ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 77 เงินค่าแรง ตอนที่ 78 เงื่อนไขข้อกำหนด
ตอนที่ 77 เงินค่าแรง
ไม่เคยเผชิญความลำบาก ก็คงไม่รู้จักเสียใจภายหลัง ตอนนี้จะเสียใจภายหลังก็สายเกินไปแล้ว!
หากเกิดปัญหาขึ้นจริง ทำได้เพียงคิดหาวิธีเท่านั้น ลองดูว่าพอจะสร้างบ้านหลังเล็กๆ สักหลังใกล้บ้านตระกูลซ่งให้อยู่อาศัยได้หรือไม่!
เฮ้อ!
“ท่านปู่ ที่บ้านไม่มีเรื่องอันใดหรอกเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวทันควัน “หลักๆ คืออยากชวนท่านย่าและบรรดาป้าสะใภ้ อาสะใภ้มาช่วยงานเจ้าค่ะ วันนี้ข้าตกลงทำกิจการร่วมกันกับภัตตาคารเย่ว์เฟิงในตัวอำเภอ โดยจากนี้ทุกวันต้องส่งบ๊ะจ่างขั้นต่ำห้าพันชิ้นให้พวกเขา เพียงแต่ข้ากับท่านแม่ทำกันเองไม่ไหวเจ้าค่ะ”
“เรื่องแค่นี้เองหรือ ได้สิ บ๊ะจ่างสิ่งนี้ก็ไม่ได้ขายกันนานเน ตอนนี้เพิ่งผ่านพ้นงานยุ่งๆ ไป พวกนางก็ว่างงานกันอยู่พอดี ช่วยเป็นลูกมืออีกแรงไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด” ซ่งเหล่าเกินกล่าวออกไปทันที
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ยิ้มเล็กน้อย “บ๊ะจ่างห้าพันชิ้นเชียวนะ นั่นก็ไม่ใช่น้อยๆ หรอก ต่อให้วันหนึ่งข้าตั้งหน้าตั้งตาห่ออย่างเดียว เกรงว่าก็คงห่อได้แค่ห้าร้อยชิ้นเท่านั้นละ…ไม่ได้มือไม้คล่องแคล่วอย่างเช่นแม่เจ้า”
“ก็นั่นน่ะสิเอ้อร์ยาโถว เราทำกันช้า ห่อก็ไม่สวยด้วย เจ้าอย่าไม่ถูกใจก็เป็นพอ” เจียวซื่อบ้านสามกล่าวขึ้นเช่นกัน
“นี่เป็นถึงการค้าขายใหญ่โต พวกเราในฐานะป้าสะใภ้อาสะใภ้ช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ก็เป็นสิ่งที่สมควรอยู่เช่นกัน ไว้เอ้อร์ยาโถวได้เงินก้อนโตมาแล้วซื้อลูกกวาดให้บรรดาน้องชายกินสักหน่อยก็พอ” เหยาซื่อสะใภ้คนเล็กไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด
แน่นอนละว่า แม้แต่ละคนขานรับ แต่อากัปกิริยาก็ไม่ถือว่าดีเท่าใดนัก
อย่างไรเสีย บ๊ะจ่างห้าพันชิ้นก็มากพอตัว ไม่แน่ว่าอาจต้องทำกันจนเหน็ดเหนื่อย แล้วใครเล่าจะยินดี?
