คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 304 เกาะตันหลิน
ซานเซ่า? ลิงหน้าคนที่สามารถแปรเปลี่ยนได้ร้อยแปดพันเก้า!
จินเฟยเหยาตะลึงงัน คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญขนาดนี้ เพิ่งมาถึงโลกวิญญาณซิงหลัวก็ได้พบกับทายาทสัตว์เทพ นี่คือสวรรค์สงสารที่ข้าเสียศิลาวิญญาณไปมากมาย ดังนั้นจึงให้รางวัลข้า?
“ข่าวสารของเจ้าเชื่อถือได้หรือไม่?”
“เชื่อถือได้แน่นอน ข่าวนี้คนของเกาะตันหลินแพร่ออกมา บอกว่าซานเซ่าก่อความวุ่นวายไปทั่วเกาะตันหลิน ทำทุกอย่างทั้งข่มเหงบุรุษรังแกสตรี อาละวาดจนไก่และสุนัขบนเกาะตันหลินอยู่ไม่เป็นสุข”
“เดี๋ยวก่อน ที่เจ้าพูดถึงคือซานเซ่าสินะ มันจะข่มเหงบุรุษรังแกสตรีได้อย่างไร เป็นสัตว์ปิศาจตัวหนึ่งชัดๆ หรือว่ากลายเป็นภูติไปแล้ว”
“ซานเซ่าเปลี่ยนร่างและพูดภาษามนุษย์ได้ ถ้าไม่เปลี่ยนร่างเป็นสตรีล่อลวงบุรุษไปกินก็เปลี่ยนร่างเป็นบุรุษไปทำร้ายภรรยา ลักเล็กขโมยน้อยก็ทำหมด อีกทั้งยังมีพลังการบำเพ็ญเพียรขั้นแปด ผู้บำเพ็ญเซียนบนเกาะตันหลินมีไม่มากจึงจับมันไม่ได้”
“แล้วบนเกาะตันหลินจะทำอย่างไร จะปล่อยให้ซานเซ่าอาละวาดต่อไปหรือ”
“ดังนั้นเกาะตันหลินจึงเสนอศิลาวิญญาณหนึ่งหมื่นก้อน เชิญผู้บำเพ็ญเซียนไปจับซานเซ่า”
“ในร่างซานเซ่านอกจากตานสัตว์ปิศาจแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์ใดๆ ทั้งยังเป็นสัตว์ปิศาจขั้นแปด ราคานี้ต่ำมากนะ”
“ใช้ได้แล้ว ถึงไม่มอบศิลาวิญญาณให้ ขอเพียงเผยแพร่ออกไปก็จะมีผู้บำเพ็ญเซียนไปล่าเอาตานสัตว์ปิศาจ”
จินเฟยเหยาฟังคำสนทนาของพวกเขาอย่างละเอียด ดูเหมือนพวกเขาไม่ตกใจกับทายาทสัตว์เทพอย่างซานเซ่าเลยสักนิดเหมือนกำลังพูดถึงสัตว์ปิศาจธรรมดา เอ่ยถึงตานศักดิ์สิทธิ์ของซานเซ่าเหมือนพูดถึงตานสัตว์ปิศาจทั่วไป หรือว่าโลกวิญญาณซิงหลัวมีทายาทสัตว์เทพจำนวนมาก อีกทั้งยังมีปริมาณมากถึงขั้นพบเห็นจนชิน?
