คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 296 กู่หลิงซิน
นั่นเป็นไม้แกะสลักลวดลายกะโหลกผี เห็นผู้บำเพ็ญเซียนชุดดำคนนั้นใช้คาถากับไม้แกะสลัก ไม้แกะสลักพลันลอยขึ้นมาเอง และมีวิญญาณสองดวงแล่นออกมาจากด้านใน
ในถ้ำศิลาพลันมีเสียงผีโหยหวนแสบแก้วหูดังมา แหลมคมและเดือดดาล ผู้บำเพ็ญเซียนชุดดำดีดนิ้วอย่างรวดเร็ว แสงสีแดงสองสายลอยออกไปโจมตีบนร่างวิญญาณ
วิญญาณพยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต ทว่าแสงสีแดงกลายเป็นยันต์คุ้มกันวิญญาณ กระพริบและกดวิญญาณให้กลายเป็นดวงแสงอย่างช้าๆ จากนั้นพอผู้บำเพ็ญเซียนชุดดำเก็บ วิญญาณสองดวงก็มุดเข้าไปในไม้แกะสลัก
“วิญญาณขั้นหลอมรวมช่วงปลายมีสองส่วน ทั้งสองท่านยินยอมขายจินตันหรือไม่?” ผู้บำเพ็ญเซียนชุดดำวางไม้แกะสลักหัวผีลงบนโต๊ะศิลาแล้วเอ่ยถามด้วยเสียงเย็นชา
ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่คนนั้นเงยหน้าขึ้นเอ่ยว่า “ไม่มี จินตันแตกแล้ว”
“น่าเสียดาย” ผู้บำเพ็ญเซียนชุดดำถอนหายใจ และไม่ได้พูดอะไรมาก พอพลิกมือก็มีถุงเฉียนคุนปรากฎขึ้น เขาวางถุงเฉียนคุนไว้บนโต๊ะศิลา หลังผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่คนนั้นเก็บถุงเฉียนคุนก็พาคนที่มีหัวกะโหลกกองนั้นจากไปโดยไม่เอ่ยวาจามากความ
เห็นพวกเขาเดินเข้าวงเวทส่งตัวแล้วหายไป จินเฟยเหยาก็เดินมาถึงเบื้องหน้าผู้บำเพ็ญเซียนชุดดำพร้อมผู้บำเพ็ญเซียนสตรีคนนั้น เพื่อแสดงความเคารพผู้บำเพ็ญเซียนชุดดำจึงลุกขึ้นทำท่าเชื้อเชิญ จินเฟยเหยานั่งลงอย่างไม่เกรงใจ ส่วนผู้บำเพ็ญเซียนสตรีคนนั้นก็ลอยไปราวกับภูติพราย
“คฤหาสน์อินของพวกเจ้าพิเศษอย่างยิ่ง รอบด้านมืดครึ้ม ชั้นสิบเจ็ดน่าจะอยู่ใต้ดินสินะ?” จินเฟยเหยานั่งบนเก้าอี้ศิลาที่แข็งและไม่มีความรู้สึกสบายแม้แต่น้อย เอ่ยยิ้มๆ กับผู้บำเพ็ญเซียนที่อยู่ในหมอกดำฝั่งตรงข้าม
ผู้บำเพ็ญเซียนชุดดำเอ่ยวาจาอย่างเย็นชา “ผู้อาวุโส สายตาแหลมคม ที่นี่อยู่ใต้ดินจริงๆ ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสคิดจะขายวิญญาณแบบใด?”
