คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 196 บริเวณฮุ่นตุ้น[1]
วิญญาณมังกรยาวสิบกว่าจั้งก็ถูกลากออกมาตามเสียงร้องสุดท้ายของมังกรชางหวงอวี้ ไม่มีวิญญาณมังกร มังกรชางหวงอวี้ก็ตัวอ่อนปวกเปียกห้อยลงมาราวกับลูกพลับนิ่ม ในเวลานี้ มารดำถือหอกวิญญาณมารดำปักลงไปยังวิญญาณสวรรค์ของมังกรชางหวงอวี้ทันใด
หอกวิญญาณมารดำปักฉึกเข้าไปในวิญญาณสวรรค์ของมัน พอเขย่ามือ ขณะที่ดึงหอกวิญญาณมารดำออกมา ตานสัตว์ปิศาจขนาดสองฝ่ามือเม็ดหนึ่งก็ออกมาจากในวิญญาณสวรรค์
ตานสัตว์ปิศาจเม็ดนี้ไม่เหมือนกับตานสัตว์ปิศาจธรรมดา ไม่ใช่สีบริสุทธิ์ ทว่าโปร่งใสตลอดเม็ดราวกับหินผลึก ตรงกลางยังมีมังกรตัวเล็กๆ แหวกว่ายอยู่ข้างใน ตานสัตว์ปิศาจส่งเสียงวิ้งๆ มีปัญญาญาณของตนเองแล้ว ดิ้นรนคิดจะหลบหนีไป
จอมมารหลงยกมือขึ้น ภายในทะเลเพลิงนรกมีมือสีดำข้างหนึ่งยื่นออกมาอย่างรวดเร็วคว้าตานสัตว์ปิศาจที่กำลังคิดจะหลบหนีเอาไว้ วิญญาณมังกรและตานสัตว์ปิศาจจมลงในความมืดมิดผืนนั้น จากนั้นความมืดมิดก็หดเล็กลงและหายไป
“รีบไป!” ขณะที่จินเฟยเหยายังมองวิญญาณมังกรด้วยความอิจฉา จอมมารหลงพลันพุ่งขึ้นมา หิ้วคอเสื้อนางขึ้นแล้วบินออกไปอย่างเร่งร้อน
“พั่งจื่อ รีบมาเร็ว!” จินเฟยเหยาไม่ทันได้ถามสาเหตุก็รีบเรียกพั่งจื่อที่ยังกินมังกรอยู่ พั่งจื่อคายมังกรหมอกที่กินไปได้ครึ่งหนึ่ง หลังจากหดร่างเล็กลงก็ตวัดลิ้นไปพันรอบขาของจินเฟยเหยา แล้วถูกจอมมารหลงลากหลบหนีออกไปด้วยกัน
พวกเขาเพิ่งเหินร่างจากมาก็เห็นมังกรหมอกรอบด้านที่ไม่ยอมจากไปพุ่งเข้าใส่ซากของมังกรชางหวงอวี้ทั้งฝูง พยายามฉีกทึ้งเนื้อมังกรชางหวงอวี้
มารดำหายไปแล้ว จอมมารหลงคว้าจินเฟยเหยาหลบหนีออกไปร้อยหลี่ในพริบตา หลังจากเห็นว่าออกมาไกลขนาดนี้มังกรหมอกคงไม่ไล่ตามมาอีก จอมมารหลงก็ล้วงของสิ่งหนึ่งออกมาจากอก จินเฟยเหยาเอียงศีรษะใช้หางตามองดู พบว่าเป็นลูกบอลโปร่งใสขนาดเท่ากำปั้น ที่ประหลาดคือในลูกบอลมีเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งลอยอยู่ สามารถมองเห็นกระท่อมหลายห้องบนเกาะได้รางๆ
พื้นที่มิติหรือ? เจ้าหมอนี่เกินไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะมีพื้นที่มิติมากมายปานนี้! จินเฟยเหยาไม่พอใจ เพราะเหตุใดจอมมารหลงจึงมีพื้นที่มิติมากมายปานนี้ มีช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยมากเกินไปแล้ว จะให้คนมีชีวิตอยู่หรือไม่
