ข้าแค่อยาก "กิน" อย่างเงียบๆ - บทที่ 43 เมืองหลวง
เจียงหยวนได้ยืนเฝ้ามองเฉียวเว่ยตามไป จนกระทั่งร่างของนางได้หายไปกับความมืดมิดบนฟากฟ้า
เป็นตอนนี้ที่เจียงหยวนรับรู้ได้ถึงความอ่อนด้อยของตัวเอง เมื่อเทียบกับผู้ทรงพลังที่โด่งดังทั้งหลาย เขายังเปรียบได้ดั่งเด็กใหม่ที่พึ่งจะตั้งไข่เพียงเท่านั้น
แม้แต่หญิงคนรักเกิดปัญหา เขายังไม่มีปัญญาทำอะไรได้
“ข้าจะต้องแข็งแกร่งกว่านี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
“ทรัพยากรในเมืองเทียนหยางของข้าเองก็มีเพียงแค่น้อยนิด หากข้าจะแข็งแกร่งจะต้องออกจากที่นี่เท่านั้น”
เป็นตอนนี้ที่เจียงหยวนมีใจตั้งหมั้นที่จะไปยังเมืองหลวงขึ้นมา
เจียงหยวนได้ครุ่นคิดอยู่เงียบๆ เพื่อที่จะวางแผนการของตนก่อนจะออกจากเมืองเทียนหยางไป
….
แสงอาทิตย์ได้สาดส่อง
เจียงหยวนเดินตรงเข้าร้านเก้าวิญญาณไปตั้งแต่รุ่งเช้า
“นายน้อยเจียง เชิญขอรับ”
ก่อนที่เจียงหยวนจะได้เยียบเข้าร้าน เถ้าแก่ร้านเก้าวิญญาณได้กล่าวต้อนรับออกมาแต่ไกล ราวกับจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าตัวเขาจะมาที่นี่
ชูเมิ่งหยูยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิม พลางหัวเราะออกมาเล็กน้อยแล้วถามออกมา “โอ้ นี่ไม่ใช่นายน้อยตระกูลเจียงที่พึ่งจะกำหราบตระกูลหม่าไปด้วยตัวคนเดียวหรือนี่ ไม่ทราบว่าวันนี้ท่านมายังร้านค้าของพวกเราด้วยเหตุผลอันใดหรือ”
“คุณหนูใหญ่ก็พูดเล่นเกินไปแล้ว ข้าไม่ใช่นายน้อยที่ไหนสักหน่อย เป็นเพียงแค่อดีตนายน้อยที่ออกมาจากตระกูลเพียงเท่านั้น”
เจียงหยวนไม่พูดเปล่า เขาเดินตรงไปนั่งข้างชูเมิ่งหยูในทันที
ชูเมิ่งหยูที่เห็นก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ท่านมีสินค้าอีกอย่างนั้นรึ”
“ใช่ นี่ ยาเม็ดรวมพลังระดับสุดยอดสามสิบเม็ด ราคายังคงเป็นเช่นเดิม แล้วก็ ข้าต้องหญ้าฟื้นวิญญาณ ดอกน้ำเงินฝันนิรันดร์ ผงหิน แล้วก็หญ้าแดงสี่แฉกของร้านเจ้าทั้งหมดด้วย”
เจียงหยวนพูดพลางวางถุงเก็บของไว้บนโต๊ะ
“นายน้อยช่างสมกับเป็นผู้มากฝีมือจริงๆ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ชูเมิ่งหยูได้พูดออกมาอย่างมีความสุข การได้รับยารวมพลังระดับสูงมาจำนวนมากแบบนี้ นี่ย่อมทำให้เส้นทางของนางในภายภาคหน้าเปิดกว้างออกอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เองก็ทำให้ชูเมิ่งหยูสงสัยไม่น้อยเหมือนกัน เพราะว่านาง ได้ส่งคนไปจับตาดูตระกูลเจียงแทบจะทุกฝีก้าวจนทำให้นางนั้นมีความคุ้นเคยกับผู้คนตระกูลเจียงและเหตุการณ์ภายในแทบจะทุกซอกทุกมุม
