ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 825 รวมพลังเป็นหนึ่งเดียว ตอนที่ 826 ท่านไปดีมาดี
ตอนที่ 825 รวมพลังเป็นหนึ่งเดียว / ตอนที่ 826 ท่านไปดีมาดี
ตอนที่ 825 รวมพลังเป็นหนึ่งเดียว
“นกยวนยางที่ขนาดใหญ่เหมือนพญาหงส์หรือ เจ้าลองคิดด้วยตนเองดูดีๆ สิว่างดงามหรือไม่” ฮั่วเจ้ายวนอดกล่าวไม่ได้
พญาหงส์เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้น หางยาวปีกใหญ่ ขณะที่ยวนยางเหมือนเป็ดอ้วนๆ ตัวหนึ่ง เนื้อเยอะกลมดิก หากตัวเล็กๆ หน่อยก็ยังพอดูกระจุ๋มกระจิ๋มน่ารัก แต่หากขนาดใหญ่เกินไป เช่นนั้นเขาเองก็ไม่กล้านึกถึงรูปลักษณ์นั้นเลยจริงๆ
“นั่นเพราะท่านไม่รู้จักชื่นชมอะไรพวกนี้ต่างหาก” ซ่งอิงกลอกตามองบน นางยังไม่ได้บอกเลยว่าตนเป็นราชันปีศาจด้วย!
ดูคำเรียกนี้สิ หากพูดออกไปจะไม่ทำให้เขาตระหนกตกใจแย่เลยหรือ!
แม้ว่าฮั่วเจ้ายวนดูถูกอยู่เล็กน้อย แต่อาจเพราะในสายตาของเขา คนรักจึงกลายเป็นหญิงงามได้ ฉะนั้นเมื่อมองอย่างละเอียด ยวนยางตัวใหญ่ๆ อ้วนๆ ก็ดูเหมือนชวนให้รู้สึกน่ารักไม่น้อยเช่นกัน
ฮั่วเจ้ายวนไม่ได้โอ้เอ้อยู่นานเกินไป เขาหยิบตำราบำเพ็ญเซียนหนึ่งกองที่ซ่งอิงคืนให้แล้วเดินจากไป
ทุกครั้งที่เห็นฮั่วเจ้ายวนถูกนางหลอกจนได้แต่มองอย่างพูดไม่ออก ในใจนางก็จะรู้สึกมีความสุขมากเป็นพิเศษ
เมื่อซ่งอิงกลับเข้าไปยังช่องว่างระหว่างมิติ นางก็กระตุกมุมปากเล็กน้อยขณะมองไปยังเซียนสองตนที่นั่งยองเหม่อลอยอยู่ในกรงทอง
“เมื่อครู่เทพชางเวยของพวกเจ้ามาด้วยละ” ซ่งอิงกล่าว
เซียนสองตนนั้นตกตะลึง จากนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง “เจ้าคิดจะทำอะไรกับเขา!”
“ดูท่า เทพท่านนี้จะสำคัญอย่างยิ่งจริงๆ สินะ” ซ่งอิงเอียงศีรษะเล็กน้อย จากนั้นจึงนั่งลงตรงหน้าแล้วเท้าคางพลางเอ่ยถาม “หรือว่าเขายังจะกอบกู้ใต้หล้าให้รอดพ้นได้ใช่หรือไม่”
ทั้งสองปิดปากไม่เอ่ยวาจาใดในทันที
“หากพวกเจ้าไม่พูด เดี๋ยวข้าจะจับเขาดูดพลังชีวิตและดูดเลือดเอามาหล่อเลี้ยงร่างกายตัวเองเสียเลย” ซ่งอิงพูดเหลวไหลไปเรื่อย
ในตำราเขียนไว้ว่าปีศาจล้วนใช้วิธีการดูดซับหยินหยางทั้งนั้น
เซียนทั้งสองตนสีหน้าเปลี่ยนไปมากตามที่คาดการณ์ไว้ “ซ่งอิง ตอนนี้เจ้าเป็นคน หรือปีศาจ เจ้าไม่คำนึงถึงพวกมนุษย์เลยหรือ ท่านเทพชางเวยผู้สูงส่งรับหน้าที่…”
“รับหน้าที่อะไร” ซ่งอิงยิ้มถาม
“หน้าที่ใหญ่หลวงอย่างการขจัดปีศาจชั่วร้าย” ทั้งสองฝืนใจเอ่ยพูด
ซ่งอิงหัวเราะเยาะ “หากเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าถึงขั้นต้องเดือดเนื้อร้อนใจถึงเพียงนี้เชียวหรือ ท่านทั้งสอง เทพชางเวยผู้สูงส่งที่ว่านี้ลงมาโลกมนุษย์มิใช่เพื่อขจัดปีศาจหรอกกระมัง”
“เอ่อ ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน ข้าจำได้ว่า…” ซ่งอิงชะงักไปชั่วครู่ “ใต้เท้าฮั่วเคยทำให้ปีศาจปลาดุกตกใจกลัวจนตายไปหนึ่งตัว ไม่แน่ว่าจะขจัดวิญญาณชั่วร้ายได้” ซ่งอิงกล่าวอีกครั้ง
หลิงเฟิงและหยวนซานพูดไม่ออก
นี่เป็นปีศาจอะไรกัน ไฉนสมองจึงใช้การได้ดีขนาดนี้
พวกเขาได้ยินว่าปีศาจโดยทั่วไปล้วนสมองธรรมดาๆ ทั้งนั้นนี่!