คิดจะฟังต่อ สองคนบนโต๊ะนี้กลับไม่พูดแล้ว พวกเขาเพิ่งมีพลังการบำเพ็ญเพียรขั้นฝึกปราณ เป็นไปไม่ได้ที่จะไปล่าซานเซ่า เพียงพูดคุยกันเรื่อยเปื่อยเท่านั้น ตอนนี้จึงเปลี่ยนเป็นหัวข้อสนทนาอื่น
เกาะตันหลิน…ท่าทางต้องไปดูสักครา มีทั้งทายาทสัตว์เทพและศิลาวิญญาณให้ เป็นการค้าที่ไม่เลวจริงๆ
กินอาหารเสร็จและคิดบัญชีอย่างว่องไว จินเฟยเหยาก็พาพั่งจื่อมาถึงหน้าวงเวทส่งตัวตรงกลางภูเขาในเมือง บนลานกว้างมีวงเวทส่งตัวสิบสองอัน แต่ละอันกว้างสองจั้ง ส่งตัวไปบนเกาะที่แตกต่างกันในโลกวิญญาณซิงหลัว บางครั้งบางคราวมีผู้บำเพ็ญเซียนจ่ายศิลาวิญญาณแล้วเดินเข้าไปในวงเวทส่งตัวเพื่อส่งตัวไปยังสถานที่ที่อยากไป
จินเฟยเหยาค้นหาในวงเวทส่งตัวสิบสองอัน มองป้ายศิลาที่ตั้งอยู่ข้างวงเวทส่งตัวก็ไม่เห็นมีวงเวทส่งตัวไปเกาะตันหลินโดยตรง นางได้แต่สอบถามผู้บำเพ็ญเซียนที่เฝ้าวงเวทส่งตัว จึงรู้ว่าเกาะตันหลินเป็นเพียงเกาะของตระกูลบำเพ็ญเซียนเล็กๆ บนเกาะนอกจากตระกูลนี้แล้วทุกคนล้วนเป็นคนธรรมดาดังนั้นจึงไม่มีวงเวทส่งตัว
ถ้าจะไปเกาะตันหลิน จำเป็นต้องส่งตัวไปที่เกาะเฟิ่งซิวก่อน จากนั้นส่งตัวจากเกาะเฟิ่งซิวไปยังเกาะไฉ่อวิ๋น สุดท้ายค่อยส่งตัวจากเกาะไฉ่อวิ๋นไปยังเกาะมู่ซาน แล้วเหาะไปทางทิศตะวันตกเป็นเวลาสองวัน ก็จะถึงเกาะตันหลิน
จินเฟยเหยามองปากของเขาขยับอย่างปากอ้าตาค้าง รีบเรียกให้เขารอก่อน ล้วงแผ่นหยกสีขาวอันว่างเปล่าชิ้นหนึ่งออกมาใช้การรับรู้เขียนคำบอกเล่าของเขาลงไป คำนวณดู ตนเองจะไปเกาะตันหลิน คิดไม่ถึงว่าต้องส่งตัวสามครั้ง ทั้งยังต้องเหาะอีกสองวัน ที่แท้อยู่ไกลเพียงใด
เห็นท่าทางไม่เข้าใจของจินเฟยเหยา ผู้บำเพ็ญเซียนที่เฝ้าวงเวทก็เข้าใจทันทีว่าคนผู้นี้เพิ่งมาใหม่ ถึงแม้ไม่รู้ว่าโผล่มาจากที่ใด ทว่าไม่เข้าใจรูปแบบการเดินทางของโลกวิญญาณซิงหลัวอย่างยิ่ง
“เจ้าเพิ่งมาโลกวิญญาณซิงหลัวสินะ ข้าจะบอกให้ โลกวิญญาณซิงหลัวเรามีเกาะนับแสนเกาะ ถ้าสร้างวงเวทส่งตัวทั้งหมดมิตายหรือ ดังนั้นจึงมีเพียงเกาะสำคัญๆ หลายหมื่นเกาะที่สร้างวงเวทส่งตัว อีกทั้งเจ้าของเกาะต้องออกศิลาวิญญาณสร้างเอง เกาะตันหลินที่เจ้าจะไปยากจนอย่างยิ่ง บำรุงรักษาวงเวทส่งตัวไม่ไหว ดังนั้นจึงได้แต่ส่งตัวไปยังเกาะที่มีวงเวทส่งตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด เจ้าอย่านึกว่าไม่ต้องใช้วงเวทส่งตัวแล้วเหาะไปเองก็พอ จากที่นี่ไปเกาะตันหลิน อย่างน้อยที่สุดเจ้าต้องเหาะสามเดือน” เนื่องจากตอนนี้จินเฟยเหยายังไม่ได้กลับคืนสู่พลังบำเพ็ญเพียรขั้นกำเนิดใหม่ ดังนั้นผู้บำเพ็ญเซียนที่อยู่ขั้นสร้างฐานเช่นเดียวกันคนนี้จึงพูดกับนางอย่างไม่เกรงใจ
“สามเดือน!” พอจินเฟยเหยาได้ฟัง แบบนี้ใช้วงเวทส่งตัวจะสะดวกกว่า ส่งตัวแล้วยังต้องเปลี่ยนวงเวท ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ช่วงเช้ากินเหลียงผีทะเลบนเกาะปลาทะเล อาหารกลางวันก็สามารถแทะตานศักดิ์สิทธิ์บนเกาะตันหลินได้
ดังนั้นจินเฟยหยาจึงเอ่ยถามว่า “ส่งตัวครั้งละกี่ศิลาวิญญาณ?”
