คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 303 ซุบซิบ
บอกว่าใช้เวลาเดินทางครึ่งเดือน เป็นเพียงเวลาที่เรือหาปลาแล่น จินเฟยเหยาใช้เวลาเพียงห้าวันก็มาถึงเกาะปลาทะเล ระหว่างทางได้เจอเกาะเล็กๆ ที่ไม่เลวหลายแห่ง หลังจากใช้การรับรู้กวาดดู ส่วนมากล้วนมีผู้บำเพ็ญเซียนอาศัยอยู่ เกาะมีมากคนมีน้อย ไม่ต้องกลัวว่าต่อไปจะหาเกาะดีๆ อาศัยไม่ได้
เกาะปลาทะเลสมดังนามอย่างยิ่ง ทั้งเกาะมีรูปร่างยาว มองไกลๆ เหมือนปลาที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำ มีทั้งหัวปลา หลังปลา และหางปลา ส่วนบนท่าเรือเต็มไปด้วยเรือหาปลาที่มีกลิ่นคาวลอยมา
ถึงแม้ทั่วทั้งโลกวิญญาณซิงหลัวเป็นเกาะเล็กๆ ทว่าก็แบ่งบริเวณหาปลา เกาะที่อยู่อาศัยล้วนรวมกลุ่มกันเพื่อให้ไม่ถูกสัตว์ทะเลโจมตี สัตว์ทะเลจำพวกปลามีจำนวนน้อยเนื่องจากมีคนมาก สถานที่รอบนอกมีคนน้อย สัตว์ทะเลจำพวกปลาย่อมมีมากเป็นธรรมดา ดังนั้นเกาะปลาทะเลที่อยู่รอบนอกของโลกวิญญาณซิงหลัว จึงกลายเป็นเกาะการค้าหลักแห่งหนึ่ง
สัตว์ปิศาจและปลาทะเลในนั้นถูกจำแนกชนิด จากนั้นใช้เรือขนาดใหญ่ลากไปเกาะที่อยู่ทะเลใน อีกทั้งเกาะแบบนี้ล้วนมีวงเวทส่งตัว ทุกคนจะได้ไม่ต้องแล่นเรือไปให้ลำบาก ทว่าวงเวทส่งตัวมีราคาแพง ปกติคนธรรมดาทนความลำบากในการส่งตัวไม่ไหว ส่วนใหญ่ยังเดินทางทางทะเล
สินค้าก็เช่นเดียวกัน มีเพียงสิ่งของล้ำค่าบางอย่างจจึงมีผู้บำเพ็ญเซียนนำไปเกาะอื่นๆ ทางวงเวทส่งตัว พวกอาหารหรือหนังสัตว์มีขนาดใหญ่และไม่ค่อยมีราคายังขนส่งทางทะเลดังเดิม
จินเฟยเหยาขึ้นเกาะจากท่าเรือตรงหางปลา รอบด้านล้วนเป็นเรือประมงสูงสามสี่จั้งยาวเกือบสิบจั้ง นี่เป็นเรือหาปลาธรรมดา เมื่อครู่อยู่กลางอากาศนางพบว่าด้านหน้าท่าเรือตรงตำแหน่งหัวปลา มีเรือขนาดยักษ์ยาวถึงสามสิบสี่สิบจั้งจอดอยู่สามลำ
ดูจากเรือที่ส่งเสียงเอะอะที่ท่าเรือส่วนหางปลาสามารถมองออกว่าที่นี่เป็นท่าเรือชาวประมงล้วนๆ จินเฟยเหยากลับดึงดูดสายตาของชาวประมง ทุกคนต่างมองออกว่านางเป็นท่านเซียนที่เหยียบของวิเศษ ทว่าไม่มีใครรู้ว่ามีพลังการบำเพ็ญเพียรขั้นใด พวกเขารู้เพียงคนที่บินได้ล้วนเป็นเซียนที่ร้ายกาจ คนที่บินไม่ได้ไม่แตกต่างจากไอ้หนูหาปลาข้างบ้านเท่าใด
