง อยากให้นางกลับมาร่วมครื้นเครงด้วย ยามที่ไหว้บรรพบุรุษนางจึงยืนอยู่ในที่นี้ด้วย คงไม่มีปัญหากระมัง”
“แน่นอนว่าไม่มีขอรับ” ซ่งถังหังกล่าวทันใด
เขาไม่ค่อยมั่นใจนักว่าคนตรงหน้าผู้นี้ เป็นคนผู้นั้นที่จวนโหวเคยรับตัวไปเมืองหลวงตอนนั้นใช่หรือไม่
เพราะลักษณะของนางแตกต่างจากในความทรงจำของเขาเล็กน้อย
พี่สาวคนโตในตอนนั้นมองดูเหมือนบัวเหี่ยวเฉา ยามที่เพิ่งไปถึงจวนโหว สีผิวดำคล้ำ ต่อมาบ่มตัวจนขาวขึ้นหน่อย แต่ก็ยังคงแก้กิริยาท่าทางไม่ได้
ทว่าคนตรงหน้าผู้นี้ ทั้งขาวทั้งงดงาม ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีความสง่าผ่าเผยอยู่ไม่น้อย
ส่วนซ่งซินหัวมองใบหน้าซ่งอิงอย่างตกตะลึง
“ใบหน้าของพี่สาวร่วมตระกูลหายดีแล้วหรือ” ซ่งซินหัวกล่าว
“ขอบใจที่เจ้าเป็นห่วงนาง เด็กสาวคนนี้หาเงินมาได้หน่อยก็เอาไปซื้อยามาทา ซึ่งก็พอมีประสิทธิผลอยู่บ้าง ฟื้นฟูได้ไม่เลวทีเดียว” ซ่งเหล่าเกินกล่าว
และเมื่อซ่งเหล่าเกินเอ่ยถ้อยคำนี้จบ ก็มีสายตาหลายคู่จากในขบวนคนเหล่านั้นสาดมาที่ตัวซ่งอิง
เห็นได้ชัดอย่างยิ่งว่าเมื่อครู่พวกเขากำลังแยกแยะอยู่ว่าคนไหนคือซ่งอิง แต่พวกเขากลับมองไม่เห็นใครใบหน้าเสียโฉมเลยสักคน จึงนึกว่าคนผู้นั้นไม่ได้มา แต่ครั้นได้ยินคำพูดของซ่งเหล่าเกินก็รู้ว่ามิใช่ไม่มา หากแต่หายดีแล้ว!นางก็คือคนที่ครั้งนี้ต้องกำจัดทิ้ง
“ผู้คุ้มกันในบ้านน้องสาวร่วมตระกูลดูเหมือนไม่ค่อยรู้จักระเบียบปฏิบัตินัก ออกมากภายนอก ไม่ควรจ้องมองหน้าตาสตรีตระกูลอื่นเช่นนี้” ซ่งอิงกวาดตามองคนที่อยู่ด้านหลังแวบหนึ่ง จากนั้นก็พูดยิ้มๆ
ซ่งซินหัวหันหน้าไปมองคนเหล่านั้นที่บิดาจัดเตรียมมา
ในแววตาปรากฏแววดูถูกวูบขึ้นมาเล็กน้อย
ดูเข้าสิ เผยความนึกคิดเสียโจ่งแจ้ง นางผู้เป็นนายยังอยู่ตรงนี้ทั้งคน พวกเขากลับเต็มไปด้วยความคิดที่จะเข่นฆ่าซ่งอิงในสมอง
“พวกเขาไม่ค่อยรู้จักธรรมเนียมปฏิบัติ พี่สาวร่วมตระกูลเอ่ยขึ้นมาขนาดนี้แล้ว ข้าเองก็ไม่อาจไม่กำกับดูแลแทนท่านพ่อข้าได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ให้คุกเข่าขอโทษแล้วกันเจ้าค่ะ” ซ่งซินหัวกล่าว
ตอนที่ 672 อยู่ด้วยกัน
คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนสนิทของบิดานาง นางไม่มีสิทธิ์ลงโทษรุนแรง จึงทำได้เพียงเสนอคำขอโทษเล็กน้อยเช่นนี้
แต่นั่นก็ไม่ใช่เพราะกลัวซ่งอิง หากแต่เพราะ…
ซ่งอิงน่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ไม่ช้าก็เร็วต้องตายในเงื้อมมือเหล่าคนที่อยู่ข้างหลังนาง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ให้คนเหล่านี้คุกเข่าขออภัยล่วงหน้าไว้เสียเลยก็เป็นสิ่งที่พึงกระทำเช่นกัน
ส่วนที่ว่าจะขัดขวางพวกเขา ไม่ให้พวกเขาลงมือสังหาร?
