ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 863 อุปทานไม่พอกับอุปสงค์ ตอนที่ 864 สอบผ่าน
ตอนที่ 863 อุปทานไม่พอกับอุปสงค์ / ตอนที่ 864 สอบผ่าน
ตอนที่ 863 อุปทานไม่พอกับอุปสงค์
สหายคนสนิทที่อยู่ ณ ตรงนั้นรีบเข้ามาแย่งในทันที หนึ่งคนหนึ่งคู่ลองใส่เข้าไปบนมือ
อุ่นจริงๆ ด้วย…
“ไหนเจ้าบอกมาสิว่าของสิ่งนี้เป็นเงินจำนวนคู่ละเท่าไหร่” ลู่ข่ายร้อนใจจะแย่
นี่ยังนับกันเป็นพี่น้องอยู่หรือไม่!
ได้สิ่งของดีงามขนาดนี้ แต่เอามาโฆษณาในลานกว้างต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ ไม่คำนึงถึงมิตรภาพของพวกเขาเลยสักนิด และไม่รู้จักส่งให้เขาเป็นการส่วนตัวสักสองคู่
“ข้ายังต้องเล่าเรียนหนังสือ น้องสาวข้าจึงไม่ได้บอกเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางบอกแค่ว่าหากมีคนอยากซื้อก็ไปดูที่โรงว่านหลิงทางด้านถนนจินอู ทางด้านนั้นมีขาย หากไปเร็วก็ยังพอซื้อได้หลายคู่หน่อย แต่หากไปช้า อาจต้องต่อแถวแล้วละ” ซ่งสวินกล่าวอีกครั้ง
ครั้นสิ้นเสียงคำพูดเขา ลู่ข่ายก็เรียกข้ารับใช้หนุ่มที่ติดตามระหว่างเล่าเรียนให้มาหาเพื่อไปจัดการเรื่องนี้ทันที
เขาไม่เชื่อในสิ่งของของคนอื่น แต่ของที่ซ่งอิงทำ ไม่เคยทำให้คนผิดหวังมาก่อน
อวี๋ชิงเห็นเขาท่าทีเอาจริงเอาจังเช่นนี้ ถึงกับอดหัวเราะไม่ได้ “ก็แค่ถุงเท้าขนสัตว์คู่หนึ่งเท่านั้นเองมิใช่หรือ ซื้อไม่ได้ก็ไม่เห็นจะเป็นไร เราผ่านกันมาตั้งหลายปีขนาดนี้แล้ว มีหรือจะแข็งตาย”
ลู่ข่ายมองคนซื่อบื้อผู้นี้อย่างเห็นใจแวบสายตาหนึ่ง “เชื่อข้า เจ้าไปซื้อ ไม่สิ ช่างเถิด ไว้เดี๋ยวข้าจะแบ่งจากที่ซื้อมาเหล่านั้นให้เจ้าหนึ่งคู่แล้วกัน”
ซ่งอิงเปิดขายถุงมือและถุงเท้าขนสัตว์เหล่านี้แล้ว
เมื่อทางด้านซ่งสวินโฆษณาให้รู้โดยทั่วได้ที่แล้ว วันแรกก็ขายออกไปเกือบๆ สามสิบคู่ ซึ่งก็ไม่นับว่ามากมายนักเช่นกัน
แต่หลังจากคนซื้อของพวกนี้กลับไปก็ลองใส่มันทันที ซ่งสวินถึงขนาดยังคงอาศัยลูกไม้เดิมๆ อีกครั้งด้วยการมอบให้อาจารย์ บรรดาอาจารย์ก็หวังเช่นกันว่านักเรียนในปกครองตนจะสอบขุนนางได้ จึงบอกกล่าวต่อไปเป็นทอดๆ อีกยกใหญ่
ดังนั้นเมื่อเริ่มขายในวันที่สาม ก็อุปทานไม่พอกับอุปสงค์เสียแล้ว
เพื่อการสอบคัดเลือกขุนนางในปีนี้ จวี่เหรินจำนวนมากถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับมาสามปี บัดนี้ทุกสิ่งที่จะมีผลดีต่อการสอบ พวกเขาล้วนแห่กันไปไขว่คว้ามาทั้งนั้น แล้วนับประสาอะไรกับถุงมือถุงเท้าขนสัตว์ของซ่งอิงที่มีประสิทธิภาพดีมากจริงๆ ด้วยเหตุนี้จึงมีคนต่อแถวยาวเหยียดอยู่นอกร้านตลอดเวลา