จินเฟยเหยาพินิจรอบด้านพลางเดินตามทางเดินปูศิลาไปยังเมืองบนเกาะปลาทะเล เดินเลียบริมทะเลออกนอกเขตหางปลาก็เริ่มมีผู้บำเพ็ญเซียนไปมา ทว่าสถานที่ซึ่งคึกคักที่สุดอยู่ตรงพุงปลา บ้านเรือนเป็นชั้นๆ ยืดขยายจากริมทะเลไปจนถึงบนหลังปลา
คนที่นี่แต่งกายใกล้เคียงกับคนของโลกวิญญาณเป่ยเฉิน เพียงแต่สตรีธรรมดาชอบโพกศีรษะ คาดว่าเนื่องจากลมทะเลพัดแรงปิดไว้หน่อยจะได้ไม่ถูกลมพัดจนผมยุ่งเหยิง
ตรงพุงปลาก็มีท่าเรือแห่งหนึ่ง แต่เรือที่จอดอยู่ทั้งหมดเป็นเรือสินค้าและเรือท่องเที่ยว เรือสองชนิดนี้ต่างไม่มีใบเรือ สองฟากตัวเรือมีกงล้อรูปกังหันน้ำขนาดยักษ์ จินเฟยเหยาเดาว่าวงเวทมัจฉาแหวกว่ายที่ผลักเรือให้แล่นไปในทะเลก็คือกังหันน้ำขนาดใหญ่ที่ใช้ศิลาวิญญาณขับเคลื่อนสองชิ้นนี้ จากนั้นอาศัยแรงผลักทำให้เรือแล่นไปข้างหน้า
ถ้าหมุนตรงกันข้ามก็สามารถทำให้เรือถอยหลังได้ เป็นสิ่งของที่ดีจริงๆ ฝึกเป็นเซียนยันต์ดูคุ้มค่า ต้องหาศิลาวิญญาณได้มากแน่ๆ
ถนนบนเกาะปลาทะเลสร้างขึ้นบนภูเขาดังนั้นจึงมีบันไดศิลามากกว่าถนนปกติ จินเฟยเหยามองไปรอบด้านอย่างสนอกสนใจ ผู้บำเพ็ญเซียนบนเกาะมีขั้นฝึกปราณและขั้นสร้างฐานเสียส่วนมาก จำนวนมากที่สุดคือผู้บำเพ็ญเซียนขั้นฝึกปราณ เห็นผู้รับใช้ในร้านค้าล้วนมีพลังการบำเพ็ญเพียรขั้นฝึกปราณ ราวกับการบำเพ็ญเซียนที่นี่เป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่ได้รู้สึกว่าสูงส่งเลิศลอย
ร้านค้ามีหลากหลายชนิด ขายตานสัตว์ปิศาจ ขายอาหาร ขายเสื้อผ้า ทั้งยังเปิดร้านอาหารและโรงเตี๊ยม ร้านที่มีมากที่สุดย่อมเป็นร้านยันต์ ใต้ชายคาตรงประตูของร้านยันต์ใหญ่น้อยแขวนยันต์เป็นป้ายร้านค้า มีหลากหลายสีสันดึงดูดสายตาอย่างยิ่ง
จินเฟยเหยาเดินวนบนถนนตามสบายรอบหนึ่ง เลือกเดินเข้าไปในร้านอาหารที่หรูหราที่สุดและมีผู้บำเพ็ญเซียนมากที่สุด คิดจะฟังเรื่องซุบซิบสถานที่ที่ดีที่สุดคือร้านอาหาร นอกจากพวกวิปริตที่ฝึกบำเพ็ญเดี่ยวๆ แม้แต่ผู้บำเพ็ญเซียนก็ต้องติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น
พอนางเดินเข้าไปในร้านอาหารที่มีชื่อว่าตึกป้าอวี๋ก็ทำให้ผู้บำเพ็ญเซียนในตึกทั้งหมดสะท้านสะเทือน พลังการบำเพ็ญเพียรสูงสุดของที่นี่คือขั้นสร้างฐาน พอคนขั้นกำเนิดใหม่อย่างนางก้าวเข้ามาก็ทำให้ผู้บำเพ็ญเซียนด้านในตกใจจนไม่กล้าพูดแม้แต่ประโยคเดียวทันที เมื่อครู่บนถนนไม่มีคนตรวจสอบพลังการบำเพ็ญเพียรของนางเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็นจินเฟยเหยา เวลานี้เดินเข้ามาในร้านอาหารจากทางประตูใหญ่คิดจะไม่ให้คนสังเกตเห็นก็เป็นไปไม่ได้ จึงเกิดเรื่องที่นางไม่อยากเห็นขึ้น
