คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 307 แม่พระ
“เกิดอะไรขึ้น! ใครกำลังใช้เวทมนตร์อยู่ที่นี่กันแน่ หรือว่าซานเซ่าหนีมา!” ประมุขตระกูลเยวี่ยรีบพาคนเร่งรุดมา เห็นที่นี่ยุ่งเหยิงเละเทะ
“เร็ว! ทางนั้นเป็นห้องของบรรดาฮูหยิน รีบไปช่วยคน!” ประมุขตระกูลเยวี่ยเห็นห้องที่ถูกทำลายเหล่านั้นก็ร้อนใจทันที ห้องที่ถูกทำลายทางนั้นล้วนเป็นที่อยู่อาศัยของบรรดาภรรยา ถ้าทุกคนถูกทับตาย ตนเองมิต้องหาภรรยาใหม่หรือ
ในเวลานี้เอง จินเฟยเหยาพลันเอ่ยปลอบโยนว่า “ประมุขตระกูลเยวี่ยไม่ต้องเป็นห่วง โบราณว่าไว้ บุรุษวัยกลางคนมีเรื่องน่ายินดีสามอย่าง ร่ำรวย ได้เลื่อนขั้น และภรรยาตาย ท่านก็ถือว่านี่เป็นเรื่องน่ายินดีเถอะ จะได้เปลี่ยนเป็นภรรยาสาวๆ สักหลายคน”
ประมุขตระกูลเยวี่ยมองนางอย่างตกตะลึง ไม่รู้ว่าจะต่อบทสนทนาอย่างไรไปชั่วขณะ คนในตระกูลด้านหลังเขาก็นิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น คิดไม่ถึงว่าผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ก็รู้จักคำกล่าวเช่นนี้ แต่คำพูดนี้สามารถกล่าวบนโต๊ะสุราได้ ถ้าภรรยาของผู้อื่นตายจริงๆ แล้วยังนำมากล่าวอีกก็ใจร้ายใจดำเกินไป
“พวกเจ้ายังไม่ช่วยคนอีก?” จินเฟยเหยาเห็นทุกคนไม่มีปฏิกิริยาก็เอ่ยถามอย่างสงสัย
“ยังนิ่งอึ้งอยู่ทำไม รีบไปช่วยคนสิ!” ทุกคนได้สติคืนมาก็รีบพุ่งเข้าไปช่วยคนในเศษซาก ยิ่งมีเด็กหนุ่มร้องไห้เรียกท่านแม่แล้วโผเข้าไป
เวลานี้พ่อบ้านก็วิ่งมา ท่าทางของเขาเหมือนกำลังหลับอยู่ ขนาดเสื้อผ้ายังสวมไม่เรียบร้อย ผ้าคาดเอวยังผูกไม่เสร็จก็วิ่งเท้าเปล่ามา ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานที่อาศัยอยู่ในตระกูลเยวี่ยเพื่อฉกฉวยผลประโยชน์ตอนวุ่นวายก็วิ่งออกมา ทั้งหมดเบียดเสียดกันอยู่ในลานเรือนแห่งนี้
ประมุขตระกูลเยวี่ยรีบสอบถามจินเฟยเหยา “ผู้อาวุโส นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
จินเฟยเหยาประคองตรงเอวกำลังใช้พลังวิญญาณรักษาบาดแผล บาดแผลของนางไม่สาหัสนัก ถ้าโดนตรงส่วนที่มีกระดูกอาการบาดเจ็บจะเบากว่านี้
นางพยักเพยิดไปทางพ่อบ้าน “เมื่อครู่ซานเซ่าปลอมตัวเป็นพ่อบ้าน หลังจากถูกข้ามองออกก็ตะปบข้าหนึ่งกรงเล็บแล้วหนีไป ตอนนี้ซ่อนตัวอยู่ในลานเรือนแห่งนี้ ไม่รู้ว่าแปลงกายเป็นอะไร พวกเจ้ารู้จักบ้านตนเองดีกว่า ตรวจดูให้ละเอียดว่ามีสิ่งใดเพิ่มมาบ้าง หาตัวมันออกมา”
คำพูดของจินเฟยเหยาทำให้ทุกคนแตกตื่น แม้แต่ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ยังถูกทำร้าย ถ้าตนเองที่มีพลังการบำเพ็ญเพียรแค่ขั้นสร้างฐานเจอเข้ามิตายหรือ
ทุกคนเบียดกันเป็นก้อนกลมทันที ถือของวิเศษและจ้องมองรอบด้าน คนตระกูลเยวี่ยทั้งหมดไปช่วยคน เหลือเพียงพ่อบ้านและประมุขตระกูลเยวี่ยค้นหาในลานเรือนอย่างละเอียด
“พ่อบ้าน ปกติข้ามาที่นี่น้อยครั้ง ในลานเรือนแห่งนี้มีอะไรเจ้าน่าจะรู้นะ?”
