ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 935 ผิดปกติ ตอนที่ 936 ที่ที่ควรไป
ตอนที่ 935 ผิดปกติ / ตอนที่ 936 ที่ที่ควรไป
ตอนที่ 935 ผิดปกติ
นอกจากนี้ยังมีป่าสัตว์ในโลกเทพ เทพเซียนทุกตนที่ต้องการสัตว์พาหนะสำหรับขี่ ล้วนไปเดินดูที่ป่าสัตว์ สัตว์ปีศาจในนั้นมีทั้งที่แข็งแกร่งและอ่อนแอ เทพเซียนที่โชคดีก็จะหาปีศาจรุ่นใหญ่ซึ่งเป็นรุ่นหลังของยุคโบราณได้ ซึ่งในนั้นก็มีสายเลือดที่แข็งแกร่งและดุร้าย
หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง ชางเวยนำรายชื่อนี้มอบให้ซ่งอิง
ซ่งอิงแสยะยิ้มเย็นชา
เริ่มเส้นทางขโมยปีศาจ
นางเริ่มจากการไปยังป่าสัตว์
แม้ว่าป่าสัตว์แห่งนี้เป็นเขตแดนของโลกเทพ แต่ก็มีกลิ่นอายที่คล้ายกับโลกปีศาจอยู่บ้าง นอกจากนี้สำหรับปีศาจก็เป็นพื้นที่ซึ่งกดพลังน้อยที่สุด ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงได้กำเนิดสัตว์ปีศาจขึ้นจำนวนมากมายขนาดนี้ เพียงแต่น่าเสียดาย ที่แห่งนี้ถูกลงการจำกัดควบคุมเอาไว้แล้ว แม้ว่ามีสัตว์ปีศาจเกิดขึ้น แต่สัตว์ปีศาจเหล่านี้ก็ทำได้เพียงให้กำเนิดสัตว์ปีศาจที่มีสติปัญญาระดับต่ำหน่อยเท่านั้น ถึงขั้นเปลี่ยนร่างไม่ได้ด้วยซ้ำ
เมื่อซ่งอิงมาถึงก็เปิดพลังชีวิตทั้งหมด และเปิดเส้นทางที่จะทะลุผ่านไปสู่โลกปีศาจ
กลิ่นอายของโลกปีศาจดึงดูดปีศาจเหล่านั้นให้เข้ามาได้ กอปรกับซ่งอิงเป็นจักรพรรดิปีศาจ การเรียกรวมสัตว์เหล่านี้จึงไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด
ภายในเวลาอันสั้น สัตว์ปีศาจเหล่านี้ก็พากันแห่เข้ามาตรงที่ซ่งอิงอยู่อย่างไม่หยุดหย่อน
ซ่งอิงนำพวกมันกลับไปยังโลกปีศาจ
ระยะเวลาที่ใช้ก็ไม่เลวเช่นกัน เพียงหนึ่งวันหนึ่งคืนของโลกเทพเท่านั้น
กลิ่นอายของป่าสัตว์แห่งนี้เดิมทีก็ผิดปกติอยู่ จึงไม่ต้องกลัวว่าเทพเซียนจะตรวจสอบเจอ
ในเวลาอันสั้น ในป่าสัตว์ที่กว้างใหญ่ก็ว่างเปล่า
ซ่งอิงกังวลใจว่าตนจะทิ้งสัตว์ปีศาจสองสามตนตกหล่นเอาไว้ ดังนั้นหลังจากจัดการเรียบร้อยรอบหนึ่งแล้ว นางก็ยังคงเดินตรวจสอบต่ออีกสองสามวัน ตั้งใจตรวจสอบในป่าสัตว์นี้หลายรอบเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีปีศาจตัวน้อย หรือแม้แต่ไข่ปีศาจหลงเหลืออยู่แม้แต่ตัวเดียว จากนั้นจึงได้จากไป
ปีศาจในหอฝึกฝนเทพหายไป บรรดาเทพเซียนไม่ได้สังเกตเห็นในช่วงเวลาอันสั้นแต่อย่างใด ทว่าเมื่อหาสัตว์ปีศาจในป่าสัตว์ไม่เจอเลย ก็จะมีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกสังเกตเห็น
