ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 71 ไม่เหมือนกับร้านอื่น ตอนที่ 72 เจรจาราคา 1
ตอนที่ 71 ไม่เหมือนกับร้านอื่น
ซ่งอิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่ว่าอะไรก็รับ เช่นนั้นก็ดีไปเลย
“นำบ๊ะจ่างจำนวนหนึ่งมาให้ผู้ดูแลร้านลองดูก่อนเจ้าค่ะ หากผู้ดูแลร้านถูกใจ พรุ่งนี้เป็นต้นไปข้าทำมาส่งให้จำนวนมากขึ้นหน่อยได้เจ้าค่ะ” ซ่งอิงบอกกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“บ๊ะจ่าง?” เสี่ยวเอ้อร์ได้ยินดังกล่าว หัวเราะขึ้นมาเล็กน้อย “แม่นาง เห็นแก่ที่เจ้าต้องเลี้ยงดูเด็กน้อยซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายดาย ข้าบอกตามจริงกับเจ้าเลยแล้วกัน ตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อนก็เริ่มมีคนนำบ๊ะจ่างมาส่งที่ร้านเราแล้ว เจ้ามาช้าเกินไป แม้ว่าร้านของเราจะมีลูกค้าเยอะมาก แต่เลือกเอาไว้แล้วสองสามร้าน ต่อให้ตอบรับเจ้า วันวันหนึ่งก็ต้องการบ๊ะจ่างทางด้านเจ้าไม่กี่ชิ้นเท่านั้นละ ข้าว่าเจ้าเอาไปขายตามถนนด้วยตัวเองจะดีเสียกว่า”
ภัตตาคารของพวกเขายุ่งยิ่ง และบ่อยครั้งที่ต้องนำเสนอรายการอาหารใหม่ๆ
ของอย่างบ๊ะจ่างประเภทนี้เปลืองแรงและเสียเวลา พ่อครัวจึงไม่ทำ ก็เลยรับเอามาจากภายนอก ไม่เพียงแค่บ๊ะจ่าง ต่อให้เป็นบัวลอยในช่วงเทศกาลโคมไฟ[1] ขนมไหว้พระจันทร์ของเทศกาลไหว้พระจันทร์ และกุนเชียงของเทศกาลฉลองปีใหม่ ก็เฟ้นหาบรรดาร้านดีๆ สองสามร้านรับซื้อเข้ามาทั้งนั้น
ด้วยเหตุฉะนี้ ทุกวันตั้งแต่ฟ้าสาง ประตูหลังบานนี้ก็แบ่งออกเป็นคนสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือมาส่งสินค้า อีกกลุ่มหนึ่งคือมาขอให้รับซื้อสินค้าตัวใหม่
“ขอบคุณพี่ชายที่บอกกล่าวกันเจ้าค่ะ ทว่ารบกวนท่านช่วยเรียนเชิญผู้ดูแลร้านมามองดูเสียหน่อยเถิดนะเจ้าคะ รสชาติบ๊ะจ่างของร้านข้าไม่เหมือนร้านอื่นแน่นอน เป็นบ๊ะจ่างทองคำ สีสันน่ารับประทานและรสชาติกลมกล่อมยิ่งกว่าร้านไหนๆ…เอาแบบนี้แล้วกัน ท่านนำบ๊ะจ่างชิ้นหนึ่งไปให้ผู้ดูแลร้านลองชิมเสียหน่อยนะเจ้าคะ” ซ่งอิงหยิบยื่นบ๊ะจ่างชั้นยอดเยี่ยมชิ้นหนึ่งส่งให้
ภูตโสมมองบ๊ะจ่างชิ้นนั้นอย่างปวดใจ
นั่นเป็นถึงบ๊ะจ่างที่มีพลังหลิงชี่เชียวนะ!
หลังกินเข้าไปแล้วจิตใจและสติปัญญาจะแจ่มใส
แม้ว่าซ่งอิงใส่หมวกอยู่ แต่ช่วยไม่ได้ที่น้ำเสียงของนางไพเราะอย่างยิ่ง ฟังดูแล้วอายุยังไม่มาก และลักษณะดูน่าสงสารของภูตโสมที่เกิดจากความเสียดายบ๊ะจ่างนั่น มองแล้วยิ่งดูน่าเอ็นดูสุดๆ เสี่ยวเอ้อร์จึงเกิดความใจอ่อนขึ้นมาเล็กน้อยเช่นกัน ครุ่นคิดชั่วครู่ แล้วจึงกล่าว “ก็ได้ เช่นนั้นเจ้ารอตรงนี้แล้วกัน!”