นางตั้งราคาถุงมือและถุงเท้านี้ไม่ถือถูกเช่นกัน หนึ่งคู่หนึ่งตำลึงเงิน
บรรดาปีศาจน้อยในบ้านทำงานกันตลอดหนึ่งวันจะผลิตออกมาได้ประมาณห้าร้อยคู่ แต่เทียบกับปริมาณผู้สอบคัดเลือกขุนนางที่มหาศาลนี้ก็ยังตามไม่ทัน
แล้วนับประสาอะไรกับผู้ที่ซื้อถุงมือถุงเท้านี้ไม่ใช่แค่บรรดาจวี่เหรินเหล่านี้ แต่ยังมีบุตรจากตระกูลผู้ร่ำรวยจำนวนไม่น้อยอีกด้วย
มองดูรายรับที่เข้าบัญชี ซ่งอิงรู้สึกดีใจอย่างยิ่ง
ฮั่วเจ้ายวนนับวันยิ่งไม่เข้าใจนาง
เขาไม่เคยเห็นปีศาจที่หาเงินได้เก่งขนาดนี้มาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นไม่เคยเห็นผู้ที่ชื่นชอบเงินตราขนาดนี้เลย
ยวนยางที่ขนาดใหญ่อย่างพญาหงส์ เกรงว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับอีกาดำกระมัง
เดือนสอง วันที่แปด บรรดาจวี่เหรินเข้าสู่สนามสอบ ดำเนินการสอบคัดเลือกขุนนาง
กิจการของซ่งอิงจึงเงียบลงหน่อย แต่ยังคงทำเงินได้ กิจการสบู่ที่อยู่ข้างๆ ก็สถานการณ์พอๆ กับเมืองยงแล้ว ทุกวันล้วนขายออกไปได้จำนวนมาก เพียงแต่เมืองหลวงทางด้านนี้ยังไม่มีโรงผลิตสบู่ ดังนั้นทำได้เพียงเป็นกิจการเล็กๆ
แต่ถุงมือถุงเท้าขนแกะนี้ นำมาซึ่งความสนใจของผู้คนไม่น้อยจริงๆ
มีผู้คนจำนวนไม่น้อยสอบถามทั้งต่อหน้าและลับหลังเกี่ยวกับวิธีการถักถุงมือและถุงเท้าขนแกะนี้ ด้านนอกหมู่บ้านสวนชานเมืองของนางแห่งนี้จึงมีคนนอกปรากฏขึ้นมาไม่น้อยอย่างกะทันหัน
เพียงแต่น่าเสียดายที่สถานที่ของนางแห่งนี้ปีศาจเยอะ โดยทั่วไปผู้คนเข้ามาไม่ได้
เดือนสอง วันที่สิบเก้า การสอบระดับฮุ่ยซื่อสิ้นสุดลงและอีกไม่กี่วันก็จะถึงเวลาของการประกาศผลแล้ว
ซ่งอิงไม่ได้สนใจว่าซ่งสวินจะสอบผ่านหรือไม่ ขอเพียงไม่ติดถงจิ้นซื่อ[1]ในอันดับสามก็เป็นอันใช้ได้ อย่างไรเสียถงจิ้นซื่อกับจิ้นซื่อ[2]ก็มีความแตกต่างกันมาก และมีผลกระทบต่อเส้นทางอาชีพขุนนางในภายภาคหน้าด้วยเช่นกัน
เมืองหลวงแห่งนี้ ผู้ที่ใส่ใจผลการสอบของซ่งสวินมากที่สุดไม่ใช่ซ่งอิง หากแต่เป็นศัตรูของซ่งอิง
ท่านโหวซ่งให้คนไปสืบถามแต่เช้าตรู่ก็ จึงรู้ผลก่อนซ่งอิงเสียอีก
“ที่หกหรือ!” ครั้นท่านโหวซ่งโหวได้ยินดังนั้น ลูกตาก็แทบจะถลนออกมา “เขาเพิ่งเรียนหนังสือกี่ปีเอง ไม่นึกเลยว่าจะสอบผ่านด้วยหรือ!”
