ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 709 สรรพชีวิตล้วนเท่าเทียมกัน ตอนที่ 710 ใจจริงไม่ปรารถนาแต่ต้องแกล้งทำเป็นพึงพอใจ
- Home
- ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล
- ตอนที่ 709 สรรพชีวิตล้วนเท่าเทียมกัน ตอนที่ 710 ใจจริงไม่ปรารถนาแต่ต้องแกล้งทำเป็นพึงพอใจ
ตอนที่ 709 สรรพชีวิตล้วนเท่าเทียมกัน / ตอนที่ 710 ใจจริงไม่ปรารถนาแต่ต้องแกล้งทำเป็นพึงพอใจ
ตอนที่ 709 สรรพชีวิตล้วนเท่าเทียมกัน
ซ่งอิงเพียงแค่รู้สึกราวกับลูกศรแผงเข้าใจกลางหน้าอก จากนั้นมองเขาอย่างเอือมระอา “ข้าชอบสุนัขจิ้งจอกตัวนั้นจริงๆ…ข้ายินยอมจ่ายเงินซื้อมัน”
“ซ่งอิง เรื่องอื่นข้าตามใจเจ้าได้ ก็แม้แต่เรื่องที่เจ้าคิดจะบำเพ็ญเพียร ข้ายังช่วยตามหาวิถีทางให้เจ้า แต่เรื่องนี้มิได้” ฮั่วเจ้ายวนลุกขึ้นมา “สัตว์ตัวนี้เป็นปีศาจดุร้าย หากไม่ระวังก็จะถูกมันทำร้าย ไม่ใช่ของที่จะมอบให้เจ้าเอาไปเล่นเป็นเรื่องสนุกได้”
“ไมใช่ ข้าเพียงแค่คิดว่าสุนัขจิ้งจอกตัวนี้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับตัวที่ข้าเลี้ยงไว้ที่บ้าน อีกทั้งอาจเป็นญาติของข้าในชั่วชีวิตก่อนที่ผลัดพรากจากกัน ดังนั้น…”
“…” ฮั่วเจ้ายวนเบิกตาโตชั่วขณะ
ที่นางพูดมาเต็มไปด้วยคำเพ้อเจ้อ ฟังไม่ได้สักคำ
“ก็มิใช่ว่า…” ซ่งอิงพูดมาถึงครึ่งหนึ่งก็ถอนหายใจออกมา “ใต้เท้าฮั่ว ข้าไม่เคยเห็นจริงๆ อีกทั้งรู้สึกว่า…สัตว์ตัวนี้ไม่มีทางทำร้ายข้าได้ ดังนั้นจึงอยากเอากลับไปเลี้ยง มีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่า สรรพชีวิตล้วนเท่าเทียมกัน แม้ว่าเป็นปีศาจ แต่ก็มีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตอยู่รอดต่อไปเช่นกันนี่เจ้าคะ”
ซ่งอิงเผยสีหน้าราวกับแม่พระผู้ใจบุญ
ฮั่วเจ้ายวนปรายตาลงมาจ้องมองนาง “เจ้า…เข้าใจคิดดีนี่”
สรรพชีวิตล้วนเท่าเทียมกันก็พูดออกมาแล้ว…
กล่าวว่านางอยากจะกลายเป็นเซียนจนเสียสติไปแล้วยังดีกว่า ได้ยินว่ามีปีศาจจึงอยากจะลองดื่มเลือดปีศาจดูล่ะสิไม่ว่า!
คำพูดนี้ยังน่าเชื่อกว่าคำเหล่านั้นเมื่อครู่เสียอีก!
“…” ซ่งอิงเม้มปาก “เซียงกง…”
วันนี้นางไม่ได้พกยางอายออกมาด้วย ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ขายหน้า เมื่อมีครั้งแรกเกิดขึ้น เดี๋ยวครั้งที่สองก็จะเคยชินไปเอง
ฮั่วเจ้ายวนกระชับกำปั้นเล็กน้อย แววตาสั่นระริก จากนั้นกลับคว้าข้อมือของนางกะทันหัน “เจ้ากล้าเรียกอีกครั้งหรือไม่!”