เขาถือบ๊ะจ่าง เดินเข้าไปด้านในทันที
เสี่ยวเออร์ผู้นั้นก็ไม่กล้าไปหาผู้ดูแลร้านเช่นกัน ทำเพียงไปหาหัวหน้าจ้าว เบื้องหลังผู้ซื้อหาวัตถุดิบของห้องครัว
“ไยจึงเป็นบ๊ะจ่างอีกแล้วล่ะ บอกคนผู้นั้นไป ไม่รับบ๊ะจ่างแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าที่ไหนก็มีของสิ่งนี้เต็มไปหมด มีอะไรน่าพิเศษหรือ” หัวหน้าจ้าวส่ายศีรษะทันทีทันใด
“แม่นางผู้นั้นดูค่อนข้างน่าสงสาร แล้วยังให้นำบ๊ะจ่างชิ้นหนึ่งมาให้ท่านลองชิมดูด้วย” เสี่ยวเอ้อร์บอกกล่าว “ดมดูก็หอมดีทีเดียว ดูเหมือนเป็นบ๊ะจ่างที่แตกต่างจากร้านอื่นๆ”
“หอม?” หัวหน้าเจ้าหัวเราะ ก่อนถอนหายใจออกมา แล้วรับบ๊ะจ่างเอาไว้
ภัตตาคารเย่ว์เฟิงของพวกเขาเป็นสาขาที่แยกย่อยมาจากทางด้านเมืองยง ระเบียบปฏิบัติเคร่งครัด ผู้ดูแลร้านมีคำสั่งไว้ว่า จะเมินเฉยต่อชาวบ้านสามัญชนไม่ได้ ดังนั้นโดยทั่วไปเมื่อมีคนมาขายสินค้า จะต้องปฏิบัติอย่างให้ความเห็นอกเห็นใจ
ดังนั้นเรื่องชิมคงต้องชิมสักหน่อย
หัวหน้าเจ้าสูดดมตามสัญชาตญาณ อดนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ไม่ได้
กลิ่นนี้แตกต่างออกไปจริงๆ ด้วย
จากนั้นลงมือแกะห่อบ๊ะจ่าง…
“เหตุใดบ๊ะจ่างนี้จึงเป็นสีเหลืองทอง” ผู้ดูแลเจ้าตาลุกวาว แล้วรีบกัดกินคำเล็กเข้าไปหนึ่งคำ “เยี่ยม! ข้าวเหนียวหอมนุ่ม กัดเข้าไปแล้วได้รสหวานเนื้อเนียนละเอียด ยิ่งไปกว่านั้นความหอมสดใหม่ของใบหลูนี้เด่นชัดยิ่ง ไม่รู้เช่นกันว่าใส่อะไรลงไป…”
ไม่ว่าใส่อะไรลงไป ภัตตาคารเย่ว์เฟิงของพวกเขานี้ได้แต่ประหลาดใจ หนำซ้ำยังดูไม่ง่ายต่อการเลียนแบบอีกด้วย
“อร่อยหรือขอรับ ฉะนั้นท่านต้องการเจอหน้าค่าตาแม่นางผู้นั้นหน่อยหรือไม่” เสี่ยวเอ้อร์อดดีใจไม่ได้เช่นกัน
“เอาสิ! ไปเชิญคนเขาเข้ามาพูดคุยกัน” หัวหน้าเจ้าบอกกล่าวทันควัน
แม้กล่าวว่าเป็นเพียงบ๊ะจ่างชิ้นหนึ่ง แต่ต้องเข้าใจว่าบ๊ะจ่างที่เรานั้นรับซื้อจากร้านอื่น รสชาติก็เป็นเพียงรสชาติธรรมดาทั่วไป ไม่ค่อยแตกต่างอะไรจากร้านอื่นเท่าไหร่นัก อย่างมากสุดก็คือรูปลักษณ์ที่ห่อหุ้มดูดีกว่าหน่อย และใช้ข้าวเหนียวคุณภาพดีกว่าหน่อยก็เท่านั้นเอง
ทว่าบ๊ะจ่างนี้แตกต่างออกไป รสชาติประหลาดหากินได้ยาก อีกทั้งสีสันยังมีความพิเศษเช่นนี้
ควรค่าแก่การเอามาประดับไว้ในช่วงเทศกาลนี้ หากนำเสนอบ๊ะจ่างออกไป จะต้องได้รับความนิยมมากเป็นแน่!
