ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 831 แต่งนิทาน ตอนที่ 832 บุญคุณที่ช่วยชีวิตเอาไว้
ตอนที่ 831 แต่งนิทาน / ตอนที่ 832 บุญคุณที่ช่วยชีวิตเอาไว้
ตอนที่ 831 แต่งนิทาน
ตอนนี้ครั้นซ่งอิงเผยโฉมหน้าออกมาก็ต่อว่าคนเหล่านี้อย่างดุเดือด การได้มองดูพวกนางอิจฉาริษยาแต่ก็พูดเอาชนะซ่งอิงไม่ได้ช่างเป็นอะไรที่สะใจจริงๆ
เพียงแต่ว่าเมื่อตกอยู่ในสภาพอารมณ์ประเภทนี้ กู้หมิงก็เป่ารีบแสดงออกอย่างอ่อนน้อมเรียบร้อยทันที มองดูเหมือนเป็นแม่นางคนหนึ่งที่มึนงงไม่รู้อะไรทั้งสิ้น และดูเหมือนฟังถ้อยคำว่ากล่าวทั้งหมดจากรอบข้างไม่เข้าใจ
หลี่หยวนหยวนโมโหอย่างยิ่ง “องค์หญิงเพคะ ท่านดูสิเพคะว่านางกำเริบเสิบสานเพียงใด!”
“พระชายาอ๋องฮั่ว จะร้ายจะดีหยวนหยวนก็เป็นหลานสาวของท่านอ๋องหยวน เจ้าไม่ให้ความเกรงใจถึงเพียงนี้ ดูเหมือนไม่เหมาะสมไปหน่อยกระมัง” องค์หญิงชิงลั่วซึ่งอยู่ในตำแหน่งสูงกว่ามองลงมาเบื้องล่างแล้วกล่าว
ซ่งอิงเลิกคิ้ว “ได้รับการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์หรือไม่ มีขั้นบรรดาศักดิ์ที่สูงส่งอย่างยิ่งหรือไม่”
หลี่หยวนหยวนหน้าถอดสีในทันที
นางได้รับความโปรดปรานจากท่านปู่ แต่น่าเสียดายที่นางเป็นบุตรนอกสมรส ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจแต่งตั้งยศถาบรรดาศักดิ์ให้นางได้
“เช่นนั้นก็คงไม่มีสินะ เช่นนี้เหตุใดข้าจะสั่งสอนไม่ได้” ซ่งอิงกล่าวหน้าตาเฉยอีกครั้ง
“เจ้าไม่กลัวว่าท่านอ๋องหยวนจะหาเรื่องเจ้าหรือ” องค์หญิงชิงลั่วขมวดคิ้วเล็กน้อย
“อย่าหาเรื่องข้าดีกว่า เจ้าให้เขาไปหาเรื่องท่านอ๋องสามีข้าไป เรื่องของบุรุษก็ให้บุรุษจัดการกันเอง ข้าไม่ขอเข้าไปแทรกแซง” ซ่งอิงปั้นหน้าจริงจัง
สีหน้าองค์หญิงชิงลั่วย่ำแย่ขึ้นอีกเล็กน้อย
พระชายาอ๋องฮั่วผู้นี้แตกต่างจากที่นางจินตนาการไว้จริงๆ
นางนึกว่าจะเป็นผู้ที่ดักดานไม่รู้จักสังคมภายนอกตามคำเล่าลือ ฉะนั้นการมาเยือนในงานเลี้ยงระดับนี้จะต้องสงบเสงี่ยมเจียมเนื้อเจียมตัวไม่กล้าพูดจาอะไรแน่ ท่านอ๋องฮั่วเป็นผู้ที่น่าภาคภูมิใจเช่นนี้ ต้องไม่รักใคร่ห่วงใยภรรยาลักษณะเช่นนี้เป็นแน่ อย่างมากสุดก็แค่เพราะคำนึงถึงมิตรภาพความหลังเท่านั้น หากภรรยาเช่นนี้กระทำความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ท่านอ๋องฮั่วก็จะหย่าร้างภรรยาโดยไม่แยแสว่าผู้อื่นจะคิดเช่นไรแน่นอน