“ข้าก็มาน้อยครั้ง ดูไม่ออกจริงๆ ว่ามีสิ่งใดเพิ่มมาหรือขาดหายไป”
“โง่เง่า! เจ้าเป็นพ่อบ้านมิใช่หรือ เหตุใดจึงไม่รู้ว่าลานเรือนแห่งนี้มีสิ่งใดเพิ่มมาหรือขาดหายไป”
“ประมุขตระกูล...สิ่งที่ข้าสนใจไม่ใช่เรื่องเหล่านี้ จริงสิ พวกสาวใช้กวาดพื้นต้องรู้แน่ว่าในลานเรือนแห่งนี้มีอะไรเพิ่มมา ข้าจะไปตามพวกนางมาเดี๋ยวนี้”
“ท่านคิดจะให้ตระกูลเยวี่ยเราขายหน้าหรือ! ผู้บำเพ็ญเซียนกลุ่มหนึ่งหาลิงไม่พบ กลับให้สาวใช้ที่เป็นคนธรรมดามาค้นหาสัตว์ปิศาจขั้นแปด หากแพร่ออกไปการแต่งงานของสี่เหนียงยังจัดได้หรือ!”
“ความหมายของประมุขตระกูลคือ…”
“จะทำอย่างไรได้ ถ้าหาไม่พบก็ถามทุกคนว่ามีเวทค้นหาอะไรหรือไม่”
ดังนั้นประมุขตระกูลเยวี่ยจึงพาพ่อบ้านเบียดเข้าไปในกลุ่มผู้บำเพ็ญเซียน หลังแน่ใจว่าตนเองอยู่ในสถานที่ปลอดภัย เขาก็พูดกับทุกคน “สหายเซียนและผู้อาวุโสทุกท่าน ใครสามารถมองทะลุเวทแปลงกายของสิ่งวิเศษได้บ้าง ซานเซ่าตัวนี้ซ่อนกายมีแต่อันตรายต่อทุกคน”
ในยามนี้หลินชิงเจียงบนภูเขาพบความเคลื่อนไหวที่นี่จึงทิ้งลิงซานเซ่าเทียมที่หดตัวรวมกันเป็นกองฝูงนั้น ปลีกตัวเหาะมายังคฤหาสน์ตระกูลเยวี่ย เห็นคฤหาสน์ถูกทำลายไปครึ่งหนึ่งและยังมีคนธรรมดาร้องไห้คร่ำครวญอยู่ใต้เศษซาก นางก็ขมวดคิ้วเอ่ยถามจินเฟยเหยา “สหายเซียนจิน ข้าขอให้เจ้ายั้งมือไว้ไมตรีอย่าทำลายคฤหาสน์มิใช่หรือ ในนั้นมีคนธรรมดาอาศัยอยู่จำนวนมาก เจ้าทำลงคอได้อย่างไร”
จินเฟยเหยาตะลึงงัน ตอนนี้ไม่ตามหาซานเซ่าแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะมาด่าทอตนเองก่อน “ดวงตาข้างไหนของเจ้าเห็นว่าข้าเป็นคนทำ นี่ซานเซ่าทำ เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย หากมิใช่เจ้าบอกว่าอย่าทำร้ายคนธรรมดา อย่าทำลายบ้านผู้อื่น ข้าคงไม่พูดจาไร้สาระกับมันอยู่นาน แต่ปล่อยเวทมนตร์สังหารมันให้ตายทันที”
“ตอนมันปล่อยเวทมนตร์ เหตุใดเจ้าจึงไม่ต้านรับ เจ้าเป็นผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่แล้ว เสี่ยงชีวิตต้านทานการโจมตีของสัตว์ปิศาจขั้นแปดได้อย่างไม่มีปัญหาเลยสักนิด!” หูของหลินชิงเจียงได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญของคนธรรมดา สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียด
“เจ้าบ้าหรือเปล่า มีสิทธิ์อะไรให้คนอื่นไปเสี่ยงชีวิตต้านทานการโจมตี ทำไมเจ้าไม่ไปเองล่ะ พูดเสียน่าฟัง” จินเฟยเหยาไม่พอใจ เจ้าไม่มีคุณสมบัติยังคิดจะสั่งสอนข้า
ประมุขตระกูลเยวี่ยมองคนทั้งสองทะเลาะกัน สมควรค้นหาซานเซ่าก่อนมิใช่หรือ เรื่องประเภทต้านทานการโจมตีหรือไม่ สมควรเอ่ยถึงในภายหลังมิใช่หรือ
ในเวลานี้เองมีเด็กหนุ่มที่ทั่วร่างเต็มไปด้วยฝุ่นวิ่งมา เขาวิ่งพลางตะโกนเสียงดัง “ท่านพ่อ! ฮูหยินใหญ่และท่านแม่ของข้า ยังมีท่านน้าหก ท่านน้าสิบสอง ท่านน้าสิบห้าสิบหกสิบเจ็ดล้วนตายหมดแล้ว!”
