คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 300 ส่งไปส่งมา
“นี่คือสถานที่ใดกันแน่!” มองทะเลหรูเมิ่งที่ลึกจนสีออกดำเบื้องหน้าผืนนี้ จินเฟยเหยาก็ตะลึงงัน
ขั้นตอนการส่งตัวมาของนางใช้เวลาสิบอึดใจ เวลาเล็กน้อยแค่นี้ก็คือเวลาที่ใช้ในการส่งตัวธรรมดา นงนึกว่าตนเองมาถึงโลกวิญญาณซิงหลัวอย่างรวดเร็วปานนี้ ลืมตาขึ้นก็เห็นทะเลหรูเมิ่งอันไร้ขอบเขต
จินเฟยเหยายืนอยู่บนวงเวทส่งตัวที่แสงรัศมีเพิ่งหายไป ใต้เท้าเป็นก้อนหินที่กว้างไม่ถึงห้าจั้ง รอบด้านเป็นทะเลหรูเมิ่ง ก้อนหินก้อนนี้ไม่ถือว่าเป็นเกาะเลยสักนิด เป็นเพียงโขดหินกลางทะเล วงเวทส่งตัวอยู่บนโขดหิน ถ้าไม่ใช่ขณะที่ส่งตัวมาเมื่อครู่ทำให้ตัววงเวทสว่างขึ้นมา ขี้นกและสาหร่ายบนพื้นคงท่วมวงเวทส่งตัวไปนานแล้ว
บนโขดหินก้อนนี้มีนกอาศัยอยู่นับร้อยตัว พวกนางโผล่มาอย่างมีอำนาจทำให้พวกมันทิ้งรังบินขึ้นกลางอากาศแล้วส่งเสียงร้องไม่หยุด
“พั่งจื่อ ทำความสะอาดวงเวทส่งตัวหน่อย พวกเราต้องส่งตัวต่ออีก” จินเฟยเหยาดีดขี้นกบนไหล่ มอบภาระอันยากลำบากให้พั่งจื่อ ส่วนตนเองกลับนำกระจกสภาพโลกวิญญาณออกมาดู
นางเปิดกระจก พบว่าตรงกลางกระจกสภาพโลกวิญญาณไม่ใช่โลกวิญญาณเป่ยเฉินแล้ว ทว่าเป็นในทะเลหรูเมิ่ง และโขดหินก้อนนี้เล็กจนไม่มีสัญลักษณ์ในกระจกสภาพโลกวิญญาณ ส่วนจุดสีแดงที่อยู่ใกล้นางที่สุดยังอยู่ในสถานที่อันห่างไกล
“นี่คือการเปลี่ยนวงเวทหรือ? ทำไมไม่ส่งตัวไปจุดหมายโดยตรง ต้องค่อยๆ ส่งด้วย!” จินเฟยเหยาถือกระจกสภาพโลกวิญญาณอย่างมีโทสะ ถ้ามีวงเวทส่งตัวระยะสั้นแบบนี้มากๆ ระหว่างทางก็แสดงว่าแต่ละครั้งตนเองต้องเสียศิลาวิญญาณ ยังไม่ถึงโลกวิญญาณซิงหลัว ตนเองคงถูกปล้นจนกลายเป็นยาจกแน่!
