ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 733 ไม่กินคน ตอนที่ 734 หนึ่งเดียวใต้หล้า
ตอนที่ 733 ไม่กินคน / ตอนที่ 734 หนึ่งเดียวใต้หล้า
ตอนที่ 733 ไม่กินคน
เมื่ออีกฝ่ายพูดเยี่ยงนี้ อวี๋ชิงก็สบายใจขึ้นมาก
เข้ามีเงินใช้เหลือเฟือ หากสถานที่แห่งนี้ราคาถูกเกินไป เช่นนั้นย่อมไม่มีอะไรน่าสนใจเป็นแน่
เขาจึงจ่ายเงินออกไปอย่างมีความสุขสุดๆ
ดูเหมือนซ่งอิงกำหนดราคาเข้าชมสถานที่ไม่แพง แต่ในความเป็นจริงทำเงินได้มหาศาล ปีนี้ต้องมีบุตรหลานตระกูลผู้ร่ำรวยเหล่านั้นออกมาเที่ยวเล่นที่นี่เป็นจำนวนไม่น้อยแน่ ซึ่งในบรรดาคนเหล่านั้นก็จะพาข้ารับใช้ชายหญิงติดตามมาด้วย ถึงขั้นว่ายังจะมีบางส่วนที่ยกโขยงมากันทั้งครอบครัว คนในครอบครัวและข้าทาสรวมๆ กันแล้วก็คงมีจำนวนสิบยี่สิบคน
หากตั้งราคาสูงเกินไปแล้วยังจะมีสักกี่คนที่ยินยอมพาข้าทาสติดตามออกมาด้วย
ผิดกับตอนนี้ แม้กำหนดราคาในระดับทั่วไป แต่หลังเข้ามาในสวน ข้ารับใช้ทั้งหลายก็ต้องกินดื่มและพักค้างแรมกันที่นี่ เมื่อมีหลายคนก็ต้องพักเรือนขนาดใหญ่โต ต่อให้นำอาหารมาเอง ลำพังเรือนที่พักก็ทำรายได้ครอบคลุมส่วนของอาหารการกินได้แล้ว
“ซ่งสวิน เจ้าควรออกมาเดินเล่นตั้งนานแล้ว เพราะพวกเราใกล้สอบกันแล้ว ดังนั้นจึงยิ่งต้องออกมาชมทิวทัศน์สักหน่อย พวกเราทุกคนอาศัยทิวทัศน์ที่นี่แสดงความสามารถให้เต็มที่ นั่นยังดีกว่าเอาแต่ถลึงตาจ้องตำราอยู่ในสถานศึกษาเสียอีก” อวี๋ชิงเห็นซ่งสวินที่มีท่าทีนิ่งเงียบสุขุม จึงอดกล่าวขึ้นมาไม่ได้
“พี่อวี๋ พี่ซ่งเป็นคนประหยัดมาแต่ไหนแต่ไร สถานที่แห่งนี้มองปราดเดียวก็รู้ว่าต้องใช้จ่ายเงินไม่น้อย เสียดายเงินเกินกว่าจะมาก็เป็นเรื่องปกติเช่นกัน” อีกคนหนึ่งกล่าว
ถ้อยคำนี้ไม่ใช่การเหน็บแนมซ่งสวิน หากแต่เป็นการพูดตามความจริงเท่านั้นเอง
จะว่าไปสถานะครอบครัวซ่งสวินก็ดูเหมือนไม่ได้แย่นัก บ้านอยู่ในชนบท แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นญาติกับเจ้าของกิจการร้านเซียนเส้อแห่งนั้นอยู่ด้วย
อีกทั้ง คนเขาเช่าบ้านที่อยู่ใกล้สถานศึกษา บ้านเรือนแถวนั้นราคาแพงเสียยิ่งกว่าอะไร
ดังนั้นจึงกล่าวว่าซ่งสวินเสียดายเกินกว่าจะใช้เงิน หลักๆ เพราะเขาตระหนี่ถี่เหนียวจริงๆ ตัวอย่างเช่นกระดาษที่เขาฝึกคัดตัวอักษรในแต่ละวัน มักจะใช้ของที่คุณภาพแย่สุด ซึ่งนี่ยังไม่เท่าไหร่ เพราะเขาใช้กระดาษหนึ่งแผ่นโดยพลิกแล้วพลิกอีก ต้องใช้จนกว่าจะไม่เหลือที่ให้จรดปลายพู่กันลงไปแล้ว