คำพูดของเขาดูเหมือนเอ่ยชมเชยอย่างสุภาพ แต่เนื่องจากน้ำเสียงทั้งแข็งกระด้างทั้งเย็นชา กลับทำให้คนรู้สึกว่าผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมคนนี้เย่อหยิ่งจริงๆ น้ำเสียงและท่าทางราวกับทระนงตนว่ายอดเยี่ยมอย่างยิ่ง
ครุ่นคิดว่าคนฝึกเคล็ดวิชาชั่วร้ายก็มีนิสัยแบบนี้ จินเฟยเหยาจึงคร้านจะเอาเรื่องเขา อย่างไรผู้อื่นก็ยังเอ่ยปากเรียกว่าผู้อาวุโสไม่หยุด
“ข้าคิดจะขายวิญญาณผู้บำเพ็ญเซียนสักหน่อย ปริมาณไม่มาก แค่สี่หมื่นกว่าดวง” จินเฟยเหยานำขวดบรรจุวิญญาณออกมาวางไว้บนโต๊ะศิลา
ผู้บำเพ็ญเซียนชุดดำนั่งตัวตรง มองขวดขนาดใหญ่ใบนี้แล้วปวดใจแทบตายทันที เหตุใดจึงมีคนบรรจุวิญญาณแบบนี้! วิญญาณต้องบรรจุในอาวุธเวทจำพวกหล่อเลี้ยงวิญญาณ ถ้าหาสิ่งของมาบรรจุตามสะดวกจะทำให้วิญญาณอ่อนแอ
“วิญญาณผู้บำเพ็ญเซียนสี่หมื่นกว่าดวง?” วิญญาณสี่หมื่นกว่าดวงไม่ถือว่ามาก ปกติมีคนไปล่าวิญญาณมาขายโดยเฉพาะ ครั้งละหลายแสนดวงก็ยังเคยพบมา เพียงแต่พวกนั้นล้วนเป็นวิญญาณเร่ร่อนของคนธรรมดา วิญญาณผู้บำเพ็ญเซียนที่เยอะขนาดนี้มีไม่มากนัก
ช่วงพีคของการซื้อวิญญาณผู้บำเพ็ญเซียนครั้งที่แล้วคือตอนสงครามใหญ่ระหว่างเผ่ามนุษย์และเผ่ามาร ผู้ฝึกวิญญาณจำนวนไม่น้อยปะปนเข้าไปในผู้บำเพ็ญเซียนเผ่ามนุษย์ ฉวยโอกาสตอนวุ่นวายได้วิญญาณผู้บำเพ็ญเซียนมาจำนวนมาก ช่วงสงบสุขแบบตอนนี้สามารถนำวิญญาณออกมาสี่หมื่นกว่าดวงได้ ต่อให้ทั้งหมดเป็นวิญญาณขั้นฝึกปราณก็ถือว่าเป็นเงินก้อนโตทีเดียว
ครุ่นคิดถึงปริมาณที่มากเกินไป ผู้บำเพ็ญเซียนชุดดำของคฤหาสน์อินจึงไม่กล้านำวิญญาณออกมาตรวจสอบเหมือนที่ทำก่อนหน้านี้ ทว่าใช้การรับรู้เข้าไปตรวจสอบระดับขั้นของวิญญาณ
หากไม่ดูก็ไม่รู้ พอดูเขาก็ตกใจ ในขวดที่ไม่มีประสิทธิภาพในการหล่อเลี้ยงวิญญาณเลยสักนิดเต็มไปด้วยวิญญาณที่ถูกกดเป็นดวงแสงอย่างหนาแน่น เนื่องจากไม่ใช่ของวิเศษหล่อเลี้ยงวิญญาณจึงทำให้เขานับไม่ถ้วนว่ามีวิญญาณอยู่มากเพียงใดและแต่ละระดับขั้นมีจำนวนเท่าใด
จินเฟยเหยาก็ไม่มีทางนับวิญญาณเหล่านี้ได้ครบถ้วน ตนเองแค่คำนวณดูคร่าวๆ ที่ว่าคร่าวๆ นี้นางยังใช้เวลาไปหนึ่งวันหนึ่งคืน
ผู้บำเพ็ญเซียนชุดดำนำเจดีย์กระดูกสีขาวโพลนออกมาจากในอกและอธิบายต่อจินเฟยเหยาว่า “ผู้อาวุโส นี่คือเจดีย์หยั่งหุนที่หล่อเลี้ยงวิญญาณโดยเฉพาะ ข้าจำเป็นต้องย้ายวิญญาณในขวดของท่านมาไว้ในนี้ ให้มันแยกระดับของวิญญาณและนับจำนวนออกมา เพียงแต่เกรงว่าขั้นตอนนี้จะทำให้ผู้อาวุโสเข้าใจผิด ไม่ทราบว่าทำได้หรือไม่?”
