ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 947 ไม่เกรงใจ ตอนที่ 948 ร่างแยก
ตอนที่ 947 ไม่เกรงใจ / ตอนที่ 948 ร่างแยก
ตอนที่ 947 ไม่เกรงใจ
โลหิตของเทพเซียนเป็นของดี เอาไปหลอมทำยา หลังจากรับประทานจะทำให้การฝึกฝนของนางพัฒนาขึ้นมากเป็นแน่ และสามารถทะลวงกระดูกปีศาจ เปลี่ยนไปแข็งแกร่งยิ่งขึ้นได้เร็วไวขึ้นอีกหน่อย
เมื่อถึงศึกใหญ่วันนั้น นางต้องพยายามสร้างผลงานความดีความชอบ ถึงตอนนั้นก็จะแต่งตั้งผู้นำแต่งตั้งราชันได้ และเดินกร่างอยู่ในโลกปีศาจแห่งนี้ได้เช่นกัน
ปัจจุบันในโลกปีศาจมีราชันปีศาจและผู้นำปีศาจไม่มาก
ราชันปีศาจส่วนใหญ่เป็นพวกที่มาจากยุคโบราณ พวกเขามีกระดูกปีศาจแข็งแกร่งก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
เหล่าผู้นำปีศาจในตอนนี้มีประมาณสิบกว่าตน แต่ทั้งหมดล้วนแข็งแกร่งเพราะเป็นปีศาจโบราณรุ่นใหญ่ ส่วนปีศาจอย่างพวกเขาเหล่านี้ที่ติดตามเถ้าแก่เหนียงมาจากโลกมนุษย์ ปัจจุบันยังไม่ได้มาตรฐานของผู้นำปีศาจ
เพียงแต่ยังมีหวังอยู่เช่นกัน
จักรพรรดิสวรรค์กล่าวไว้แล้วเช่นกันว่า จุดอ่อนของพวกมันอยู่ที่กระดูกปีศาจค่อนข้างธรรมดา
แต่กระดูกปีศาจนี้ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง มีปีศาจบางส่วนที่เกิดมาพร้อมกระดูกปีศาจทรงพลัง แต่ปีศาจรุ่นเล็กที่ธรรมดาๆ หากตั้งใจฝึกฝนบำเพ็ญเพียรก็จะพัฒนารากฐานให้ขยับไปอีกขั้นได้เช่นกัน
มีปีศาจกระต่ายน้อยอยู่ตัวหนึ่ง ไม่นึกเลยว่าด้านหลังของมันจะมีเขางอกออกมาห้าเขา กรงเล็บก็คมเป็นอย่างมาก ความสามารถเทียบกับตอนแรกนับว่าเลื่อนขึ้นมาตั้งหลายขั้น
นอกจากนี้ยังมีพี่งูดำ เขาฝึกฝนบำเพ็ญเพียรจนกลายร่างเป็นมังกรได้!
ส่วนนางเป็นเสือ หากพยายามเข้าหน่อย ไม่แน่ว่าอาจมีปีกงอกและสิ่งอื่นๆ ทำนองเกล็ดเอาไว้ป้องกันก็เป็นได้
นางจะพยายามให้มากเพื่อกลายเป็นผู้นำปีศาจ และใกล้จักรพรรดิปีศาจไปอีกขั้น!
หู่อิ๋งอิ๋งไม่เกรงใจเทพอี๋เยว่แม้แต่น้อย หลังจากกรีดเอาโลหิตจากหัวใจเสร็จ ก็ทิ้งเทพอี๋เยว่ไว้กับพื้นที่เดิมแล้วจากไป
ก่อนจากไปยังไม่ลืมกล่าวว่า “ต้นไม้ใบหญ้าทุกต้นในโลกปีศาจของข้าล้วนมีเจ้าของ หากพบว่าเจ้าไปยุ่งกับมันมั่วซั่วอีก ครั้งหน้าจะไม่ใช่แค่เลือดจากหัวใจหนึ่งชาม!”