แต่หากไม่ทำ ก็จะเป็นการแสดงให้เห็นว่าพวกนางในฐานะผู้หลักผู้ใหญ่ไม่มีน้ำใจเอาเสียเลย
คงทำได้เพียงทำไปอย่างลวกๆ ห่อให้เสร็จๆ ไปก็พอ
ซ่งอิงยิ้มเล็กน้อย “ แน่นอนว่ามิใช่ให้ท่านย่าและบรรดาป้าสะใภ้อาสะใภ้ทำกันโดยไม่มีค่าตอบแทนหรอกเจ้าค่ะ”
“หมายความว่าอันใด เจ้าจะจ่ายเงินค่าแรงให้พวกเราด้วยหรือ” สะใภ้ใหญ่เหยาซื่อส่งเสียงหัวเราะขึ้นมา คำพูดของงานนี้เป็นแค่การเอ่ยส่งเดช ไม่ได้เก็บเอามาคิดอะไรมากมาย
นางผู้นี้ก็เป็นเช่นนี้ นึกอยากจะพูดอะไรก็พูดขึ้นมา
“แน่นอนเจ้าค่ะ แม้ว่าพวกท่านเป็นคนในครอบครัวกันเอง แต่นี่ไม่ใช่งานเบาๆ ข้าจะให้บรรดาผู้อาวุโสเปลืองแรงกันโดยเปล่าประโยชน์ได้อย่างไรล่ะ” ซ่งอิงเอ่ยพูดอย่างไม่แยแสสองสามประโยค แล้วกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ไส้บ๊ะจ่างข้าจะเตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อย และนำมาส่งถึงบ้านในทุกๆ วัน บ๊ะจ่างทุกหนึ่งร้อยชิ้นจะถือเป็นหนึ่งชุด ห่อได้หนึ่งชุดก็เป็นเงินสิบอีแปะเจ้าค่ะ”
“สิบอีแปะ!? จริงหรือ” เจียวซื่อสะใภ้บ้านสามผุดลุกขึ้นมาทันใด
ทั้งสี่บ้านของตระกูลซ่ง ตามจริงบ้านสามพวกเขาเหน็ดเหนื่อยยากลำบากที่สุด
เพราะบ้านสามพวกเขาสมาชิกในครอบครัวมาก ลูกชายสามลูกหญิงหนึ่ง ผนวกกับคู่สามีภรรยาสองคน ของที่กินทุกวันเทียบเท่ากับบ้านสองกินได้หลายวัน!
โดยปกติต่อให้เย็บปักถักร้อยหรือปลูกผักก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก ทางด้านท้องนาก็ต้องคอยดูแลอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นบุรุษของครอบครัวตนจึงไปทำงานรับเหมาทุกวันอย่างครอบครัวบ้านสองไม่ได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ ชีวิตในแต่ละวันจึงยากลำบากมาก
ทำได้เพียงฝากความหวังไว้ที่ผลตอบแทนจากการขายข้าวสารอาหารแห้งในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว แต่ถึงกระนั้น หากภายหลังเผชิญกับภัยแห้งแล้งหรือพวกภัยจากแมลง คงได้เสียหายทั้งหมด!
อีกอย่าง ทางด้านบ้านใหญ่นั้นยังรู้จักส่งบุตรชายทั้งสองไปโรงเรียน พวกเขาบ้านสามมีหรือจะไม่อยาก
ดังนั้นหลังแยกครอบครัว จึงรีบส่งบุตรชายคนเล็กลำดับที่สามไปเข้าเรียน หลังเรียนได้รู้จักตัวอักษรกลับบ้านมา ก็ถือโอกาสสอนพี่ชายทั้งสองคน อย่างน้อยให้รู้จักตัวอักษรบ้างก็ยังดี…
พวกนางในฐานะภรรยา มีหรือจะไม่มีฝีมือ เพียงแต่ไม่เหมือนอย่างหร่วนซื่อ แม้ไม่ได้พิถีพิถันอะไรมากมาย แต่ก็ทำออกมาได้ทั้งประณีตและสวยงาม!
“เอ้อร์ยา เจ้าก็น่าจะรู้ว่าวันหนึ่งพวกเราห่อบ๊ะจ่างได้กี่ชิ้นกระมัง” เหยาซื่อสะใภ้คนเล็กเกิดความสงสัยเล็กน้อย “เจ้าจะจ่ายเงินไหวหรือ”
“บรรดาป้าสะใภ้อาสะใภ้ต้องถือว่าเป็นผู้มากความสามารถมากที่สุดในหมู่บ้านเราอยู่แล้ว หากตั้งแต่เช้าถึงค่ำ อย่างน้อยๆ ก็คงห่อได้เจ็ดแปดร้อยชิ้น หากเริ่มแต่ช่วงแต่เช้าตรู่หน่อยไปจนถึงดึกหน่อย ก็น่าจะทำได้ถึงหนึ่งพันชิ้นกระมัง” ซ่งอิงกล่าว
“ก็นั่นน่ะสิ เพราะคำนวณเช่นนี้ ทุกวันเจ้ามิต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนสี่ห้าร้อยอีแปะเลยหรือ” เจียวซื่อสงบลง รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้
ซ่งอิงยิ้มเล็กน้อย
ตอนที่ 78 เงื่อนไขข้อกำหนด
ยกตัวอย่างแล้วกัน
ก็อย่างเช่นบ๊ะจ่างไส้ถั่วแดงที่ง่ายที่สุด บ๊ะจ่างหนึ่งร้อยชิ้น จำเป็นต้องใช้ข้าวเหนียวประมาณห้าจินครึ่ง พุทราน้ำผึ้งสองจิน ซึ่งพุทราน้ำผึ้งทำโดยการเติมน้ำตาลลงไปเคี่ยว ดังนั้นจึงราคาแพง หนึ่งจินราคาตั้งสามสิบสองอีแปะ เมื่อลองคำนวณดู ต้นทุนจึงเป็นจำนวนเก้าสิบเจ็ดอีแปะ แต่นาง กำหนดราคาขายส่งบ๊ะจ่างไส้ถั่วแดงพุทราน้ำผึ้งเป็นราคาหนึ่งร้อยห้าสิบอีแปะ ซึ่งก็เท่ากับทุกหนึ่งร้อยจิน จะมีรายได้สุทธิเป็นเงินห้าสิบสามอีแปะ!
