ข้าแค่อยาก "กิน" อย่างเงียบๆ - บทที่ 27 ไม่คู่ควร
“ผลั๊ก”
ผู้อาวุโสสูงสุดที่ไม่มีทางหนีแล้ว เขาทำได้เพียงยกแขนขึ้นมาป้องกันหมัดที่ทรงพลังของเจียงหยวน
พร้อมๆกับที่เขาได้ย่อขาของตัวเองลงเพื่อกระจายพลังหมัดของเจียงหยวนออกไปที่พื้นที่โดยรอบในตอนที่เขาถูกต่อยเข้าที่แก้มขวา
แต่เจียงหยวนก้ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เขาถือโอกาสนี้โยกตัวไปมาอย่างรวดเร็ว จนร่างกายตรงหน้าของเขาที่ในตอนนี้แม้จะอยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสสูงสุดเหลือเพียงเค้ารางใบหน้าเท่านั้น
*ตูม*
*ตูม*
*ตูม*
…..
หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที หมัดสิบกว่าหมัดได้ถูกต่อยลงไปบนใบหน้าของผู้อาวุโสสูงสุด
“อั๊ค”
หลังจากถูกต่อยด้วยหมัดสุดท้าย ใบหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดบิดเบี้ยวไปตามแรงการต่อย พร้อมกับร่างกายที่ล้มกลิ้งไปตามเวที
“ท่าเท้านี้ช่างสุดยอดนัก”
“ช่างเป็นเพลงหมัดที่ทรงพลังอะไรเช่นนี้ ข้าล่ะอยากเรียนเพลงหมัดที่ต่อยลงมาจากฟากฟ้านี้ไว้บ้างจริงๆ”
“เขาแข็งแกร่งเกินไปแล้ว”
“เขาเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง เขาใช้เพียงแค่ทักษะยุทธระดับนั้นโค่นล้มผู้อาวุโสสูงสุดที่มีระดับบ่มเพาะสูงกว่าได้เลยนะ”
“ท่านผู้อาวุโสสูงสุดพ่ายแล้ว”
เมื่อเหล่าผู้คนรอบลานฝึกได้เห็น ต่างก็พูดออกมาด้วยท่าทางที่เย็นชา
“แก รนหา..ที่ตาย..ไอ้เด็กเวร…”
ผู้อาวุโสสูงสุดในตอนนี้มีใบหน้าที่เดือดดาลอย่างที่สุด ความเจ็บปวดที่แก้มขวาของเขาในตอนนี้ราวกับบังเกิดจากการดูถูกเหยียดหยาม การที่เขาถูกผู้เยาว์กระทำเรื่องเช่นนี้ต่อหน้าผู้อื่นมันทำให้เขารู้สึกกำลังก้มกินอาจมของตนเอง
“อะไร แพ้ไปแล้วยังมาทำเป็นปากดีอีกรึ”
ใบหน้าของเจียงหยวนในตอนนี้ยังแสดงออกมาซึ่งความสงบ….ยี่ยวนกวนประสาท แต่ใจของเขาในตอนนี้กลับร้อนรนอย่างที่สุด
แม้การโจมตีของเขาก่อนหน้านี้จะดูเป็นไปได้ด้วยดีก็ตาม แต่พลังภายในของผู้ที่อยู่ในระดับนักรบย่อมเล็กน้อยและมีอยู่อย่างจำกัด
หากเขาถูกโจมตีอีกระลอกล่ะก็ ไม่เพียงเขาจะบาดเจ็บไปจนถึงจุดตันเถียนของเขาแล้ว เขาจะต้องตกเป็นฝ่ายถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวอีกด้วย
และในตอนนี้เองที่เขาพบว่าในหมู่ฝูงชน มีคลื่นพลังหนึ่งที่กำลังล้นทะลักออกมา และนั่นก็คือเจียงหวู่
“ตาย”
ผู้อาวุโสสูงสุดได้ทะยานขึ้นฟ้า ก่อนจะใช้คลื่นพลังของผู้บ่มเพาะที่อยู่ในระดับจอมยุทธที่บ้าคลั่งราวกับม้าป่าหลุดออกจากกรงห่อหุ้มร่างกายไปทั่ว จนแม้แต่ลานประลองแห่งนี้ก็ยังรู้สึกร้อนรุ่มราวกับอยู่กลางทะเลกองเพลิง