เจ้าของร้านก็เป็นผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐาน รีบวิ่งมาคิดจะพานางไปห้องส่วนตัว
เดิมทีก็มาเพื่อฟังเรื่องซุบซิบ อยู่ในห้องส่วนตัวจะมีความหมายใด จินเฟยเหยาส่ายศีรษะ เลือกนั่งตรงที่นั่งข้างหน้าต่าง นางเพิ่งหย่อนก้นนั่ง ผู้บำเพ็ญเซียนคนอื่นๆ ก็รีบโยนศิลาวิญญาณไว้แล้วหนีไป นางยังไม่ได้สั่งอาหาร ผู้บำเพ็ญเซียนในตึกป้าอวี๋ทั้งหมดก็หนีหายไปจนเกลี้ยง
หนีนั้นหนีแล้ว แต่ก็ไม่ได้วิ่งไปไกล ต่างรออยู่ข้างนอกคิดจะมองผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่เพิ่มอีกหน่อย
เห็นร้านอาหารอันเวิ้งว้างว่างเปล่า จินเฟยเหยามองเจ้าของร้านที่มือไม้ปั่นป่วนไม่เข้าใจว่าผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่มาทำอะไรที่นี่แล้วเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้กินคนเสียหน่อย พวกเขาวิ่งหนีทำไม?”
เจ้าของร้านชะงัก รีบเอ่ยตอบ “พวกเขาไม่เคยเห็นคนที่มีพลังการบำเพ็ญเพียรสูงอย่างผู้อาวุโส เกรงว่าจะรบกวนอารมณ์สุนทรีของท่านจึงล่าถอยออกไป”
ไม่จริงน่า ข้ามาเพื่อฟังพวกเขาพูดคุยกันว่ามีเรื่องน่าสนุกหรือไม่ หนีไปหมดแล้วข้ายังมาทำไม จินเฟยเหยาหงุดหงิด สมควรลดพลังการบำเพ็ญเพียรลงบ้างจริงๆ ทว่านางบรรลุขั้นกำเนิดใหม่อย่างยากลำบาก พออยู่ข้างนอกยังต้องซ่อนพลังการบำเพ็ญเพียรอีก แล้วจะเลื่อนขั้นทำไม!
เมื่อครู่บนถนนไม่เห็นมีคนมองนางอย่างให้เกียรติ นางยังนึกว่าพกพาพลังการบำเพ็ญเพียรขั้นกำเนิดใหม่มาถึงสถานที่เช่นนี้ก็ไม่มีปัญหา
เห็นเจ้าของร้านมองตนเองด้วยสีหน้าหวาดกลัว จินเฟยเหยาก็รู้สึกว่าตนเองคงจะไม่ได้ยินข่าวสารอะไรที่นี่แล้ว ดังนั้นนางจึงลุกขึ้นพลางเอ่ยว่า “เดิมทีข้าคิดจะพักผ่อนสักหน่อย ทว่าสภาพแบบนี้ดูแล้วไม่ถูกต้อง ข้าไปดีกว่า”
“ผู้อาวุโสอย่าได้ถือโทษเลย พวกเราไม่มีความหมายใดเป็นพิเศษ” เจ้าของร้านนึกว่าจินเฟยเหยามีโทสะ จึงรีบอธิบายอย่างตื่นตระหนก
จินเฟยเหยายิ้มแย้ม “เจ้ากลัวอะไร ข้าไม่ได้มีโทสะเสียหน่อย แค่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้ รอช่วงคนน้อยข้าค่อยมาอีกครั้ง”
