ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 835 ข่มเหง ตอนที่ 836 หลอกลวง
ตอนที่ 835 ข่มเหง / ตอนที่ 836 หลอกลวง
ตอนที่ 835 ข่มเหง
ชิงลั่วคว้าข้อมือของซ่งอิงไว้กะทันหันแล้วออกแรงเต็มที่
นางจ้องซ่งอิงเขม็ง “หากเจ้ายอมตกลงหลีกทางหย่าร้างไป ข้าก็จะให้ฐานะสตรีร่ำรวยสูงส่งแก่เจ้า หากพี่ชายเจ้าสอบไม่ผ่าน ข้าก็ใช้เส้นสายช่วยให้เขาเป็นขุนนางชั้นผู้น้อยได้ เจ้ายังอยากได้อะไรอีก ข้าจะช่วยให้เจ้าสมดั่งปรารถนาทั้งหมด!”
ซ่งอิงยิ้มตาหยี จากนั้นเพียงบิดข้อมือเบาๆ มือก็หลุดออกจากมือขององค์หญิงชิงลั่วในคราวเดียว แล้วเป็นฝ่ายคว้าจับไว้แทน
องค์หญิงสีหน้าเปลี่ยนไป รู้สึกราวกับนิ้วมือจะหักแล้วก็ไม่ปาน
“เงินทอง ข้าหาเองได้ ส่วนผู้ชายหากเจ้าชอบก็ไปไล่ตามเองสิ หากเขามีใจตรงกับเจ้า ข้าก็ไม่ขวางทางเจ้าเช่นกัน ทว่าในเมื่อเจ้าหันมาเข้าหาข้า เช่นนั้นเกรงว่าเจ้าจะไม่เข้าตาฮั่วเจ้ายวนเลยสักนิดสินะ องค์หญิงชิงลั่ว ตอนที่พูดคุยอย่าได้ลงไม้ลงมือ ข้าไม่ชอบให้คนอื่นแตะต้องตัวข้า” ซ่งอิงพูดจบก็เหวี่ยงมือเรียวบางไปด้านข้าง จากนั้นจึงเช็ดข้อมือของตัวเองที่แดงเรื่อเล็กน้อย
บนใบหน้าชิงลั่วปรากฎความอับอายเล็กน้อย
“ดูท่าเจ้าไม่ยินยอมสินะ” ชิงลั่วกล่าวเสียงเย็นชา
“คนอย่างข้าไม่ชอบถูกผู้อื่นบังคับ ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่ชอบถูกคนอื่นวางแผนร้ายใส่ ในเมื่อเจ้าวางยาข้า เช่นนั้นก็ยิ่งไม่อาจให้ในสิ่งที่เจ้าต้องการได้ หลังจากกลับไป ข้าจะบอกฮั่วเจ้ายวนว่าเจ้าข่มเหงข้า กล่าวว่าเจ้าใจดำอำมหิต เป็นคนวางอำนาจบาตรใหญ่ ด้วยนิสัยของท่านอ๋องสามีข้า…” ซ่งอิงครุ่นคิด “พรุ่งนี้ก็อาจจะเข้าวังไปหาฮ่องเต้ให้จัดการแทนข้า?”