ต่อให้เป็นซิ่วฉายที่ยากจนแร้นแค้นจริง ก็ไม่ได้คิดเยอะปานเขา
“พวกเจ้าก็เลิกล้อเขาได้แล้ว” ลู่ข่ายยิ้มเล็กน้อย จากนั้นสายตาพลันชะงักงัน “นั่นคืออะไร”
บางอย่างแวบผ่านหน้าไป จากนั้นจู่ๆ ก็มองเห็นเงาร่างสีเทาเงินกระโดดจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่ง
ทุกคนรีบหันไปมอง จึงเห็นลิงตัวเล็กงดงามสองตัวกำลังหยอกล้อกันอยู่บนต้นไม้พอดี
“นี่คือลิงอะไร สีสันทั้งตัวดูงดงามมากจริงๆ ไม่นึกเลยว่ายังสะอาดสะอ้านเช่นนี้อีกด้วย” อวี๋ชิงตาลุกวาว รู้สึกชื่นชอบไม่น้อย
ขึ้นชื่อว่าสัตว์ ส่วนใหญ่ล้วนสกปรกมอมแมม แต่ตัวที่อยู่บนต้นไม้นั่นต่างออกไป มันมีพวงดอกไม้บนหัว ถือกล้วยป่าอยู่ในมือ มองดูงดงามยิ่งกว่าแม่นางน้อยเสียอีก!
ลิงตัวนี้กระโดดไปมา จากนั้นไม่ทันไรก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของมันเสียแล้ว
ทุกคนออกจะผิดหวังเล็กน้อย
ดีที่บริเวณใกล้ๆ มีดอกไม้ใบหญ้าไม่เลวเช่นกัน…
บรรดาผู้เข้าชมหาบริเวณบ้านพักจนเจอตามคำแนะนำเพื่อเข้าที่พักก่อนเป็นอันดับแรก ในเมื่อมาเยือนทั้งทีก็ต้องเลือกที่พักอย่างดีที่สุดเป็นธรรมดา
“แขกผู้มาเยือนอยากจะชมสัตว์หรือชมพืชพันธุ์ดีเจ้าคะ เรือนของทางด้านนี้บริเวณโดยรอบปลูกดอกไม้หลากสีสันเอาไว้เป็นหลัก ส่วนเรือนทางด้านนี้ติดกับเขตที่สัตว์ป่าดำรงชีวิต ทิวทัศน์สองแถบไม่เหมือนกันเจ้าค่ะ” ปีศาจหนูยิ้มตาหยีบอก
ใครบ้างไม่เคยเห็นดอกไม้ มาถึงที่นี่ย่อมต้องมาเพื่อดูสัตว์อยู่แล้วสิ!
“จองหลังนี้ บนนี้เขียนเอาไว้ด้วยว่ามองเห็นเสือโคร่งได้ใช่หรือไม่ เช่นนั้นก็เอาเรือนนี้ละ” อวี๋ชิงกล่าวอย่างองอาญหาญกล้า
“พี่อวี๋ เกิดเสือตัวนี้คลุ้มคลั่งขึ้นมาจะทำอย่างไร” คนที่อยู่ด้านหลังอดเอ่ยถามไม่ได้
สีหน้าอวี๋ชิงเปลี่ยนไปเช่นกัน จากนั้นมองแม่นางตรงหน้า
แม่นางน้อยคลี่ยิ้มกว้าง “ไม่มีทางเกิดขึ้นได้แน่นอนเจ้าค่ะ อีกทั้งเพื่อให้แขกผู้มาเยือนวางใจ สถานที่ของเรือนที่พักกับเขตสัตว์ป่าจึงกั้นกลางด้วยธารน้ำเล็กๆ สายหนึ่ง ตราบใดที่พวกท่านไม่ว่ายน้ำข้ามไปเอง ก็จะไม่ปรากฏเหตุการณ์เสือโผล่มาอยู่ตรงหน้าใกล้ๆ เป็นแน่ นอกจากนั้น ในบริเวณที่พักของพวกท่านยังมีอาจารย์ฝึกฝนสัตว์ป่าอยู่ด้วยเป็นการเฉพาะ ไม่มีทางปล่อยให้เกิดเรื่องอันใดกับแขกผู้มาเยือนเป็นแน่เจ้าค่ะ”