นางพลันเข้าใจเรื่องหนึ่งทันที คนยากจนคิดจะเที่ยวรอบโลกยังเสียเงินมากกว่าก่อตั้งสำนักอีก คลื่นลมบนทะเลรุนแรงเกินไป พั่งจื่อรีบทำความสะอาดวงเวทส่งตัว หลังจากจินเฟยเหยาตรวจสอบอย่างละเอียด ก็หยิบศิลาวิญญาณออกมาสาดออกไป เอาเถอะ ศิลาวิญญาณชั้นกลางอีกหกร้อยก้อน เจ้าปิศาจร้ายกลืนกินวิญญาณพวกนี้
ด่าทอในใจแล้ว จินเฟยเหยาไม่เชื่อว่าครั้งหน้ายังร่อนลงบนโขดหินเล็กแค่นี้อีก นางลากพั่งจื่อเข้าไปในวงเวทส่งตัว ครั้งนี้ไม่ได้ใช้พลังขับเคลื่อนวงเวทส่งตัวทันที ทว่าหาทิศทางก่อน วงเวทส่งตัวนี้ส่งไปสองทิศทาง ถ้าไม่เลือกทิศทาง มันจะส่งนางกลับไปโลกวิญญาณเป่ยเฉินแล้วนางก็ต้องใช้ศิลาวิญญาณเพิ่มอีกส่วน
ใช้การรับรู้เขียนอักษรคำว่าซิงหลัวแล้วทำให้สว่าง จินเฟยเหยาจึงใช้พลังวิญญาณขับเคลื่อนวงเวทส่งตัว แสงสีขาววาบขึ้น นางและพั่งจื่อก็หายตัวไปจากบนโขดหินอีกครั้ง
“ใครเป็นคนทำกันแน่! บ้าหรือเปล่า!” จินเฟยเหยาชี้ท้องฟ้าแล้วด่าทอ เพิ่งด่าทอคลื่นลูกใหญ่ก็ซัดมาโดน นางกลายเป็นไก่ตกน้ำในพริบตา
ส่งตัวครั้งที่สอง สถานที่ซึ่งจินเฟยเหยาปรากฏตัวขึ้นเป็นโขดหินที่เล็กกว่าเดิม โขดหินอันเดิมยังกว้างประมาณห้าจั้งสามารถเดินได้หลายก้าว ทว่าที่นี่กลับไม่มีแม้แต่สถานที่หยั่งเท้าแห้งๆ
ที่นี่คือโขดหินเล็กๆ ที่โผล่ออกมาบนผิวทะเลสูงไม่ถึงหนึ่งจั้งและกว้างแค่ครึ่งจั้งแห่งหนึ่งในทะเล เป็นตำแหน่งของวงเวทส่งตัวอันนี้
โขดหินทั้งก้อนเพียงพอจะกางวงเวทส่งตัวอันนี้ได้พอดี ต่อให้วงเวทส่งตัวมีคาถาป้องกันตนเอง บนโขดหินนี้ก็ยังเต็มไปด้วยพืชน้ำและหอยทะเล เวลานี้มีคลื่นซัดมาใส่หน้าอีกลูก หลังคลื่นผ่านพ้นบนศีรษะของจินเฟยเหยาก็มีปูที่กำลังทำท่าทางข่มขู่เพิ่มมาตัวหนึ่ง
“พั่งจื่อ ไปยืนไกลๆ ข้าหน่อย!” ไม่สนใจจะเรียกให้พั่งจื่อมาทำแทนแล้ว จินเฟยเหยาเช็ดหน้า พยายามทำความสะอาดวงเวทส่งตัวอย่างสุดชีวิต
ที่แท้เป็นเจ้าวิปริตคนใดสร้างวงเวทส่งตัวไว้บนสถานที่แบบนี้ ไม่มีสมองโดยแท้ ไกลไปอีกนิดก็ไม่ตายหรอก อย่างมากก็เวียนศีรษะเท่านั้น จินเฟยเหยาด่าทอพลางต้านทานคลื่น ลงมือทำความสะอาดวงเวทส่งตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นลากพั่งจื่อเข้าไปทันที ไม่อยากจะรั้งอยู่อีกแม้แต่ครู่เดียว
วงเวทส่งตัวหนึ่งอัน วงเวทส่งตัวสองอัน สามอัน…สี่อัน
เมื่อจินเฟยเหยามาถึงจุดสีแดงอันแรกที่อยู่ในทะเลหรูเมิ่ง นางก็ถูกทรมานจนไม่เป็นสารรูปแล้ว นอกจากส่งตัวหลายครั้งจะทำให้เวียนศีรษะและอาเจียน นางยังถูกคลื่นทะเลซัดจนกระเซอะกระเซิง
