ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 89 ภูตลูกไก่ ตอนที่ 90 ชักนำลางร้าย
บทที่ 89 ภูตลูกไก่
สองตีนของลูกไก่สีเหลืองวิ่งอย่างรวดเร็วดุจบิน ปีกเล็กๆ นั่นกระพือ ‘พั่บ พั่บ’ ค่อนข้างมีพละกำลังมากทีเดียว
หลายวันนี้แม้ยุ่งวุ่นวาย แต่ซ่งอิงไม่ลืมมัน เด็ดผักสดใหม่จำนวนหนึ่งให้มันทุกวัน แต่อย่างไรเสียมันก็เป็นไก่ตัวหนึ่ง จะกินเพียงผักป่าอย่างเดียวไม่ได้ อาหารที่สำคัญที่สุด ยังคงเป็นจำพวกธัญพืช ดังนั้นสามสี่วันมานี้มันจึงได้รับน้ำผ่านจิตไม่มากนัก
ไม่แน่ว่ามันอาจสู้บรรดาเป็ดเหล่านั้นที่ไปลงน้ำในแปลงนาทุกวันไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่คิดไม่ถึงว่ามองดูแล้วจะกระปรี้กระเปร่าเช่นนี้ มองปราดเดียวก็รู้ว่าแสนรู้อย่างยิ่ง
บรรดาเป็ดเหล่านั้น มองดูยังไม่พิเศษอะไรนักเลย!
“เจ้าดูลูกไก่สิ ยอดเยี่ยมกว่าเจ้าตั้งเยอะ ข้าดีต่อเจ้าถึงเพียงนี้ ตอนเจ้าเห็นข้าไม่เห็นจะดีอกดีใจเพียงนี้เลย” ซ่งอิงพูดใส่โสมน้อย
ครั้นนั่งยองลงยื่นมือออกไป คิดไม่ถึงว่าลูกไก่จะกระโดดมาอยู่ในมือนาง
ซ่งอิงตกตะลึงอีกครั้ง
ยามที่พาลูกไก่ตัวนี้มาจากบ้านซ่งก็โตไม่น้อยแล้ว ขนไม่เหมือนลักษณะเช่นเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้ขนขึ้นเป็นหย่อมๆ ดูมีทั้งความน่าเกลียดและน่ารักในเวลาเดียวกัน
ภูตโสมถลึงตากลมโต แสดงความไม่พึงพอใจเป็นพิเศษต่อเจ้าลูกไก่ตัวนี้
แต่มันไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ไก่ตัวนี้ช่างไม่เหมือนไก่เอาเสียเลย แสนรู้จนดูเหมือนสุขนัขตัวหนึ่ง
“ท่านแม่ หรือไม่เราเลี้ยงหมาไว้สักตัวเถอะ? หมาเกิดมาก็แสนรู้เช่นนี้ ลูกไก่แย่กว่าหมาเยอะ!” ภูตโสมครุ่นคิดแล้วกล่าว
“ต้องเลี้ยงอยู่แล้ว แต่ท่านพ่อข้าเอ่ยไว้ว่าอีกระยะหนึ่งจะหาลูกหมาป่าที่เอาไว้เฝ้าประตูบ้านได้ให้ข้าสักสองตัว ดังนั้นยังต้องรออีกหน่อย” ซ่งอิงบอกกล่าว ก่อนเอ่ยพูดอีกครั้ง “เจ้าอย่าเที่ยวเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อยสิ ตอนนี้มองดูให้ละเอียดสิว่า สรุปแล้วมันกลายเป็นภูตแล้วหรือไม่”
“ไม่! ก็แค่แสนรู้นิดหน่อยเท่านั้นละ!” ภูตโสมไม่อยากมองมันแม้เพียงเล็กน้อยด้วยซ้ำไป
นั่นเป็นแค่ไก่เองนะ บรรดาสัตว์ทั้งหมดทั้งมวล ล้วนรังแกบรรดาพืชเหล่านี้อย่างพวกมัน
ก็เพราะยามที่พวกมันไม่ได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ไม่อาจวิ่งหนีได้ ดังนั้นบรรดาสัตว์เหล่านี้จึงกัดกินพวกมันหน้าตาเฉย!