บอลเล็กๆ ถูกจอมมารหลงโยนออกไป พริบตาก็ขยายใหญ่ กลายเป็นบอลแสงกินพื้นที่สิบหมู่แห่งหนึ่ง เกาะเล็กๆ แห่งนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นเช่นเดียวกันล่องลอยอยู่กลางบอลแสง จอมมารหลงลากจินเฟยเหยาเหาะเข้าไปในบอลแสงอย่างว่องไวและร่อนลงบนเกาะ
พอเขาปล่อยมือก็เอ่ยกับจินเฟยเหยาอย่างเย็นชา “เจ้าอยู่ที่นี่ดีๆ ที่นี่คือโลกฮุ่นตุ้น เป็นพื้นที่ชายขอบของโลกระดับเทพ นอกจากมังกรด้านนอกแล้วก็ไม่มีอะไรเลย ถ้าอยากไปเจ้าก็ทดลองดู สิ่งของที่นี่สามารถใช้ได้ตามสบาย ทว่าห้ามมารบกวนข้า”
หลังเอ่ยจบ เขาก็ไม่มองดูจินเฟยเหยาสักแวบ เดินเข้าไปในกระท่อมด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ทั้งยังปิดประตูไม้เล็กๆ ที่ดูไม่ค่อยแข็งแรงอย่างแรง
“ดุร้ายขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าจะไปรักษาบาดแผลยังเสแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง เขาคงบาดเจ็บหนักเสียแปดส่วน ไม่เช่นนั้นเหตุใดจึงเกรงกลัวมังกรหมอกที่เพิ่งขั้นห้าเหล่านั้น พั่งจื่อ พวกเราจะฉวยโอกาสนี้ไปวางแผนลอบทำร้ายเขาหรือไม่?” จินเฟยเหยาใช้ข้อศอกจิ้มพั่งจื่อที่หดเล็กลงจนมีขนาดสูงเท่าหนึ่งคนกว่าด้านข้าง พลางเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น พั่งจื่อมองนางด้วยสายตาเย็นชา แล้วหมอบลงกับพื้นไม่สนใจนางอีก
“แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง เจ้านี่ไม่มีอารมณ์ขันเอาเสียเลย” กลอกตาใส่พั่งจื่อทีหนึ่ง แล้วจินเฟยเหยาก็มองพินิจพื้นที่มิติเล็กๆ แห่งนี้
เกาะขนาดเล็กประมาณสิบหมู่ มีกระท่อมสองห้อง และกระท่อมมุงหญ้าเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ดูเหมือนบ้านสุนัข หน้ากระท่อมมีเตาหลอมยาสูงหนึ่งตัวคนวางอยู่บนพื้นที่ใช้หินปูไว้ลวกๆ ส่วนด้านหลังบ้านมีต้นไม้เก่าแก่ไม่ทราบชื่อที่มีดอกไม้บานเต็มไปหมดสองต้น ต้นหนึ่งดอกสีขาวล้วน ต้นหนึ่งดอกสีแดงล้วน ไม่รู้ว่าสายลมพัดเบาๆ มาจากที่ใด กลีบดอกไม้สีแดงและสีขาวของทั้งสองต้นก็ร่วงลงมาตามสายลม
สองฟากกระท่อมแต่ละฝั่งมีรั้วแถวหนึ่ง ไม่รู้ว่าขี้เกียจสร้างให้เสร็จหรือจงใจ รั้วสองฝั่งไม่ได้ล้อมสวนทั้งหมด ทว่าล้อมเพียงหนึ่งในสาม บนนั้นมีดอกเฉียนหนิว[2]ส่องแสงยามราตรีเจ็ดสีไต่ขึ้นเต็มไปหมดนานแล้ว
ในแปลงสมุนไพรสำหรับปลูกหญ้าวิญญาณสิบหมู่เต็มไปด้วยวัชพืช วัชพืชที่ไม่ได้ถูกกำจัดมานานเหล่านั้นใกล้จะบดบังหญ้าวิญญาณหมดแล้ว ข้างแปลงยังมีบ่อน้ำเก่าแก่แห่งหนึ่ง ถังไม้สองถังถูกโยนทิ้งระเกะระกะไว้ข้างบ่อน้ำ