รวมหักลบค่าแรงคนงานสิบอีแปะ ยังเหลืออีกตั้งสี่สิบสามอีแปะ!
บ๊ะจ่างไข่แดงต้นทุนสูงกว่าหน่อย ในเมื่อไข่เป็ดที่ผ่านการดองเค็มแล้วเป็นราคาถึงฟองละสองอีแปะ หักลบค่าแรงคนงาน ตัวนางเองก็ได้กำไรตั้งห้าสิบเจ็ดอีแปะ
บ๊ะจ่างไส้เนื้อหมูมองดูคล้ายทำกำไรได้น้อย แต่ว่าในความเป็นจริงทำกำไรได้มากสุด แต่ก็ต้องเปลืองแรงเป็นหลัก เพราะต้องตุ๋นเนื้อหมู ต้องใช้ผงปรุงรสจำนวนหนึ่ง ต้องใช้ไฟในการตุ๋นให้สุก แต่เครื่องปรุงก็เป็นสิ่งที่ต้องใช้ในครัวเรือนอยู่แล้ว และในหมู่บ้านทั่วทุกคนแห่งก็เต็มไปด้วยไม้ฟืน ดังนั้น ที่ต้องจ่ายเงินซื้อจึงมีไม่กี่อย่าง
บ๊ะจ่างไส้เนื้อจำนวนหนึ่งร้อยจิน รวมหักลบค่าแรงคนงาน นางจะได้กำไรอย่างน้อยๆ ก็สองร้อยอีแปะ!
บ๊ะจ่างชั้นยอดเยี่ยมนั่นยิ่งไม่ต้องพูดถึง!
ดังนั้น นางจะจ่ายเงินค่าคนงานไม่ไหวได้อย่างไรล่ะ
“อาสะใภ้ ท่านวางใจได้ การห่อบ๊ะจ่างนี้จ่ายเงินรายวัน จากนี้ทุกวันตอนเย็นข้าจะมารับของ ทำได้เท่าใดก็จ่ายให้เท่านั้น จะไม่ขาดตกบกพร่องเป็นอันขาด และเรื่องไม่จ่ายเงินค่าแรงให้ย่อมเป็นไปไม่ได้” ซ่งอิงกล่าวกับเจียวซื่อสะใภ้สามอย่างรับปากจริงจัง
เจียวซื่อเผยสีหน้าเบิกบานทันทีที่ได้ยินดังกล่าว
“จ่ายเงินรายวันหรือ! จ่ายรายวันก็ดีสิ ฉะนั้นข้าตกลง!” เจียวซื่อดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่
“ข้าก็เอาด้วย!”
“ข้าด้วย!”
สองบ้านอื่นกล่าวขึ้นมาเช่นกัน
หญิงชราหม่าซื่อยิ่งไม่ต้องพูดถึง แม้เป็นการรับเงินค่าจ้างจากหลานสาว ซึ่งดูประหลาดเล็กน้อย แต่เด็กสาวที่ออกเรือนไปแล้วเอ่ยออกมาเช่นนี้ทั้งที หากทำงานให้โดยไม่รับเงิน จะยิ่งประหลาดไปใหญ่!