นี่เป็นครั้งแรกหลังจากมีชีวิตอยู่มานานเพียงนี้ที่เทพอี๋เยว่มีความรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่นไปหมด
โชคดีที่เซียนหลิงเฟิงและหยวนซานเห็นเขา จึงได้ช่วยเอาตัวคนเขากลับไป
“ท่านเทพ ข้าน้อยรู้ว่าท่านไม่พอใจ แต่ท่านก็ช่างโง่เสียจริง จักรพรรดิปีศาจเป็นใครกันเล่า ท่านจะหลอกนางได้อย่างไร โลกเทพของพวกท่าน…เอ้ย! โลกเทพของพวกเรามีสัตว์ปีศาจอยู่มากน้อยเท่าไหร่ ในใจนางรู้ชัดเจนอย่างยิ่งขอรับ”
“ในเมื่อท่านส่งสัตว์ปีศาจมาที่นี่ ก็ควรทำให้ดีๆ หน่อย ตอนนี้ท่านต้องมาตกระกำลำบากก็เพื่อผลประโยชน์ของเทพองค์อื่น นางเพียงแค่ให้ท่านมาขุดแร่อยู่ที่นี่ก็ถือว่าไม่เลวแล้วขอรับ”
“ท่านเทพฟังพวกเราจะดีกว่า ทำงานอย่างตั้งใจไปเถิดขอรับ พวกเราเป็นเทพ ขุดเหมืองก็ไม่เหนื่อยหรอก”
“โลกปีศาจแห่งนี้เอาเนื้อกระต่ายมาทำอาหารอร่อยมาก ทั้งยังมีสุราของโลกปีศาจ จุ๊ๆๆ โลกเทพนี่เทียบไม่ติดจริงๆ…ท่านไม่อยากลิ้มลองหน่อยหรือขอรับ”
“…” เทพอี๋เยว่อยากจะด่าคนยิ่งนัก
อยากสิ! มีใครบ้างไม่ชอบของอร่อย!
แม้ว่าเทพเซียนมีชีวิตยืนยาวได้โดยไม่ต้องกินต้องดื่ม แต่หากไม่กินเลย การดำรงชีวิตก็ไม่มีความหมายน่ะสิ!
ดังนั้นเทพเซียนส่วนใหญ่จึงยังให้ความสำคัญกับอาหารการกิน
เมื่อนึกถึงเรื่องที่วันนี้ต้องเสียเลือดจากหัวใจหนึ่งชามเพียงเพราะผลไม้ผลเดียว เทพอี๋เยว่ก็ปวดใจยิ่ง
หรือไม่…ลองดูเสียหน่อย
ไม่ลองก็ไม่มีวิธีอื่นเช่นกัน เขาไม่รู้ว่าตนจะถูกขังไว้นานเพียงใด จู๋อิ๋งผู้นั้นก็ไม่ไว้หน้าเขาเลยแม้แต่น้อย เกรงว่าเว้นแต่หลังจากพ่ายแพ้ในศึกใหญ่ คนของโลกเทพจึงจะมาช่วยไถ่ตัวเขากลับไปได้
เทพอี๋เยว่ฝืนอดกลั้น พยักหน้า
ในเวลานี้เอง เซียนรุ่นเล็กทั้งสี่จึงได้โล่งใจขึ้นมา
อันที่จริงตอนนี้รู้ถึงสถานการณ์เลวร้ายระหว่างโลกเทพและโลกปีศาจแล้ว พวกเขาทั้งสี่ก็ไม่ได้คิดเลยว่าสิ่งที่จักรพรรดิปีศาจทำออกจะล้ำเส้นเกินไป
แม้ว่าเทพอี๋เยว่ไม่ได้เข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องในตอนนั้น แต่ในฐานะหนึ่งในเทพเซียนโบราณผู้ยิ่งใหญ่ เขาก็ยังได้รับผลประโยชน์จากการสูญสิ้นของโลกปีศาจ อย่างเช่นในสถานเทวะสถิตของเทพอี๋เยว่ก็ไม่เคยขาดแคลนสัตว์ปีศาจ ครั้งนี้มาส่งสัตว์ปีศาจ เขาย่อมต้องลอบเหลือสัตว์ปีศาจเอาไว้จำนวนหนึ่งด้วยเช่นกันเป็นแน่!