องค์หญิงชิงลั่วกำมือที่อยู่ใต้โต๊ะเล็กน้อย พลางส่งสายตาเป็นสัญญาณให้สาวใช้ที่ติดตามข้างกาย
ไม่นานนัก ก็มีคนเดินมาตรงหน้าซ่งอิงแล้วรินสุราให้
“ท่านอ๋องกับพระชายาอ๋องมีความรักใคร่สุดซึ้งจนชวนให้ผู้คนอิจฉา ไม่ทราบว่า…ทั้งสองท่านรู้จักกันได้อย่างไรหรือ” องค์หญิงชิงลั่วยิ้มเล็กน้อย “เรื่องนี้ต้องเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากรู้มากเป็นแน่ ตอนนี้เพียงแค่ชมทิวทัศน์ก็ออกจะน่าเบื่อเกินไปเช่นกัน ไม่สู้ฟังพระชายาอ๋องฮั่วบอกเล่าเรื่องนี้จะสนุกกว่า เป็นเช่นไร”
“ดีเลย ได้ยินมานานแล้วว่าท่านอ๋องไม่หลงใหลเสน่ห์สตรีโดยง่าย นี่จู่ๆ ก็มีพระชายาโผล่ขึ้นมา ข้าเองก็ประหลาดใจอย่างยิ่ง…”
“จากที่ข้าสังเกตเห็นพระชายาอ๋องดูเป็นคนหนึ่งที่พูดจาเก่ง วันนี้มีทั้งสุราและอาหาร ไม่สู้พระชายาอ๋องบอกเล่าอย่างละเอียดจะดีกว่า”
หลังจากองค์หญิงชิงลั่วเอ่ยดังกล่าวก็มีคนพูดเสริมขึ้นมาไม่น้อย
ซ่งอิงเอียงศีรษะ มองสุราจอกนี้
คำโบราณกล่าวไว้ว่า ทำดีมักหวังผล
เมื่อครู่ไม่มีใครแยแสนาง แต่แล้วก็มีคนโผล่มารินสุราให้นาง นี่ต้องผิดปกติเป็นแน่
เพียงแต่ว่าตอนนี้นางพอมีทักษะจากการบำเพ็ญเพียรอยู่บ้าง เว้นแต่เป็นสุรา หรือยาที่ใช้เทพหรือภูตผีปีศาจทำขึ้นมา จึงจะออกฤทธิ์กับนางอยู่บ้าง ปัจจุบันสิ่งของธรรมดาทั่วไปในโลกมนุษย์นี้ นางกดฤทธิ์มันเอาไว้ได้สบายๆ
ดังนั้นนางจึงไม่ต้องกังวลจนเกินไป อ้าปากแล้วดื่มเข้าไปหนึ่งอึก
“เรื่องนี้หากให้เล่าคงต้องพูดกันยาว…” ซ่งอิงทำทีลำบากใจ
“ไม่เป็นไร ตอนนี้ยังมีเวลาเหลือเฟือ” องค์หญิงชิงลั่วกล่าวยิ้มๆ
ซ่งอิงเลิกคิ้ว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็จะเล่าแล้วกัน…
“หากกล่าวถึงสาเหตุที่ข้าได้รู้จักกับเขา เช่นนั้นคงต้องเท้าความไปเมื่อห้าร้อยปีก่อน…”
“ช้าก่อน เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร” หลี่หยวนหยวนตะลึงงันเล็กน้อย “ห้าร้อยปีก่อนอะไรกัน”
“ในเมื่อพวกเจ้าอยากจะฟัง เช่นนั้นย่อมต้องฟังเรื่องราวทั้งภพชาติก่อนและภพชาติปัจจุบันสิ พวกเจ้าพูดเองมิใช่หรือว่ายังมีเวลาเหลือเฟือ ข้าก็จะเรียบเรียงให้พวกเจ้าได้ฟังกัน” ซ่งอิงปั้นหน้าจริงจังแล้วกล่าวต่อ
“กล่าวถึงห้าร้อยปีก่อน ริมหน้าผามีหินก้อนหนึ่งปรากฏแสงสีทองแยงตาขึ้นมากระทันหัน นกขนาดใหญ่ตัวหนึ่งในบริเวณใกล้เคียงนึกว่าจะมีลิงกระโดดออกมาจากหินก้อนนี้ และคิดไม่ถึงว่ามันจะถูกฟ้าผ่า เมื่อนกใหญ่ตัวนี้เห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปบังสายฟ้าเอาไว้ หลังจากช่วยชีวิตหินใหญ่ก้อนนี้แล้ว ห้าร้อยปีต่อมา หินใหญ่ก้อนดังกล่าวกลายเป็นคน จึงออกมาตอบแทนบุญคุณ…”