หลังจากซ่งอิงตรวจสอบเสร็จสิ้นไม่นานนัก เทพเซียนรุ่นเล็กชายหนึ่งหญิงหนึ่งก็มายังป่าสัตว์
“ท่านพี่ ข้าหวังว่าข้าจะมีสัตว์กลืนเมฆสักตน สัตว์ตัวนั้นงดงามเหลือเกิน สีขาวๆ ทั้งยังมีปีกอีกด้วย…” แม่นางน้อยกะพริบตาปริบๆ
“สัตว์กลืนเมฆหรือ” พี่ชายของนางได้ยินดังนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้ “นั่นเป็นสัตว์โบราณ มีทั้งหมดไม่กี่ตน ทั้งยังจับได้ไม่ง่ายนัก ข้าคิดว่าเจ้าลดความต้องการลงเสียจะดีกว่า เสือลายเมฆก็ไม่เลวนะ สง่างามน่าเกรงขามดี”
“แต่สัตว์กลืนเมฆสวยนี่นา!” เทพธิดารุ่นเล็กเม้มปาก “ซ่งอิงผู้นั้น เป็นเพียงเทพธิดารุ่นเล็กที่มาจากโลกมนุษย์ยังใช้สัตว์ศิลาเพลิงได้ ข้าใช้สัตว์กลืนเมฆแล้วจะเป็นไรไป!”
“อย่าโวยวายเหลวไหลไป นางมีเทพชางเวยปกป้องอยู่อย่างไรเล่า”
“ชางเวยแล้วอย่างไร ปู่ของข้าก็เป็นเทพระดับเดียวกับเขาเช่นกันนี่! ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเสียหน่อย! ถึงอย่างไรข้าก็ไม่สน ข้าอยากได้สัตว์กลืนเมฆ ไม่อย่างนั้นท่านพี่ต้องไปนำสัตว์ศิลาเพลิงที่ชื่อฉื่อเหยียนนั่นมาให้ข้า!” เซียนรุ่นเล็กกล่าวอีกครั้ง
เซียนหนุ่มขมวดคิ้ว “ฉื่อเหยียนตนนั้นเป็นราชันปีศาจยุคโบราณ เอามาให้เจ้า เจ้าจะกล้าใช้หรือ ขนาดเทพฟ่านโยวยังใช้เวลาตั้งนานกว่าจะขี่มันได้…”
“เซียนจากโลกมนุษย์ยังใช้ได้ ข้าก็ยิ่งต้องใช้ได้ อย่างไรก็เถอะ ท่านพี่ ท่านยังไม่เห็นจะรักข้ามากเท่าชางเวยรักภรรยาของเขาเลย ทำให้ข้าผิดหวังเกินไปแล้ว!”
เซียนหนุ่มจำใจเสียแล้ว
แต่ขณะที่เดินเข้าไป เขาก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“น้องพี่ เจ้ารู้สึกบ้างไหมว่า…มันเงียบเกินไปหน่อยแล้ว”
ก่อนหน้านี้เขาก็เคยมาที่ป่าสัตว์แห่งนี้ ถึงแม้ที่นี่ค่อนข้างแปลกและน่ากลัวมาก แต่ก็จะเห็นสิ่งมีชีวิตบ้างเป็นครั้งคราวนี่
“ไม่รู้สิ ท่านพี่ มีอะไรหรือ อย่าทำให้ข้าตกใจสิ”
“แปลกมาก ตลอดทางที่เรามา ไม่มีสัตว์ที่บินบนฟ้าและเดินบนดินเลยสักตัว ไม่เห็นสัตว์ตัวใหญ่ก็แล้วไป แต่นี่ไม่มีแม้แต่สัตว์ตัวเล็กๆ นี่ผิดปกติมาก” เซียนหนุ่มครุ่นคิด ตัดสินใจถอยกลับแล้วนำเรื่องนี้ไปรายงานในทันที
ไม่นานนัก เรื่องนี้ก็กลายเป็นประเด็นสนใจของโลกเทพ
ตอนที่ 936 ที่ที่ควรไป
เทพเซียนหลายตนพากันมาตรวจสอบ ค้นหาทั้งภายนอกและในป่าสัตว์แห่งนี้ แต่ไม่นึกเลยว่าหาเท่าไรก็พบว่าไม่มีร่องรอยของสัตว์ปีศาจแม้แต่ตนเดียว!