ตอนแรกนางคิดไม่ถึงว่าจะเจอกับคลื่นทะเล ดังนั้นจึงไม่ได้กางม่านแสงป้องกันคลื่น ภายหลังเนื่องจากเปียกไปหมดทั้งตัว ทั้งยังเดือดดาลจนคร้านจะผึ่งเสื้อผ้าให้แห้งแล้วค่อยส่งตัว ดังนั้นจึงเจอคลื่นซัดมาตลอดทาง พั่งจื่อเองก็ถูกการส่งตัวทำให้อาเจียนไม่หยุด รู้แต่แรกจะหลบอยู่ในกระเป๋าสัตว์ภูติ ไม่ออกมาทรมานแบบนี้หรอก
หนึ่งคนหนึ่งกบนอนอยู่ริมลำธาร รอจนหายเวียนศีรษะแล้วค่อยว่ากัน
วงเวทส่งตัวอันที่ยี่สิบเอ็ดสร้างอยู่บนเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่ง เทียบกับวงเวทส่งตัวที่ราวกับกระดานกระโดดน้ำก่อนหน้านี้ ที่นี่มีพื้นที่ขนาดร้อยหมู่ สถานที่ซึ่งมีต้นไม้ให้ร่มเงาและมีลำธารเล็กๆ ไหลผ่านคือแดนเซียนแล้ว
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้คนเคียดแค้นคือวงเวทส่งตัวสร้างอยู่ในลำธาร ตรงใต้ลำธารที่ลึกไม่ถึงเข่า ถ้าไม่ลงน้ำ คนธรรมดาคงไม่พบเห็นวงเวทส่งตัวนี้
จินเฟยเหยานึกขึ้นได้ คนที่ทำเส้นทางสายนี้คงเป็นเจ้าของกระจกสภาพโลกวิญญาณเสียแปดส่วน คนผู้นี้ต้องเป็นศัตรูกับก้นแน่ ไม่เช่นนั้นใครจะกินมากๆ แล้วสร้างวงเวทส่งตัวไว้ในลำธาร ต่อให้ไม่คิดจะให้ผู้อื่นใช้วงเวทส่งตัวอันนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้น แค่ขุดถ้ำศิลาวางวงเวทก็เป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่นแล้ว
คิดไม่ถึงว่าวงเวทส่งตัวจะทำให้เวียนศีรษะอย่างรุนแรงแบบนี้ จินเฟยเหยารู้สึกว่าไม่เพียงแค่เวียนศีรษะ ขนาดทั่วร่างก็ยังปวดเมื่อย กระดูกทั่วร่างของนางเป็นอาวุธเวทชั้นกลาง บวกกับกายเนื้อของผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ คิดไม่ถึงว่าส่งตัวอย่างต่อเนื่องยี่สิบเอ็ดครั้งจะทำเอาเมื่อยล้าอย่างรุนแรง มิน่าเล่าคนส่วนมากยังต้องเหยียบอาวุธเวทเหาะเหิน เพียงแต่ไม่รู้ว่าระยะห่างบนทะเลไกลเพียงใด ต่อให้มีกระจกสภาพโลกวิญญาณในมือก็เหาะเหินบนทะเลตามใจชอบไม่ได้ สัตว์ปิศาจในทะเลมีอยู่ไม่น้อย
“ไม่ได้ ข้าต้องพักผ่อนที่นี่สักหน่อยจึงส่งตัวต่อ เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ต้องเอาคนผู้หนึ่งออกมาลำบากด้วย” จินเฟยเหยานอนอยู่ริมลำธารมองพั่งจื่อที่ตาเหลือกและรู้สึกทรมานสุดขีด
หลังจากพักผ่อนสองชั่วยาม ในที่สุดก็หายเวียนศีรษะ จินเฟยเหยาลากพั่งจื่อที่ยังตาเหลือกอยู่ริมลำธารดังเดิมมาจัดการทำให้พื้นที่ว่างแล้วโยนเกาะลอยได้ออกมา
จินเฟยเหยาโยนพั่งจื่อไว้ในเกาะลอยได้ เดินมาถึงนอกกระท่อมแล้วผลักประตูเข้าไป นางเอ่ยกับในกระท่อมว่า “ที่นี่ปกติจะไม่มีคนมา ข้าจะทำหัวเจ้าก่อน ข้ายังมีวัสดุเล็กน้อย”