บนเกาะเงียบสงบ นอกจากนาง พั่งจื่อ และจอมมารหลงที่อยู่ในห้องก็ไม่มีใครหรือสิ่งมีชีวิตใดๆ
กระท่อมถูกจอมมารหลงยึดไปแล้วห้องหนึ่ง จินเฟยเหยาไม่กล้าไปรบกวนเขาสุ่มสี่สุ่มห้า คนประเภทนี้ไม่ใช่ชนชั้นที่ใจดีมีเมตตา หากทำให้เขาไม่พอใจก็สังหารทิ้งได้โดยไม่เปลืองแรงราวกับเหยียบมดตัวหนึ่ง ชีวิตน้อยๆ สำคัญที่สุด
ทว่าเขาเคยบอกไว้ นอกจากไม่รบกวนเขาแล้ว สิ่งของที่นี่สามารถให้นางใช้ได้ตามสบาย ดังนั้นจินเฟยเหยาจึงผลักประตูกระท่อมด้านข้างที่กั้นด้วยกำแพงผืนเดียว
เป็นห้องที่ดีจริงๆ ด้านในว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย แม้แต่ฝุ่นธุลีก็ยังไม่มี เกลี้ยงเกลาเรียบกริบ
นางเปิดหน้าต่างไม้ด้านหน้าและด้านหลังสองบานบนกำแพง ด้านหน้ามองแวบเดียวก็เห็นแปลงสมุนไพรที่มีวัชพืชอยู่เต็มไปหมด นอกหน้าต่างด้านหลังเป็นกลีบดอกไม้สีแดงและสีขาว หมุนวนลอยร่วงลงมาอย่างแผ่วเบา บางครั้งยังมีกลีบสองกลีบลอยเข้ามาในห้อง เอ้อระเหยจริงๆ
จินเฟยเหยาฟุบตรงหน้าต่าง มองดูกลีบดอกไม้ล่องลอยและร่วงหล่น แล้วเอ่ยอย่างเสียใจอยู่บ้าง “ข้าชอบที่นี่ อยากได้พื้นที่มิติชิ้นนี้จริงๆ”
ในขณะที่นางกำลังเมามายในทิวทัศน์อันงดงามที่ชวนให้คนรู้สึกง่วงเหงา ทันใดนั้นมังกรตัวใหญ่สีดำตัวหนึ่งก็พุ่งมา ใช้หัวชนบอลแสงภายนอก ทำให้จินเฟยเหยาตกใจจนเกือบจะร้องออกมา
“ทำอะไรน่ะ ตกใจแทบตาย!” พุ่งมากะทันหันแบบนี้ ทำให้นางที่กำลังเหม่ออยู่ตกใจ
จินเฟยเหยารีบวิ่งไปในสวน เห็นภายนอกบอลแสงมีมังกรหมอกสีเทาห้อมล้อมอยู่ไม่น้อย และยังมีมังกรดำที่ทั่วร่างสีดำสนิทและท่าทางดุร้าย ไกลออกไปราวกับยังมีมังกรลักษณะอื่นๆ กำลังเร่งรุดมา
“…” มองมังกรที่หิวโหยจนท้องร้องเหล่านี้ จินเฟยเหยาก็หมดคำพูด
นางเคลื่อนไปถึงนอกกระท่อมของจอมมารหลงอย่างช้าๆ แนบตรงประตูและเรียกเสียงแผ่วเบา “ผู้อาวุโส…ผู้อาวุโส…ด้านนอกมีมังกรจำนวนมากมาหาท่าน”
ภายในประตูไม่มีความเคลื่อนไหวเลยสักนิด จินเฟยเหยาเคลื่อนไปตรงนอกหน้าต่างอีก แอบมองผ่านช่องหน้าต่างเข้าไปคิดจะดูว่าจอมมารหลงกำลังทำอะไรอยู่ น่าเสียดายที่หน้าต่างไม้ไม่ได้ติดกระดาษบุหน้าต่าง มองเห็นเพียงแสงรัศมีห้าสีสันกระเพื่อมอยู่ด้านใน จอมมารหลงลงการป้องกันไว้
“พั่งจื่อ จะทำอย่างไรดี? มังกรขั้นห้าและขั้นหกมากันหมดแล้ว ถ้ารักษาบอลแสงไว้ไม่ได้จะทำอย่างไร?” จินเฟยเหยาได้แต่แล่นไปหาพั่งจื่อ แล้วผลักหนังท้องอ้วนๆ ของมัน
พั่งจื่อแกล้งนอนตายอยู่บนพื้นไม่ขยับเขยื้อน มันเป็นเพียงสัตว์ภูติไม่ใช่แม่ทัพ ถ้าเวลานี้ฟื้นขึ้นมาแล้วทำตัวเป็นเจ้านายต้องถูกส่งออกไปสังหารมังกรแน่ มันยังคงแกล้งตายดีกว่า