พี่เสือของครอบครัวพวกเขาไม่กินคนเสียหน่อย
ตอนที่ 734 หนึ่งเดียวใต้หล้า
ปีศาจหนูรูปลักษณ์โดยทั่วไปค่อนข้างน่าเอ็นดูและฉลาดเฉลียว ยามที่พูดจาน้ำเสียงก็นุ่มนวลอ่อนโยน บรรดาคุณชายแต่ละคนได้ยินก็เป็นอันรู้สึกสบายใจขึ้นบ้างเล็กน้อย
พวกเขาจึงตัดสินใจตกลงในทันที
จากนั้นปีศาจหนูก็นำทางไปยังที่หมาย
“เรือนหลังนี้เยี่ยมจริงๆ ไม่นึกเลยว่าข้างบนนี้ยังมีจุดชมทิวทัศน์อีกด้วย ว่าแต่เสือล่ะ ไฉนไม่เห็นเสือเลย” อวี๋ชิงกล่าวอย่างตื่นเต้น
แม้ว่าเรือนหลังนี้ไม่ได้ใหญ่โตเป็นพิเศษ แต่กลับมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะอย่างยิ่ง
บริเวณโดยรอบเป็นห้องปีกข้าง อาคารสูงขนาดย่อมตรงกลางเป็นสถานที่เอาไว้สำหรับพบปะสังสรรค์กัน
“เรียนคุณชาย เสือโคร่ง…อย่างไรเสียก็ไม่ใช่คน หากอยากมองเห็นมันก็ต้องขึ้นอยู่กับวาสนาด้วยเช่นกัน ตอนนี้แสงแดดค่อนข้างแรง มันอาจร้อนจึงซ่อนอยู่ในบริเวณที่ร่มและเย็น ท่านคอยอีกสักหน่อยจะดีกว่า หากต้องการสั่งการอันใดก็เป่านกหวีดนี้ จากนั้นจะมีคนมาหาท่านถึงที่เจ้าค่ะ” เมื่อพูดจบก็เดินถอยออกไป
นกหวีดนั่นเป็นของที่เอาไว้เป่าเรียกนกที่อยู่บนฟ้า
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวันพอดี คุณชายเหล่านี้มีกระจิตกระใจคอยเสือโคร่งเสียที่ไหนเล่า หลังจากเลือกที่พักเป็นที่เรียบร้อย ก็เริ่มไปเที่ยวเล่นบริเวณโดยรอบในทันที
พวกลิง กวางน้อย ตลอดจนเสือ กระรอกและสุนัขจิ้งจอกเหล่านี้ เป็นสัตว์ที่มองเห็นได้ทันทีที่เข้าไปในพื้นที่สวนสัตว์ แต่สิงโตและม้าลายหรือแม้กระทั่งช้างจำเป็นต้องจ่ายเงินอีกส่วน ซึ่งก็ไม่ได้มีราคาแพงนักเช่นกัน
นอกจากนั้น ในสวนแห่งนี้ยังเตรียมของกินเอาไว้ให้จำนวนมาก เอามาไว้ใช้ป้อนสัตว์เป็นการเฉพาะ
ราคาสิ่งของที่ไว้ใช้ป้อนสัตว์ แน่นอนว่าไม่ใช่ราคาที่คนธรรมดาทั่วไปจะรับไหว ป้อนอย่างเรียบง่ายสักหน่อย อย่างน้อยๆ ก็ต้องจ่ายหนึ่งตำลึงเงิน
“นี่ก็คือม้าลายขาวหรือ! ที่แท้…เป็นเหมือนอย่างที่กล่าวไว้ในหนังสือทั้งสิ้น รูปลักษณ์สง่างามและมีลวดลายที่เป็นระเบียบเป็นพิเศษ
“หรือไม่พวกเรา… ไปลองขี่ช้างดู” อวี๋ชิงกลืนน้ำลาย
ช้างตัวนี้ ไม่นึกเลยว่าจะขี่ได้ด้วย!