“ปีศาจที่เขาต้องจับคือใครหรือ เป็นราชันปีศาจตนไหน หรือว่าเป็นจักรพรรดิปีศาจล่ะ” ซ่งอิงถามอีกครั้ง
ซ่งอิงขบคิดอยู่ว่าเซียนพวกนี้น่าจะมีลักษณะนิสัยรักความเป็นธรรมและไม่ยอมจำนนโดยง่าย ดังนั้นนางตั้งใจว่าจะไม่ใช้ไม่แข็ง หากเพียงอาศัยการแวะเวียนมาพูดคุยเป็นครั้งคราว คงพอจะล้วงเอาความจริงออกมาทีละประโยคได้
“พวกเราไม่รู้อะไรทั้งนั้น” เป็นจริงอย่างที่นางคาดไว้ ทั้งสองตนนี้ปิดปากสนิทอย่างยิ่ง
ซ่งอิงไม่รีบร้อนเช่นกัน นางเอาชาผลไม้มาถ้วยหนึ่งแล้วดื่มอย่างเนิบช้าสบายอารมณ์
“ทำไมพวกเจ้าต้องให้ฮั่วเจ้ายวนคู่กับกู้หมิงเป่าให้จงได้ หรือว่าเบาะแสหลักอยู่ทางด้านกู้หมิงเป่า” ซ่งอิงยิ้มตาหยี เหมือนกำลังพูดคุยเรื่องทั่วไป
เซียนสองตนยืนกรานเช่นเดิม ไม่เอ่ยโต้ตอบอะไรทั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม พวกเขาเผยสีหน้าประหม่าเล็กน้อย มิหนำซ้ำยังทำให้ซ่งอิงรู้สึกว่าพวกเขาช่างโง่เขลาจนน่ารักไปอีกแบบจริงๆ
ข้าว่าข้าทายถูก” ซ่งอิงเม้มปาก “คงมิใช่ว่ากู้หมิงเป่าเป็นปีศาจกระมัง หากเป็นเช่นนั้นจริงก็ดีสิ ไว้เดี๋ยวข้าจะได้ไปหานางทันที จากนั้นเราก็รวมพลังเป็นหนึ่งเดียว พวกเจ้าคงไม่รู้ว่าสองสามปีมานี้ข้าไม่ได้ทำเรื่องอื่นเลยนอกจากเอาแต่เลี้ยงปีศาจมาโดยตลอด บัดนี้ปีศาจก็จำนวนไม่น้อยแล้ว มากกว่าหมื่นตัวแล้วกระมัง!”