ภายในห้องนอกจากนางและเครื่องเรือนเล็กน้อย ยังมีวิญญาณดวงหนึ่ง คำพูดของจินเฟยเหยาคือพูดกับวิญญาณดวงนี้ วิญญาณสูงเท่าคนจริงๆ สิงอยู่ในขวดหยกใบหนึ่ง ในขวดมีจินตันของผู้บำเพ็ญเซียนเม็ดหนึ่งกำลังหล่อเลี้ยงวิญญาณดวงนี้ เวลานี้วิญญาณกำลังโผล่ออกมานอกขวด เพียงแต่เท้ายังอยู่ในขวดดังเดิม
วิญญาณดวงนี้คือหวาหวั่นซีที่มีพลังการบำเพ็ญเพียรสูงที่สุดในตานสัตว์ปิศาจของสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณ จินเฟยเหยาพบเห็นวิญญาณนางในตานสัตว์ปิศาจของสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณตั้งแต่แรกแล้ว
ถึงแม้เพียงหลังจากกระตุ้นให้สุกงอมจะเป็นวิญญาณขั้นแปลงจิตในพริบตา ทว่าราคาของมันไม่อาจดูเบาได้ ดังนั้นนางจึงแยกออกมาใส่เดี่ยวๆ ถ้านำวิญญาณดวงนี้ออกมา เกรงว่าในคฤหาสน์อินคงไม่ได้ให้นางใช้เงิน แต่ให้นางใช้ด้วยชีวิตแทน
จินเฟยเหยาคิดจะใช้กู่หลิงซินมาหลอมสร้างหุ่นเชิดโจมตี หลังจากอ่านวิธีสร้างอย่างละเอียดก็เลือกหุ่นเชิดร่างแยกวิญญาณจริงที่ร้ายกาจที่สุด หุ่นเชิดร่างแยกวิญญาณจริงต้องการวิญญาณอันแข็งแกร่งมาทำเป็นวิญญาณจริง จากนั้นต้องใช้วัสดุจำนวนมากสร้างร่างกายจนถึงระดับที่เหมือนมนุษย์ สุดท้ายค่อยใช้กู่หลิงซินเป็นพลังงานทำให้มันเคลื่อนไหวอย่างอิสระ
ไม่เหมือนกับหุ่นเชิดอื่นๆ ที่ต้องใช้ศิลาวิญญาณขับเคลื่อน สิ่งที่หุ่นเชิดร่างแยกวิญญาณจริงใช้คือกู่หลิงซิน ยิ่งเป็นหุ่นเชิดระดับสูงยิ่งสิ้นเปลืองกู่หลิงซินอย่างรวดเร็ว
จินเฟยเหยารู้สึกว่าตนเองต้องคำสาปเทพเจ้ายาจก กู่หลิงซินไม่ใช่วัสดุหลอมสร้าง ทว่าเป็นวัสดุสิ้นเปลือง ตนเองยังต้องไปค้นหาและล่าสัตว์ปิศาจขั้นแปดพวกนั้นเอากู่หลิงซินอีก ทำให้ชีวิตยากลำบากและสิ้นเปลืองศิลาวิญญาณจริงๆ
แต่ถ้าใช้วิญญาณของหวาหวั่นซี ร่างแยกวิญญาณจริงที่หลอมออกมาสามารถบรรลุถึงระดับผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ พลังการบำเพ็ญเพียรของวิญญาณจะถูกลดลงมาหนึ่งขั้น ถ้าใช้วิญญาณของผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ สุดท้ายหุ่นเชิดที่เสร็จแล้วจะเป็นเพียงขั้นหลอมรวมเท่านั้น ถึงแม้ต้องสิ้นเปลืองกู่หลิงซินและยังเลื่อนขั้นต่อไปไม่ได้ ทว่าหุ่นเชิดสามารถโจมตีเองได้ ไม่ต้องให้นางควบคุม ดีกว่าพั่งจื่อจอมเกียจคร้านไม่รู้กี่เท่า
ทั้งยังรักษาวิญญาณของหวาหวั่นซีไว้ไม่ให้สลายได้ จินเฟยเหยานำจินตันที่ได้จากเมืองลั่วรื่อออกมาหล่อเลี้ยงวิญญาณ ผ่านการหล่อเลี้ยงด้วยจินตันเม็ดนี้ วิญญาณเข้มข้นมากกว่าเมื่อก่อนแล้ว