ตอนที่ 832 บุญคุณที่ช่วยชีวิตเอาไว้
“ความจริงนี่ไม่ใช่ภพชาติแรก ย้อนไปอีกหน่อย มีงูตัวหนึ่งถูกชาวนาจับได้ ขณะเตรียมใช้มีดกรีดเอาดีงู ผลปรากฎว่านกใหญ่ตัวหนึ่งก็บินโฉบมาแย่งงูตัวดังกล่าวไป…”
“…” กู้หมิงเป่าถึงกับนิ่งอึ้ง
อันที่จริงนางมองซ่งอิงด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“พระชายาอ๋องฮั่ว! ข้าอุตส่าห์ให้เกรียรติพูดคุยกับเจ้า เจ้ากลับหยอกล้อข้าเช่นนี้ นี่เจ้าดูถูกองค์หญิงอย่างข้าหรือ!” องค์หญิงชิงลั่วกล่าวด้วยความโมโหทันที
“ข้าเองก็พูดคุยกับเจ้าอย่างให้ความเกรงใจเช่นกันนี่” ซ่งอิงเผยสีหน้าไร้เดียงสา ทำทีจะร้องไห้ราวกับผู้น่าสงสาร “ทำไมเจ้าต้องดุข้าด้วย ข้าจะบอกท่านอ๋อง…”
“…” กู้หมิงเป่าเกือบสำลัก นางพยายามกลั้นเอาไว้จะแย่
ตอนนี้นางสงสัยว่าที่ผ่านมาพี่ซ่งท่านนี้หลอกต้มนางอยู่บ่อยๆ หรือไม่
“เจ้า เจ้า นางผู้นี้…” องค์หญิงชิงลั่วโกรธจนพูดไม่ออก
“องค์หญิงรีบร้อนอันใดเล่า นี่ข้าพูดเรื่องในอดีตชาติก่อนแล้วค่อยเล่าภพชาติปัจจุบันอย่างไรเล่า” ซ่งอิงทำสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ จากนั้นกล่าวอีกครั้ง “ชีวิตนี้…ท่านอ๋องฮั่วเป็นคนหมู่บ้านเดียวกันกับข้า ตอนเขายังเด็กปีนต้นไม้บนเขาแล้วตกลงมา มีข้าเป็นคนรับเขาไว้ ตอนลงน้ำไปจับปลาแล้วเกือบจมน้ำตายก็มีข้าช้อนตัวเขาขึ้นมา ทางบ้านไฟไหม้ข้าก็เป็นคนเอาน้ำไปสาดช่วยชีวิตมาได้…ความจริงคือข้าเป็นผู้มีบุญคุณที่ช่วยชีวิตเอาไว้ ผนวกกับเป็นคู่รักที่เติบโตด้วยกันมาตั้งแต่วัยเด็ก ข้าเองก็จนปัญญาเช่นกัน…”
“พรวด…” ไม่รู้ว่าเป็นใคร หลังจากฟังประโยคดังกล่าวของซ่งอิงจบก็อดกลั้นไม่ได้ชั่วขณะ จึงพ่นขนมที่เต็มปากออกมา
กู้หมิงเป่าลูบๆ หน้าอกอย่างไม่หยุดมือ
นางกำลังสำลักเสียแล้ว
องค์หญิงชิงลั่วได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ความปรารถนาที่อยากจะพูดคุยกับซ่งอิงถึงกับมลายหายไปหมดสิ้นแล้วจริงๆ
อีกทั้งเห็นสุราตกลงท้องนางไปตั้งพักใหญ่แล้ว ซ่งอิงผู้นี้กลับยังไม่มีปฏิกิริยาใดเลยสักนิด
คาดว่าเพราะฤทธิ์ยายังไม่ถึงที่
นางจึงตัดสินใจไม่สนใจซ่งอิงก่อนเป็นการชั่วคราว ไว้อีกเดี๋ยวซ่งอิงขายหน้าแล้ว ถึงเวลายังจะวางมาดเช่นนี้ได้อย่างไรอีก!