“ในเมื่อบรรดาป้าสะใภ้และอาสะใภ้ตกลง เช่นนั้นก็มีบางอย่างที่…ข้าจำเป็นต้องบอกเอาไว้ล่วงหน้าเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ซ่งเหล่าเกินเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง จึงเข้าใจได้ว่าซ่งอิงต้องการพูดอะไร “เจ้ามาเยือนในวันนี้ สิ่งที่พูดเป็นเรื่องดี การห่อบ๊ะจ่างนี้ไม่ใช่ว่าจะทำวันสองวัน หากทำกันเกินสิบวันถึงครึ่งเดือนขึ้นไป แต่ละคนล้วนทำเงินได้ถึงหนึ่งตำลึงเงินเป็นแน่ มีเงื่อนไขกำหนดอะไรก็เอ่ยมาเถิด เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว”
ท่านผู้เฒ่าเอ่ยออกมาเช่นนี้ เดิมทีเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่พวกนางยังคิดจะวางมาดผู้อาวุโสออกมา ก็เป็นอันต้องเก็บท่าทีไปในทันที
ซ่งอิงรู้สึกว่า ในแง่ของการที่ผู้เฒ่าบีบบังคับให้นางออกเรือนเป็นอะไรที่แย่มาก แต่ในมุมมองความใจกว้างก็ยังถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว
สิบกว่าปีก่อนพาเจ้าของร่างกลับชนบท ก็ถือว่ามีความใจบุญมากแล้ว
การบีบบังคับให้นางออกเรือนก่อนหน้านี้ จะว่าไปก็ไม่ใช่เพื่อตัวเขาเอง หลักๆ คือคำนึงถึงหลานชายในครอบครัว จะกล่าวตำหนิว่าเขาใจแคบเข้ากับนางไม่ได้? ก็ไม่ถึงขั้นนั้นเสียทีเดียว
ผู้เฒ่าคนหนึ่ง แน่นอนว่าซ่งอิงไม่อาจคิดเล็กคิดน้อยอะไรกับเขาได้
ยิ่งไปกว่านั้น บรรดาบุตรหลานชายของตระกูลซ่ง ก็เชื่อฟังคำพูดของเขาด้วยใจจริง หากจับทิศทางท่าทีของพ่อเฒ่าแม่เฒ่าได้ ภายภาคหน้าตระกูลซ่งก็จะว่านอนสอนง่าย
ตระกูลซ่งมีบุญคุณต่อนางในก่อนหน้านี้ เป็นธรรมดาที่จะให้นางตัดขาดสะบั้นเลยคงเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ต้องทำให้คนเหล่านี้หาเรื่องนางไม่ได้
“เงื่อนไขที่กำหนดก็ไม่ได้มากมายแต่อย่างใดเจ้าค่ะ บรรดาป้าสะใภ้และอาสะใภ้ล้วนเป็นคนที่ซื่อตรงกันทั้งนั้น” ซ่งอิงกล่าวเชยชมเป็นอันดับแรก จากนั้นก็กล่าว “ไส้บ๊ะจ่างที่ข้านำมามีจำกัด ล้วนเป็นของที่เตรียมไว้เพื่อภัตตาคารเย่ว์เฟิงเท่านั้น ระหว่างทำงาน ไม่อนุญาตให้นำกลับไปกินกันในครอบครัวตนเอง แน่นอนว่า ล้วนเป็นคนครอบครัวกันเอง ก็จะเลือกบ๊ะจ่างดีๆ ออกมาจำนวนหนึ่งให้บรรดาผู้อาวุโสได้ลิ้มชิมรสด้วยเช่นกันเจ้าค่ะ”
“บ๊ะจ่างที่พวกเจ้าห่อก็ส่วนห่อ หากผู้ใดกล้านำของที่ห่อเสร็จแล้วเอาไปไว้ในหม้อของครอบครัวตนเอง เช่นนั้นก็ไสหัวออกไปจากตระกูลซ่งของข้าเสีย ตระกูลซ่งพวกข้าไม่เสียดายคนประเภทนี้!” ผู้เฒ่าเอ่ยออกมาอย่างดุดันและตรงไปตรงมา
“ไม่มีทางเจ้าค่ะ ไม่มีทาง เอาไปไว้ในหม้อบ้านตัวเองได้เสียดายเงินแย่สิเจ้าคะ? ให้อิงยาโถวนำไปขาย พวกเราก็ยังได้เงินตั้งหลายอีแปะ…” เจียวซื่อกล่าวเสียงเบา
ในที่นี้ นางก็คือผู้ที่ละโมบโลภมากเอาแก่ได้มากที่สุด
ดังนั้น…
นางก็รู้เช่นกันว่า ที่พ่อสามีบอกกล่าวคือการย้ำเตือนนางนั่นเอง