จินเฟยเหยาครุ่นคิด ตบหนังท้องของมันทีหนึ่งแล้วเอ่ย “ข้านี่โง่จริงๆ ตอนนี้น่าจะสามารถใช้อ่างมายาจิ่งเทียนได้แล้ว พวกเราไปหลบในนั้นกัน ต่อให้มังกรเหล่านี้กำลังหิวก็คงไม่กินอ่างหรอก”
ในเวลานี้ จอมมารหลงที่อยู่ในกระท่อมเปล่งแสงสว่างเจิดจ้า บอลแสงภายนอกเกาะเล็กๆ ก็มีแสงสีขาวสายหนึ่งวาบขึ้นตามไปด้วย
มังกรที่อยู่ภายนอกร้องคำรามทันทีและพากันล่าถอยไป ต่อให้มีมังกรพุ่งมาโจมตีบอลแสงอีกก็จะมีแสงสีขาวพุ่งขึ้นโจมตี ทำให้มังกรเหล่านี้ร้องคำรามไม่หยุด พอหลายครั้งเข้ามังกรเหล่านั้นก็ไม่กล้าเข้าใกล้บอลแสงอีก ทว่าก็ยังตัดใจจากไปไม่ได้ จึงวนเวียนไปมาอยู่รอบเกาะเล็กๆ ตลอด
จินเฟยเหยาเงยหน้าขึ้นมองอยู่นาน หลังจากแน่ใจว่ามังกรเหล่านี้ทะลวงเข้ามาไม่ได้จึงโล่งอก
“พั่งจื่อ ไม่ต้องแกล้งตายแล้ว ลุกขึ้น ข้าเพิ่งบรรลุขั้นหลอมรวม เดิมทีสมควรโคจรพลังวิญญาณหลายสิบเสี่ยวโจวเทียน[3]ก่อน ต้องโทษเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ข้าต้องสูญเสียพลังวิญญาณไปไม่น้อย ตอนนี้ข้ารู้สึกไม่สบายอย่างยิ่ง เจ้าคุ้มครองข้าให้ดี ข้าจะจัดระเบียบพลังวิญญาณสักหน่อย” จินเฟยเหยาเตะพั่งจื่อทีหนึ่งแล้วเอ่ยกำชับ
จินเฟยเหยาเกรงว่าพั่งจื่อจะแอบอู้ จึงนำต้านิวออกมาให้นางสังเกตสภาพของพวกมังกรภายนอก จากนั้นนางก็นำวงเวทวิญญาณสิบสองปิศาจออกมา จัดวางวงเวทเล็กๆ จึงลงนั่งขัดสมาธิ เริ่มตรวจสอบพลังวิญญาณและการรับรู้ภายในร่าง
ถ้าไม่ตรวจสอบคงไม่รู้ พอตรวจสอบก็ตกใจ จินเฟยเหยาพบว่าพลังวิญญาณของตนเองกำลังวิ่งอย่างสับสนอยู่ภายในร่าง ทว่าสีสันของพลังวิญญาณมีการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนจากสีฟ้าอันงดงามเป็นสีดำ
พอมองไปในห้วงการรับรู้อีกครั้ง ทะเลสีฟ้าผืนนั้นก็กลายเป็นผืนน้ำสีดำราวกับสกปรกอย่างยิ่ง ทันใดนั้น เหมือนนางจะเห็นอะไรบางอย่างขยับเขยื้อนอยู่ในทะเลสีดำ นางมองดูอย่างละเอียดอยู่นานจึงพบว่ามีสัตว์สีดำสนิทตัวหนึ่งว่ายอยู่ในนั้น
ตัวอะไรน่ะ!
จินเฟยเหยาประหลาดใจอย่างยิ่ง เหตุใดจึงมีสัตว์อยู่ในห้วงการรับรู้ได้ ทว่าหลังจากเฝ้ามองอย่างละเอียดอีกครั้ง นางจึงสังเกตเห็น เจ้าตัวนี้หน้าตาแปลกประหลาดยิ่ง บนหัวมีเขาแพะคู่หนึ่ง ร่างกายเหมือนสิงโตตัวเล็กๆ ทว่ากลับมีหัวและปากขนาดใหญ่ที่ไม่สมส่วนกับร่างกาย เขี้ยวพยัคฆ์เต็มปาก กลิ้งตัวอวบอ้วนอยู่ในทะเลสีดำอย่างสนุกสนานตลอดเวลา
“เทาเที่ย[4]?”