“ช่างเถอะ” องค์หญิงชิงลั่วชะงักงันชั่วครู่ “เมื่อไม่นานมานี้ข้าได้ชมระบำกับคนของโรงแสดง ให้พวกนางมาร่ายระบำให้ดูหน่อยแล้วกัน”
นางไม่สนใจซ่งอิงแล้ว
ซ่งอิงกินขนมเข้าไปคำหนึ่งอย่างเงียบๆ
“พี่ซ่ง ไฉนท่านจึงโกหกนางเช่นนี้ล่ะ แม้แต่ก้อนหินเอย นกยักษ์เอยล้วนขนออกมาหมด ข้าเกือบกลั้นหัวเราะไม่อยู่” กู้หมิงเป่าเขยิบเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยเสียงกระซิบ
“ข้ายังมีถ้อยคำที่น่าสนใจกว่านี้อีก เจ้าต้องการฟังหรือไม่” ซ่งอิงแววตาสะท้อนประกายขณะจับจ้องนาง
“ตกลง” กู้หมิงเป่าตื่นเต้นไม่น้อย
ได้ฟังเรื่องราวจากนาง ดีกว่าอ่านนิทานปรัมปราเป็นไหนๆ
“เกี่ยวข้องกับเจ้า” ซ่งอิงกล่าวอีกครั้ง
“ข้าหรือ” กู้หมิงเป่าไม่เข้าใจ
“ข้าจำได้ว่าเจ้าเคยเอ่ยว่ามีวาสนากับงูหรือ” ซ่งอิงเอ่ยถาม
“ใช่แล้ว ตอนเด็กๆ ข้าเคยถูกงูช่วยชีวิตเอาไว้และเคยฝันเห็นงูอยู่บ่อยๆ ท่านปู่ข้าบอกว่าจะต้องมีเซียนงูที่เก่งกาจเป็นพิเศษคอยปกป้องคุ้มครองข้าแน่” กู้หมิงเป่ากล่าวอย่างจริงจัง
“บอกเจ้าตามตรง อันที่จริงเจ้าเป็นปีศาจตนหนึ่ง” ซ่งอิงสีหน้าจริงจัง “ความจริงเจ้าเป็นราชันปีศาจงูตนหนึ่ง เป็นงูหนึ่งร่างสิบหัว มิหนำซ้ำยังมีปีกขนาดใหญ่มากเป็นพิเศษอีกด้วย ยอดเยี่ยมหรือไม่ล่ะ”
ซ่งอิงพูดจบก็ยัดขนมเข้าปากอีกหนึ่งคำ
กู้หมิงเป่ารู้สึกสนุกไปด้วย “ยอดเยี่ยมเจ้าค่ะ”
“จริงสิ ทว่าตอนนี้เจ้ายังเป็นคน ร่างปีศาจที่ว่านี้ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะปรากฏออกมาเมื่อใด หรือไม่เจ้าให้ข้าลองจับชีพจรดูหน่อยเป็นเช่นไร” ซ่งอิงเอ่ยถาม
“ท่านจับชีพจรได้ด้วยหรือ” หากไม่ใช่เพราะนางแสดงออกมากเกินไปไม่ได้ คาดว่าตอนนี้กู้หมิงเป่าคงได้หัวเราะเป็นบ้าแล้ว
พี่ซ่งช่างเข้าใจหยอกล้อกันเกินไปแล้ว!
“ได้สิ ข้าเล่นกลได้ นอกจากนั้นยังขับไล่ภูตผีปีศาจร้ายได้ด้วย!” ซ่งอิงคลี่ยิ้มกว้าง “ยื่นมือมาสิ ปล่อยจิตให้ว่าง ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น”
ซ่งอิงไม่ได้คิดว่าจะปลดปล่อยปีศาจใหญ่ออกมา หากแต่อยากดูว่าใช่อย่างที่เซียนนั่นพูดหรือไม่ และอยากรู้ว่าในร่างกายของกู้หมิงเป่ามีสิ่งใดที่ผิดปกติ
กู้หมิงเป่าให้ความร่วมมือเป็นพิเศษ ยื่นมือออกมาทันทีทันใด
ซ่งอิงดูคล้ายจับชีพจรอยู่ ทว่าในความเป็นจริงหลังจากสัมผัสนางแล้ว พลังหนึ่งก็เริ่มแล่นเข้าไปในร่างกายของกู้หมิงเป่า จากนั้นลองค้นหาไอปราณที่เป็นจำพวกเดียวกับนาง