ข้าแค่อยาก "กิน" อย่างเงียบๆ - บทที่ 49 เห็นผี
“เจ้าต้องการเข้าร่วมกับสำนักจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้หรือไม่”
ในตอนนี้ที่ชายแก่ผู้หนึ่งที่นั่งอยู่อย่างโดดเดี่ยวในพื้นที่อันเวิ้งว้างพร้อมกับธงรูปมังกรข้างๆได้เอ่ยถามออกมา นี่คือพื้นที่รับสมัครศิษย์ของสำนักจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
แน่นอนว่าเหตุผลที่ไม่มีคนเข้าไปสมัครยังสำนักนี้ ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะสำนักจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้นี้อ่อนแอเกินไป แต่เป็นพวกเขาที่แข็งแกร่งจนเกินไปต่างหาก
นี่เองจึงเป็นเหตุผลให้แต่ละปีจะมีผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเพียงแค่ไม่กี่คน และในบางปี ไม่มีผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเลยสักคนเดียว
หรือก็คือมันยากเกินกว่าจะผ่านได้
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้าสำนักนี้ไปได้ ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ทำให้คนทั้งแผ่นดินต้องตกตะลึงและหวาดหวั่นกันทั้งนั้น
และด้วยเหตุผลนี้เองจึงทำให้สำนักจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เป็นที่รู้จักทั่วแว่นแคว้น
“สำนักจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้รึ”
“นี่พวกเขาต้องการแย่งตัวศิษย์ด้วยงั้นเหรอ”
“สำนักอันดับหนึ่งไม่เคยแย่งชิงตัวใครมาก่อนนี่นา”
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว ไม่มีใครที่กล้าพูดไม่ดีกับเจียงหยวนอีกต่อไป
เจียงหยวนได้หันไปมองชายแก่คนนี้ก่อนจะเอ่ยถามออกมา “หากข้าเข้าสำนักจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ไปแล้ว ท่านจะมอบสิ่งใดให้ข้าบ้างล่ะ”
“ไอ้ฉิบหาย ไอ้เด็กนี่ไม่ทำตัวโอหังไปหน่อยรีไง เขาคือคนจากสำนักจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เลยนะเฮ้ย”
“เขาสมควรจะเป็นแบบอย่างของข้าโดยแท้ เมื่อไหร่กันนะ ที่ข้าจะได้มีชีวิตอยู่แบบเขาได้บ้าง”
“เพียงแค่ถูกคนของสำนักจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้มาสอบถามเพื่อรับเข้านี่ก็ถือว่าเป็นเกียรติมากแล้ว แต่ไอ้เด็กนี่กลับถามเรื่องนี้เนี่ยนะ”
…
ชายแก่ยิ้มก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงที่หนักแน่น “พวกเราสามารถมอบอาจารย์ที่เก่งที่สุด ทักษะยุทธที่ดีที่สุด และสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดในการบ่มเพาะให้กับเจ้าได้”
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยิน เจียงหยวนกลับส่ายหน้าไปมาก่อนจะตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่ต้องการสิ่งเหล่านั้น”
“กล้าดีมาจากไหนเนี่ย ไอ้เด็กนี่มันบ้าไปแล้ว นี่มันไม่ต่างไปจากการหยามสำนักจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เลยสักนิด พวกเขาเป็นสำนักที่มีทั้งอาจารย์และเคล็ดวิชาที่ทรงพลังที่สุดเลยนะ”
“ไม่ใช่ว่าเจ้านี่แค่เป็นเพียงคนโง่หรอกรึ โอกาสดีๆเช่นนี้กลับไม่รีบคว้าเอาไว้”
….