พอคำว่าเทาเที่ยสองอักษรหลุดจากปาก จินเฟยเหยาก็รู้สึกว่าน่าขำ สัตว์ร้ายที่เพียงเคยได้ยินแต่ไม่เคยพบเห็นชนิดนี้จะปรากฏขึ้นในห้วงการรับรู้ของตนเองได้อย่างไร ต้องเข้าใจผิดแน่ หลังจากสั่นศีรษะอย่างแรงแบบไม่อยากจะเชื่อ จินเฟยเหยามองเทาเที่ยที่กลิ้งตัวเล่นอยู่ในทะเลแล้วเงียบงันอยู่นาน
สุดท้าย นางก็ยักไหล่เอ่ยอย่างช่วยไม่ได้ “จะสนใจไปไยว่ามันเป็นตัวอะไร อีกหลายวันค่อยไปถามจอมมารหลงดู ถึงอย่างไรขอเพียงไม่กินข้าเป็นใช้ได้”
นำการรับรู้ออกมาจากห้วงการรับรู้ นางเริ่มจัดระเบียบพลังวิญญาณที่วิ่งวุ่นวายไปทั่วอย่างจริงจัง ทำให้พลังวิญญาณเข้ากันได้อย่างราบรื่นทีละนิด ชักนำพวกมันกลับไปยังเส้นทางที่ถูกต้อง หลังจากโคจรหกสิบสี่เสี่ยวโจวเทียน นางก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ในที่สุดก็จัดระเบียบพลังวิญญาณเหล่านี้เสร็จ
การโคจรพลังหกสิบสี่เสี่ยวโจวเทียนครั้งนี้ใช้เวลาไปสามสิบสองชั่วยาม จอมมารหลงยังอยู่ในกระท่อมไม่ออกมา จินเฟยเหยาอดคิดไม่ได้ เห็นเขาเดินเข้าไปในกระท่อมอย่างสง่างามขนาดนั้น คิดไม่ถึงว่าจะบาดเจ็บจริงๆ คงไม่ใช่ต้องรักษาบาดแผลอยู่ในนั้นหลายปีหรอกนะ
ความคิดนี้ทำให้นางตกใจ ถ้าเป็นความจริง หรือว่าตนเองต้องอยู่ในโลกสีเทาขมุกขมัวแห่งนี้กับจอมมารหลงหลายปี? นั่นมิใช่อยู่มิสู้ตายหรอกหรือ
แต่ถ้าต้องออกไปจากที่นี่ จะทำอย่างไรกับมังกรภายนอกพวกนั้น และยังมีปัญหาใหญ่สุดอีกข้อหนึ่ง ทางออกของบริเวณฮุ่นตุ้นอะไรนี่อยู่ที่ใด? ตนเองไม่มีพื้นที่มิติแบบนี้ ไม่อาจวิ่งวุ่นไปทั่วจนกระทั่งถูกมังกรล้อมปราบตาย
พอคิดถึงอนาคตอันมืดมน จินเฟยเหยาก็สับสน บางทีให้จอมมารหลงนำเจตจำนงหกเหลี่ยมออกมาแล้วตนเองเข้าไปอยู่ในนั้นอีกหลายปีก็พอ อยู่ด้านในดีกว่าเฝ้ามองเขาอยู่ที่นี่มากนัก ผู้ใดจะรู้ว่าพอเขาอารมณ์ไม่ดีจะทำเรื่องอะไรบ้าง
……………………………………..
[1] ฮุ่นตุ้น คือ สภาพความวุ่นวายก่อนโลกจะอุบัติขึ้น
[2] ดอกเฉียนหนิว คือ ดอกผักบุ้ง หรือ มอร์นิ่งกลอรี่
[3] เสี่ยวโจวเทียน คือ การโคจรลมปราณแบบจักรวาลเล็ก ผ่านชีพจรเริ่นและตู
[4] เทาเที่ย คือ สัตว์ประหลาดชนิดหนึ่งในตำนานจีนโบราณ เป็นหนึ่งในบุตรมังกรทั้งเก้า