ถึงแม้วิญญาณของหวาหวั่นซีพูดไม่ได้เนื่องจากเกี่ยวข้องกับสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณและไม่มีปฏิกิริยาใดๆ กับนาง แต่ก็ถือเป็นคนคุ้นเคย ดังนั้นจินเฟยเหยาจึงพูดกับนางเป็นประจำ
วัสดุที่หลอมสร้างร่างทั้งหมดต้องเป็นของชั้นยอดในของชั้นยอด จินเฟยเหยามีไม่มาก ทว่ายังสามารถหลอมศีรษะออกมาก่อนได้ จินเฟยเหยากำลังเบื่อหน่ายการส่งตัวพอดีจึงวางแผนจะหลอมสร้างศีรษะของร่างแยกวิญญาณจริงออกมาก่อน เช่นนี้ก็ไม่ต้องใช้จินตันหล่อเลี้ยงวิญญาณต่อ
ที่นี่เป็นสถานที่แห่งหนึ่งบนทะเลหรูเมิ่งที่ไม่มีผู้ใดมา จินเฟยเหยาจึงตั้งใจหลอมสร้างร่างแยกวิญญาณจริง นางนำสิ่งของที่เก็บไว้ก้นหีบทั้งหมดออกมาคิดจะสร้างร่างกายของหวาหวั่นซีขึ้นใหม่
ถ้าข้างกายตนเองมีหุ่นเชิดขั้นกำเนิดใหม่ที่งดงามก็สามารถควบคุมให้นางล่อลวงผู้บำเพ็ญเซียนบุรุษมาได้ จากนั้นต้องการศิลาวิญญาณก็ได้ศิลาวิญญาณ ต้องการทรัพย์สมบัติก็ได้ทรัพย์สมบัติ สยงเทียนคุนอาศัยวิธีนี้หาศิลาวิญญาณ ตนเองก็สามารถทำได้ อีกทั้งสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือไม่ต้องให้นางลงมือเอง ความผิดทั้งหมดก็โยนให้หุ่นเชิดแบกรับ
ศีรษะของหุ่นเชิดขั้นกำเนิดใหม่ที่แข็งแรงทนทาน ตนเองต้องหลอมสร้างอย่างละเอียด ถ้าทำออกมาแย่ไม่เหมือนหวาหวั่นซีนั้นช่างเถอะ ถ้าทำออกมาเหมือนอวี้เจียวเจี๋ย คิดจะหลอมใหม่อีกคงไม่ง่ายดาย ดังนั้นจินเฟยเหยาจึงละเอียดลออและระมัดระวังเป็นพิเศษ หลังจากหลอมวัสดุเข้าด้วยกันก็ขึ้นรูปทีละนิด งามหรือไม่งาม เวลานี้คือช่วงที่สำคัญที่สุด
จินเฟยเหยาใช้เวลาสามเดือนเต็มๆ จึงหลอมสร้างศีรษะของหวาหวั่นซีเสร็จสิ้น นางหลอมโดยไม่พักผ่อนนอนหลับอยู่เก้าวันจึงได้ศีรษะอันสมบูรณ์แบบ จินเฟยเหยาเชื่อว่าต้องเหมือนหวาหวั่นซีราวกับพิมพ์เดียวกัน เป็นสาวงามล้ำนางหนึ่ง
นางอุ้มศีรษะที่ใช้เวลาเก้าวันจึงหลอมสร้างเสร็จและใช้วิธีลับทำให้วิญญาณของหวาหวั่นซีเข้ามาในศีรษะ จินเฟยเหยามองสิ่งของที่หลอมสร้างเสร็จในมือแล้วถือมาให้พั่งจื่อดูด้วยรอยยิ้มปริ่ม
พั่งจื่อเห็นกะโหลกมนุษย์ในมือนางก็เอ่ยถามอย่างสงสัย “อ๊บๆ อ๊บ?”
จินเฟยเหยาอุ้มกะโหลกพลางเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “วัสดุไม่พอ ทำได้แค่กะโหลก ต่อไปข้าหาวัสดุได้ ค่อยทำเนื้อ หนัง และส่วนอื่นๆ ของร่างกาย”
จากนั้นนางชูกะโหลกสีขาวขึ้นพลางเอ่ยว่า “เจ้าเคยอยู่กับเนี่ยนซีมาสี่สิบห้าสิบปีมิใช่หรือ ดูกะโหลกชิ้นนี้สิ ถึงจะไม่มีอะไรเลย แต่ต้องเหมือนนางราวกับพิมพ์เดียวกันแน่”
พั่งจื่อกระพริบตา อยากบอกเหลือเกินว่า แค่กะโหลกศีรษะชิ้นเดียว ผีก็มองไม่ออกว่าเหมือนหรือไม่เหมือน!
…………………………………………..