ช่วงหลายปีนั้นที่มันอยู่ในป่าดงพงไพร ใบถูกไก่ป่าจิกกินไปไม่รู้กี่ครั้งแน่ะ! โชคดีที่รากฝอยของเขาโดยทั่วไปล้วนอยู่ในดิน มิเช่นนั้นตอนนี้คงเหลือไม่กี่เส้นเป็นแน่!
“นี่ยังไม่ถือว่าเป็นภูตอีกหรือ” ซ่งอิงมุ่นคิ้ว “จริงสิ วันนี้ตอนที่เจ้าไปต้อนเป็ดในแปลงนา ไม่ค้นพบภูตโสมตนอื่นๆ หรอกกระมัง?”
“โสมไม่ใช่ผักกาดขาวนะ!” โสมน้อยสบถหึ คิดว่าตนโดนสบประมาทเข้าแล้ว “ข้ามีพวกประเภทเดียวกันบนเขาเยอะแยะ แต่พวกมันกลายเป็นภูตไม่ได้ มีเพียงข้าที่โชคดีแล้วยังชาญฉลาดอีกด้วย ดังนั้นจึงเปลี่ยนร่างได้!”
ทำไมจอมทึ่มชั่วร้ายผู้นี้มักคิดว่าภูตผีปีศาจเป็นกันได้ง่ายดายเพียงนั้นนะ!
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันกินดินอย่างทุกข์ยากลำบากตั้งหลายปี!
ซ่งอิงคลี่ยิ้ม “อย่าโมโหเลยน่า มีหนึ่งก็ต้องมีสอง แม้แต่ลูกไก่ยังเปลี่ยนไปฉลาดได้เลย ใครจะรู้ว่ายังจะมีเรื่องราวที่แปลกประหลาดพบเห็นได้ยากยิ่งเกิดขึ้นอีกหรือไม่”
เมื่อเอ่ยคำพูดนี้จบ ซ่งอิงตรึกตรองชั่วครู่ ก่อนกล่าวขึ้นอีกครั้ง “มันเก่งกาจกว่าลูกไก่ตัวอื่นๆ หน่อย พวกเราก็ตั้งชื่อให้มันสักชื่อแล้วกัน?”
ภูตโสมมุ่ยกลีบปากเล็กๆ ของเขา
มันเป็นสิ่งที่มีพลังงานจิตวิญญาณอันฉลาดเฉียบแหลมและสมบูรณ์แบบจนกลายเป็นภูต ดังนั้นจึงมีชื่อ แต่เจ้าลูกไก่ตัวนี้มันเป็นอะไรกัน? จะต้องมีชื่อด้วยเช่นกันหรือ!
หงุดหงิด!
“ก็ชื่อว่าต้าหวงดีหรือไม่ จากนี้ภาระงานอย่างการบอกกล่าวเวลาก็มอบให้มันแล้วกัน” ในสมองซ่งอิงพลันปรากฏภาพหนึ่งวูบขึ้นมา ต้าหวงที่สง่างามน่าเกรงขามยืนอยู่บนรั้วของปากทางลานบ้านนาง ส่งเสียงร้อง ‘เอ้ก อี เอ้ก เอ้ก’
ภาพฉากนั้นก็จะมีกลิ่นอายไร่นามากยิ่งขึ้น
โสมน้อยได้ยินชื่อนี้ ค่อยรู้สึกสบายใจหน่อย จะอย่างไรก็อยู่อาศัยกับพวกมนุษย์มาแล้วหลายวัน เป็นธรรมดาที่จะรับรู้เช่นกันว่า ชื่อนี้มีความแตกต่างกับชื่อของมนุษย์
ชื่อของแมวและหมาล้วนไม่ไพเราะเช่นนี้ละ ไม่เหมือนเขา มีแซ่ ซื่อ มีชื่อ อีกทั้งจอมทึ่มชั่วร้ายก็บันทึกให้เขาอยู่ในทะเบียนบ้านด้วย
ตอนที่ 90 ชักนำลางร้าย
แม้ว่าภูตโสมจะหายโกรธแล้ว แต่ยังคงรู้สึกว่าจอมชั่วร้ายผู้นี้ไม่เชื่อในสิ่งที่ตนพูดเอาเสียเลย จึงหดหัวลง เปลี่ยนร่างกลับไปดังเดิม มุดลงดิน ดำดินกลับไปยังพื้นที่บริเวณหนึ่งที่ซ่งอิงเว้นไว้ให้เขาโดยเฉพาะ