“ชีพจรยุทธเอ๋ย เห็นทีข้าคงต้องพึ่งเจ้าแล้วนะ”
ในขณะที่หัวใจของเจียงหยวนเต้นแรง เขาก็คิดที่จะใช้คลื่นกระบี่ก่อร่างของเขาในครั้งนี้
“ผู้อาวุโสสูงสุด หยุดเดี๋ยวนี้”
เป็นตอนนี้ที่เสียงอันทรงพลังได้ดังกระหึ่ม พร้อมกับร่างของเจียงเหวิ่นได้ปรากฎที่ตรงหน้าระหว่างผู้อาวุโสสูงสุดและเจียงหยวน
“เจียงเหวิ่น เจ้าคิดจะเข้ามายุ่งเรื่องของตระกูลกับลูกของเจ้ารึ”
ผู้อาวุโสสูงสุดได้ตะคอกออกมาด้วยดวงตาที่แดงฉานอย่างโกรธเกรี้ยว
เจียงหยวนเองไม่ได้มีท่าทางกลัวสักนิด เขาได้ยืดตัวตรงก่อนจะตวาดเสียงออกมาอย่างเดือดแค้น
“นี่แกคิดว่าตระกูลเจียงเป็นของแกรึไง แกถึงแยกไม่ออกว่าอันไหนเป็นเรื่องส่วนตัวอันไหนเป็นเรื่องของตระกูล”
“แล้วก็ ที่สาวใช้คนนั้นพูดออกมามันก็เห็นๆอยู่ว่ากำลังโกหกอย่างหน้าด้านๆ แต่แก ไอ้ตัวแก่เฒ่า กับแยกดำขาวไม่ถูก จนเกือบจะฆ่าผู้บริสุทธ์ไปแล้ว”
“เงียบนะ”
เมื่อเจียงเหวิ่นได้ยินก็รีบห้ามปรามเจียงหยวนในทันที
“ไอ้แก่พันธุ์นี้มันได้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดได้ยัง ทุกคนก็เห็นว่าหลี่ฉิวพูดปดอยู่ชัดๆ บอกข้ามาสิว่าใครกันแน่ที่ผิด”
เจียงหยวนยังคงไม่หยุดคำพูดของตน เขายังคงพูดต่อและจ้องมองไปยังรุ่นเยาว์ของตระกูลเจียงที่อยู่เบื้องล่างเวที
แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหล่าผู้คนต่างก็เงียบกริบ
“พวกเจ้า……”
เจียงหยวนในตอนนี้เริ่มที่จะโกรธทุกคนขึ้นมาจริง หลังจากมองไปที่ผู้อาวุโสสูงสุดที่ในตอนนี้กำลังหัวเราะออกมาอย่างซะใจแล้วก็ได้พูดต่อ
“พวกเจ้าทุกคนมันด้อยค่านัก ตอนที่ข้าส่องประกาย พวกเจ้ากับส่ายหัวส่ายหางต่อหน้าข้า ตอนที่ข้ามอดดับ พวกเจ้าทุกคนล้วนแล้วแต่อยากจะทุบตีข้าให้ออกไปจากที่นี่ แม้แต่ในตอนนี้ที่ข้าขอความเห็น พวกเจ้าก็ยังไม่กล้าจะออกมาพูดสักคำ”
“ดี”
“ดี”
“ดีจริงๆ”
“โลกนี้กว้างใหญ่ ข้า เจียงหยวน จะใช้ชีวิตตามที่ใจของข้าปรารถนา แล้วข้าจะจมปรักอยู่กับคนเช่นพวกเจ้าไปทำไม”
“นับจากวันนี้ ข้าจะไม่ขอเป็นคนตระกูลเจียงอีกต่อไป”
เมื่อเจียงหยวนพูดจบ เจียงหยวนก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างประหลาด นี่ทำให้เขารีบคว้ามือไปดึงเฉียวเว่ยผู้ซึ่งยืนนิ่งไม่ไหวถึง ก่อนจะเดินออกไปจากเวทีฝ่าฝูงชนออกไป
“หยวน ทำไมลูกต้องทำแบบนี้”
“ท่านพ่อ ท่านยังเป็นพ่อของข้านะ แต่กับคนพวกนี้…ให้ข้าออกไปจากตระกูลเจียงเถอะ”
“แก”
ผู้อาวุโสสูงสุดได้พูดออกมาอย่างโกรธแค้นก่อนจะพุ่งตามเจียงหวนไป
“ผู้อาวุโสสูงสุด หยุดมือ”
เจียงเหวิ่นได้ยืนต่อหน้าผู้อาวุโสสูงสุดเพื่อไม่ให้เขาทำร้ายลูกชายของตน