อีกทั้งยังเป็นที่หก!
ตอนที่ 864 สอบผ่าน
ตอนนี้ยังไม่ถึงการสอบเข้ารับราชการในวัง แต่ตอนนี้ก็สอบเป็นที่หกแล้ว ตราบใดที่ซ่งสวินอยู่ในการสอบชิงตำแหน่งขุนนางโดยไม่กระทำผิดพลาด อย่างต่ำก็เป็นระดับสอง ถึงขั้นยังมีความเป็นไปได้ว่าจะได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้ให้เป็นระดับหนึ่งอีกด้วย!
“ไม่นึกเลยว่าคนต่ำต้อยผู้นี้จะเรียนหนังสือเก่งขนาดนี้ ร้ายกาจจริงๆ” ท่านโหวซ่งโกรธเกรี้ยวไม่น้อย “ช่างเถอะ เอาของขวัญส่งไปให้เขา ถือว่าเป็นการแสดงความห่วงใยและน้ำใจจากข้า”
ปัจจุบันซ่งอิงมีความสัมพันธ์กับฮั่วเจ้ายวน ต่อให้เขาอยากจะก่อปัญหาลับหลังก็เกรงว่าจะไม่เป็นผลสำเร็จอยู่ดี
เพียงแต่อยู่ดีๆ ก็มีศัตรูเพิ่มขึ้นมามากมายเยี่ยงนี้ ในใจเขาย่อมไม่สบอารมณ์เป็นธรรมดา อย่างไรเสียเดิมทีคนผู้นี้ก็เป็นวงศ์ตระกูลเดียวกับเขา…
ท่านโหวซ่งมีความประสงค์จะคลี่คลายความสัมพันธ์ เพียงแต่น่าเสียดาย สิ่งของไม่ได้ส่งถึงมือซ่งสวิน ข้ารับใช้หนุ่มที่ไปส่งของขวัญก็ถูกไล่ตะเพิดออกไปแล้ว
แม้ว่าการสอบฮุ่ยซื่อสิ้นสุดลงแล้ว แต่ยังมีด่านสุดท้ายอีก ฮั่วเจ้ายวนจึงรีบมาหาแต่เช้าตรู่ นำสถานการณ์ของการสอบคัดเลือกตำแหน่งขุนนางบอกกล่าวกับซ่งสวินไว้หน่อย
การสอบฮุ่ยซื่อทดสอบความรู้ความสามารถ ด้านการสอบคัดเลือกตำแหน่งขุนนางเหมือนการสอบด้วยรูปร่างหน้าตา นิสัยใจคอ และเสน่ห์ของการพบกันครั้งแรกกับฮ่องเต้ หรือแม้กระทั่งรัชทายาทเสียมากกว่า
ฮั่วเจ้ายวนไม่ได้อยู่เมืองหลวงเป็นเวลานาน แต่ยังค่อนข้างเข้าใจเกี่ยวกับเชื้อพระวงศ์ จึงนำความชอบเป็นพิเศษ ตลอดจนเรื่องต้องห้ามบอกกล่าวกับซ่งสวินอย่างถี่ถ้วน
มีการช่วยเหลือจากเขา ซ่งสวินจึงสยบสภาพจิตใจวิตกกังวลไปได้ไม่น้อย
การสอบคัดเลือกตำแหน่งขุนนางในวันนั้น ซ่งสวินเดินตัวสั่นเข้าสู่พระราชวัง
การสอบฮุ่ยซื่อครั้งนี้ ท่ามกลางสหายคนสนิทของเขามีเพียงลู่ข่ายเท่านั้นที่สอบผ่าน แต่ก็ไม่ใช่อันดับแรก เขาติดในที่สามของอันดับหนึ่ง