ซ่งอิงไม่รู้สึกกระดากอายสำหรับการคุยโวเกินจริงแต่อย่างใด
“แม้ว่าส่วนมากเป็นปีศาจตัวน้อยๆ แต่การจะก่อเหตุนองเลือดในโลกมนุษย์นั้นเป็นเรื่องง่ายดายเหลือเกิน จะได้ถือโอกาสดูดซับอาหารจากท่านเทพชางเวยผู้สูงส่งอีกด้วย ไม่แน่ว่าท่านจักพรรดิปีศาจของข้าก็จะบินทะยานขึ้นฟ้าไปกวาดล้างโลกเทพของพวกเจ้าได้ในคราวเดียวเสียเลย” ซ่งอิงนับวันยิ่งมากความสามารถในด้านการพูดจาเหลวไหล
ตอนที่ 826 ท่านไปดีมาดี
เมื่อซ่งอิงพูดถ้อยคำเหล่านี้จบ เซียนหลิงเฟิงผู้นั้นก็ดูจนปัญญาเล็กน้อย
“เจ้าไม่ต้องพูดเกินจริงนักหรอก ข้าบอกเจ้าก็ได้” หลิงเฟิงถอนหายใจหนึ่งเฮือก
เขาแยกไม่ออกจริงๆ ว่าถ้อยคำที่ซ่งอิงพูดนั้นเป็นความจริงหรือหลอก เขามายังโลกมนุษย์ก็ไม่ได้รู้สึกถึงกลิ่นไอปีศาจจำนวนมากสักเท่าไร แต่ก็มีความเป็นไปได้เช่นกันว่า อาจเป็นเพราะซ่งอิงผู้นี้ความสามารถมากเหลือเกิน จึงซ่อนกลิ่นไอปีศาจไว้ได้
“กู้หมิงเป่าไม่ใช่จักรพรรดิปีศาจ เพียงแต่เบื้องบนสงสัยว่าในร่างของนางมีดวงจิตปีศาจใหญ่แฝงอยู่” หลิงเฟิงกล่าว
“งูหรือ” ซ่งอิงครุ่นคิด
“เจ้ารู้ด้วยหรือ” หลิงเฟิงขมวดคิ้ว “ปีศาจใหญ่ในร่างของนางน่าจะคือสืออิ๋ง เป็นงูขนาดใหญ่ที่ชาญฉลาดมาก มิหนำซ้ำยังมีปีกบินได้ด้วย แน่นอนว่าตอนนี้จริงอยู่ที่คุณหนูกู้เป็นมนุษย์ ช่วงเวลาที่ปีศาจใหญ่ตนนั้นกลับชาติมาเกิดได้นำจิตวิญญาณปีศาจปิดผนึกเอาไว้แล้ว และพยายามเรียนรู้ทัศนคติที่ถูกต้องต่อสังคมมาโดยตลอด ว่ากันตาม…ว่ากันตามชะตาชีวิตที่วางแผนไว้ จริงๆ แล้วที่ท่านเทพชางเวยจุติลงมาก็เพื่อสองประการ ประการแรกเพื่อกลับไปสู่สถานะเทพ ประการที่สองเพื่อขจัดความดุร้ายที่อยู่บนตัวปีศาจใหญ่ตนนั้น”
“ขจัดที่ว่านี้หมายถึงทำให้นางตายกระมัง” ซ่งอิงหัวเราะอย่างขบขัน
“เพียงแค่ทำให้ดวงจิตปีศาจสลายหายไปเท่านั้น จากนั้นให้มันกลายเป็นมนุษย์ธรรมดาเมื่อเกิดใหม่อีกครั้งเท่านั้นเอง” หลิงเฟิงกล่าว
“ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดการกำหนดให้แต่งงานเช่นนี้จะสามารถกำจัดความดุร้ายได้” ซ่งอิงกล่าว
“วิธีการกำจัดความดุร้าย คือการปลุกให้ไอดุร้ายที่ว่านี้ออกมาก่อน” หลิงเฟิงกล่าว
ซ่งอิงเป็นอันเข้าใจได้แล้วหลังได้ยินเขาเอ่ยพูดเช่นนี้
ก็คือการทำให้กู้หมิงเป่าเกิดความเคียดแค้นฮั่วเจ้ายวน ปลดปล่อยความรู้สึกประเภทไม่ยอมปล่อยวาง รักลุ่มหลงและเคียดแค้นอะไรทำนองนี้ออกมา ยิ่งมากก็ยิ่งได้ประสิทธิผลดี?