เจียงหยวนแม้จะดูเหมือนคนโง่สำหรับผู้คน แต่เขาที่มีระบบอยู่แล้ว เขาย่อมไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้ เขาเพียงแค่ต้องการทรัพยากรในการบ่มเพาะก็ถือได้ว่าเกินพอแล้ว
และนี่เองทำให้ชายแก่ถามออกมาอย่างสงสัย “แล้วเจ้าต้องการอะไรงั้นรึ”
เจียงหยวนพูดออกมาด้วยเสียงที่นุ่มลึก “ข้าต้องการเพียงแค่ทรัพยากรบ่มเพาะเท่านั้น และต้องการเป็นจำนวนมากด้วย”
แม้ชายแก่จะไม่เข้าใจว่าเจียงหยวนจะต้องการทรัพยากรบ่มเพาะจำนวนมากไปทำไมก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจถึงเรื่องเส้นทางการบ่มเพาะที่แตกต่างของแต่ละคน นี่ทำให้เขาเผยรอยยิ้มออกมาแล้วพูดตอบไป “ก็ได้ สำนักจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของพวกเราจะมอบทรัพยากรบ่มเพาะที่เหมาะสมกับเจ้า พวกเราสามารถเติมเต็มคำขอของเจ้าในข้อนี้ได้”
ถ้าอย่างนั้นข้าจะเข้าสำนึกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
เจียงหยวนตัดสินใจได้ในทันทีเมื่อได้ยินแบบนี้ นั่นก็เพราะถ้าพูดถึงเรื่องกฎเกณฑ์และสภาพแวดล้อมแล้ว อีกสามสำนักใหญ่ย่อมไม่อาจสู้สำนักจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ได้อย่างแน่นอน
หลังจากลงชื่อสมัครแล้ว เจียงหยวนก็สังเกตุได้ว่ามีศิษย์บางคนที่ได้ถูกคัดเลือกเข้าสำนักจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อยู่ก่อนแล้ว และนี่เองทำให้เขาอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าหญิงสาวที่ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวที่เขาเห็นอยู่นั้นเป็นใคร
“สวัสดี พวกเราต่างก็เป็นศิษย์สำนักเดียวกันแล้วนะ”
เจียงหยวนพูดออกมาพลางหัวเราะร่า
อย่างไรก็ตาม หญิงสาวคนนี้ไม่ได้ตอบอะไรเขา เธอเพียงแค่หันมาหาเขาด้วยรอยยิ้มที่แปลกประหลาด
เมื่อเห็นรอยยิ้มนี้ เจียงหยวนก็นึกกลัวขึ้นมาอย่างจับใจจนนึกอยากจะตายขึ้นมาในทันที
นั่นก็เพราะรอยยิ้มของเธอนั้นฉีกกว้างไปจนถึงโหนกแก้ม แม้แต่เจียงหยวนเองที่เป็นคนที่มีจิตใจกล้าหาญก็ยังอดที่จะสะดุ้งเฮือกไม่ได้
ใบหน้าของหญิงสาวคนนี้มีสีที่ซีดเผือด ราวกับไม่มีร่องรอยเลือดที่หล่อเลี้ยงใบหน้าเลยแม้แต่หยดเดียว ดวงตาของเธอดูเลื่อนลอยและเย็นชาราวกับเธอได้ตกตายมานานหลายปี
ถ้าจะมีสิ่งที่พอจะบ่งบอกว่าเธอมีชีวิตอยู่นั้นก็คงจะเป็นเพียงเลือดที่หยดออกมาจากมุมปากของเธอเท่านั้น
“เจ้า….”
เจียงหยวนมีใบหน้าที่แสดงออกมาอย่างโง่งมในทันใด
“เจ้า….เฮ้…..”
หญิงสาวที่ได้ยินดังนั้นก็ส่งยิ้มละไมให้กับเจียงหยวนอีกครั้ง มันเป็นรอยยิ้มพิมพ์ใจที่ฉีกกว้างจนไปถึงโหนกแก้มของเธอ
“เจ้า…เห็นเธอด้วยรึ”
ชายแก่ในตอนนี้มีใบหน้าที่ซึดเผือดในทันทีราวกับอยู่ๆความองอาจก่อนหน้านี้ได้แตกกระเจิงไปคนละทิศคนละทางไปแล้ว ก่อนที่เขาจะทำท่าอะไรบางอย่างออกมาตรงหน้า และนี่ทำให้หญิงสาวค่อยๆหายตัวไปอย่างช้าๆ
“นาง…เป็นผีรึ”
เจียงหยวนตกตะลึงในทันทีเพราะเขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เห็นผีตอนกลางวันแสกๆอย่างนี้
“ชีวิตของเจ้า….กำลังตกอยู่ในอันตราย”