ลู่ข่ายได้รับการสั่งสอนชี้แนะจากอาจารย์ผู้เลื่องชื่อลือนามมาตั้งแต่เด็กยังยากลำบากเช่นนี้ แล้วนับประสาอะไรกับเขา หากไม่ใช่กินดื่มของดีๆ จากซ่งอิงในการบำรุง เขาอยากจะบรรลุถึงระดับสูงเช่นปัจจุบันนี้ได้ อย่างน้อยๆ ก็ต้องสิบปี
“เราได้ยินว่าพระชายาอ๋องฮั่วเป็นน้องสาวของเจ้าหรือ” สอบๆ อยู่ ฮ่องเต้ก็พูดคุยสัพเพเหระ เอ่ยถามซ่งสวิน
ซ่งสวินไม่อ่อนน้อมจนดูต่ำต้อย แต่ก็ไม่แข็งกร้าวจนเกินไป “พะย่ะค่ะ”
“เรายังได้ยินอีกว่าน้องสาวเจ้าเปิดร้านค้า ทำถุงมือและถุงเท้าขนแกะไม่น้อย เพียงพอให้พวกเจ้าได้อยู่ในสนามสอบโดยไม่หนาวเหน็บหรือ” ฮ่องเต้กล่าวอีกครั้ง
“ใช่พะย่ะค่ะ น้องสาวหัวคิดดี มักจะคิดสิ่งของประหลาดและหายากยิ่งเหล่านี้ออกมา เพียงแต่นางเป็นคนเกียจคร้าน ไม่ชอบดูแลจัดการเรื่องต่างๆ ร้านค้าที่มีล้วนให้คนอื่นเป็นผู้กำกับดูแลทั้งสิ้นพะย่ะค่ะ” ซ่งสวินกล่าวตอบทันที
เขารู้เช่นกันว่าในฐานะพระชายาอ๋อง จะโผล่หน้าโผล่ตาไปทั่วไม่ได้
ดังนั้นก็จำเป็นต้องช่วยอธิบายแทนซ่งอิงสักหน่อย
“เรามิได้มีความหมายที่จะตำหนินาง พวกเจ้าร่างกายอบอุ่นจึงสอบเขียนบทความได้ดียิ่งขึ้น เราดูๆ อยู่ ปีนี้ระดับของบทความพวกนี้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นไม่น้อยจริงๆ” ฮ่องเต้เสียงราบเรียบ จากนั้นกล่าวอีกครั้งว่า “เจ้าเป็นคนจากหมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่งในเมืองยง อายุเยาว์วัยแต่เขียนบทความออกมาได้ลักษณะนี้นับว่าไม่ง่ายจริงๆ ดูท่าปกติแต่ละวันคงตั้งใจเล่าเรียนไม่น้อย”
ในฐานะฮ่องเต้ เขาย่อมต้องทำความเข้าใจลูกศิษย์แห่งโอรสสวรรค์เหล่านี้ไว้หน่อย ดังนั้นจึงตรวจสอบพื้นเพของสองสามคนที่โดดเด่นอย่างยิ่งในหมู่คนเหล่านี้เอาไว้แต่เนิ่นๆ
ซ่งสวินผู้นี้เป็นพี่เขยของอ๋องฮั่ว แต่เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนรู้มารยาท มีคุณธรรมอันดี มีความสนิทสนมกับอ๋องฮั่ว แต่ไปมาสู่กันไม่ถือว่ามากแต่อย่างใด เป็นเพียงคนที่รู้จักรุกและรับคนหนึ่ง ไม่แอบอ้างอำนาจของผู้มีอิทธิพล
