ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 933 ศักดิ์ศรี ตอนที่ 934 เป็นที่เลื่องชื่อลือนาม
ตอนที่ 933 ศักดิ์ศรี / ตอนที่ 934 เป็นที่เลื่องชื่อลือนาม
ตอนที่ 933 ศักดิ์ศรี
ครั้นคิดเช่นนั้น เทพชีมู่ก็ไม่สะดวกตำหนิซ่งอิงเช่นกัน จึงกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เพียงแค่หนึ่งม้วนภาพเล็กๆ เท่านั้น…”
ปวดใจนัก
เขาใช้เวลานานมากกว่าจะสร้างมันขึ้นมาได้
ซ่งอิงรู้สึกน่าเสียไม่น้อยทีเดียว
เพราะเมื่อครู่นางตั้งใจก่อเรื่องจริงๆ ตามการคำนวณของนาง ‘ฝนดาวตก’ ขนาดใหญ่เช่นนี้ ต่อให้เป็นดินแดนภาพลวงตา ก็เพียงพอให้เทพเซียนกลุ่มนี้ตื่นตระหนกได้ ใครจะไปคิดว่าของสิ่งนี้พลังการต้านทานย่ำแย่เพียงนี้ แค่ชั่วพริบตาเดียวไม่นึกเลยว่าจะแหลกเป็นเสี่ยงๆ แล้ว!
ซ่งอิงถอนหายใจ เทพเซียนพวกนี้วันๆ เอาแต่ดำรงชีวิตในโลกแห่งความฝันจึงได้ฝีมือตกลงมากเหลือเกิน
สิ่งของประเภทนี้ หากอยู่ในยุคโบราณก็แค่ของธรรมดาๆ ที่เซียนรุ่นเล็กจะชายตามอง เป็นถึงเทพเซียนระดับใหญ่โต ไฉนจึงเอามาเป็นสมบัติล้ำค่าเสียได้
คนอื่นๆ จัดระเบียบเสื้อผ้าด้วยความอึดอัดค่อยกลับไปนั่ง
แววตาที่มองซ่งอิงดูไม่ค่อยเป็นมิตรนัก
เดิมทีซ่งอิงก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาผูกมิตรกับพวกเขา เห็นพวกเขาโมโหทั้งยังเผยท่าทางจำใจ ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร นางจึงสะใจมาก
หลังจากดื่มสุราชั้นดีจนเพียงพอ ซ่งอิงและชางเวยก็พาฉื่อเหยียนกลับแดนที่สถิตไปด้วยกัน
แม้ว่าตอนนี้ฉื่อเหยียนได้รับพลังปีศาจมาบ้างแล้ว แต่ก็เพียงแค่รู้สึกว่าคุ้นเคยกับซ่งอิงเท่านั้น เมื่อมาถึงเขาผูอิ่ง ซ่งอิงจึงได้ลงมืออย่างเป็นทางการ ทำลายสิ่งที่ผนึกอยู่นั้น
วิญญาณปีศาจที่หลับใหลตื่นขึ้น สติที่หายไปนานกลับคืนมา ขณะมองใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยตรงหน้า ฉื่อเหยียนกลับจำได้ในชั่วพริบตา
“จู๋อิ๋ง” ปีศาจดวงตาแดงเรื่อ
ซ่งอิงละอายใจจนไม่กล้ามองเขา ในความทรงจำนั้น ฉื่อเหยียนปฏิบัติกับนางเหมือนพี่ชาย แม้ว่าพลังไม่มากเท่านาง ทว่ารักและเอาใจใส่นางผู้เป็นจักรพรรดิปีศาจตนนี้เหมือนเป็นเด็กน้อย แต่ไหนแต่ไรมาไม่ว่าพบเห็นอะไรล้วนต้องเอามาให้ถึงตรงหน้านาง อยากเอาของดีที่สุดจากทั่วหล้านี้ให้นางทั้งหมดจะแย่
