ข้าแค่อยาก "กิน" อย่างเงียบๆ - บทที่ 36 สองแสนเหรียญทอง
“หนึ่งแสนเหรียญทอง”
เป็นตอนนี้ที่เสียงหนึ่งได้ดังออกมา
เป็นชูเมิ่งหยูที่อยู่ในห้องพิเศษ
ทุกคนที่ได้ยินเสียงนี้ต่างก็หันไปมองที่ห้องของชูเมิ่งหยูอย่างเป็นตาเดียว พร้อมกับความคิดที่ว่าเม็ดยาชุดนี้เพียงเม็ดหนึ่งก็เพียงพอที่จะเลี้ยงตระกูลเล็กๆไปได้ช่วงเวลาหนึ่งเลยอย่างนั้นหรือ
“หนึ่งแสนเหรียญทองครั้งที่หนึ่ง มีใครจะเสนอเพิ่มอีกหรือไม่”
“หนึ่งแสนเหรียญทองครั้งที่สอง”
“หนึ่งแสนห้าหมื่นเหรียญทอง ข้าหวังว่าจะไว้หน้ากันบ้าง”
“ห้ะ”
เหล่าผู้คนที่ได้ยินยังไม่ทันจะได้ตกใจดี เสียงหนึ่งก็ได้ดังขึ้นมา
“สองแสนเหรียญทอง”
อย่างไรก็ตาม ชูเมิ่งหยูไม่คิดจะไว้หน้าใครอยู่แล้ว ตราบใดที่นางต้องการอะไร นางจะคว้ามันมาให้ได้
“สองแสนเหรียญทองครั้งที่หนึ่ง”
“สองแสนเหรียญทองครั้งที่สอง”
“ดี ของสิ่งนี้ข้าขอมอบให้กับเพื่อนผู้ทุ่มเทผู้นี้ก็แล้วกัน”
ภายในห้อง เจียงหวู่ที่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ได้พูดออกมาอย่างดุดัน “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ไม่ว่ายังไงก็ตาม พวกเราก็ต้องลงมือให้ได้ พวกเราต้องฆ่าเจียงเหวิ่นให้ได้ในวันนี้”
เจียงหลี่ได้เดินเข้ามาจากอีกฝากของห้องแล้วหัวเราะร่าออกมา
“นี่ถือว่าเป็นข่าวดี ข่าวดีจริงๆ ตอนนี้หวังเย่ได้บอกกลับมาแล้วว่ามันได้ใช้สมุนไพรตะวันคลั่งแลกเปลี่ยนเป็นเม็ดยานี่มาแทนเพื่อให้ได้ผลลัพท์ที่ดีขึ้น”
“แต่มันก็ไม่คิดว่าผลของการประมูลจะออกมาในรูปแบบนี้เหมือนกัน แต่นี่ก็ยังถือว่าอยู่ในแผนการอยู่ดี”
และนี่ก็แสดงให้เห็นว่าเจียงหลี่ยังไม่รู้ว่าตัวเองกำลังก้าวสู่กับดักของเจียงหยวนเข้าให้แล้ว
“ว้าว สองแสนเหรียญทองเลยนะนั่น เว่ยเอ๋อรวยแล้วนา”
เฉียวเว่ยที่ได้ยินก็กะพริบตาปริบๆ ดวงใจของนางในตอนนี้ราวกับได้ยินเรื่องที่มีความสุขขึ้นมา นี่ทำให้นางอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้จริงๆ “ว่าไงนะเจ้าคะ นายน้อย เป็นท่านเหรอคะที่ขายยานั่นไป”
“ถูกต้อง”
“การประมูลในครั้งนี้ได้จบลงแล้ว ของที่ถูกประมูลจะถูกส่งไปให้ผู้ที่ประมูลได้ ส่วนเหรียญทองที่เจ้าของได้รับจะถูกส่งไปให้ที่ห้องของพวกท่านเช่นกัน”
“นายน้อย ที่คือผลจันทราและเหรียญทองของท่าน ทั้งนี้ เหรียญทองเหล่านี้ต้องถูกหักค่าดำเนินการด้วยเจ้าค่ะ”