“ศิลาวิญญาณชั้นกลางสิบก้อนต่อการส่งตัวหนึ่งครั้ง เนื่องจากระยะทางใกล้เคียงกันหมด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เรียกราคามั่ว ดังนั้นล้วนกำหนดราคาคงที่ไว้” ผู้บำเพ็ญเซียนคนนั้นมองจินเฟยเหยาแล้วเอ่ยยิ้มๆ
จินเฟยเหยาเข้าใจทันทีว่าเพราะเหตุใดในหมู่คนธรรมดาจึงไม่ใช่วงเวทส่งตัวแต่กลับยังใช้เรือแทน ค่าส่งตัวราคาสูงขนาดนี้ ถ้าไม่นำสินค้าที่มีราคาไปคงไม่ได้เงินทุนกลับมา
ราคาชั่วร้ายเกินไปแล้ว!
ล้วงศิลาวิญญาณชั้นกลางสิบก้อน จินเฟยเหยาก็ส่งตัวไปเกาะเฟิ่งซิว บนลานกว้างของเกาะเฟิ่งซิวนางไม่ได้ไปยังสถานที่อื่นแต่ส่งตัวไปยังเกาะไฉ่อวิ๋นทันที ขณะส่งตัวจากเกาะไฉ่อวิ๋นไปยังเกาะมู่ซานกลับพบเรื่องเหนือความคาดหมาย คิดไม่ถึงว่าจะต้องต่อแถว
ด้านหน้าวงเวทส่งตัวไปเกาะมู่ซานต่อแถวยาวเหยียด ด้านหน้าวงเวทส่งตัวอื่นๆ ไม่มีคนต่อแถว มีเพียงด้านหน้าวงเวทส่งตัวไปเกาะมู่ซานเท่านั้นที่มีคน จินเฟยเหยารู้สึกสงสัยอยู่บ้าง หรือว่าคนเหล่านี้ไปเกาะตันหลินกันหมด แต่ทำไมนานแล้ววงเวทส่งตัวยังไม่เริ่มส่งคนสักที หรือว่าเสีย?
จินเฟยเหยาต่อแถว มองผู้บำเพ็ญเซียนเฝ้าวงเวทที่กอดอกเดินไปเดินมาอยู่ด้านข้างแล้วเอ่ยถาม “สหายเซียน วงเวทส่งตัวอันนี้เสียหรือ?”
“เปล่า คนไปเกาะมู่ซานเยอะมาก ส่วนเกาะมู่ซานมีวงเวทส่งตัวเพียงอันเดียว ดังนั้นจึงต้องรอสถานที่อื่นๆ ส่งตัวแล้วจึงถึงรอบของพวกเรา ต่อให้ถึงรอบก็ส่งไปได้เพียงครั้งเดียว คนถัดมาก็ยังต้องรอต่อไป” ผู้บำเพ็ญเซียนเฝ้าวงเวทคนนั้นรู้สึกว่าเพิ่งส่งตัวได้ครั้งเดียวหลังจากผ่านไปเนิ่นนานแบบนี้ยุ่งยากยิ่งจึงเอ่ยอย่างหงุดหงิด
คนเหล่านี้ต้องไปจับซานเซ่าแน่ ไม่เช่นนั้นเกาะอันห่างไกลที่มีวงเวทส่งตัวเพียงอันเดียว เหตุใดจึงมีคนมากมายส่งตัวไปกะทันหัน ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าซานเซ่าเป็นสัตว์ปิศาจขั้นแปด ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานมากมายขนาดนี้ไปทำอะไร ไปเปิดหูเปิดตาหรือ?