“เหอะ” ซ่งอิงกลอกตามองบนใส่
“ข้าผิดเองที่คิดจะยั่วยวนหลอกล่อท่าน เพียงแต่ว่าท่านจะดื้อรั้นเช่นนี้ก็ไม่ได้เช่นกันนี่ ท่านดูสิ ท่านเก็บปีศาจตนนี้ไว้ก็เปล่าประโยชน์ ยกให้ข้าทั้งทำเงินได้ อีกทั้งข้ายังได้ช่วยดูแลจัดการแทนด้วย ไม่มีทางทำร้ายประชาชนได้อย่างแน่นอน เช่นนี้ไม่ดีหรอกหรือ” ซ่งอิงเอ่ยพูดอย่างไร้ยางอาย
นางรู้ว่าปีศาจอันตรายสำหรับคนธรรมดาทั่วไป…
แต่จะปล่อยให้ปีศาจของบ้านนางตกอยู่ในมือผู้อื่นไม่ได้หรอก!
ฮั่วเจ้ายวนหงุดหงิด ซ่งอิงจนอึดอัดคับข้องใจไปหมด
“หากเจ้าอยากรู้อยากเห็น ข้าจะให้เจ้ามองดูจากบริเวณไกลๆ ได้ครู่หนึ่ง แต่ไม่อาจให้เจ้าพามันไปได้อย่างแน่นอน” ฮั่วเจ้ายวนกล่าวยืนคำขาด
ซ่งอิงหงุดหงิดใจอย่างยิ่งเช่นกัน
“ข้าเห็นแก่เราสองคนที่มีความสัมพันธ์ดีงามต่อกัน ดังนั้นจึงได้มาพูดกับท่านดีๆ หากท่านไม่ให้ข้า เช่นนั้น…เดี๋ยวมันหายไปแล้ว ท่านก็อย่าโทษข้าแล้วกัน…” ซ่งอิงกล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
ฮั่วเจ้ายวนมุ่นคิ้ว “เจ้ายังคิดจะขโมยด้วยหรือ”
ซ่งอิงหงุดหงิดงุ่นง่านเล็กน้อย
เดินไปมาอยู่กับที่สองก้าว เมื่อสงบจิตสงบใจได้แล้วจึงกล่าว “ข้าจะพูดกับท่านตามจริง ท่านอย่าได้เอาไปแพร่งพรายสู่ภายนอก ตกลงหรือไม่!”
“…” คิดจะแต่งเรื่องอันใดอีกล่ะ
“เรื่องจริงเป็นเช่นนี้ ท่าน คือ…เซียนสวรรค์กลับชาติมาเกิด ส่วนข้าน่ะ ตามจริงเป็นภูตดอกไม้จิ๋วดอกหนึ่งที่บุญกุศลไม่มากพอ เพื่อเลื่อนขั้นจึงลงมาจุติโลกมนุษย์มาปกป้องท่าน หวังว่าหลังจากท่านกลายเป็นเซียนก็จะดึงข้าติดสอยห้อยตามไปด้วย…”
“โลกเซียนสวรรค์ของเรามีความสัมพันธ์อันดีงามกับโลกปีศาจเชียวละ! และปีศาจน้อยตนนี้ ความจริงนางเป็นองค์หญิงของเผ่าสุนัขจิ้งจอก! หากท่านจับมันไว้ หรือถึงขั้นทำมันตาย ก็จะมีความเป็นไปได้สูงที่ทำให้เกิดสงครามระหว่างสองเผ่าพันธุ์ในภายภาคหน้า!”
“…” ฮั่วเจ้ายวนรู้สึกถึงโลหิตที่อัดอั้นอยู่ในใจ
“เจ้าไม่ไปเล่านิทาน ช่างน่าเสียดายจริงๆ” ฮั่วเจ้ายวนกล่าวอย่างหงุดหงิด
“ที่ข้าพูดเป็นความจริงนะเจ้าคะ! มิใช่ว่าท่านไม่เชื่อข้ากระมัง” ซ่งอิงเผยท่าทีประหลาดใจ “เอาเช่นนี้แล้วกัน ท่านไปถามปีศาจจิ้งจอกตัวนั้นก็ได้ ก็ถามนางว่า ท่านมีบุญกุศลอันใหญ่หลวงอย่างเซียนสวรรค์ติดตัวใช่หรือไม่ ข้ากล้ารับประกันได้เลยว่า มันจะต้องร้องขอให้เซียนผู้ยิ่งใหญ่อย่างท่านไว้ชีวิตเป็นแน่!”
“…” เขาไม่เชื่อ
เขาถึงขั้นว่าไม่ค่อยอยากฟังนางพูดแล้วด้วย
แม้ว่าน้ำเสียงเสนาะหู แต่ทุกถ้อยคำที่กล่าวออกมาล้วนอยากทำให้เขาจับซ่งอิงโยนออกไปเสีย
“มิใช่ว่าท่านกลัวปีศาจจิ้งจอกตัวนั้นจึงไม่กล้าไปถามหรอกกระมัง!” ซ่งอิงกะพริบตาปริบๆ “ข้ากล้าพนันกับท่าน หากปีศาจจิ้งจอกตนนั้นไม่พูดว่าท่านมีแสงทองประกายระยิบระยับติดตัว ถือเป็นเซียนสวรรค์ที่เก่งกาจอย่างยิ่งผู้หนึ่ง เช่นนั้นข้า…ก็จะคุกเข่าและโขกศีรษะรับผิดให้ท่านสามครั้ง!”