ในตอนนี้ที่มีเสียงเล็กแหลมได้ดังขึ้นมาจากด้านนอก เจียงหยวนที่ได้ยินก็ได้เปิดประตูออกไปก็เห็นสาวใช้คนหนึ่งที่ยืนคอยอยู่ด้านนอกประตู
“นี่คือเหรียญทองของท่าน เพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัวของเท่า หอการค้ามังกรศักดิ์สิทธิ์จะส่งมอบเหรียญทองในรูปของถุงเก็บของ และมีเพียงท่านจ้าวหอการค้าเท่านั้นที่ทราบว่าภายในมีเหรียญทองอยู่เท่าใด”
สาวใช้พูดออกมาพลางส่งถุงเก็บของให้
“หอการค้ามังกรศักดิ์สิทธิ์นี่ช่างบริการดียิ่งนัก”
เจียงหยวนยิ้มพลางเอ่ยปากชม
หลังจากที่ออกจากหอการค้ามาแล้ว หลิวเฟิงผู้ซึ่งกำลังรออยู่ด้านนอกก็รีบวิ่งตรงมาหาเจียงหยวนในทันที
ในคืนนี้ เขาได้เห็นเจียงหยวนทำให้เกิดเรื่องราวมากมาย นี่ทำให้จิตใจของเขาต้องจดจำและยอมศิโรราบต่อเจียงหยวนจริงๆ พร้อมกับความเชื่อที่ว่าเขาจะไปได้ไกลกว่านี้หากอยู่ภายใต้เจียงหยวน
“นายน้อยขอรับ พวกเราจะทำสิ่งใดกันต่อ”
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้วเจียงหยวนก็อดที่จะยิ้มกว้างให้กับความไว้เนื้อเชื่อใจที่พึ่งจะได้รับมาจากน้องชายหน้าบากคนนี้ไม่ได้จริงๆ หลังจากนั้นเขาก็พยักหน้าออกมาอย่างพึงพอใจก่อนจะพูดบอก “เจ้าไปปกป้อง เจียงเหวิ่น พ่อของข้าซะ ข้ากลัวจริงๆว่ายังไงซะไอ้พวกนั้นจะลงมือกับพ่อของข้าตรงๆ ส่วนหม่าเหยานั่นปล่อยให้เป็นข้าจัดการเองแล้วกัน”
หลิวเฟิงที่ไม่สงสัยในความแข็งแกร่งของลูกพี่ของตนก็เร่งพยักหน้ารับแล้วพูดออกมา “ได้ขอรับ นายน้อย”
….
“ช่างน่าโมโหนัก”
บนถนนเส้นหนึ่ง หม่าเหยาที่นิ่งเงียบมานาน สุดท้ายก็ได้ตะเบ็งเสียงออกมาทำลายความเงียบ ราวกับต้องการระบายโทสะจากงานประมูลที่ได้รับมาทั้งหมด
“เฉียวเว่ย ข้าจะป้อนผลจันทราให้เจ้านะ”
เป็นตอนนี้ที่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาเบาๆจากตรอกข้างถนน
แต่เสียงนี้ราวกับสายฟ้าที่ฟาดเข้าไปกลางร่างของหม่าเหยาในทันที
“ผลจันทรารึ”
หม่าเหยาที่หันควับไปตามเสียงก็ได้เห็นเจียงหยวนและเฉียวเว่ยกำลังยืนนิ่งประจันหน้ากันละกันภายในตรอก
มือของเจียงหยวนในตอนนี้กำลังถือผลไม้สีเหลืองฟ้าอยู่ในมือ และมันคือผลจันทราอย่างไม่ต้องสงสัย
“เป็นแกเองรึไอ้ขยะ วันนี้ข้าจะทำให้แกได้รับรู้ว่าใครก็ตามที่กล้ามาหาเรื่องหม่าเหยาผู้นี้จะเป็นยังไง”
หม่าเหยาพูดออกมาด้วยใบหน้าที่แดงเข้มราวกับตับหมูอีกครั้ง