บริเวณโดยรอบพื้นที่นั้น บัดนี้ถูกปลูกต้นท้อเอาไว้หนึ่งต้น
ทุกวันซ่งอิงจะรดน้ำผ่านจิตลงในดินบริเวณนั้น รสชาติอร่อยยิ่งนัก
ต้นผลไม้ที่ซ่งจินซานเลือกให้ซ่งอิงกำลังอยู่ในช่วงผลิดอก ยามที่ย้ายเอามาปลูกสิ้นเปลืองแรงไปไม่น้อย ยามนี้กลีบดอกร่วงโรยจนเกือบหมดแล้ว ยังเหลือดอกสีชมพูแดงรำไรน้อยนิด แต่กลับยังคงความงดงามเกินคำบรรยาย
ในช่องว่างระหว่างมิติของซ่งอิงมีพื้นที่อยู่ด้วยเช่นกัน เพียงแต่อย่างไรเสียก็เป็นอาณาบริเวณที่ไม่ได้ใหญ่โตนัก ทว่าเป็นพื้นที่ล้ำค่า ตอนนี้ปลูกเอาไว้เพียงผลไม้ประเภทแตงและผักสดที่เลือกสรรมาก่อนหน้านี้เหล่านั้น
เพิ่งปลูกเอาไว้ไม่นานนี้เช่นกัน ทั้งหมดจึงเพิ่งออกต้นกล้า
วันนี้กลับมาจากอำเภอแต่หัววัน ซ่งอิงยังไม่ลืมเรื่องที่ซ่งสวินต้องให้หมอตรวจร่างกาย จึงมุ่งหน้าไปบ้านตระกูลซ่งดังเดิม
หมอเดินทางกลับไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ผลของการตรวจจับชีพจรไม่ต่างจากที่ส่งเองคิดไว้เท่าใดนัก
ก็คือการไหลเวียนเลือดลมไม่ดี ต้องบำรุงร่างกาย กินอาหารให้มากๆ หน่อย
หากเป็นตระกูลคนร่ำรวยบรรดาศักดิ์ ก็จะบำรุงด้วยโสม รังนก เห็ดหลินจือ เช่นนี้ร่างกายก็จะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว
แต่ตระกูลซ่งไม่ได้ร่ำรวยเช่นตระกูลผู้มั่งคั่งนั้น
“ตามจริงตอนที่พี่ชายเจ้ายังเล็ก ข้ากับพ่อเจ้าก็เคยเชิญหมอมาตรวจดู หมอก็พูดแบบนี้เช่นกัน แต่ตอนนั้นครอบครัวเรายากจนมาก ครั้นมีของกินของใช้ดีๆ อะไร แน่นอนว่าต้องให้คนในครอบครัวที่ทำงานหนักหรือไม่ทางด้านบ้านใหญ่นั้นก็ได้ไป จะตกมาถึงพวกเราเสียที่ไหนกัน…” หร่วนซื่อมีความโกรธเคืองอยู่ในใจเล็กน้อย “ก็มิใช่ว่าข้ากล่าวโทษอันใดหรอก แต่ละบ้านแต่ละครอบครัวต่างก็ดำเนินชีวิตกันมาเช่นนี้ อย่างข้าที่ให้กำเนิดบุตรชายออกมาแค่คนเดียว แล้วจะให้ได้รับความเท่าเทียมได้ที่ไหนกัน”
ขณะหร่วนซื่อเอ่ยวาจา ดวงตาก็แดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง
“หมอยังบอกอีกว่า ร่างกายของพี่ชายเจ้านี้หากไม่บำรุงให้ดี ภายภาคหน้าเพียงต้องลมก็ล้มป่วยหนักได้ หากโชคดีหน่อย ก็จะมีชีวิตถึงได้มีลูกมีหลาน โชคไม่ดี อายุสามสิบสี่สิบปีเป็นอันต้องตายจากแล้วก็มีเช่นกัน” หร่วนซื่อปาดน้ำตา ก่อนกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ซ่งอิงเข้าใจได้