นางเดาผิดแล้ว ที่จริงผู้บำเพ็ญเซียนเหล่านี้คิดจะไปแสวงโชค
เกาะมีขนาดนิดเดียว ซานเซ่าว่ายน้ำไม่เป็นและบินไม่ได้ แค่ล้อมเอาไว้แม้ติดปีกก็ยากจะบินหนี ถ้าโชคดี ซานเซ่าที่ถูกทุกคนล้อมปราบบาดเจ็บสาหัสหนีมาถึงเบื้องหน้าตนเอง เพียงแค่ยกมือขึ้นก็กำจัดทิ้งได้ อย่างไรก็ได้เงินก้อน ยังไม่เอ่ยถึงว่าซานเซ่ายังมีนิสัยชอบลักขโมยสิ่งของ ตอนล้อมปราบอาจจะพบสิ่งของที่มันซ่อนไว้
จินเฟยเหยาต่อแถวอยู่ในกลุ่มคนและเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ต่อแถวอยู่หนึ่งชั่วยามกว่าจึงถึงรอบนาง ฟุ่บ ส่งตัวไปยังเกาะมู่ซาน จินเฟยเหยาโยนพรมบินออกมาเหาะไปทางทิศตะวันตกโดยไม่พูดอะไร ยังต้องบินอีกสองวันจึงถึงเกาะตันหลิน พลังวิญญาณจินเฟยเหยาปั่นป่วน บินพลางถอนฤทธิ์เวทควบคุมพลังวิญญาณ กลับคืนสู่พลังการบำเพ็ญเพียรขั้นกำเนิดใหม่ช่วงต้น
เกรงว่าผู้อื่นจะไวกว่าคว้าไปก่อน จินเฟยเหยาจึงรีบเหาะไปยังเกาะตันหลิน ต้องหาซานเซ่าให้พบก่อนคนอื่นให้ได้
ที่บอกว่าใช้เวลาเหาะเหินสองวันคือระดับความเร็วในการเหยียบอาวุธเวทปกติของขั้นสร้างฐาน ทว่าผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่อย่างนางรวดเร็วอย่างยิ่ง ใช้เวลาเพียงหนึ่งวันก็รุดมาถึงเกาะตันหลิน
พื้นที่ของเกาะตันหลินมีขนาดไม่เล็กนัก บนเกาะมีภูเขาทอดตัวต่อเนื่องกันสามลูกราวกับที่วางพู่กันรูปภูเขา บนภูเขาเต็มไปด้วยต้นไม้หนาทึบ เหลือเพียงเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ท่าเรือ ในเมืองมีคฤหาสน์ขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง เป็นสำนักบำเพ็ญเซียนเพียงแห่งเดียวบนเกาะนี้
จินเฟยเหยาเพิ่งเหยียบย่างลงบนพื้นดินของเกาะตันหลินก็ได้กลิ่นหอมเข้มข้นทันที กลิ่นนี้ใกล้เคียงกับตอนที่ได้พบโห่วครั้งแรก ทว่ามีระดับความหอมและความเข้มข้นมากกว่าโห่ว ท่าทางจะได้พบสัตว์เทพอันแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
คิดไม่ถึงว่าทายาทสัตว์เทพระดับล่างอย่างซานเซ่าจะมีกลิ่นหอมรุนแรงขนาดนี้?