ซ่งซินหัวไม่เคยคิด
นางอายุสิบห้าแล้ว มารดากำลังมองหาคู่ครองให้นาง หากบิดามารดาไม่มีอะไรที่ต้องเป็นกังวลใจและรักทะนุถนอมนางอย่างแท้จริง ก็จะตั้งใจหาที่คนดีๆ ให้นางได้ไปอยู่ร่วมชายคาด้วย หาก…เพียงแค่หลอกใช้กัน เช่นนั้นก็จะหาตระกูลคนที่มีอำนาจสำหรับจวนโหวให้แต่งงานด้วยเพื่อเกี่ยวดองสัมพันธ์
มีซ่งอิงผู้นี้เป็นบทเรียนก่อนหน้า นางไม่กล้านึกมั่นใจในตัวเองเกินไปว่าตนเป็นคุณหนูในตระกูลสูงศักดิ์ที่ไม่อาจมีสิ่งใดมาแทนที่ได้อย่างแท้จริง
คนสนิทเหล่านั้นออกอาการไม่พอใจ แต่ด้วยความเห็นแก่หน้าซ่งซินหัวจึงคุกเข่าลง “ข้าน้อยหุนหันไป ขอคุณหนูอย่าได้ถือสาขอรับ”
“ข้าค่อนข้างเหนื่อยแล้ว ท่านปู่คงตระเตรียมห้องไว้ให้แล้วกระมัง หากมิได้เตรียม ข้าก็จะให้พวกเขาตั้งกระโจมเจ้าค่ะ” ซ่งซินหัวกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“หากเจ้าไม่รังเกียจ พวกเราก็มีห้องให้พักอยู่ได้” ซ่งเหล่าเกินไม่มีภาพความทรงจำดีๆ อันใดเกี่ยวกับคุณหนูผู้นี้
“ตกลง พักที่นั่นแล้วกันเจ้าค่ะ” ซ่งซินหัวกล่าว
เมื่อพูดจบก็เตรียมเดินจากไปทันที ซ่งเหล่าเกินจนใจ จึงพาคนเขาเดินล่วงหน้าไปก่อน
ทว่าซ่งถังหังกลับยื่นมือมาดึงรั้งซ่งอิงไว้ “ไม่เจอท่านพี่ตั้งนาน หังเอ๋อร์คิดถึงท่าน ตอนนี้ยังมีเวลาเหลือเฟือ ท่านพี่พาข้าไปเดินเล่นรอบๆ ดีกว่ากระมัง”
ซ่งอิงมองข้อมือของตน จากนั้นมองซ่งถังหังแล้วหัวเราะ
“พี่สาวร่วมตระกูลก็คือพี่สาวร่วมตระกูล อย่าได้เรียกขานราวกับพี่สาวแท้ๆ จนทำให้คนเข้าใจผิดเอาได้”
“แต่เดิมทีท่านก็เป็น…” ซ่งถังหังมองดูน้อยเนื้อต่ำใจ “ตลอดทางมานี้ข้าเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน ได้ยินว่าธรรมชาติตามชนบทรักษาผู้คนได้ รบกวนท่านพี่ดูแลข้าให้ดีๆ จึงจะถูก”
ซ่งอิงยิ้มเจื่อน
ผ่านไปครู่หนึ่ง พวกเขาก็มาถึงบริเวณที่สองคนพักอาศัย
เป็นเรือนทางด้านบ้านซ่ง บ้านครอบครัวบุตรคนโตมีหลายห้อง ดังนั้นจึงแบ่งออกมาสองห้อง ให้ลูกต๋าไปพักอยู่กับซ่งอิงชั่วคราว