“ไม่มีปัญหา เจ้าย้ายเถอะ” จินเฟยเหยาพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจเลยสักนิด
สิ่งของเหล่านี้ถูกผู้ฝึกวิชาชั่วร้ายถือเป็นของล้ำค่า สำหรับนางแล้วไม่มีค่าเลยสักนิด อย่างไรก็ตัดสินใจจะจัดการที่นี่แล้ว ให้เขาย้ายไปเถอะ
ได้รับความยินยอมจากจินเฟยเหยาแล้ว ผู้บำเพ็ญเซียนชุดดำจึงวางเจดีย์กระดูกลงบนโต๊ะและถ่ายทอดพลังวิญญาณเข้าไปเล็กน้อย เห็นเจดีย์กระดูดเริ่มดูดวิญญาณโดยไร้เสียง วิญญาณในขวดหยกลอยออกจากปากขวดทีละดวงพุ่งเข้าไปในเจดีย์กระดูกราวกับควันเป็นสายๆ
ขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลาอยู่บ้าง จินเฟยเหยาดื่มน้ำชาที่ดวงวิญญาณส่งมาให้รอ จินเฟยเหยายกถ้วยชา เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า เจ้านายของคฤหาสน์อินแห่งนี้ต้องเป็นคนบ้าที่ไม่มีเรื่องอะไรก็นอนสุสานและอนุภรรยาเป็นศพแข็งทื่อ
คนปกติต้องไม่ให้แขกใช้ถ้วยชาแบบนี้ ด้านล่างถ้วยเป็นกระดูกมืออันแห้งเหี่ยวในมือมีหัวกะโหลกครึ่งซีก ภายในหัวกะโหลกใส่น้ำชาสีแดงโลหิต ความรู้สึกกระหายเลือดอย่างหนึ่งปรากฏขึ้นบนถ้วย
นั่งคราหนึ่งเป็นเวลาสามชั่วยาม นอกจากน้ำชาประหลาดที่มีสีแดงราวกับโลหิตสดทว่ารสชาติเหมือนน้ำชาธรรมดา ระหว่างนั้นก็ไม่เคยยกอาหารใดๆ มาให้ จินเฟยเหยารออย่างเบื่อหน่ายจนพยายามจะนับว่าวิญญาณที่ลอยไปลอยมาในหอวิญญาณมีมากเพียงใดเป็นการฆ่าเวลา
“ผู้อาวุโส เจดีย์กระดูกดูดวิญญาณเข้าไปหมดแล้ว” ในบรรยากาศที่ทำให้คนรู้สึกง่วงเหงา ในที่สุดเจดีย์กระดูกก็หยุดดูดวิญญาณ
จินเฟยเหยานำขวดหยกมามองดูด้านใน เกลี้ยงเกลาแล้วจริงๆ ไม่มีอะไรเหลือเลย “มีเท่าไร?”
ผู้บำเพ็ญเซียนชุดดำหยิบเจดีย์กระดูกขึ้นและถ่ายทอดพลังเข้าไป เจดีย์กระดูกส่งจำนวนวิญญาณและระดับขั้นมาให้เขาโดยอัตโนมัติ “ปริมาณวิญญาณที่ผู้อาวุโสได้มามีไม่น้อยจริงๆ วิญญาณขั้นกำเนิดใหม่สามสิบเจ็ดดวง วิญญาณขั้นหลอมรวมห้าร้อยสิบสามดวง ที่เหลือเป็นขั้นสร้างฐานสองหมื่นสองพันหกสิบดวง ยังมีขั้นฝึกปราณหนึ่งหมื่นเก้าพันสองร้อยดวง ในจำนวนนั้นขั้นฝึกปราณช่วงต้นมี…”
ฟังผู้บำเพ็ญเซียนชุดดำเริ่มบอกรายละเอียดจำนวนและระดับขั้นของวิญญาณ จินเฟยเหยาก็รู้สึกสมองสับสน จึงฟังผู้บำเพ็ญเซียนชุดดำเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมทันที ที่จริงฟังไม่เข้าหูสักประโยค
รอจนผู้บำเพ็ญเซียนชุดดำเอ่ยจบ จินเฟยเหยาก็พยักหน้าแสดงว่าเห็นด้วยกับปริมาณนี้ คนของคฤหาสน์อินเริ่มบอกว่าวิญญาณเหล่านี้แต่ละอย่างมีราคากี่ศิลาวิญญาณ
