ข้าแค่อยาก "กิน" อย่างเงียบๆ - บทที่ 13 จูบเลิศรส
“อร่อยดีไหม น้องจ๋าน”
เจียงหยวนพูดออกมาด้วยท่าทางยียวนพลางก้มลงมองเจียงจ๋านที่ในตอนนี้ประกบปากเข้ากับพยัคฆ์เงินคำรณ
“ไอ้ระยำ”
เจียงจ๋านในตอนนี้แสดงท่าทางโกรธออกมาอย่างเห็นได้ชัด เขาที่ถือได้ว่าตนเองแข็งแรงที่สุดในหมู่คนรุ่นเยาว์ตระกูลเจียง และเป็นผู้ฝึกยุทธที่เก่งฉกาจจนหาตัวจับยากในรุ่นราวคราวเดียวกัน กลับถูกคนที่ตนเองมองว่าเป็นเศษขยะข่มเหงรังแก มีหรือที่เขาจะทนได้
“ตาย”
“ปฐพีสั่นสะท้าน”
เพียงเจียนจ๋านได้พูดคำนี้ออกมา พลังภายในในร่างของเขาก็ได้ระเบิดออก มันเป็นคลื่นพลังที่มีแสงสีเหลืองที่อาบน้อมไปทั่วทั้งร่าง ก่อนที่เขาจะใช้มือทุบลงไปบนพื้นดิน
*ตึงงง*
ภายใต้พื้นดินที่ถูกเจียงจ๋านทุบลงไป รอยแยกของแผ่นดินได้ปรากฎ และพุ่งตรงเข้าไปหาเจียงหยวนที่กำลังยืนอยู่
นี่คือกระบวนท่าที่เขาเตรียมมาเพื่อการล่าในวันนี้โดยเฉพาะ
เมื่อเห็นแบบนี้ เจียงหยวนก็มีท่าทางเย็นชาออกมาในทันที พร้อมกับรังสีฆ่าฟันที่พุ่งออกมาจากจิตใจของเขา ก่อนจะพูดออกมาอย่างดูแคลน “อย่างที่คิด เจ้าที่เป็นหลานของผู้อาวุโสสูงสุด ย่อมต้องมีฝีมืออยู่กับตัว”
เจียงจ๋านที่ได้ยินก็ยิ้มออกมาอย่างภูมิใจแล้วพูดออกมา “ฮ่าฮ่าฮ่า นี่เป็นเพราะแกไม่ยอมส่งของมาให้ข้าเองนา ข้าไม่รู้จริงว่าขยะอย่างแกจะเอาพวกมันไปทำอะไรนักหนา”
“ตอนนี้ เรามาดูกันสิว่าใครกันแน่ที่เป็นขยะที่แท้จริง”
เมื่อพูดจบ พลังภายในของเจียงหยวนก็ได้ระเบิดออกมา มันดูหนากว่าพลังภายในของเจียงจ๋านนับสิบเท่า
หลังจากที่เขากระทืบฝ่าเท้าลงไปที่พื้น รอยแตกที่เกิดจากการกระทืบของเขาก็ได้ลามกลบรอยแตกของเจียงจ๋านไป
“เป็นไปได้ยังไง ทำไมพลังภายในของแกถึงได้…”
ตกตะลึง
ตื่นตระหนก
สำนึกเสียใจ
ในตอนนี้ เจียงจ๋านที่ไม่คิดมาก่อนว่าเจียงหยวนจะกลับมาเป็นผู้ฝึกยุทธได้อีกครั้ง แถมเขายังแข็งแกร่งกว่าตนเองซะอีก
*ผั๊วะ*
เจียงหยวนได้ตบลงไปที่หน้าของเจียงจ๋านอย่างหนักหน่วง
“ใครกันที่เป็นขยะที่แท้น่ะ หื้ม”
“ข้างั้นรึ”
ในตอนนี้ เจียงจ๋านรู้สึกราวกับเป็นเพียงคนเดียวที่เหลือรอดอยู่ในโลกนี้ และเสียงของเจียงหยวนในตอนนี้ก็ได้ดังก้องไปทั่วห้วงจิตสำนึกของเขา
และด้วยคำถามที่เจียงหยวนเอ่ยถามเขาออกมานี้ ทำให้ความมั่นใจในตัวเองในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา มลายสิ้นไปในทันที
“เจียงจ๋าน!”