“พวกเจ้าไม่เอาไหนจริงๆ” ซ่งอิงชักสีหน้าดูถูก
เรื่องบ้าบออะไรกัน
แม้ว่าตอนนี้ฮั่วเจ้ายวนไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น แต่เมื่อนึกถึงตอนที่เขาเป็นท่านเทพชางเวยผู้สูงส่ง กลับเห็นดีเห็นงามด้วยในเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ นางก็รู้สึกโมโหอย่างยิ่งขึ้นมาทันที
“ชางเวยก็ไม่เอาไหนเช่นกัน ข้าดูดซับพลังชีวิตเขาเสียสิ้นเรื่องดีกว่า!” ซ่งอิงสบถฮึ
“ช้าก่อน! ความจริงท่านเทพชางเวยของพวกเราไม่รู้เห็นอะไรด้วยทั้งนั้น! เดิมทีท่านเทพเป็นเทพใหญ่ในยุคโบราณ ที่เหลือนอกจากนั้นก็เป็นพวกเทพตัวน้อยๆ ไม่ง่ายเลยกว่าเบื้องบนจะให้เขากลับชาติมาเกิดเพื่อบำเพ็ญเพียรกลายเป็นเทพชางเวย ทว่าเพิ่งตื่นรู้ไม่กี่ปีเบื้องบนก็จับเขาลงมาแล้ว…” หลิงเฟิงกล่าวทันที
“คิดว่าหลอกข้าได้ง่ายๆ หรือ ในเมื่อเป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่เก่งกาจเพียงนี้ พวกเจ้ายังกล้าทำกับเขาเช่นนี้อีกหรือ” ซ่งอิงหัวเราะเยาะหยัน
“…” คู่ต่อสู้ฉลาดเกินไป ขืนเป็นเช่นนี้คุยต่อไปเกรงว่าจะไม่ค่อยไหวเสียแล้ว
“ตอนที่ท่านเทพชางเวยอยู่บนสวรรค์ ไม่มีความปรารถนาหรืออารมณ์ความรู้สึกใดทั้งสิ้น พูดตามตรงก็คือไม่ต่างกับก็หิน ไม่คบหาสมาคมกับผู้ใด ปรึกษากันไปมาจึงได้ให้เขาลงมาด้วยคิดว่าเมื่อกลายเป็นคนแล้วจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่เมื่อก่อนไม่เคยสัมผัส…”
“แม่นาง แม้ว่าเจ้าเป็นปีศาจใหญ่ตนหนึ่งเช่นกัน แต่เจ้าแตกต่างไป เจ้ารูปงามจิตใจดีมีเมตตาและอ่อนโยน เป็นไท่ฉินที่สองโลกเทพกับโลกปีศาจต่างชื่นชอบ! เจ้าไม่มีไอดุร้ายเลยสักนิดบนตัว ผิดกับสืออิ๋งตนนั้น…”
“หรือไม่ให้พวกเราช่วยเจ้าพูดกับเบื้องบนสักหน่อย ขอเพียงเจ้าให้ความร่วมมือ จักรพรรดิตนถัดไปก็คือเจ้า!” หลิงเฟิงกล่าวทันทีทันใด
“ฮ่า” ซ่งอิงหัวเราะอย่างดูถูก
นางเป็นนกเช่นนี้ก็ดีอยู่แล้ว จะเป็นจักรพรรดิปีศาจทำไมเล่า
เพียงแต่ว่าหากฮั่วเจ้ายวนไม่เป็นคนที่เหมือนก้อนหินก้อนหนึ่งเช่นเมื่อก่อน แบบนั้นดูเหมือนจะปลอดภัยกว่ามาก
อย่างน้อย เรื่องในโลกมนุษย์แห่งนี้ก็จะไม่ผ่านพ้นไปอย่างไร้ความหมายสำหรับเขาอีกต่อไป และจะร้ายจะดีก็ยังหลงเหลือมิตรภาพความสัมพันธ์ไว้บ้างกระมัง
“เอาละ ที่ข้าต้องการถามวันนี้ก็ถามไปหมดแล้ว พวกเจ้าคุกเข่าสงบๆ ต่อไปเถอะ” ซ่งอิงโบกไม้โบกมือ กล่าวอย่างไม่เกรงใจ
“…” พวกหลิงเฟิงเบิกตาโตอย่างเหลือเชื่อ
คนเราอยู่ใต้ชายคาผู้อื่นจึงจำต้องศิโรราบให้ พวกเขาได้แต่กลั้นใจคุกเข่าลงไป “ท่านไท่ฉิน…ไปดีมาดี”
ซ่งอิงพอใจมาก จากนั้นนางก็หายวับออกไปตามคาด
“ข้ามักจะรู้สึกว่าจริงๆ แล้วนางไม่ใช่ไท่ฉิน นางดูเหมือนสืออิ๋งยิ่งกว่ากู้หมิงเป่าเสียอีก” หยวนซานกลืนน้ำลาย
สืออิ๋งเป็นงู มิหนำซ้ำยังมีสิบหัว ดังนั้นจึงมีความนึกคิดมากเป็นพิเศษ และปีศาจตนนี้ก็ดุร้ายไม่ควรมีเรื่องด้วย
“หรือบางทีนางอาจเป็นลั่วเจิน…เจ้าดูสิ เอะอะนางก็พูดว่าจะดูดซับพลังชีวิต มองพริบตาเดียวก็รู้ว่าเป็นตนหนึ่งที่มีความกระหายอันแรงกล้า…”