สีหน้าซ่งอิงจริงจังไม่เหมือนกำลังล้อเล่น
ขณะที่พวกนางเดินไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งเข้าไปในตรอกแคบที่ลึกขึ้น มองดูน่ากลัวเล็กน้อย
“เจ้ารู้ไม่น้อยนี่ มิหนำซ้ำยังรู้ว่าข้าวางยาเจ้าด้วยหรือ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ไม่กลัวเลยหรือ” ชิงลั่วกล่าวอย่างเย็นชา
“กลัวอะไร หรือว่าองค์หญิงยังเตรียมจะทำให้ข้าตายด้วยหรือ แม้เจ้ามีความเจ้าเล่ห์แต่ก็ไม่ใจกล้าขนาดนั้นหรอก” ซ่งอิงยิ้มเล็กน้อย
“ใช่ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ทว่าในเมื่อเจ้าชัดเจนว่าจะเป็นอริกับข้า เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าไม่เกรงใจ!” องค์หญิงชิงลั่วชักสีหน้าเย็นชา “เจ้ามองเห็นตำหนักที่อยู่เบื้องหน้านั่นแล้วหรือไม่ ในนั้นมีบ่อบาดาลที่เต็มไปด้วยโครงกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วน หากข้าขังเจ้าเอาไว้ที่นั่นหนึ่งคืน เจ้าเดาสิว่าจะเป็นอย่างไร”
“ข้าอยู่ไว้ทุกข์ตลอดช่วงที่ผ่านมา แทบจะล้างหน้าด้วยหยาดน้ำตาก็ว่าได้ เสด็จแม่อดสงสารไม่ได้มานานแล้ว บัดนี้ข้าพูดว่าเห็นเจ้าคราแรกก็เหมือนได้เจอสหายเก่า ขอให้เจ้าอยู่ในวังหลายๆ วันหน่อย ใครจะห้ามข้าได้! ตราบใดที่เจ้าอยู่ในวังหลวง ข้าก็จะทรมานเจ้า เจ้าเอานามของพระชายาอ๋องฮั่วไปใช้กับคนอื่นได้ แต่สำหรับข้ามันไม่ช่วยอะไรเลย!”
พระชายาอ๋องฮั่วหรือ สำหรับภายนอกก็แค่ฐานะหนึ่งเท่านั้นเอง ภายภาคหน้าต่อให้เกิดเรื่องขึ้นจริง คนภายนอกก็จะคิดว่าหญิงชนบทที่ไม่รู้ประสีประสาผู้นี้เดินไปผิดทาง หรือไม่ก็เพราะกระทำความผิดอะไรในวังเข้าแล้ว!
ซ่งอิงมองตำหนักที่อยู่เบื้องหน้านั้น แววตาตกตะลึงไปชั่วครู่
นางรู้สึกถึงกลิ่นอายที่ค่อนข้างคุ้นเคยไม่น้อย
“สถานที่ซึ่งมีคนตายจำนวนไม่น้อยหรือ” ซ่งอิงส่งเสียงตื่นตาตื่นใจ “เช่นนั้นก็รบกวนองค์หญิงพาข้าไปชมหน่อยแล้วกัน”
“???” องค์หญิงชิงลั่วตกตะลึง
เมื่อครู่นางพูดไปตั้งเยอะแยะ ถ้อยคำเหล่านั้นไม่เข้าหูซ่งอิงเลยหรือ!
ซ่งอิงย่างก้าวรวดเร็วมาก องค์หญิงชิงลั่วพร้อมขบวนคนของนางล้วนไม่ค่อยอยากเดินตามไปสักเท่าไร
“องค์หญิงเจ้าคะ นี่เป็นตัวนางเองต้องการเข้าไป…หากตกใจแล้วเกิดเป็นอะไรขึ้นมา…ก็จะไม่เกี่ยวกับท่านเจ้าค่ะ” หมัวมัวที่ติดตามข้างกายรีบบอกกล่าวทันที