หลังซ่งอิงเข้าไปในร้าน หัวหน้าจ้าวขมวดคิ้วเล็กน้อย “แม่นางเหตุใดจึงสวมหมวกไม่แสดงตน? ภัตตาคารเย่ว์เฟิงของพวกเรามีระเบียบปฏิบัติ โดยทั่วไปการซื้อขายล้วนต้องรู้จักตัวตนให้ชัดเจน…”
ตอนที่ 72 เจรจาราคา 1
ประเด็นนี้ไม่ได้สร้างความลำบากใจให้หัวหน้าจ้าวแต่อย่างใด อย่างไรเสียก็เป็นการทำกิจการที่ต้องไปมาหาสู่กัน หากคนที่ร่วมกิจการเป็นผู้หนีความผิดมา มิเช่นนั้นไม่เท่ากับเป็นสนับสนุนผู้กระทำผิดหรอกหรือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นการร่วมการค้าขายระยะยาว จะต้องลงนามสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจน จึงจำเป็นต้องมั่นใจว่าตัวตนตรงกับทะเบียนสำมะโนครัวถึงจะได้เรื่อง
แน่นอนว่า นี่เป็นการควบคุมที่เคร่งครัดของภัตตาคารเย่ว์เฟิงพวกเขา หากเป็นร้านอื่น คงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้
ซ่งอิงเข้าใจได้เช่นกัน จึงถอดหมวกออกอย่างไม่ลังเลใจ
ครั้นถอดหมวกออก ใบหน้าซ่งอิงนี้สร้างความตระหนกตกใจให้หัวหน้าจ้าวและเด็กหนุ่มเสี่ยวเอ้อร์ผู้นั้นทันที
จากนั้นไม่ทันไร หัวหน้าจ้าวก็พบว่าตนมีปฏิกิริยาโต้ตอบที่ไม่ค่อยเหมาะสม จึงรีบกล่าว “แม่นางขออย่าถือสา ข้าเพียงแต่คิดไม่ถึงว่าแม่นางจะ…”
“ข้าเข้าใจได้เจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าท่านนามว่าอันใดหรือ” ซ่งอิงกล่าวสวนออกไปทันที
“ข้าแซ่จ้าว นามหวยจื้อ เป็นหัวหน้าผู้ดูแลเรื่องการจับจ่ายซื้อของในภัตตาคารเย่ว์เฟิง” หัวหน้าจ้าวบอกกล่าวทันควัน
ซ่งอิงพยักหน้า “ข้า…ครอบครัวมารดาแซ่ซ่งเจ้าค่ะ”
หัวหน้าเจ้ามองนางแวบหนึ่ง เห็นมวยผมอย่างสตรีที่ออกเรือนแล้วบนศีรษะนาง กลับไม่แนะนำตัวเองโดยอาศัยแซ่ของครอบครัวสามี นั่นคงหมายความว่าไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วเป็นแน่ หากไม่ใช่หย่าร้างก็คงเป็นเพราะสามีเสียชีวิตแล้ว เลยไม่ถามไถ่อะไรมากมายเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นหญิงสาวผู้นี้ก็ยังดูเยาว์วัย จึงแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่รู้ประสีประสา เอ่ยเรียกขานอย่างให้ความเกรงใจ “แม่นางซ่ง”
ซ่งอิงสวมหมวกกลับไปดังเดิมอีกครั้ง จะได้ไม่ทำให้คนอื่นมองดูแล้วขัดตา
”ผู้ดูแลจ้าว ไม่ทราบว่าพอจะรับบ๊ะจ่างของข้านี้เอาไว้ได้หรือไม่เจ้าคะ” ซ่งอิงกล่าว
“รับสิ!” ผู้ดูแลจ้าวส่งเสียงตอบรับทันควัน “บ๊ะจ่างของแม่นางทำได้อย่างมีความแตกต่างยิ่ง เป็นของที่ภัตตาคารพวกเราต้องการอยู่พอดี ไม่ทราบว่าบ๊ะจ่างเช่นนี้เจ้านำมาจำนวนกี่ชิ้นหรือ พวกเราเหมาหมดเลย หากสะดวก หลังจากนี้บ๊ะจ่างแบบนี้พวกเราก็ขอรับไว้ทั้งหมดเช่นกัน มีเท่าไหร่เอาเท่านั้น”