ฉื่อเหยียนใช้พลังกายมากไป ตอนนี้ยังไม่ได้ฟื้นฟูเต็มที่ จึงไม่ได้เปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นคนแต่อย่างใด
ในใจซ่งอิงหดหู่ จึงมอบพลังในการฝึกฝนบำเพ็ญเพียรส่วนหนึ่งให้เขาโดยไม่ลังเล
นางบำเพ็ญเพียรได้รวดเร็วจนน่าอัศจรรย์ ไม่เหมือนกับปีศาจตนอื่น สูญเสียพลังจากการบำเพ็ญเพียรไปบ้างก็ไม่ถือว่าเป็นอะไร
ฉื่อเหยียนอยู่ที่เขาผูอิ่งสองสามวัน ไม่กี่วันหลังจากนั้นก็เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ เขาสวมชุดเกราะ ร่างกายที่แข็งแกร่งสูงใหญ่กว่าชางเวยไม่น้อย เขาสวมกอดซ่งอิงเอาไว้ในอ้อมอกทันที
“เจ้ากลับมาแล้ว ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าท้ายที่สุดเจ้าจะกลับมา” น้ำเสียงของฉื่อเหยียนแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้า ทั้งเย็นชาและทุ้มต่ำ
ชางเวยมองฉื่อเหยียน ถึงแม้ในใจเศร้ารันทดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
เขาก็รู้ว่าฉื่อเหยียนเหมือนพี่ชายของนาง
“ข้ากลับมาช้าเกินไป เจ้าอย่าตำหนิข้าเลยนะ” ซ่งอิงขอโทษ
“ไม่ช้าหรอก” สีหน้าเย็นชาของฉื่อเหยียนกลับดูอ่อนโยนลงมาบ้าง เขาบีบแก้มของซ่งอิง “ร่างมนุษย์ในครั้งนี้ดูธรรมดามากทีเดียว หากมิใช่เพราะลมปราณเหมือนกัน ข้าก็แทบจะจำเจ้าไม่ได้”
ซ่งอิงหัวเราะ ไม่ได้โต้ตอบอันใด
นางรู้ ตอนนี้ในใจฉื่อเหยียนต้องรู้สึกไม่ดีนักเป็นแน่ ได้ความทรงจำกลับมาแล้ว ก็หมายความว่าเขารู้ว่าตอนที่สติหลับใหลในตลอดหลายปีมานี้ เขาทำอะไรอยู่
ราชันปีศาจที่เคยสง่างามผึ่งผาย กลายเป็นสัตว์พาหนะของฟ่านโยว ศักดิ์ศรีสูญสิ้น
และฉื่อเหยียนเป็นผู้ที่รักในศักดิ์ศรีหน้าตามากที่สุด
“ตอนนี้โลกปีศาจเป็นอย่างไรบ้าง บัดนี้พลังปีศาจของข้าไม่มากพอ ต้องการสถานที่พักฟื้นสักแห่ง” ฉื่อเหยียนกล่าวอีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน เขาก็ยังต้องทำจิตใจให้สงบลงหน่อย ไม่อย่างนั้นเมื่อบำเพ็ญเพียรจะเกิดปัญหาได้ง่ายมาก
ไว้รอฟื้นฟูทั้งหมดก่อน เขาจะบุกล้างบางโลกเทพเสียเลย!