สัตว์ปีศาจเหล่านี้จู่ๆ ก็หายไปเสียดื้อๆ อย่างนั้นหรือ!
เรื่องนี้แปลกประหลาดจริงๆ!
ทันใดนั้นพวกเขาก็นำตัวเซียนรุ่นเล็กที่ประจำในป่าสัตว์มาถามไถ่ แต่ถามไปถามมา เซียนรุ่นเล็กที่เฝ้าป่าก็เผยสีหน้าไร้เดียงสา ไม่รู้เบาะแสเลยสักนิด
ในระยะนี้เทพเซียนที่เข้าไปในป่ามีไม่มาก ทว่าพวกเขาก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรน่าสงสัยเลย!
ด้วยความสามารถระดับซ่งอิง อยากจะเข้าไปในป่า เทพเซียนเหล่านี้ย่อมไม่รู้สึกถึงเป็นธรรมดา
ด้านนอกมีปัญหาวุ่นวายใหญ่โตเพราะเรื่องป่าสัตว์ แต่ซ่งอิงกลับสงบมาก
ไม่เพียงเท่านี้ เรื่องนี้ยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง
ต่อจากนั้น ซ่งอิงก็เริ่มแอบไปยังแดนสถิตของเทพเซียนเหล่านั้น
นางจะต้องขโมยเอาปีศาจรุ่นใหญ่เหล่านั้นออกมาให้ได้
เพียงแต่มีเทพเซียนจำนวนมาก คงขโมยสัตว์ปีศาจที่พวกเขาเลี้ยงไว้ข้างกายมาทั้งหมดไม่ไหว ดังนั้นซ่งอิงจึงทำได้เพียงจัดการกับพวกปีศาจรุ่นใหญ่เท่านั้น
ผู้ที่ใช้ปีศาจรุ่นใหญ่โบราณ หรือสัตว์ปีศาจที่ค่อนข้างเก่งกาจเป็นสัตว์พาหนะขี่ได้ ล้วนเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงในโลกเทพ
แต่ถึงแม้เป็นผู้มีชื่อเสียง ในตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้สักเท่าไรเช่นกัน
“เราสูญเสียสัตว์ปีศาจไปมากมายขนาดนี้อย่างต่อเนื่อง บัดนี้แม้กระทั่งอีกฝ่ายมีที่มาที่ไปอย่างไรเราก็ยังไม่รู้ชัดเจน เป็นไปได้หรือไม่ว่า…เพราะมีราชันปีศาจหวนกลับมาอีกครั้ง” บนประเด็นใหญ่ ในที่สุดก็มีคนพูดถูกจุดสำคัญเสียที
ครั้นถ้อยคำนี้หลุดออกมา ก็มีคนพูดขึ้นมาทันที “เช่นนั้นเราควรเชิญท่านเทพชางเวยมาถามหน่อยดีหรือไม่”
นี่ยังต้องให้บอกอีกหรือ
จากนั้นก็มีคนไปเรียกตัวเขามาในทันที
ชางเวยเมื่อเห็นจักรพรรดิสวรรค์ก็ไม่ได้ทำความเคารพแต่อย่างใด มองดูเย็นชาอย่างถึงที่สุด
จักรพรรดิสวรรค์เผยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเล็กน้อยเช่นกัน แต่เทพรุ่นใหญ่จากยุคโบราณเหล่านี้ ว่ากันตามความอาวุโส คนเขาก็มีสิทธิ์ที่จะทำตัวนิสัยขวางโลก จึงไม่ได้ว่ากล่าวอันใด เพียงแค่เอ่ยอย่างเกรงใจ “เทพชางเวย ท่านปราบปรามราชันปีศาจที่ลงไปก่อปัญหาวุ่นวายในโลกมนุษย์ก่อนหน้านี้แล้วหรือไม่”
“ไม่พะย่ะค่ะ” ชางเวยตรงไปตรงมาอย่างมากเช่นกัน