เอ่ยจบ จินเฟยเหยาก็ก้าวออกจากตึกป้าอวี๋ เลี้ยวไปถนนเล็กๆ สายอื่นก่อน จากนั้นฉวยโอกาสที่คนไม่ทันสังเกต ใช้เวทควบคุมพลังวิญญาณสะกดพลังการบำเพ็ญเพียรของตนเองไว้แค่ขั้นสร้างฐาน จากนั้นนางก็เลี้ยวไปร้านอาหารอีกแห่งที่ไม่ใหญ่เท่าตึกป้าอวี๋ ผู้บำเพ็ญเซียนด้านในก็มีจำนวนไม่น้อย
ที่นี่ไม่มีคนวิ่งหนีอีก นางเลือกนั่งในตำแหน่งที่แวดล้อมไปด้วยผู้คน โยนพั่งจื่อออกมาแล้วสั่งอาหารหนึ่งโต๊ะ
ที่นี่คือเกาะ อาหารที่กินส่วนมากย่อมเป็นสัตว์ทะเล อาหารที่ยกมาเป็นสิ่งที่จินเฟยเหยาและพั่งจื่อไม่เคยเห็นมาก่อน ปูเจ็ดดาวขนาดเท่าอ่างล้างหน้า กุ้งหางหงส์ยาวสองฝ่ามือ น้ำแกงไข่มุกนิ่ม ทั้งยังมีอาหารว่างเป็นเหลียงผีทะเลและหัวปลาอ่างทองแดงหม้อไฟ หากมิใช่โต๊ะมีขนาดใหญ่คงวางสิ่งของเหล่านี้ได้ไม่หมด
ขั้นสร้างฐานคนอื่นเข้ามาดื่มชาวิญญาณชั้นยอดที่ขนส่งมาจากเกาะราชันชา จากนั้นลิ้มรสผลไม้แห้งร้อยชนิด เป็นการสร้างบรรยากาศ นางนั่งอยู่ตรงกลางบรรดาคนที่สั่งน้ำชา เห็นได้ชัดว่าพิเศษอย่างยิ่ง
เสียงแกะเปลือกปูดังแกร่กๆ จินเฟยเหยากินพลางกางหูฟังคำสนทนาของคนรอบด้าน
คนโดยรอบพูดหมดทุกเรื่อง คุยโวว่าตนเองเพิ่งสังหารสัตว์ทะเลขั้นสามที่ดุร้ายตัวหนึ่ง คุยว่าผู้บำเพ็ญเซียนสตรีของตระกูลใดหน้าตางดงามทำให้คนชื่นชอบ แลกเปลี่ยนประสบการณ์การฝึกบำเพ็ญ และร้านยันต์วิญญาณร้านใดรับศิษย์ฝึกหัดขั้นฝึกปราณ มีที่พักและอาหารให้ทั้งยังสอนวาดยันต์ด้วย
“งานประชุมวิญญาณครั้งนี้ ได้ยินว่าโลกวิญญาณซิงหลัวเราได้แค่อันดับสอง ฝูเซียนจื่อพ่ายแพ้ผู้อื่นได้อย่างไร หรือว่าอีกฝ่ายใช้แผนสกปรก?” ในที่สุดโต๊ะข้างๆ ก็มีคนสนทนาเรื่องที่จินเฟยเหยาสนใจ นางรีบกางหูรับฟัง ความเคลื่อนไหวของมือกลับไม่ยุ่งวุ่นวายเลยสักนิด ยังส่งเนื้อปูเข้าปากต่อ
“เจ้าไม่รู้หรือ ฝูเซียนจื่อชอบคู่ต่อสู้ ดังนั้นจึงพ่ายแพ้ให้แก่อวิ๋นเฮ่าไห่แห่งโลกวิญญาณซานเป่าผู้นั้น”
“ไม่จริงน่า ฝูเซียนจื่อเป็นเทพธิดาในใจข้า นางจะชอบอวิ๋นเฮ่าไห่ของโลกวิญญาณซานเป่าได้อย่างไร ถ้าจะหาก็ต้องไปหาศิษย์พี่ของนาง โจวอวี้ เซียนยันต์ขั้นเจ็ด เหตุใดจึงชอบคนนอกได้ง่ายๆ ทั้งยังพ่ายแพ้เพราะเรื่องส่วนตัวอีก”
“โจวอวี้มีอะไรดี กลับเป็นสิบคนที่มาจากโลกวิญญาณเป่ยเฉิน ข้ารู้สึกว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดคือผู้บำเพ็ญเซียนที่ชื่อปู้จื้อโหยว วงเวทศรของเขาร้ายกาจยิ่ง เพียงแต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงได้แค่อันดับสิบ ข้ารู้สึกว่าเขาน่าจะซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงต้องทำเช่นนั้น”