“ผู้ดูแลจ้าว ที่ท่านเพิ่งกินเมื่อครู่เป็นบ๊ะจ่างทองคำชั้นยอด รสชาติดีที่สุด ที่ข้ามีอยู่เพียงยี่สิบกว่าชิ้นเท่านั้น หลังจากนี้ทุกวันก็ทำมาส่งให้ได้เพียงแค่วันละหนึ่งร้อยชิ้น ส่วนบ๊ะจ่างทั่วไปวันนี้ยังมีอีกหนึ่งร้อยกว่าชิ้น พรุ่งนี้เป็นต้นไป เพิ่มปริมาณขึ้นได้เจ้าค่ะ” ซ่งอิงบอกกล่าว
ผู้ดูแลจ้าวขมวดคิ้วหลังได้ยินคำพูดดังกล่าว
เหลือเพียงยี่สิบกว่าชิ้นเองหรือ
เช่นนั้นจะเพียงพอได้อย่างไร
ภัตตาคารเย่ว์เฟิงไม่ได้มีเพียงร้านเดียว ทางด้านเมืองยงนั่นเป็นร้านหลัก อำเภอโดยรอบก็แบ่งแยกสาขาออกไปหลายร้าน ลูกค้าที่ต้องต้อนรับขับสู้ในแต่ละวันก็มีจำนวนไม่ชัดเจน บ๊ะจ่างจำนวนแค่นี้ ไม่พอยาขี้ฟันด้วยซ้ำไป
“แม่นางซ่ง บ๊ะจ่างที่ดีงามเพียงนี้ หากปริมาณน้อยเกินไป เกรงว่าเอามาขายไม่ได้น่ะสิ?” ผู้ดูแลจ้าวกล่าว
“ท่านผู้ดูแล จำนวนบ๊ะจ่างนี้ไม่ถือว่าน้อยแล้วละเจ้าค่ะ บ๊ะจ่างธรรมดาท่านต้องการจำนวนเท่าใด ข้าจัดให้ได้ตามต้องการ แต่ละชิ้นมีสีทองอร่าม ข้าวเหนียวนุ่มหอมหวานเช่นกัน ส่วนชิ้นอันมีเอกลักษณ์ที่ท่านเพิ่งกินเมื่อครู่ มีความหอมสดชื่น ของดีๆ ประเภทนี้…จะให้มีวางขายเกลื่อนกลาดทั่วไปมิได้นะเจ้าคะ…” ขณะส่งเองพูด ก็นำบ๊ะจ่างธรรมดาหยิบออกมาหนึ่งชิ้น ให้ผู้ดูแลเจ้าลองดู
ผู้ดูแลจ้าวปรายตามองแวบหนึ่ง ค้นพบว่าบ๊ะจ่างนี้รูปลักษณ์ภายนอกไม่ค่อยแตกต่างอะไรมากนัก แต่เมื่อแกะออกดู สีสันด้านไหนก็ดูดีเป็นอย่างยิ่งจริงๆ เพียงแต่ขาดความหอมสดชื่นเป็นพิเศษประเภทนั้น
กัดกินเข้าไปหนึ่งคำ…
รสชาติดีเยี่ยมเช่นกัน อย่างน้อยรสชาติข้าวเหนียวก็อ่อนนุ่มกว่าบ๊ะจ่างเจ้าอื่น ถือว่าเป็นบ๊ะจ่างระดับกลาง
แต่หลังลิ้มชิมรสบ๊ะจ่างเมื่อครู่ ก็รู้สึกว่าบ๊ะจ่างเช่นนี้ ขาดรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ไปหน่อย
ทว่าผู้ดูแลจ้าวก็ไม่ใช่คนโง่เขลาเช่นกัน
สีเหลืองทองอร่ามเช่นนี้ ก็เป็นจุดขายที่ดีงามอย่างยิ่งแล้ว แม้ว่าจากที่แม่นางซ่งอิงบอกกล่าว นี่เป็นบ๊ะจ่างธรรมดาทั่วไป แต่สำหรับผู้อื่นไม่ใช่เช่นนั้น ส่วนชนิดที่กินเมื่อครู่นี้…นำมาเป็นตัวชูโรงในการชักนำชวนซื้อก็ได้เช่นกัน
“บ๊ะจ่างของแม่นางขายราคาเท่าใดหรือ” ผู้ดูแลเจ้ายิ้มตาหยีแล้วเอ่ยพูด
“นับแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ที่ข้าจะมีบ๊ะจ่างสี่ชนิด บ๊ะจ่างถั่วแดงพุทราน้ำผึ้ง บ๊ะจ่างไข่แดง บ๊ะจ่างเนื้อหมูเกาลัด รวมไปถึงบ๊ะจ่างทองคำน้ำผึ้งชั้นยอดเยี่ยม ราคาก็แตกต่างกันออกไป หากเป็นราคาขายปลีก บ๊ะจ่างไส้ถั่วแดงสองอีแปะ บ๊ะจ่างไข่แดงสี่อีแปะ บ๊ะจ่างไส้เนื้อหมูเจ็ดอีแปะ บ๊ะจ่างทองคำน้ำผึ้งชั้นยอดอย่างน้อยๆ ก็ยี่สิบอีแปะเจ้าค่ะ”
[1] เทศกาลโคมไฟ (元宵) คือวันที่ 15 ของเดือน 1 ตามปฏิทินจันทรคติ นิยมรับประทานบัวลอยในวันดังกล่าว