ภูมิคุ้มกันต่ำ เมื่อสภาพอากาศหนาวเย็น ความเป็นไปได้ที่ซ่งสวินโดนลมแล้วเป็นหวัดจึงมีมากยิ่งขึ้น
การแพทย์การรักษาในยุคสมัยโบราณไม่ก้าวหน้า คนที่ถูกลมเย็นเป็นหวัดแล้วเสียชีวิตจึงมีไม่น้อย
“ท่านแม่ ท่านพี่ยังแข็งแรงดีอยู่เลย สองปีที่ข้าอยู่จวนโหวได้เรียนรู้ตำรับยาสำหรับบำรุงร่างกายมาบ้างเช่นกัน อีกทั้งวัตถุดิบที่ใช้ก็ไม่ได้แพงมากเกินไปด้วย ขึ้นเขาไปก็มี จากนี้ข้าจะขึ้นเขาไปเด็ดกลับมาสักหน่อยทุกวัน แล้วจะนำยาน้ำที่ปรุงเสร็จแล้วมาให้ท่าน ท่านใช้มันตุ๋นไก่ ดื่มวันละชาม ทำเช่นนี้ต่อเนื่องไปปีครึ่ง บางทีก็อาจจะหายดีได้นะเจ้าคะ?” ซ่งอิงกล่าว
น้ำที่โสมน้อยบ้านนางอาบ ก็ถือว่ามีที่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์แล้ว
ซ่งอิงรู้สึกละอายใจเล็กน้อยเช่นกัน ให้พี่ชายนางดื่มน้ำจากการอาบน้ำ ดูเหมือนค่อนข้างไร้คุณธรรมอยู่ไม่น้อย
แต่…
นั่นเป็นน้ำที่ภูตโสมพันปีอาบเชียวนะ หากไม่ใช่เพราะกินโสมตนนี้สุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ นางก็อาจอดดื่มซักสองสามอึกไม่ได้เช่นกัน
อีกทั้งน้ำที่โสมน้อยอาบอย่างมากสุดก็มีดินอยู่เล็กน้อย ไม่เหมือนมนุษย์ บนเรือนกายเต็มไปด้วยเหงื่อไคล น้ำที่ผ่านการใช้ของมัน ล้วนส่งกลิ่นหอมแมกไม้สดชื่นกระจายไปทั่ว ให้ความรู้สึกพิเศษจริงๆ
“เจ้ารู้จักทำอะไรพวกนี้ด้วยหรือ” หร่วนซื่อมองนางอย่างตกตะลึง “หากขึ้นเขาก็มีของที่ว่า เช่นนั้นต้องให้เจ้าขึ้นไปด้วยตัวเองที่ไหนกัน ข้าให้พ่อเจ้าไปเด็ดมาก็สิ้นเรื่อง!”
“ท่านพ่อไม่รู้จักหรอกเจ้าค่ะ และก็ไม่ใช่เรื่องยากลำบากอันใดด้วย” ซ่งอิงรีบกล่าวทันควัน ครั้นเอ่ยจบ เห็นมารดาในตอนนี้ดวงตาแดงระเรื่อ ก็อดเอ่ยพูดไม่ได้ “ท่านแม่… น้ำตาท่านแม่นี่ก็รินไหลออกมาง่ายเหลือเกิน บทจะไหลก็ไหล…”
นางข้ามภพมานานเท่าใดแล้วนะ? แต่โดยทั่วไปเมื่อเจอะเจอหยวนซื่อ ไม่มีครั้งใดที่นางจะไม่ร้องไห้ตาแดง!
นี่เป็นคนที่ทำจากน้ำเห็นๆ!
“วันนี้เจ้าไม่อยู่ ป้าสะใภ้ใหญ่เจ้าว่ากล่าวข้าอีกแล้ว เอ่ยว่าเอะอะข้าก็ร้องไห้ เป็นการชักนำลางร้ายให้นาง…” หร่วนซื่อปวดใจทันทีที่เอ่ยถึง
จากนี้ทุกคนล้วนต้องห่อบ๊ะจ่างด้วยกัน แต่อย่างไรก็ต้องเผชิญหน้าเหยาชื่อสะใภ้ใหญ่ที่อุปนิสัยพูดจาโผงผางตรงไปตรงมาผู้นั้น แล้วแต่ละวันจะให้เป็นสุขได้อย่างไร
เมื่อคิดเช่นนี้ หร่วนซื่อก็ปวดหัวเช่นกัน