รวมไปถึงเรื่องที่พึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันมานี้ด้วย หรือจะให้พูดอีกอย่างก็คือ นางไม่เห็นโอกาสแม้แต่น้อยที่เจียงหยวนจะเป็นคนหลอมยาเหล่านี้ขึ้นมาด้วยตัวเอง
-เป็นไปได้รึเปล่าว่ายาเหล่านี้ไม่ใช่เขาเป็นผู้หลอมขึ้นมา-
“เงินล่ะ”
เจียงหยวนพูดออกมาด้วยรอยยิ้มทำลายห้วงความคิดของชูเมิ่งหยูในทันที
“ทางเราจะจ่ายเงินหนึ่งหมื่นเหรียญทองให้กับเม็ดยารวมพลังขั้นสูงสุดเหล่านี้ พร้อมกับเพิ่มเติมอีกพันเหรียญทองต่อจำนวนที่ท่านนำมา ดังนั้น จำนวนเหรียญทองที่ท่านจะได้ก็คือสามแสนสามหมื่นเหรียญทอง”
“แต่ตอนนี้ทางร้านเก้าวิญญาณของเราไม่มีเหรียญทองจำนวนมากในตอนนี้ พวกเราจึงจะขอใช้หินวิญญาณระดับต่ำสามสิบก้อนเป็นส่วนต่างให้กับท่านแทน”
เมื่อพูดจบ ชูเมิ่งหยูก็ได้วางหินวิญญาณที่มีสีขาวกลมกลึงสามสิบก้อนลงบนโต๊ะ
“หินวิญญาณรึ”
แม้เจียงหยวนจะเคยได้ยินการใช้หินวิญญาณในการซื้อขาย แต่นี่เองก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นมัน
ชูเมิ่งหยูที่เห็นท่าทางของเจียงหยวนในตอนนี้ก็อดที่จะขำไม่ได้ก่อนจะพูดออกมา “หินวิญญาณระดับต่ำหนึ่งก้อน มีมูลค่าหนึ่งหมื่นเหรียญทองน่ะ”
“แน่นอนว่าข้ารับ”
เจียงหยวนพูดพลางพยักหน้ารับ ก่อนจะเก็บเห็นวิญญาณเหล่านี้ลงไปในกระเป๋าเก็บของในทันใด
เถ้าแก่ร้านเองที่เห็นการเจรจาเป็นไปได้ด้วยความราบรื่นก็ได้เผยรอยยิ้มแล้วพูดออกมา “สมุนไพรถูกจัดเตรียมแล้ว ไม่ทราบว่านายน้อยจะให้ทางเราส่งไปยังที่อยู่ของท่านหรือไม่ขอรับ”
“ไม่ต้อง ข้าจะนำมันไปเอง”
เมื่อพูดจบ เจียงหยวนก็กวาดสมุนไพรทั้งหมดเข้าถุงเก็บของแล้วเดินตรงไปยังที่พักของตน
…
ยังไม่ถึงช่วงเย็นดี เจียงหยวนก็ได้เดินออกมาจากที่พัก พร้อมถุงเก็บของที่เต็มไปด้วยยาเม็ดรวมพลังระดับสูงสุดหนึ่งร้อยเม็ด
แน่นอนว่านี่จะทำให้เจียงหยวนมีเงินเก็บอยู่ในตอนนี้ราวๆสองล้านเหรียญทอง
เจียงหยวนได้เดินตรงไปยังที่ตั้งของกลุ่มหัวเสือ
“หัวหน้า ในที่สุดท่านก็มา”
หลิวเฟิงที่นั่งอยู่บนที่นั่งของหัวหน้ากลุ่มที่กำลังรอคอยเจียงหยวนมาออกคำสั่งได้เผยรอยยิ้มในทันทีที่เห็นเขามา
“พรุ่งนี้ ข้าจะออกจากเมืองเทียนหยาง และตรงไปยังเมืองเทียนหลัน(เมืองหลวง) เจ้าเองก็อยู่ที่นี่เพื่อช่วยเหลือตระกูลของข้าแล้วกัน และเห็นแก่ความแข็งแกร่งของพวกเจ้า นี่คือข้าจ้างที่ข้าจะมอบให้เจ้า”
เจียงหยวนพูดพลางส่งถุงเก็บของที่เต็มไปด้วยเม็ดยารวมพลังระดับสุงสุดให้