องค์หญิงชิงลั่วกระชับกำปั้นเล็กน้อย “เจ้าพูดถูก”
เดิมทีนางก็คิดแค่จะขู่นางให้เกรงกลัว ทำให้นางรู้และยอมถอย ใครจะรู้ว่าคนผู้นี้กลับไม่ยอมลดราวาศอก เรื่องนี้ไม่เท่าไร ไม่นึกเลยว่ายังจะถ่อไปยังตำหนักแห่งนั้นจริงๆ อีกด้วย
นั่นเป็นสถานที่ที่เย็นเยียบเสียยิ่งกว่าวังร้างด้วยซ้ำ ว่ากันว่าเป็นสถานที่พักอาศัยของพวกนางข้าหลวงในราชวงศ์ก่อน ซึ่งตอนช่วงปลายปี นางข้าหลวงในวังเสียชีวิตกันจำนวนมาก เมื่อเสียชีวิตแล้วก็จะเอาศพมาโยนลงในบ่อบาดาลแห่งนี้ ส่วนราชวงศ์ปัจจุบัน สถานที่แห่งนี้ถูกปิดตายไปแล้ว
ตอนที่ 836 หลอกลวง
ซ่งอิงมาถึงหน้าประตูตำหนักที่ทรุดโทรมแห่งนี้อย่างรวดเร็วมาก
นางเปิดประตูบานที่ถูกปลวกแทะจนเสียหายแล้วย่างก้าวเข้าไปอย่างไม่ลังเลสักนิด
“เราก็ต้องเข้าไปเช่นกันใช่หรือไม่เจ้าคะ องค์หญิง ได้ยินว่าอยู่ในสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยความชั่วร้าย จะมีวิญญาณตามหลอกหลอนเอาได้นะเจ้าคะ…” หมัวมัวหวาดกลัวเล็กน้อย นางเดิมทีก็เป็นนางข้าหลวง ดังนั้นจึงยิ่งหวาดกลัวสถานที่แห่งนี้มาก
“นี่กลางวันแสกๆ ผีจะมาจากไหนเล่า” องค์หญิงชิงลั่วสองจิตสองใจ นางเงยหน้ามองฟ้า ท้ายที่สุดก็เลือกเดินเข้าไปด้วย
เพียงแต่ครั้นเหยียบย่างพ้นประตูบานนี้ ไม่รู้ด้วยเหตุใดจึงรู้สึกถึงลมเย็นเป็นระลอก และท้องฟ้าก็ดูมืดครึ้มขึ้นมาอีกไม่น้อย
บนพื้นเต็มไปด้วยใบไม้ร่วงหล่น และบริเวณที่ไม่มีกระเบื้องก็เต็มไปด้วยหญ้าป่า ขาดการปรับปรุงมาเป็นเวลานาน บริเวณโดยรอบมีเพียงความรกร้างและเย็นยะเยือก ในลานกว้างมีบ่อบาดาลอีกหนึ่งแห่ง เพียงแต่ปากบ่อถูกหินขนาดใหญ่หนึ่งก้อนปิดเอาไว้ ทำให้โล่งใจได้เล็กน้อย
ซ่งอิงยืนอยู่ใจกลางลานบ้าน ไม่ขยับเขยื้อน
“นาง นางเป็นอะไรไปแล้วหรือ” สีหน้าองค์หญิงชิงลั่วแข็งทื่อไปเล็กน้อย “แม่นางซ่ง เจ้าจะแสร้งทำเป็นผีหรือ!”
ซ่งอิงยังคงไม่เคลื่อนไหว
องค์หญิงชิงลั่วหน้านิ่วคิ้วขมวด “พวกเจ้าไปดูสิว่านางเป็นอะไรไป!”
แสร้งทำเป็นเร้นลับซับซ้อนไปได้!
สถานที่แห่งนี้บรรยากาศชวนสะพรึงขวัญ ทันใดนั้นบนพื้นก็เกิดลมเย็นที่ม้วนตัวเป็นวงเล็กๆ หอบเอาใบไม้สีเหลืองขึ้นมา มองดูยิ่งให้ความรู้สึกน่ากลัวมากขึ้นอีกไม่น้อย
สองคนที่อยู่ข้างกายองค์หญิงดูวิตกกังวลเล็กน้อย เดินไปข้างหน้าอย่างลังเล
ซ่งอิง! ซ่งอิงหันมาแล้ว!