พูดมารอบหนึ่ง จินเฟยเหยาจึงได้ยินบทสรุปสุดท้าย ศิลาวิญญาณชั้นยอดเจ็ดสิบสองก้อน ศิลาวิญญาณชั้นบนหกร้อยห้าสิบก้อนและศิลาวิญญาณชั้นกลางสามล้านหนึ่งแสนก้อน
ราคานี้ทำให้จินเฟยเหยาตกตะลึงอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นศิลาวิญญาณมหาศาลขนาดนี้ ต่อไปตนเองทำการซื้อขายด้านนี้โดยเฉพาะดีกว่า จินเฟยเหยาเกิดความคิดจะไปทำการค้าประเภทนี้ในพริบตา
“ผู้อาวุโสเห็นว่าราคานี้เป็นอย่างไร?” ผู้บำเพ็ญเซียนชุดดำเหงื่อแตกทั่วร่าง เงินก้อนนี้เป็นจำนวนไม่น้อยจริงๆ แต่แค่วิญญาณของผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่มีเพียงสามสิบเจ็ดดวง จำนวนนี้แบ่งเป็นการประมูลสามสิบเจ็ดครั้ง ก็สามารถหาเงินกลับมาได้เก้าสิบเปอร์เซ็นต์อย่างสบายๆ ราคาของวิญญาณก้อนนี้ไม่เบาจริงๆ
จินเฟยเหยายังมีอะไรไม่เห็นด้วยอีก ในใจยินดีอย่างยิ่ง แต่เพื่อไม่แสดงออกว่าไม่มีความรู้มากนัก นางจึงตอบรับด้วยใบหน้าสงบนิ่ง “เช่นนั้นก็ราคานี้เถอะ ถ้าประมูลต้องใช้เวลานานมาก ขอขายให้พวกเจ้าแล้วกัน”
ผู้บำเพ็ญเซียนยิ้มทั้งปากและตาทันที น่าเสียดายที่สีหน้าเช่นนี้ถูกหมอกดำบดบังไว้ ทำให้จินเฟยเหยานึกว่าสำหรับคฤหาสน์อินแล้วนี่เป็นเพียงการค้าก้อนเล็กๆ ดังนั้นพวกเขาจึงสงบนิ่งอย่างยิ่ง
“ผู้อาวุโส ศิลาวิญญาณเหล่านี้ต้องใช้เวลาจัดเตรียมเล็กน้อย นี่เป็นป้ายผลึกม่วงของคฤหาสน์อิน บนนั้นมีจำนวนศิลาวิญญาณ ก่อนที่พวกเราจะเตรียมศิลาวิญญาณก้อนนี้ ขอเชิญผู้อาวุโสไปฆ่าเวลาเล่นที่งานประมูลชั่วคราว ไม่ว่าจะประมูลสิ่งใด ผู้อาวุโสล้วนสามารถหักออกจากในป้ายผลึกม่วง” ผู้บำเพ็ญเซียนชุดดำจะให้จินเฟยเหยานำศิลาวิญญาณจำนวนมากขนาดนี้ไปได้อย่างไร ย่อมต้องรั้งนางให้อยู่เล่นสักหน่อย ถ้าทำให้นางใช้ศิลาวิญญาณทั้งหมดในการประมูลของคฤหาสน์อินได้เป็นดีที่สุด
จินเฟยเหยาก็มองความคิดของเขาออกแต่ยังรับป้ายผลึกม่วงมา ใช้การรับรู้กวาดมองบนป้ายก็เห็นจำนวนและประเภทของศิลาวิญญาณเขียนไว้ด้านบน จินเฟยเหยารู้ความคิดของพ่อค้าหน้าเลือดอย่างพวกเขา ก็ยังตัดสินใจไปดูที่งานประมูลหน่อย บางทีอาจจะได้เจอสิ่งที่น่าสนใจ
ไม่รู้ว่าผู้บำเพ็ญเซียนชุดดำแจ้งผู้บำเพ็ญเซียนคนอื่นๆ อย่างไร ผีสาวที่เป็นเพื่อนตนเองขึ้นมาก่อนหน้านี้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ลอยมาถึงข้างกายจินเฟยเหยาแล้วเชิญนางไปงานประมูลที่ตึกเหยียนหลัว[1]