ตอนที่ 710 ใจจริงไม่ปรารถนาแต่ต้องแกล้งทำเป็นพึงพอใจ
‘ความซื่อตรง’ ของซ่งอิง ทำให้ฮั่วเจ้ายวนนึกสงสัยขึ้นมาบ้าง ในขณะเดียวกันก็รู้สึกโมโหจนอยากจะหัวเราะ
“ให้เจ้าคุกเข่าโขกศีรษะ ข้าเกรงว่าตัวข้าจะไม่มีวาสนานั้นเสียมากกว่า” ฮั่วเจ้ายวนยิ้มเยาะหยัน “เจ้ามีความสนใจต่อปีศาจสุนัขจิ้งจอกเช่นนี้ ไม่กลัวบ้างหรือว่ามันจะคลุ้มคลั่งงับคอของเจ้าขึ้นมากะทันหัน”
“สัตว์เดรัจฉานเท่านั้นจึงจะคลุ้มคลั่งได้ ปีศาจไม่มีทางเป็นเช่นนั้น” ซ่งอิงคลี่ยิ้มกว้าง “ใต้เท้าฮั่ว ท่านเป็นเซียนสวรรค์กลับชาติมาเกิด ดังนั้นยิ่งไม่ต้องกลัว”
นางจำได้ว่าตอนแรกที่อยู่ในหมู่บ้านสือโถวแห่งนั้น ครั้นฮั่วเจ้ายวนปรากฏตัว ปีศาจปลาดุกก็นิ่งงันไป
เพียงแต่ตอนนั้นนางไม่รู้ว่าฮั่วเจ้ายวนเป็นเซียนสวรรค์ที่เปี่ยมไปด้วยบุญกุศลอันใหญ่หลวงกลับชาติมาเกิด จึงไม่ได้คิดอะไรมากมาย
ตอนนี้คิดๆ ดูแล้ว ปีศาจที่กระทำบาปโดยการฆ่าคนอยู่ต่อหน้าเซียนสวรรค์ระดับนี้ ย่อมไม่อาจสู้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย!
“ตกลง ข้าจะไปถามดูเดี๋ยวนี้แหละ หากมันไม่ได้พูดอย่างเช่นที่เจ้ากล่าว เช่นนั้นเจ้าจำเป็นต้องล้มเลิกความนึกคิดนี้ไปเสียและอยู่ให้ห่างปีศาจตัวนี้ไว้” ฮั่วเจ้ายวนมองดวงตาที่ทอประกายระยิบระยับคู่นั้นของซ่งอิง สุดท้ายก็ไม่อาจต้านทานความยั่วยวนนั้นเอาไว้ได้
เขาเลือกที่จะเบนสายตาหนีแววตาของซ่งอิงในทันที
“วันนี้ดึกแล้ว ไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน” ฮั่วเจ้ายวนกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ซ่งอิงพยักหน้า “รบกวนใต้เท้าฮั่วจัดเตรียมห้องรับรองแขกให้ข้าสักห้องนะเจ้าคะ”
ฮั่วเจ้ายวนได้ยินคำว่าห้องรับรองแขกก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก เพียงแต่ว่าเมื่อคิดอย่างละเอียดก็พยักหน้าตกลง พักอยู่ที่ห้องรับรองแขกก็ดี หากเข้าไปพักอยู่เรือนเดียวกับเขา เกรงว่าเขาคงได้โมโหจนไม่อาจได้เห็นดวงตะวันของวันพรุ่งนี้อีกแล้ว
ในจวนมีเรือนรับรองแขกมากมาย ฮั่วเจ้ายวนให้คนไปจัดเตรียมไว้ให้ซ่งอิงหนึ่งห้อง อีกทั้งเกรงว่านางอยู่คนเดียวจะไม่สะดวกสบาย จึงจัดหาสาวใช้มาให้อีกสองคน
“ใต้เท้า พวกท่านสองคนนานๆ ทีจะได้เจอกันสักครั้ง ไฉนจึงให้นางไปอยู่เรือนรับรองแขกเล่าขอรับ!” ฮั่วซื่อเซี่ยงประหลาดใจ “คนผู้นี้อุตส่าห์เป็นฝ่ายมาถึงที่แล้วนะขอรับ!”