“พี่สาวร่วมตระกูลไม่พักทางด้านนี้หรือ” ซ่งถังหังกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“นางออกเรือนแล้ว ย่อมไม่อาศัยอยู่บ้านฝั่งมารดาเป็นธรรมดา ทว่าที่อยู่ของนางก็ไม่ได้ไกลกันนัก” หัวหน้าตระกูลสกุลซ่งกล่าวออกมาอย่างไม่คิดมาก
“ที่พักที่พี่สาวร่วมตระกูลอยู่อาศัยเป็นอย่างไรหรือ” ซ่งถังหังหาม
“แม่นางฮั่วเป็นแม่นางที่มากความสามารถที่สุดในหมู่บ้านพวกเรา เรือนที่อยู่อาศัยก็ถือว่าโอ่อ่าที่สุดในหมู่บ้านด้วยเช่นกัน” มีคนยิ้มแล้วกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าตามไปพักกับท่านพี่ได้หรือไม่” ซ่งถังหังกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ครั้นเขาเอ่ยถ้อยคำนี้ ทุกคนล้วนตกตะลึง
แม้ว่าหญิงชายมิควรถูกเนื้อต้องตัวกัน แต่ทุกคนล้วนไม่ได้คิดมาก อย่างไรเสียซ่งถังหังผู้นี้ก็เพิ่งอายุสิบสามปี ซ่งอิงอายุสิบเก้าแล้ว อีกทั้ง ซ่งอิงไม่ใช่หลานทางเหล่าซ่งเหล่าเกิน ดังนั้นย่อมมีความสัมพันธ์ทางเครือญาติใกล้ชิดกับจวนโหวมากกว่าหน่อยเป็นแน่ คนเขาอยากพักอยู่ร่วมกันก็ช่วยไม่ได้เช่นกัน
ซ่งซินหัวตั้งสติกลับมาได้ “ถังหัง ว่านอนสอนง่ายหน่อย”
อย่าได้คิดว่าตัวอยู่หมู่บ้านซิ่งฮวาก็จะทำอะไรได้ตามอำเภอใจ
“พี่ห้า ข้าอยากทำความสนิทสนมกับพี่สาวร่วมตระกูลจากใจจริง” ซ่งถังหังพูดจบก็ส่งเสียงกระแอมไอ “อีกทั้ง…ที่นี่อากาศไม่ค่อยระบายดีนัก ข้าคิดว่าเรือนทางด้านพี่สาวร่วมตระกูลผู้นี้น่าจะดีกว่าหน่อย”
เขาอยากรู้ว่าสรุปแล้วซ่งอิงทำอะไรกันแน่ นางมีความสามารถอย่างไรจึงได้กล้าต่อกรกับจวนโหว
หรือกล่าวได้ว่า อยากจะเรียนรู้สักหน่อย
ส่วนที่ว่าชื่นชอบพี่สาวคนโตผู้นี้จากใจจริงหรือไม่ นั่นไม่สำคัญแต่อย่างใด
ซ่งซินหัวมองซ่งถังหังอย่างรังเกียจปราดหนึ่ง “ตามใจเจ้า ขอเพียงเจ้าคิดดีแล้ว หลังกลับไป เจ้าทำอะไรบ้างข้าจะบอกกล่าวท่านพ่ออย่างหมดเปลือก”
สีหน้าซ่งถังหังแข็งทื่อไปเล็กน้อย “พี่ห้าไม่อยากรู้หรือ พวกเราไปพักด้วยกันไม่ดีหรือ”
เหล่าผู้คุ้มกันเตรียมสถานที่พักผ่อนของพวกเขาอยู่ ดังนั้นตอนนี้จึงไม่ได้ติดตามมาด้วย อีกทั้งที่นี่ก็ไม่มีอันตรายอะไร หากคอยตามตลอดเวลาจะเป็นการขัดกับการดำรงชีวิตในชนบทเสียเปล่า
ด้วยเหตุนี้เอง ทั้งสองคนจึงได้พูดคุยอย่างไม่ระมัดระวัง