ข้าแค่อยาก "กิน" อย่างเงียบๆ - บทที่ 10 วันล่าสัตว์
“วันนี้ ตระกูลเจียงของพวกเราขอประกาศให้เป็นวันล่าสัตว์ ข้าเชื่อว่าทุกคนจะทำอย่างเต็มที่ให้สมกับงานในวันนี้”
บนเวที ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลได้เดินออกมาจากมุมเวทีด้วยรอยยิ้มกว้าง พร้อมกับที่เขาได้พลังวิญญาณของตนส่งเสียงออกไปอย่างดังก้อง ทั่วทั้งลานกว้างของตระกูลเจียง
“ในวันนี้ กฎยังคงเหมือนเช่นเดิม เข้าไปในหุบเขาหมาป่าสวรรค์ที่โอบล้อมพื้นที่ตระกูลของเราเอาไว้ ทำการล่าสัตว์ปีศาจ ยิ่งแก่นปีศาจถูกนำกลับมามากเท่าไหร่ ผลงานของเจ้าก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น”
“หลังจากเสร็จสิ้นงานล่าสัตว์ในวันนี้แล้ว ทรัพยากรที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้เป็นรางวัลจะถูกเปลี่ยนไปในปีหน้า ใครก็ตามที่อายุสิบหกปี พวกเจ้าต้องให้ความสำคัญกับงานวันนี้มากหน่อยล่ะ นั่นก็เพราะผลจากการล่าสัตว์ในวันนี้จะส่งผลต่อการคัดเลือกเข้าสำนักของพวกเจ้าในภายหลัง”
“นี่จะไม่เป็นเพียงการรวมพลังของตระกูลเจียงของพวกเราเท่านั้น แต่จะเป็นใบเบิกทางของพวกเราทุกคนด้วย”
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสสูงสุดแล้ว ผู้คนด้านล่างเวทีต่างก็ส่งเสียงพูดคุยขึ้นมาในทันที แม้ว่านี่จะเป็นงานที่ให้ผู้คนกว่าสามร้อยเข้ามามีส่วนร่วมก็จริง แต่ก็มีเพียงรุ่นเยาว์เพียงสองร้อยคนเท่านั้นที่ได้เข้าร่วม และนี่เองก็ถูกรับรู้กันทั่วในเมืองเทียนหยาง
“อันดับหนึ่งจะได้รับยารวมพลัง อันดับสองจะได้รับเคล็ดวิชาระดับเหลืองขั้นกลาง อันดับสามได้รับเงินรางวัลห้าพันเหรียญทอง อันดับสี่ถึงสิบได้รับเงินรางวัลจำนวนหนึ่งพันเหรียญทอง นี่คือรางวัลทั้งหมดในวันนี้…”
“เอาล่ะ เรื่องที่จะประกาศให้รู้กันหมดลงแล้ว ทุกคน โปรดตามองครักษ์ไปยังเขาหมาป่าสวรรค์ด้วย
เจียงหมิงได้นำคนของตนเดินไปหาเจียงหยวนแล้วพูดออกมาอย่างขำขัน “ไอ้ขยะ ข้าไม่คิดเลยจริงๆว่าเจ้าจะกล้ามาด้วย”
“อะไรล่ะนั่น เจ้ายังรู้สึกไม่ดีงั้นรึ ให้ข้าช่วยดัดสันดานเจ้าอีกครั้งดีรึเปล่า”
เจียงหยวนได้ยักไหล่ให้เล็กน้อย ก่อนที่จะผลักเจียงหมิงให้รีบตรงเข้าไปในหุบเขา
“ไอ้ขยะเวรตะไล นี่มันยังอยู่ในเขตตระกูลนะ”
เมื่อเห็นว่าเจียงหยวนไม่ได้เกรงกลัวตนเองอีกต่อไป เจียงหมิงในตอนนี้เต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างซึมลึกจนคอแข็งค้างราวกับตนเองเป็นฝ่ายโดนพาเข้าหุบเขาไปแทน
