ข้าแค่อยาก "กิน" อย่างเงียบๆ - บทที่ 48 สามเทพธิดา
ร่างกายของเจียงหยวนขยับไปมาพร้อมกับแสงสีทองบนร่างพร้อมกับการก้าวย่างของเขาไปบนดอกบัวสีน้ำเงินครามแล้วต่อยออกไป
คลื่นพลังของเขาได้ทำลวงฝ่าแรงลมจนทำให้เกิดแรงสะท้อนจนฝุ่นปลิวฟุ้งกระจายไปทั่ว
*ตูม*
ผู้คนโดยรอบไม่มีเวลาได้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
หมัดทั้งสองได้เข้าปะทะกันอย่างสนั่นหวั่นไหว
หลิวเมิ่งลอยระร่องด้วยความเร็วสูงเสียยิ่งกว่าความเร็วตอนที่เขาโจมตีเข้าใส่เจียงหยวน แล้วกระแทกพื้นสนามอย่างรุนแรง
เจียงหยวนยังคงค้างท่ากายหลังจากปล่อยหมัดออกไปแล้วอย่างไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
“ทรงพลังยิ่งนัก นี่น่ะหรือคือขยะที่เขาล่ำลือกัน”
“ไม่ใช่ว่าเขาสูญเสียกรบ่มเพาะหลังจากถูกขโมยชีพจรยุทธไปแล้วหรอกรึ”
“เป็นไปได้รึเปล่าว่านั่นเป็นเพียงแค่ข่าวลือน่ะ”
“ช่างน่าสะพรึงยิ่งนัก ผู้สมัครศิษย์สำนักกลับจัดการศิษย์ระดับเงินของสำนักหวูเทียนลงได้ในหมัดเดียว”
เมื่อเห็นฉากนี้ ไม่ว่าใครต่างก็นิ่งอึ้งไป
“เฮ้ น้องชายคนนี้ เจ้าคิดที่จะเข้าสำนักโด๋วฮุน(วารีลึกลับ)ของพวกเราสักหน่อยไหม”
ก่อนที่ใครจะได้ทำอะไร สาวน้อยแต่งตัวดูดีที่ไม่ต่างไปจากดอกพีซผลิบานได้ตรงเข้ามาโยนกิ่งต้นน้ำมันมะกอกยั่วยวนเจียงหยวนด้วยสายตาที่ซุกซน
“สำนักวารีลักลับเหรอ”
เจียงหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อยบ่งบอกถึงความไม่ชอบใจ นั่นก็เพราะสำนักวารีลึกลับถือได้ว่าอ่อนแอที่สุดในสี่สำนักใหญ่
“ถ้าน้องชายตัวน้อยเข้าร่วมกับสำนักเราล่ะก็ พี่สาวคนนี้จะไปขอให้ท่านเจ้าสำนักอนุญาตให้เจ้าได้ฝึกสุดยอดเทคนิคลับที่มีเพียงแค่ศิษย์ระดับทองของเราเท่านั้นที่จะฝึกได้เลยนา”
เมื่อเห็นว่าเจียงหยวนไม่มีท่าทางสนใจ สาวน้อยคนนี้ก็รีบเข้าไปจับมือถือแขนเจียงหยวน ก่อนจะเหวี่ยงไปมาจนร่างของเขาสั่นไหว ราวกับกำลังโอนอ่อนผ่อนตามเธอไป
“โอ้คุณเพราะ เจ้านี่โชคดีชะมัด นั่นคือศิษย์พี่จากสำนักวารีลึกลับ หวังหรัวนี่”
“รูปร่างของเธอช่าง…ไอ้ฉิบหายนั่นถ้ามันไม่ยอมเข้าล่ะก็ ข้าจะเข้าไปเอง”
“โอ๊ย ถ้าเป็นข้าจะไม่ลังเลแม้แต่น้อยเลยสักนิด ข้าล่ะอยากจะตายจริงๆ”
เมื่อเห็นฉากนี้ ผู้คนต่างก็อิจฉา
“เจียงหยวนรึ”
เป็นตอนนี้ที่เสียงผู้หญิงอีกคนหนึ่งได้ดังขึ้นมา
เมื่อเจียงหยวนได้หันไปดู ก็เห็นเป็นชูเมิ่งหยูแห่งร้านเก้าวิญญาณที่เขาเคยได้พบเจอ