ซ่งอิงพาเขากลับโลกปีศาจ ทำความคุ้นเคยกับกลิ่นอายสักหน่อย ในภายภาคหน้าด้วยความสามารถของเขาก็จะไปกลับโลกปีศาจนี้ได้อย่างอิสระ
หลังจากกลับโลกปีศาจ เขากลับไม่ไปพบใครทั้งนั้น ถึงแม้ตอนที่ได้ยินเรื่องสืออิ๋งและลั่วเจิน ก็ทำเพียงพยักหน้าและยิ้มอย่างโล่งใจ
“ฉื่อเหยียน ไท่ชิน…ยังอยู่หรือไม่” ซ่งอิงถาม
ไท่ชินถือว่าเป็นแม่นมชั้นยอดของโลกปีศาจ หากไม่ใช่เพราะต้นวัฏจักรของนาง ตอนนี้นางจะกลับมาง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไรเล่า
ฉื่อเหยียนตะลึงงันไปชั่วครู่ จากนั้นก็ส่ายหน้า
ตอนที่ 934 เป็นที่เลื่องชื่อลือนาม
ซ่งอิงเงียบไปครู่หนึ่ง ที่จริงในใจก็มีสัญชาตญาณรับรู้อยู่บ้างแล้วเช่นกัน
ที่ต้นวัฏจักรปกป้องนางได้ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ถึงขนาดพานางย้ายไปยังโลกเล็กๆ ใบอื่น แน่นอนว่าต้องมีคนเสียสละเพื่อสิ่งนี้
“ไท่ชินล่วงลับไปนานแล้ว ตอนนั้นจ้าวหยางบาดเจ็บสาหัส ต่อสู้กับฟ่านโยวไปสนามหนึ่ง ด้านหลังฟ่านโยวยังมีเทพจากชนเผ่าอื่นๆ อยู่ด้วย จึงเป็นธรรมดาที่จะไม่พ่ายแพ้ อีกทั้งรู้ว่าวิญญาณของไท่ชินสลายไปหมดแล้ว จึงตายตามไป” ฉื่อเหยียนกล่าวอีกครั้ง
ตอนนั้นเขาไม่ยอมถอดใจ แต่ก็ไม่ได้สู้จนตัวตาย
ตอนนี้เมื่อมองดู ก็ไม่รู้ว่าเขาคิดถูก หรือคิดผิด
ศักดิ์ศรีโดนเหยียบย่ำ เกิดมารปรากฏในใจ ต่อไปเมื่อบำเพ็ญเพียรขึ้นมาย่อมต้องมีอุปสรรคสารพัดแน่นอน
ตอนนี้ซ่งอิงอธิบายความรู้สึกไม่ได้ รู้สึกย่ำแย่เป็นพิเศษ
บรรดาราชันปีศาจทั้งสิบ บัดนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่าไท่ชินและจ้าวหยางไม่อยู่แล้ว คนที่ยังอยู่อย่างฉื่อเหยียน สืออิ๋ง ลั่วเจิน ตลอดจนที่ช่วยออกมาจากหอฝึกฝนเทพได้อย่างเฟยเหลียนและเฟยเอ้อ ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลืออย่างไป๋เยวี่ยน ฟู่หลิง รวมไปถึงหลิวหมิง ยังไม่ได้ข่าวคราวแต่อย่างใด
ตอนนี้นางก็มายังโลกเทพแล้ว ระยะนี้ก็สอบถามสถานการณ์มาไม่น้อย แต่ยังคงไม่ได้ผลลัพธ์อันใด
ก็กล่าวได้ว่า ราชันปีศาจอีกสามตนนั้นก็เป็นไปได้มากว่าจะเป็นเช่นเดียวกับไท่ชินและจ้าวหยางที่ล่วงลับไปแล้วนั่นเอง
สูญเสียราชันปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสิบไปครึ่งหนึ่ง
ในใจซ่งอิงนี้มีความรู้สึกชนิดที่บอกไม่ถูก โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงว่าเป็นเพราะนางรู้จักฟ่านโยวถึงได้เป็นผลให้ลั่วเจินถูกฟ่านโยวหลอก นางก็รู้สึกเหมือนในใจดวงนี้ขาดอะไรไปก็ไม่ปาน
“ความผิดของข้ามากมายเหลือเกิน” ซ่งอิงถอนหายใจอีกครั้ง
แม้ว่าความทรงจำเหล่านั้นกลายเป็นฝุ่นผงไปนานแล้ว แต่ตอนนี้เมื่อเห็นความเป็นจริงที่โหดร้าย ในใจนางก็ยังคงเศร้าเสียใจอย่างยิ่ง
นางไม่เสียใจเลยที่แบ่งแยกโลกทั้งสี่อย่างโลกเทพ โลกปีศาจ โลกปีศาจชั่วร้ายและโลกมนุษย์ แต่นางกลับเสียดายที่ไม่ได้ทำให้สำเร็จครบถ้วน นางในตอนนั้นอวดดีเกินไปหน่อยจริงๆ