หุบเขาหมาป่าสวรรค์อยู่ใกล้เมืองเทียนหยางอย่างมาก ที่ตั้งของหุบเขานี้กินอาณาเขตแสนกิโลเมตรและอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองเทียนหยาง
แม้ที่นี่จะไม่ได้มีสัตว์ปีศาจที่ร้ายกาจอย่างทวีปรกร้างแดนใต้ แต่ที่นี่ก็ยังเต็มไปด้วยสัตว์ปีศาจอยู่ดี
ถึงแม้จะบอกว่าวันนี้จะเป็นวันล่าสัตว์ของตระกูลเจียงก็จริง แต่พื้นที่ล่าสัตว์เองก็อยู่เพียงแค่บริเวณรอบนอกของหุบเขาเท่านั้น
แม้ว่าพื้นที่รอบนอกนี้จะไม่มีสัตว์ประหลาดที่ร้ายกาจอาศัยอยู่ แต่จำนวนของพวกมันก็ถือว่ามากล้น ถึงแม้ว่าพวกมันจะอยู่ในระดับที่ไม่ค่อยจะเป็นพิษภัยต่อผู้บ่มเพาะมนุษย์ก็ตาม
แต่ด้วยการที่ผู้ที่ออกทำการล่าในครั้งนี้มีเพียงรุ่นเยาว์ของตระกูลเจียงที่ส่วนใหญ่อยู่ในระดับผู้บ่มเพาะฝึกหัด แม้จะเป็นแค่รอบนอกของหุบเขาหมาป่าสวรรค์ก็ยังถือว่าเป็นอันตรายอยู่ดี
และในตอนนี้ เจียงหยวนได้เข้าไปแล้ว
“หญ้าพยัคฆ์รึ”
-แดกแม่ง-
-รสอย่างกับไก่ทอดเลยแหะ-
“ติ้ง… ท่านกินสมุนไพรระดับทั่วไป หญ้าพยัคฆ์ ค่าสถานะพื้นฐานที่เกี่ยวกับการโจมตีของท่านเพิ่มขึ้น ร่างกายยกระดับอยู่ในระดับหนึ่งดาว ได้ลับเคล็ดวิชาระดับเหลือง หมัดพยัคฆ์คำรณ”
“ติ้ง…ระดับบ่มเพาะของท่านเพิ่มขึ้น”
“ได้รับทักษะยุทธระดับสีเหลือง ร่างเหล็ก”
“ผลของการใช้ร่างเหล็กจะแตกต่างกันไปตามพลังภายในของผู้ใช้ยามที่ใช้งาน ระดับของชีพจรยุทธเองส่งผลต่อการใช้ด้วยเช่นกัน บางคนที่มีเส้นชีพจรยุทธที่แตกต่างย่อมทำให้ผลลัพท์ที่ได้แตกต่างกันไป”
หลังจากที่เจียงหยวนได้ขับเคลื่อนพลังภายในในร่างของเขา แสงสีแดงที่ห่อหุ้มหมัดขวาของเขาก็เข้มข้นขึ้นอย่างช้าๆ
ด้วยเคล็ดวิชาหมัดพยัคฆ์คำรณที่ถูกต่อยออกไปนี้ สายลมกรรโชกได้พุ่งออกมาจากหมัดของเจียงหยวน และทำให้ใบไม้ที่ลอยอยู่กลางอากาศห่างไปไกลได้แตกสลายในทันที
*ตูม*
ตามมาด้วยทิวแถวของต้นไม้ที่กลายเป็นรูโหว่กลางลำต้น
“หมัดที่ดี”
“กรรรรร”
หลังจากที่ต้นไม้เป็นทิวแถวถูกเจียงหยวนต่อยทะลุไปแล้ว เสียงคำรามลั่นก็ได้ดังออกมาจากป่าที่เป็นปลายทางของหมัดของเขา
เสือขาวตัวหนึ่งที่สูงราวๆครึ่งลำตัวของเขาที่มีเล็บที่แหลมคมและน้ำลายที่ย้อยออกมาจากปาก ได้เชิดหน้าชูคออยู่ห่างออกไป ก่อนจะค่อยๆย่างกลายออกมาจากป่าด้านนั้น
สัตว์ปีศาจระดับหนึ่ง พยัคฆ์เงินคำรณ
ดังคำกล่าวที่ว่า เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้
และเมื่อเสือตัวนี้ได้ยินเสียงคำรามในตอนที่เจียงหยวนใช้เคล็ดวิชา มันเองก็ได้คำรามลั่นตอบสนองต่อการท้าทายของผู้บุกรุกในทันที