เสียงตะโกนได้ดังเข้าหูของเจียงจ๋านมา
เป็นตอนนี้ที่เขาได้สติ แก้มของเขาในตอนนี้ยังคงแดงกล่ำและร้อนแรง แต่ซากร่างของพยัคฆ์เงินคำรณในตอนนี้ได้ถูกลากหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
….
“จะกินยังไงดีหว่า”
ในขณะที่จับจ้องไปที่ร่างของเสือที่ตัวเองลากมาแล้ว เจียงหยวนก็เริ่มที่จะคิดว่าควรจะกินเสือของเขายังไงดี
“ช่างแม่ง แค่ย่างแล้วก็กินไปแล้วกัน”
เมื่อคิดวิธีกินได้แล้ว เจียงหยวนก็เริ่มหากิ่งไม้มาทำเป็นเตาย่าง ก่อนจะถลกหนังเสือแล้วตัดเอาแก่นปีศาจออกมา ก่อนจะตัดแบ่งเสือทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าออกเป็นส่วนๆ หลังจากที่เขาได้ใช้ไฟศักดิ์สิทธิ์จุดไฟแล้ว เจียงหยวนก็เริ่มย่างแต่ละส่วนในทันที
-ต้องอร่อยแน่ๆ-
หลังจากได้กลิ่นที่หอมหวนลอยมาเตะจมูก นี่คือสิ่งแรกที่เขาคิดถึง
หลังจากจับจ้องไปที่เนื้อตรงหน้าจนกลายเป็นสีเหลืองทองอย่างช้าๆ เจียงหยวนที่ทนไม่ไหวก็ได้ใช้คลื่นกระบี่ของตนตัดเนื้อของพยัคฆ์เงินคำรณออกเป็นชิ้นเกือบจะพอดีคำ แล้วหยิบใส่เข้าปากไป
ไม่ว่าใครที่มาเห็นฉากนี้ก็คงจะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อได้เห็นว่าเจียงหยวนนำพลังที่แฝงมากับชีพจรยุทธระดับสวรรค์ของเขามาทำเรื่องแบนี้
อย่างไรก็ตาม ต่อให้เขาใช้คลื่นกระบี่มาตัดเนื้อเป็นชิ้นๆแบบนี้ก็ตาม มันก็ยังดูราวกับว่าตัวเขายังไม่สาสมแก่ใจ
-รสชาติห่วยแตก-
-ดูเหมือนว่าคราวหน้าข้าคงต้องเอาเครื่องปรุงมาด้วยสินะ-
“ดิ้ง…ท่านกินสัตว์ปีศาจระดับหนึ่ง พยัคฆ์เงินคำรณ ค่าสถานะโลหะเพิ่มขึ้น ระดับการบ่มเพาะเพิ่มขึ้น พลังภายในธาตุโลหะเพิ่มขึ้น อาณุภาพทักษะธาตุโลหะเพิ่มขึ้น”
“ดิ้ง…ชีพจรยุทธแข็งแกร่งขึ้น”
“ดิ้ง…ระดับบ่มเพาะเพิ่มขึ้น ระดับบ่มเพาะเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ ตอนนี้ท่านอยู่ในนักรบระดับสองดาว”
-นักรบสองดาวเลยเหรอ-
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังภายในที่เข้มข้นขึ้นภายในร่าง เจียงหยวนก็ได้นำสมุนไพรระดับเหลือง หญ้าประกายเลือดที่พึ่งพบเจอออกมา
-ขอดูหน่อยสิว่าแกจะให้อะไรกับข้า-