ฉื่อเหยียนได้ยินนางกล่าวเช่นนั้น กลับยิ้มออกมาเล็กน้อย “เจ้าไม่ผิด คนอื่นต่างหากที่ผิด”
จิตใจดีงามผิดตรงไหน และการที่ในใจมีรักจะไปผิดอะไร เพียงแค่ว่าเพราะจู๋อิ๋งในตอนนั้นไม่ได้เป็นสตรีที่มีความประพฤติดีงามและเปี่ยมไปด้วยสติละเอียดรอบคอบ ไม่ได้คอยระวังเทพเซียน ก็เลยเป็นความผิดหรือ
ทั่วโลกไม่มีหลักเหตุผลเช่นนี้หรอก
“เจ้าเป็นจักรพรรดิปีศาจ ทุกสิ่งที่เจ้าตัดสินใจล้วนเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แม้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ทุกคนได้รับความทุกข์ยากลำบากไม่น้อย โลกปีศาจก็เสื่อมโทรมมานานขนาดนี้ แต่ไม่มีใครเสียใจภายหลังในทุกสิ่งที่เจ้าทำ เจ้าดำรงอยู่ตั้งแต่พวกเราโลกปีศาจก่อกำเนิดขึ้นมา เจ้าเป็นนายแห่งโลกปีศาจ เจ้าไม่มีวันผิด” ฉื่อเหยียนกล่าวอีกครั้ง
ซ่งอิงถอนหายใจ
“เจ้ากล่าวเช่นนี้ ข้าเองก็กดดันไม่น้อย” ซ่งอิงรู้สึกจำใจเล็กน้อย “เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไป ข้าเสียใจภายหลังในตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์ ต่อจากนี้ข้าจะพยายามชดเชยให้ทุกคนอย่างสุดความสามารถ”
ฉื่อเหยียนกลับไม่ได้อยากได้การชดเชยอันใด
ตอนนี้ในที่สุดเขาก็ไม่ต้องเป็นสัตว์พาหนะของฟ่านโยวแล้ว ไม่มีอารมณ์มาคิดมากถึงเพียงนั้น
เขาจึงไปโลกปีศาจและหาบริเวณกว้างขวางแห่งหนึ่ง ตั้งหน้าตั้งตาปรับสมดุลเสียหน่อย
เทพฟ่านโยวสูญเสียสัตว์พาหนะของตนเองในงานเลี้ยงของเทพชีมู่ เรื่องนี้ทำให้เกิดปัญหามากมาย ทั้งโลกเทพเริ่มพากันซุบซิบนินทา อีกทั้งซ่งอิงยังกลายเป็นประเด็นของการวิพากษ์วิจารณ์ลับหลังในครั้งนี้ด้วยไปโดยปริยาย เพียงแต่ว่าคนที่ไม่ได้เห็นสถานการณ์กับตากลับไม่เชื่อสักนิดว่าสัตว์พาหนะตัวนี้จะติดตามซ่งอิงไป
พวกเขาล้วนคิดว่า ต้องเป็นเพราะซ่งอิงอาศัยความที่ตนเองเป็นที่โปรดปรานของเทพชางเวย ดังนั้นจึงได้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
ด้วยเหตุนี้ นางจึงเป็นที่เลื่องชื่อลือนาม
ซ่งอิงเองก็ไม่ถือสา หากมีคนชวนให้นางไป ‘เที่ยวเล่น’ นางก็ตอบรับ ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางเสียเปรียบไปได้
อย่างน้อยชางเวยก็เป็นเทพเซียนชั้นสูงผู้หนึ่ง รู้ว่าซ่งอิงต้องการอะไร จึงให้คนใต้บัญชาไปตรวจนับสัตว์ปีศาจในโลกเทพแห่งนี้อย่างลับๆ
พวกไหนที่บินขึ้นมาจากโลกมนุษย์ พวกไหนที่มีอยู่มาตั้งแต่โบราณแล้ว นอกจากนี้ยังรวมไปถึงพวกไหนเป็นรุ่นหลังของสัตว์ปีศาจยุคโบราณ
หลังจากตรวจสอบเสร็จสิ้นก็พบว่าสัตว์ปีศาจที่เหลือจากยุคก่อนมีไม่มากแล้ว ที่ยังเหลือไม่กี่ตนล้วนเป็นพาหนะคู่กายเทพเซียนที่จัดอยู่ในสถานะเทพขั้นสูงกว่าเทพชางเวย ส่วนสัตว์พาหนะของเทพเซียนตนอื่นๆ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นสัตว์ปีศาจรุ่นหลังของยุคโบราณ แต่พวกมันต่างก็สายเลือดบริสุทธิ์มากทั้งนั้น