“เงียบไปเลย!” ฮั่วเจ้ายวนสบถฮึ
“ใต้เท้า ท่านทำเช่นนี้ ต่อให้ใช้ทั้งชีวิตก็คงจีบหญิงสาวที่อยากได้ไม่ติดหรอกขอรับ” ฮั่วซื่อเซี่ยงยังคงเผยสีหน้ากระวนกระวายใจเช่นเดิม “หญิงสาวไม่ว่าตระกูลไหนๆ ก็ขี้อายกันทั้งนั้น และจะอย่างไรก็คงไม่ดีนักกระมังหากจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากอยากร่วมห้องเดียวกัน ดังนั้นถ่อมาไกลขนาดนี้ก็คงเพื่อให้ท่านเป็นฝ่ายเข้าหานะขอรับ…”
“…” ใช่อย่างที่เขาว่าหรือ!
ไฉนเขาจึงรู้สึกว่าไม่น่าใช่
“นางบอกว่านางอยากเลี้ยงปีศาจ ท่านก็เชื่อหรือ! หญิงปกติมีใครเขาทำกันเยี่ยงนี้หรือขอรับ ดังนั้น…นี่ล้วนเป็นข้ออ้างทั้งสิ้น!” ฮั่วซื่อเซี่ยงกล่าวอีกครั้ง
ฮั่วเจ้ายวนเลิกคิ้วเล็กน้อย
ดูเหมือนจะจริงอย่างที่เขาว่า
“นางก็ไม่ใช่หญิงทั่วไปนี่ ก่อนหน้านี้ยังคิดอยากกลายเป็นเซียนอยู่เลย” แล้วการเลี้ยงปีศาจจะแปลกตรงไหน
“ใต้เท้า ท่านยังคงไร้เดียงสาเกินไปจริงๆ นี่คือการแสดงออกทำนองว่าใจจริงไม่ปรารถนา แต่ต้องแกล้งทำเป็นพึงพอใจ ทำให้ท่านไม่อาจลืมเลือนนางได้ ท่านลองคิดดูนะขอรับ ฐานะตัวตนท่านก็ไม่ใช่ธรรมดา บางทีนางอาจนึกว่าท่านเพียงแค่หยอกนางเล่น ดังนั้นจึงได้ไม่กล้าจริงจังกับท่านอย่างไรเล่าขอรับ”
“ความหมายของเจ้าคือ…” แม้ว่าฮั่วเจ้ายวนรู้สึกว่ามีบางอย่างพิลึกชอบกล แต่ก็คิดไม่ออก
“ข้าหมายความว่า ค่ำคืนนี้ท่านควรไปเผด็จศึกนางขอรับ” ฮั่วซื่อเซี่ยงเผยสีหน้าจริงจัง
ฮั่วเจ้ายวนขมวดคิ้ว “ไม่อาจทำลายชื่อเสียงของสตรีได้ อย่าเที่ยวพูดจาเหลวไหล”
“เช่นนั้นท่านก็ทำได้เพียงรอคอยแล้วละขอรับ ข้าว่าฮั่วฮูหยินท่านนี้ไม่ใช่คนที่มีความอดทนสูงนัก ไม่แน่ว่าเห็นปลาไม่ติดเบ็ดก็จะหันไปหาปลาใหญ่ตัวอื่นแทน อีกทั้งปลาที่แหวกว่ายอยู่ข้างตัวนางก็มากมายเสียด้วย…” ฮั่วซื่อเซี่ยงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล ในเมื่อเป็นเช่นนี้…” ฮั่วเจ้ายวนตวัดสายตามองเขาปราดหนึ่ง “คืนนี้เจ้าก็ไม่ต้องนอนแล้ว ไปในบ่อน้ำช้อนปลาตัวใหญ่ๆ ขึ้นมาจำนวนหนึ่ง พรุ่งนี้จะได้เอาไปทำอาหารให้แขกกิน”
เมื่อพูดจบ ก็ทิ้งฮั่วซื่อเซี่ยงที่ยืนแข็งทื่ออยู่ที่เดิม
ฮั่วซื่อเซี่ยงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ใต้เท้าตระกูลเขาก็คือคนโง่เขลาดีๆ นี่เอง!
คนอุตส่าห์พูดเป่าหู ไม่นึกเลยว่าจะไม่เชื่อฟังที่เขาก็โน้มน้าว จบกัน เลิกคิดไปได้เลยว่าชั่วชีวิตนี้จะได้แต่งภรรยา!