“ชูเมิ่งหยูรึ”
“เทพธิดาอีกองค์ก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ”
“สามในสิบเทพธิดาของเมืองหลวงของพวกเราต่างก็มารวมตัวกันที่นี่ในวันนี้ด้วยล่ะ”
“แต่ไอ้หนูนั่นมันกลับทำให้เหล่าเทพธิดาของพวกเราถึงได้ไปรุมล้อมทุกคน”
“อย่าห้ามข้า ข้าจะไปฆ่าไอ้เด็กนั่นให้ตายไปเสียให้พ้นทางรักของข้า”
เหล่าผู้คนโดยรอบที่อดรนทนไม่ไหวนี้ หากไม่ใช่ก่อนหน้านี้มีตัวอย่างจากหลิวเมิ่งล่ะก็ คงมีคนจำนวนมากมายที่นี่ถูกเจียงหยวนฆ่าไปแล้ว
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะเร็วไม่น้อยเลยนะ จากที่นั่นมาถึงเมืองหลวงได้นี่ถือว่าเจ้าเร็วมาก ปีนี้ ข้าเป็นผู้รับสมัครศิษย์ของสำนักอัคคีสรรพยา(ดั๋นฮัว) เจ้าคิดจะเข้าสำนักของข้าหรือไม่ล่ะ”
ชูเมิ่งหยูพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มหวานพลางชี้ไปที่พื้นที่สมัครของสำนักอัคคีสรรพยา
“ทำไมล่ะ ท่านคิดจะใช้ข้อตกลง(หนี้บุญคุณ)ของพวกเรากับเรื่องนี้งั้นเหรอ”
เจียงหยวนพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม ยังไงซะสำหรับเขาแล้ว สำนักอัคคีสรรพยาถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่หนึ่ง เพราะที่นั่นจะมีทรัพยากรสำหรับบ่มเพาะที่เหนือล้ำที่สุดในหมู่สี่สำนักใหญ่
“มะ ไม่ใช่ ไม่ใช่กับเรื่องนี้ เอาเป็นว่าที่ข้ามาพูดชวนเจ้าเห็นแก่ที่เรารู้จักกันก็เท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากนายน้อยเข้าร่วมกับสำนักอัคคีสรรพยาจริงๆล่ะก็ เพียงแค่บอกข้า สำนักของพวกเราย่อมมอบทรัพยากรล้ำค่าทั้งหลายให้เจ้าได้ใช้สอยอย่างแน่นอนก็แล้วกัน”
ชูเมิ่งหยูรีบส่ายหน้าออกมา แน่นอนว่านางไม่ต้องการใช้หนี้บุญคุณที่นางได้รับมาอย่างไม่คาดฝันกับเรื่องเพียงแค่นี้
“ไอ้ฉิบ…ข้าทนไม่ไหวแล้ว ข้อตกลงอะไรกันที่ไอ้เด็กนี่มันทำไว้กับเทพธิดาชูเนี่ย”
“ทำไมสามเทพธิดาต้องไปรุมล้อมมันด้วยกัน”
“นี่มันไม่ยุติธรรมชัดๆ”
“องค์หญิงหกปกป้องเขา หวังหรัวยั่วยวนเขา แถมในตอนนี้ แม้แต่เทพธิดาลำดับที่สามอย่างชูเมิ่งหยูยังมีข้อตกลงลับกับเขาอีก”
“โอ้สวรรค์ ช่วยเสกให้ข้ากลายเป็นไอ้หมอนี่ทีเถิด”
เหล่าผู้คนที่ทนดูไม่ไหวอีกต่อไปได้เริ่มส่วนอ้อนวอนให้สิ่งที่พวกเขาต้องการเป็นความจริง
ในเรื่องของการเป็นที่หมายปองของสามในสิบเทพธิดาแห่งเมืองเทียนหลันในวันเดียวแบบนี้
มันเป็นโชคชะตาที่ไม่มีวันให้อภัยได้สำหรับพวกเขา