ชื่อนี้ไม่น่าฟังเลยจริงๆ จินเฟยเหยาส่ายศีรษะ เจ้าคฤหาสน์อินมีรสนิยมแย่มาก
จินเฟยเหยาเดินตามผู้บำเพ็ญเซียนสตรีที่เหมือนผีสาวคนนี้ออกจากวงเวทส่งตัว ส่วนผู้บำเพ็ญเซียนชุดดำกลับรีบนำเจดีย์กระดูกไปสั่งให้คลังยกศิลาวิญญาณ
ปกติการประมูลจัดขึ้นกลางคืน ไม่ใช่เพราะกลางคืนคนเยอะบรรยากาศดี ทว่าเนื่องจากคฤหาสน์อินในยามราตรียิ่งมืดครึ้ม ส่วนจินเฟยเหยารอนับวิญญาณอยู่หกชั่วยาม ตอนนี้เป็นเวลากลางดึก พอดีเป็นช่วงที่คึกคักที่สุดของงานประมูลคฤหาสน์อิน
ไม่ได้บอกว่าหอเหยียนหลัวอยู่ชั้นใด แต่ต้องไม่ใช่ใต้ดินแน่ ใต้ดินไม่มีความรู้สึกปลอดภัย ผู้บำเพ็ญเซียนทุกคนจะนึกว่าตนเองประมูลของดีๆ ได้ก็จะถูกคฤหาสน์อินขังไว้ด้านล่างแล้วปล้นชิงไป ดังนั้นชั้นสี่จึงอยู่บนพื้นอันสว่างไสว จินเฟยเหยาส่งตัวมาถึงชั้นหนึ่งก่อน จากนั้นส่งตัวไปชั้นสี่อีกครั้ง
ผู้บำเพ็ญเซียนที่มาประมูลนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่หลอมสร้างจากกระดูกคนเหล่านี้เต็มไปหมด อย่างน้อยมีถึงสี่ห้าร้อยคน ดูแล้วคึกคักอย่างยิ่ง แขกผู้มีเกียรติที่มีพลังการบำเพ็ญเพียรเช่นเดียวกับนางนั่งอยู่ในห้องส่วนตัวด้านหลัง รูปแบบของห้องส่วนตัวเหมือนหลุมศพ แค่มองแวบเดียว จินเฟยเหยาก็ต้องการนั่งบนเก้าอี้กระดูกอย่างแรงกล้า
เพิ่งนั่งลง จินเฟยเหยาก็ได้ยินผู้บำเพ็ญเซียนที่ดำเนินการประมูลด้านบนชูของสิ่งหนึ่งขึ้นแล้วตะโกน “ตอนนี้ประมูลกู่หลิงซินเม็ดหนึ่ง”
“หา?” จินเฟยเหยารีบเงยหน้าขึ้นมองไป เห็นในมือของผู้บำเพ็ญเซียนคนนั้นมีสิ่งของสีดำเป็นประกายขนาดเท่าไข่เป็ด ไม่เหมือนก้อนหิน ไม่เหมือนตานสัตว์ปิศาจ และยิ่งไม่เหมือนสินแร่
“กู่หลิงซินนี้เป็นก้อนศิลาที่มีเฉพาะสัตว์หลิงลี่ในโลกวิญญาณซิงหลัว เป็นหัวใจดวงที่สองของมัน สัตว์หลิงลี่เป็นสัตว์ปิศาจขั้นแปด ทุกคนคงจินตนาการได้ว่าได้หัวใจของมันมาไม่ง่ายดายเลย ประสิทธิภาพไม่ทราบแน่ชัด ทุกท่านซื้อกลับไปศึกษาได้ บางทีอาจจะมีประโยชน์ที่แปลกประหลาด เนื่องจากได้มาไม่ง่ายดาย ดังนั้นจึงใช้ศิลาวิญญาณชั้นกลางห้าหมื่นก้อนเปิดประมูล ราคาที่เพิ่มขึ้นแต่ละครั้งไม่ต่ำกว่าห้าร้อยศิลาวิญญาณชั้นกลาง” ผู้ดำเนินการประมูลกล่าวจบ ก็ดับความสนใจในการซื้อของทุกคนทันที แม้แต่ประโยชน์ก็ไม่รู้ ใครจะใช้ศิลาวิญญาณมากมายขนาดนั้นไปซื้อ คฤหาสน์อินยังเหมือนเดิม ที่แท้คิดจะทำการค้าหรือไม่
“ห้าหมื่นห้าร้อยศิลาวิญญาณ!” มีคนเสนอราคาขึ้นในงานประมูล
…………………………………
[1] เหยียนหลัว หมายถึง ยมราช เทพแห่งยมโลก