เห็นเพียงนางเอียงศีรษะอยู่ สีหน้านางขาวซีดเหมือนทาผงแป้งเอาไว้หนึ่งชั้น ริมฝีปากแดงก่ำ มองพวกนางด้วยแววตาอาฆาต
“ว้าย…” ทั้งสองคนหันหลังกลับทันที ก่อนจะล้มลงไปกองบนพื้นเสียดื้อๆ
องค์หญิงชิงลั่วตระหนกตกใจเช่นกัน นางไม่เอ่ยวาจา รีบร้อนกลับหลังหันเตรียมวิ่ง
แทบจะชั่วพริบตาเดียว ในลานกว้างแห่งนี้พลันว่างเปล่า ประตูเก่าแก่ทรุดโทรมบานใหญ่ส่ายไปมาสองครั้งพร้อมเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด
ครั้นพวกนางเผ่นไปแล้ว ซ่งอิงคลี่ยิ้ม จากนั้นเช็ดผงแป้งฝุ่นรวมไปถึงแยมผลไม้บนใบหน้าออก
องค์หญิงชิงลั่วขี้ขลาดขนาดนี้ยังมีหน้ามาขู่ให้นางกลัวอีกหรือ
สถานที่ที่เคยมีคนตายหรือจะน่ากลัวกว่าภูตและปีศาจ นางวันๆ ลืมตาขึ้นมองดูนู่นนี่ก็มองเห็นรูปลักษณ์เดิมของเหล่าปีศาจที่นางเลี้ยงไว้ในบ้านได้ นางเคยกลัวเมื่อใดกัน
ซ่งอิงสบถฮึ จากนั้นเริ่มเดินเตร็ดเตร่ดูในตำหนักแห่งนี้
ที่แห่งนี้เป็นตำหนักด้านข้าง ไม่ถือว่าใหญ่โตโอ่อ่าและทำเลยังไม่ดีอีกด้วย เดิมทีก็มีไอชั่วร้ายอยู่เล็กน้อย นอกจากนั้นในที่แห่งนี้ยังปลูกต้นไม้เอาไว้อีกด้วย เมื่อไม่มีคนมาทำความสะอาดเป็นเวลาหลายปี ก็ไม่แปลกที่จะชวนให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดใจ
มีวิญญาณผีหรือไม่ซ่งอิงไม่ทราบแน่ชัด ทว่ามีกลิ่นอายของปีศาจจริงไม่ผิดแน่
ซ่งอิงกวาดตามองโดยรอบ จากนั้นขยับก้อนหินขนาดใหญ่ที่อยู่บนปากบ่อบาดาลลงไป
จากนั้นนางก็มองลงไปข้างล่าง
บ่อบาดาลแห่งนี้ไม่ได้ลึกแต่อย่างใด อีกทั้งข้างในไม่มีน้ำแม้แต่หยดเดียวด้วยซ้ำ โครงกระดูกที่พูดถึงก็ไม่มี
กลิ่นอายปีศาจที่ว่านี้ไม่เหมือนดวงจิตปีศาจที่ออกมาจากเรือนร่างกู้หมิงเป่าเสียทีเดียว หากแต่เหมือนอากาศ แพร่กระจายอยู่ในบ่อบาดาลนี้ คล้ายกับค่อนข้างอ่อนแอเสียด้วย
หลังจากครุ่นคิดดู ซ่งอิงจึงใช้พลังที่มีนำเอาดวงจิตปีศาจที่แผ่กระจายเหล่านี้เก็บขึ้นมา
ท้ายที่สุดก็เอามารวมๆ กันกลายเป็นก้อนแสงกลมเล็กหนึ่งก้อน เพียงแต่ครั้งนี้ ก้อนแสงกลมนี้มองดูอ่อนแอเป็นพิเศษ ราวกับว่าจะสลายหายไปได้ทุกเมื่อ
นางจับโยนเข้าไปในช่องว่างระหว่างมิติ จากนั้นตนเองก็ตามเข้าไปในช่องว่างระหว่างมิติด้วยเช่นกัน
ดวงจิตปีศาจในครั้งนี้ลักษณะเหมือนกับดวงจิตปีศาจสืออิ๋งที่ว่านั่น ขึ้นไปห้อยอยู่บนต้นไม้แล้วเริ่มดูดซับพลังงาน
“เจ้าเจอดวงจิตปีศาจมาจากไหนอีก!” หลิงเฟิงตระหนกตกใจไม่น้อย
“จากตัวกู้หมิงเป่าแล้วก็ในวังหลวงน่ะสิ” ซ่งอิงเอ่ยพูดหน้าตาเฉย
“…” หลิงเฟิงเบิกตาโตชั่ววูบ “เป็นไปไม่ได้ ดวงจิตปีศาจที่อยู่ในตัวคุณหนูกู้จะหนีออกมาได้อย่างไร นอกเสียจากมันเป็นฝ่ายอยากรนหาที่ตายเอง!”