จักรพรรดิสวรรค์ตกตะลึง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ กลิ่นอายปราณของราชันปีศาจหายไปได้อย่างไร”
ชางเวยไม่เอ่ยวาจาใด
“เทพชางเวย บัดนี้สัตว์ปีศาจในโลกเทพของข้าหายไปอย่างต่อเนื่อง แม้แต่สัตว์พาหนะที่ตำหนักเทพอย่างพวกชีมู่ก็หายไป เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และสำคัญมาก หวังว่าท่านจะเห็นความสำคัญของปัญหานี้” จักรพรรดิเทพสวรรค์กล่าวอีก
“ที่หายไปคือสัตว์ปีศาจ มิใช่สัตว์เทพใช่หรือไม่พะย่ะค่ะ” ชางเวยถาม
“นี่หมายความว่าอย่างไร”
“เดิมทีสัตว์ปีศาจก็ไม่ควรอยู่ในโลกเทพ ต่อให้หายไปก็ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจและแปลกประหลาดอันใด บางทีอาจไปอยู่ในที่ที่ควรไปก็เท่านั้นเองพะย่ะค่ะ” ชางเวยกล่าวอีกครั้ง
สัตว์เทพและสัตว์ปีศาจมีความแตกต่างกันโดยธรรมชาติ
ในโลกเทพแห่งนี้ สัตว์ปีศาจถูกใช้เป็นพาหนะขี่และเป็นสัตว์เลี้ยง สัตว์เทพกลับเป็นสิ่งที่ถูกยกระดับขึ้นมา หากเป็นพวกสัตว์เทพที่แข็งแกร่งแต่ไร้สติปัญญา ตอนที่ขอให้พวกมันลงมือทำอะไรให้ โดยปกติแล้วเหล่าเทพเซียนจะปรนนิบัติพวกมันให้ได้กินดื่มของดีๆ
เทพเซียนในโลกเทพนี้มีร่างเดิมที่แตกต่างกัน ซึ่งในหมู่พวกเขา เหล่าเทพเซียนก็มีจำนวนไม่น้อยที่เปลี่ยนร่างมาจากสัตว์เทพ ดังนั้นพวกเขาย่อมไม่มีทางนำพวกเผ่าพันธุ์เดียวกับตนเองมาขี่เป็นสัตว์พาหนะอย่างแน่นอน
เพียงแต่ว่าในยุคโบราณ ไม่มีธรรมเนียมปฏิบัติที่ว่านี้แต่อย่างใด
ในสมัยนั้น ไม่มีเทพเซียนที่จะขึ้นไปขี่บนหัวของสัตว์ปีศาจ กฎของโลกเทพก็คือผู้แข็งแกร่งมาก่อน ส่วนผู้อ่อนแอเอาไปทำเป็นพาหนะขี่ก็ดี ไปเป็นสัตว์เลี้ยงก็ช่าง ล้วนเป็นเรื่องสมควรทั้งสิ้น อีกทั้งในตอนนั้น สัตว์เทพที่แข็งแกร่งก็มีโอกาสกลายร่างเป็นเทพมากขึ้นหน่อยด้วยเช่นกัน
ทันใดนั้นเอง คำพูดของชางเวยทำให้ทุกคนเกิดความกลัวและระแวงในใจจนไม่อาจสงบจิตใจลงได้
“ชางเวย นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร! หรือว่าเจ้าสมรู้ร่วมคิดกับราชันปีศาจทรยศต่อโลกเทพอย่างนั้นหรือ!” ทันใดนั้นก็มีคนกล่าวออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว
“ตัวข้าเกิดในสมัยโบราณ ตำแหน่งเทพก็ถูกกำหนดโดยเทพในยุคนั้น ตอนนั้นโลกเทพและโลกปีศาจถือว่ามีความสัมพันธ์ดีเยี่ยมต่อกัน แล้วจะเป็นการสมรู้ร่วมคิดได้อย่างไร” ชางเวยแสยะยิ้มเย็นชา
“เช่นนั้นเจ้าก็ยอมรับแล้วสินะว่าเจ้าเป็นผู้เอาสัตว์ปีศาจเหล่านี้ไปหมด!”