แม้ขี่ช้างครั้งหนึ่งต้องจ่ายเงินมากถึงยี่สิบตำลึงเงิน แต่…
ช้างตัวนี้ช่างสูงใหญ่และน่าเกรงขรามจริงๆ หากได้ลองขี่สัตว์ตัวนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เขารู้สึกดีใจไปทั้งชีวิตแล้ว!
คนอื่นอดอยากลองขี่บ้างไม่ได้เช่นกัน แต่ด้วยความที่ราคาแพงเหลือเกิน พวกเขาเองก็เกรงใจเกินกว่าจะให้อวี๋ชิงออกเงินให้ ดังนั้นจึงเลือกมองดูเฉยๆ ขณะที่ในใจก็รู้สึกเสียดายเช่นกัน
ตลอดทั้งช่วงบ่ายได้เดินเล่นไปแค่หนึ่งส่วนเล็กๆ เท่านั้น พวกคิงคอง สิงโต นกยูง หรือแม้กระทั่งห่านขาวที่อยู่ในน้ำ พวกเขายังไม่ทันได้ไปดูเลย ทิวทัศน์อื่นๆ ในสวนแห่งนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
แต่ตลอดหนึ่งวันนี้ สำหรับทุกคนก็รู้สึกว่าคุ้มค่ามาก!
สถานที่อย่างสวนว่านหลิงแห่งนี้ ต้องเป็นหนึ่งเดียวใต้หล้าเป็นแน่ เจ้าของกิจการที่อยู่เบื้องหลังสถานที่แห่งนี้คงเป็นผู้ที่มากความสามารถและรู้จักคนกว้างขวางเป็นแน่ จึงได้นำสัตว์ที่ประหลาดและหายากจำนวนมากขนาดนี้มาได้!
“พวกเจ้าไม่รู้สึกหรือว่าอาหารที่นี่เลิศรสยิ่ง ทั้งที่ก็แค่กับข้าวธรรมดาทั่วไป แต่ไม่รู้ว่าทำไมข้ารู้สึกว่ารสชาติอาหารเหล่านี้สดใหม่และอร่อยนัก ทั้งยังทิ้งความหอมหวานในปากอีกด้วย!” ตอนนี้อวี๋ชิงอยากจะอยู่ที่สวนว่านหลิงไม่ไปไหนแล้ว
“อาหารพวกนี้…” ลู่ข่ายมองซ่งสวินปราดหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “เมื่อก่อนตอนที่ข้าไปเป็นแขกทางด้านพี่ซ่ง ก็เคยได้กินอาหารที่มีรสชาติคล้ายกับของเหล่านี้”
“ข้ามักรู้สึกว่าเมื่อกัดกินเข้าไป ความเหนื่อยล้าทั้งตัวของข้าก็เป็นอันมลายหายไปหมดสิ้น ดีกว่าอาหารเหล่านั้นที่พวกเรากินตามภัตตาคารตั้งเยอะ!”
ก็อย่างผัดผักกวางตุ้งที่แสนธรรมดานี้ ไม่มีรสเฝื่อนขมเลยสักนิด มิหนำซ้ำยังออกหวานเล็กน้อยเสียด้วยซ้ำ!
นอกจากนั้นยังมีไก่ตุ๋นนี่ ไม่เหนียวเลยสักนิด เนื้อนุ่มเปื่อยอย่างยิ่ง!
ซ่งสวินรู้อยู่แล้วว่าสวนว่านหลิงแห่งนี้เป็นของซ่งอิง ดังนั้นตอนที่อวี๋ชิงชวนเขามาจึงไม่ได้ปฏิเสธ แต่คิดไม่ถึงเช่นกันว่าในช่วงเวลาอันสั้น ซ่งอิงจะเนรมิตสวนว่านหลิงแห่งนี้จนกลายเป็นภาพฉากเช่นตอนนี้!
“คุณชายทุกท่าน ขนมเหล่านี้เป็นของที่เจ้าของกิจการของพวกเราให้นำมามอบให้ ถือเป็นการแสดงความขอบคุณที่ทุกท่านคอยดูแลคุณชายรองของพวกเราในแต่ละวันเจ้าค่ะ” ไม่นานนักก็มีคนเดินเข้ามาพร้อมจานขนมจำนวนมาก