จักรพรรดิปีศาจต้องรู้เรื่องนี้แน่นอน ดังนั้นจึงได้ไม่เกรงใจกันปานนี้
ตอนที่ 948 ร่างแยก
ซ่งอิงให้คนส่งข่าวที่เทพอี๋เยว่ถูกกักตัวไว้ไปยังโลกเทพ
แสดงทัศนคติให้เห็นอย่างชัดเจน
ครั้นเทพชีมู่ได้ข่าวก็นึกสนุกขึ้นมาเช่นกัน “ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกไว้แล้ว อีกฝ่ายเขาฉลาดยิ่งกว่าอะไร พวกเจ้ากักตัวสัตว์ปีศาจเอาไว้ไม่ว่า มิหนำซ้ำยังทำอย่างโจ่งแจ้งปานนี้ พวกโง่เขลายังมองออกเลย แล้วมีหรือจู๋อิ๋งจะไม่รู้!”
การกักตัวสัตว์ปีศาจไว้ก็มิใช่ว่าไม่ได้ อย่างไรเสียเทพเซียนบางตนก็ดีกับสัตว์ปีศาจมากจริงๆ
ในกรณีที่ทำใจปล่อยไปไม่ได้ ก็ต้องหารือกับโลกปีศาจเสีย ขอเหลือเอาไว้เป็นการส่วนตัวจำนวนหนึ่งที่น้อยนิดมากๆ โลกปีศาจก็น่าจะไม่ถึงขั้นปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวเกินไปเช่นกัน
แต่พวกโง่กลุ่มนี้กลับเหลือเอาไว้ตั้งครึ่ง!
กลัวว่าจักรพรรดิปีศาจจะดูไม่ออกใช่หรือไม่!
“เทพชีมู่…พวกเราโลกเทพอยู่ร่วมกับสัตว์ปีศาจมาตั้งนานเพียงนี้ จะมากจะน้อยก็มีความรู้สึกผูกพันกันบ้าง จะให้ส่งกลับคืนทั้งหมดในคราวเดียวเช่นนี้ไม่เหมาะสมเช่นกันนี่” มีเทพเซียนกล่าว
ครั้นเทพชีมู่ได้ยินก็กลอกตามองบนอย่างระอา
“เจ้าก็เอาคำพูดนี้ไปเกลี้ยกล่อมจู๋อิ๋งสิ มากล่อมข้าทำไม ข้ารู้สถานะของสัตว์ปีศาจดีกว่าพวกเจ้า! นอกจากพวกเซียนรุ่นเล็กที่ไร้เดียงสาไม่รู้ความ ในโลกเทพนี้มีเทพเซียนสักกี่ตนเชียวที่ใส่ใจสัตว์ปีศาจโดยแท้จริง ในสายตาพวกเจ้า มันเป็นเพียงสัตว์ที่ตายแล้วเกิดใหม่เท่านั้น ตอนนี้เจ้ากลับบอกข้าว่าเป็นการอยู่ร่วมกันหรือ” เทพชีมู่กล่าวจบก็หัวเราะเยาะหยันตนเอง
ช่วงหลายปีมานี้เขาก็สับสนแล้วเช่นกัน
ตอนแรกเขาเองก็ไม่ชอบการเลี้ยงสัตว์ปีศาจไว้ในคอก ถึงขนาดที่ไม่ใช้สัตว์ปีศาจเป็นสัตว์พาหนะขี่เฉกเช่นคนอื่นๆ
แต่หลังจากนั้นก็ขี่สัตว์เทพของตระกูลตนเองไม่ได้แล้ว แต่จะอย่างไรก็ต้องมีสัตว์พาหนะใช้ขี่กระมัง
เขาจึงเลือกสัตว์ปีศาจมาหนึ่งตน
มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง หลายปีมานี้ เขาจึงมีสัตว์พาหนะและสัตว์เลี้ยงอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