เป็นคนใช้การได้คนหนึ่ง
ซ่งสวินงุนงงสับสน แต่รู้สึกว่าฮ่องเต้มีความประทับใจที่ไม่เลวต่อตัวเขา
ปรากฏว่าเป็นไปอย่างที่คาดการณ์ไว้ กระทั่งผลสอบของครั้งสุดท้ายออกมา ซ่งสวินก็ดีอกดีใจอย่างยิ่ง
บัณฑิตจอหงวนที่หนึ่งในอันดับแรกคือคนผู้หนึ่งซึ่งอายุสามสิบปีเห็นจะได้ มีภูมิหลังจากตระกูลที่มีหน้ามีตา ความรู้และความสามารถครบครันเหนือทุกคนจริงๆ ที่สองในอันดับแรกคือบุตรชายเจ้าเมืองประจำเมืองหลวง ลู่ข่ายสอบได้ที่สามในอันดับแรกคือบัณฑิตทั่นฮวา[3] ส่วนเขาคือฉวนลู่ ที่หนึ่งในอันดับสอง
แม้ว่าเป็นอันดับสอง แต่กลับเป็นลำดับถัดจากสองตำแหน่งหน้า!
ซ่งสวินพอใจอย่างยิ่ง เขาไม่เคยคิดฝันที่จะเป็นบัณฑิตจอหงวนมาก่อนเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น เขาเล่าเรียนหนังสือมาไม่ได้นานนัก หากมิใช่เพราะมีโชคและน้องสาว ต่อให้เป็นถงจิ้นซื่อก็ยังยาก
ระดับหนึ่งจำนวนสามคนได้เข้าสู่สำนักฮั่นหลินทันที ซ่งสวินระดับสอง แต่กลับเป็นผู้ที่เก่งกาจที่สุดในหมู่บัณฑิตระดับสอง ตอนนี้ก็เข้าสู่การสอบเลือกตำแหน่งขุนนางราชสำนักได้อีกขั้น หากผ่านการสอบ ก็จะได้อยู่เมืองหลวงเป็นซู่จี๋ซื่อ[4] ภายภาคหน้าหลังจากผ่านการเล่าเรียนและสอบ ก็สอบเข้าสู่สำนักฮั่นหลินได้อีกครั้งเพื่อเป็นผู้ตรวจสอบ หรือแก้ไขอย่างเป็นทางการผู้หนึ่ง จากนั้นความเป็นไปได้ที่ภายภาคหน้าจะมีหนทางได้เป็นขุนนางใหญ่ก็จะมากขึ้นหน่อย
—————————-
[1] ถงจิ้นซื่อ (同进士) ถงจิ้นซื่อ กลุ่มบัณฑิตที่สอบได้เป็นอันดับที่สามในการสอบราช่สำนัก ซึ่งมีจำนวนหลายคน
[2] บัณฑิตขั้นสูง (进士) คือผู้ที่สอบผ่านการสอบระดับราชสำนัก หรือระดับราชวัง ที่จัดขึ้นทุก ๆ 3 ปี หากบัณฑิตคนใดสอบได้เป็นจิ้นซื่อ ก็เท่ากับมีโอกาสได้เป็นขุนนางในราชสำนักค่อนข้างแน่นอน
[3] ทั่นฮวา (探花) คือบัณฑิตที่สอบได้ลำดับที่สาม
[4] ซู่จี๋ซื่อ (庶吉士) บัณฑิตทดลองปฏิบัติราชการ