“เจ้ากลับดียิ่ง ไปดูด้วยตาตนเอง น่าเสียดายจริงๆ”
“ตอนนี้เพิ่งจบลง ถ้าเจ้าอยากดูก็สามารถไปดูได้ ครั้งที่แล้วพวกเขามาก็รั้งอยู่ห้าปีจึงกลับโลกวิญญาณเป่ยเฉิน ครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะรั้งอยู่ที่นี่นานเพียงใด”
“ไม่อยากไป ฝูเซียนจื่อก็จะแต่งงาน ข้าจะไปดูทำไม”
“ไม่หรอก ฝูเหล่าไม่ได้บอกว่าจะให้ฝูเซียนจื่อแต่งงานกับอวิ๋นเฮ่าไห่ เห็นว่าตอนนี้โลกวิญญาณอื่นๆ อีกสิบเอ็ดแห่งล้วนมีคนออกมาบอกว่าจะแต่งกับฝูเซียนจื่อเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ กวางจะตายในมือใครก็ยังไม่รู้[1]เลย”
“เช่นนั้นก็คงไม่มีส่วนของข้า”
“หักห้ามใจเสียเถอะ”
คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องเช่นนี้ด้วย!
จินเฟยเหยากัดก้ามปูเจ็ดดาวตัวที่สิบ กินพลางครุ่นคิด คิดไม่ถึงว่าปู้จื้อโหยวมางานประชุมวิญญาณครั้งนี้ด้วย เจ้าคนไม่ทำตัวเด่น ได้อันดับสิบต้องคำนวณไว้แล้วแน่ๆ
เขายังไม่กลับไป ช่างเถอะ ยังไม่อยากไปหาเขาชั่วคราว ถ้าให้คนของโลกวิญญาณเป่ยเฉินเผยแพร่เรื่องของข้าออกไปคงยุ่งยากแล้ว ที่แท้ให้ของวิเศษชั้นยอดมากมายเพียงใดเป็นรางวัลแก่เขา เหตุใดเขาจึงวิ่งมาที่โลกวิญญาณเป่ยเฉินบ่อยๆ? หรือว่าเขาคิดจะมาแอบดูคนทางนี้ ดังนั้นจึงมาร่วมงานทุกครั้ง? เขาไม่ใช่คนประเภทชอบเข้าร่วมกิจกรรมแบบนี้ ต้องมีแผนการร้ายแน่
จะสนใจไปทำไมว่าเขาคิดจะทำอะไร โลกวิญญาณซิงหลัวกว้างใหญ่ขนาดนี้ ข้าจะได้หารังของสัตว์หลิงลี่พอดี จากนั้นหาเกาะอยู่อาศัยและฝึกบำเพ็ญ หลอมสร้างหุ่นเชิดร่างแยกวิญญาณจริงออกมา มีเวลาว่างค่อยไปดมกลิ่นทีละเกาะ สามารถหาทายาทสัตว์เทพพบเป็นดีที่สุด กินตานศักดิ์สิทธิ์มากๆ เพิ่มพลังการบำเพ็ญเพียร
กำปั้นใหญ่จึงเป็นหนทางแห่งราชัน รอจนข้ามีพลังการบำเพ็ญเพียรสูงส่ง ต่อให้ทุกคนรู้ว่าข้าเป็นเทาเที่ยก็ไม่มีใครทำร้ายข้าได้
ในเวลานี้เอง โต๊ะอื่นพลันมีคำพูดที่ทำให้จินเฟยเหยาสนใจดังมา เนื้อหาอดทำให้นางตะลึงงันไม่ได้
“ซานเซ่า! สิ่งที่เจ้าพูดมาเป็นความจริง? ซานเซ่าปรากฏตัวขึ้นที่เกาะตันหลิน!”
……………………………………..
[1] กวางจะตายในมือใครก็ยังไม่รู้ หมายถึง ยังไม่รู้ว่าผู้ใดจะชนะการแข่งขันครั้งนี้