เพียงแต่เขาผู้นี้ค่อนข้างขี้เกียจ ไม่เหมือนกับเทพเซียนบางพวกที่บางครั้งอยู่เฉยๆ ก็จะนำสัตว์พาหนะไปยังแหล่งที่เคยทำสงครามใหญ่ระหว่างเทพและภูตผีปีศาจร้ายตอนนั้น ค้นหาพวกสัตว์ประหลาดหินที่แปดเปื้อนไอภูตผีปีศาจร้ายเล็กน้อยแล้วต่อสู้กัน ดังนั้นสัตว์พาหนะและสัตว์เลี้ยงของเขาส่วนใหญ่ล้วนชีวิตยืนยาวกระทั่งแก่ตาย
เทพเซียนสองสามตนถูกเขาต่อว่าจึงเผยสีหน้าอับอาย
“เทพชีมู่ หากจักรพรรดิปีศาจผู้นี้บุกมาจริง ถึงตอนนั้นผู้ที่จะลำบากก็ล้วนเป็นเทพเซียนรุ่นเล็กตลอดจนสัตว์เทพของพวกเรา…” หนึ่งในนั้นอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเตือนออกมา
ที่จริงเทพเซียนรุ่นใหญ่ยังดีหน่อย พอมีความสามารถในการปกป้องตัวเองอยู่บ้าง
ก็อย่างเช่นเทพฟ่านโยว ตอนนั้นคิดว่าเขาถูกฆ่าตายแล้ว แต่ในความเป็นจริง…ที่ถูกฆ่าตายเป็นร่างแยกของเขา เช่นนั้นก็เพื่อทำให้จู๋อิ๋งสับสน รอจนถึงตอนศึกใหญ่ เทพฟ่านโยวปรากฏตัว บางทีจู๋อิ๋งอาจจะถูกโจมตีบ้างก็เป็นได้
แน่นอนว่าเรื่องนี้มีเพียงเทพเซียนไม่กี่คนที่รู้ในตอนนี้ ใครจะเอาไปพูดสู่ภายนอกไม่ได้ทั้งนั้น
เทพฟ่านโยวแกล้งตายก็เพื่อสร้างอาวุธร้ายแรงดังเช่นศึกครานั้น หากจู๋อิ๋งรู้เข้า เกรงว่าจะเกิดเหตุเหนือความคาดหมายเอาได้
ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือยื้อเวลาไปก่อน ทำให้โลกเทพได้รับความเสียหายน้อยหน่อยก่อนสงครามใหญ่จะเริ่มขึ้น
เทพชีมู่หน้าซีดเผือด “ข้ายังคงยืนยันคำเดิมเช่นก่อนหน้านี้ ข้าไปพบจักรพรรดิปีศาจได้ แต่โลกเทพแห่งนี้จะต้องส่งสัตว์ปีศาจออกไปให้หมด ข้าไม่มีทางเอาชีวิตของข้าไปเสี่ยงเพื่อประโยชน์ของพวกเจ้าโดยเด็ดขาด!”
เทพเทียนเจ๋อเป่าได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้า “บัดนี้ต่อให้เอาสัตว์ปีศาจส่งออกไปหมด จักรพรรดิปีศาจผู้นี้ก็ไม่พอใจอยู่ดีนี่ ทว่าพวกเราจะทำตามความประสงค์ของท่านแน่…เพียงแต่ ตอนนี้ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”
“รีบๆ ว่ามา” เทพชีมู่ขมวดคิ้ว
“ข้ารู้มาตลอดว่าท่านซ่อนของดีเอาไว้ไม่น้อยมาแต่ไหนแต่ไร ตอนนี้…ไม่ทราบว่าจะขอให้ท่านมอบแร่วิญญาณสีชาดสองสามชิ้นและทรายวิญญาณห้าธาตุให้ได้หรือไม่” เทพเทียนเจ๋อเป่าถามอย่างระมัดระวัง
เทพชีมู่ผงะไป
“เจ้าจะเอาของพวกนี้ไปทำไม” เทพชีมู่ถาม
“คือ…ศึกใหญ่ใกล้เข้ามาแล้ว ย่อมต้องรีบสร้างพวกของล้ำค่าออกมาเอาไว้ใช้ป้องกันตัวหน่อยสิ”
เทพชีมู่ฉายแววตาสงสัยเล็กน้อยชั่ววูบ