จินเฟยเหยาไม่เข้าใจอยู่บ้าง กลิ่นหอมนี้เข้มข้นเกินไปหน่อย ไม่สมควรจะปรากฏบนร่างของซานเซ่า นางยังไม่ทันดมทิศทางให้ละเอียด ขณะกำลังคิดจะหาว่ากลิ่นหอมนี้ลอยมาจากที่ใด ก็เห็นตรงท่าเรือที่อยู่ไม่ไกลนัก มีสัตว์ปิศาจคล้ายลิงตัวหนึ่งนั่งหันหลังให้อยู่ห่างจากนางเพียงห้าก้าว
หา? ซานเซ่านั่งรอข้าอยู่บนท่าเรืออย่างเปิดเผยเช่นนี้หรือ การรับรู้ของจินเฟยเหยากวาดดูบนร่างมัน พบว่านี่เป็นสัตว์ปิศาจขั้นสองตัวหนึ่ง การรับรู้ของจินเฟยเหยาทำให้มันตกใจ มันหันตัวมามองจินเฟยเหยา
ลิง นี่เป็นลิงที่มีผิวขาวเนียนนุ่ม รูปหน้าคล้ายมนุษย์นิดหน่อย เห็นท่าทางของมันจินเฟยเหยาก็ตะลึงงัน บอกว่ามีใบหน้าคนก็ยังขาดไปนิด บอกว่ามีใบหน้าลิงก็ดูเหมือนคนจริงๆ
มันส่งเสียงร้องกี๊ๆ ให้จินเฟยเหยา แล้วเกาหลังหาหมัดจากบนตัวมาใส่ปากกินราวกับไม่มีใคร จากนั้นก็หมุนตัวหันก้นให้จินเฟยเหยาแล้ววิ่งเข้าไปในป่า
จินเฟยเหยาเห็นลิงที่เหมือนกับเจ้าตัวนี้ฝูงหนึ่งทางสถานที่ซึ่งมันจากไป พวกมันไม่กลัวคนเลยสักนิด อาบแดดอยู่ตรงนี้กลุ่มหนึ่งตรงนั้นฝูงหนึ่ง
“ไม่ทราบว่าท่านเซียนให้เกียรติมา ขออภัยที่ไม่ได้มารอต้อนรับ ท่านเซียนโปรดให้อภัยด้วย” มีหลายคนรีบวิ่งมาที่ท่าเรือ หลังจากวิ่งมาถึงเบื้องหน้าจินเฟยเหยาก็รีบคารวะ
คงเป็นคนของตระกูลผู้บำเพ็ญเซียนบนเกาะเสียแปดส่วน ถ้าอยากได้ศิลาวิญญาณก็ต้องพูดจากับพวกเขาสักหลายประโยค จินเฟยเหยายิ้มแย้มให้พวกเขา “ไม่เป็นไร ข้าก็เพิ่งมาถึง พวกเจ้าไม่ต้องเกรงใจ”
“ข้าน้อยเป็นพ่อบ้านของตระกูลเยวี่ยแห่งเกาะตันหลิน มารับท่านเซียนเข้าจวนโดยเฉพาะ” พ่อบ้านผู้นี้มีพลังการบำเพ็ญเพียรแค่ขั้นฝึกปราณ ยืนอยู่กับจินเฟยเหยาเห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของตระกูลเยวี่ยอ่อนด้อยอย่างยิ่ง พ่อบ้านใหญ่ผู้หนึ่งมีพลังการบำเพ็ญเพียรเพียงขั้นฝึกปราณช่วงกลาง อ่อนด้อยเกินไป แต่ดูแลเรื่องราวในบ้านมากมาย ถ้ามีพลังการบำเพ็ญเพียรสูงจริง คงตัดใจให้ไปทำหน้าที่พ่อบ้านไม่ได้
พ่อบ้านรีบเร่งรุดมา เมื่อเขาได้ยินรายงานว่าที่ท่าเรือมีผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่คนหนึ่งยังประหลาดใจอยู่บ้าง ถึงแม้เรื่องมีซานเซ่าพวกเขาเป็นคนแพร่ข่าวออกไป ทว่าลิงเทียมซานเซ่าเต็มภูเขานี้กลับเป็นผลผลิตพิเศษของเกาะตันหลิน เนื่องจากลิงตัวใหญ่จะใช่ซานเซ่าหรือไม่ก็ยังไม่แน่ ดังนั้นคนที่มาเป็นผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานทั้งหมด ไม่มีขั้นหลอมรวมเลย
ทว่าเมื่อครู่บนเกาะพลันมีผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ช่วงกลางคนหนึ่งมา เพิ่งรับมาในจวนราวกับสมบัติล้ำค่า ตอนนี้ยังปรากฏผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ช่วงต้นมาอีก ทำให้พ่อบ้านรู้สึกกดดันอย่างยิ่ง
พวกเขารับปากว่าจะมอบศิลาวิญญาณให้เพียงหนึ่งหมื่นก้อน ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ปรากฏตัวขึ้น มีขั้นหลอมรวมหลายคนมาล้อมปราบก็เพียงพอแล้ว ถ้าผู้มาคือผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ แล้วมอบศิลาวิญญาณชั้นกลางหนึ่งหมื่นก้อนให้ไม่ได้ ทำให้อีกฝ่ายมีโทสะ อาจจะนำความเดือดร้อนมาสู่ตระกูลของตนเอง
………………………………….