“หา!” ประมุขตระกูลเยวี่ยตะลึงงัน เหตุใดคนที่ตายล้วนเป็นคนที่ตนเองชมชอบ!
เด็กหนุ่มคนนี้เพิ่งอายุสิบเจ็ดสิบแปด ใบหน้าเต็มไปด้วยฝุ่นสกปรก เขาเช็ดน้ำตาที่หางตา ร่ำไห้อย่างเจ็บปวดพลางเอ่ยว่า “ท่านพ่อ! พวกท่านแม่ถูกบ้านทับตาย ถ้าตอนนั้นมีคนต้านทานการโจมตีให้เบนไปบ้านคงไม่ถล่ม ถ้าบ้านไม่ถล่มพวกนางคงไม่ตาย หญิงรับใช้ชราและสาวใช้มากมายในคฤหาสน์คงไม่ถูกทับตาย”
จินเฟยเหยาไม่ส่งเสียง ยืนกอดอกมองเขาร้องไห้คร่ำครวญอยู่ด้านข้าง ส่วนผู้บำเพ็ญเซียนคนอื่นๆ ก็ไม่มีปฏิกิริยา เป็นตายขึ้นอยู่กับชะตา ลาภยศขึ้นอยู่กับฟ้า นี่เป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง
ทว่าหลินชิงเจียงกลับทนดูต่อไปไม่ได้ เค้นถามจินเฟยเหยาทันที “สหายเซียนจิน เจ้าดูผลลัพธ์ที่ตามมาตอนนี้ เนื่องจากเจ้าไม่กระทำ จึงทำให้คนบริสุทธิ์จำนวนมากต้องสูญเสียชีวิต! กลางคืนเจ้านอนหลับลงหรือ? จิตใจสงบหรือ!”
“กลางคืนข้าฝึกบำเพ็ญ นอนหลับน้อยมาก” จินเฟยเหยามองนางแล้วเอ่ยตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
“เจ้า!” หลินชิงเจียงชะงัก เพลิงโทสะในใจพลุ่งขึ้นทันที สิ่งที่นางเกลียดชังที่สุดคือคนประเภทถึงตายก็ไม่ยอมรับผิด จะโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่สำนึกผิด
จินเฟยเหยาพลันกวักมือให้นาง “เจ้าหยุดสักครู่ รอข้าจัดการซานเซ่าก่อน”
จากนั้นนางก็เดินไปหาเด็กหนุ่มที่ยังร้องไห้คร่ำครวญคนนั้น หลังจากตบบ่าของเขาและเอ่ยอย่างเต็มไปด้วยน้ำใสใจจริง “ข้าเคยบอกแล้วว่าให้ฉลาดหน่อย เจ้าวิ่งมาหาที่ตายเบื้องหน้าข้าครั้งแล้วครั้งเล่าทำไม!”
“หา?” เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองนางอย่างหวาดกลัว ใบหน้ายังเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
“ข้าบอกว่าเจ้ารนหาที่ตาย!” จินเฟยเหยายื่นมือไปบีบคอเขาทันที ทงเทียนหรูอี้เหนือศีรษะลอยออกมา ชิ้นหนึ่งกลายเป็นเชือกยาวมัดเขาไว้อย่างแน่นหนา ทงเทียนหรูอี้อีกชิ้นกลายเป็นกระบี่ยาวแทงหัวใจของมัน
“เจ้าคิดจะทำอะไร!” สายตาของหลินชิงเจียงเคร่งเครียด คิดไม่ถึงว่าจะกล้าฆ่าคนต่อหน้าข้า นางยกมือขึ้น โล่ผลึกที่โปร่งใสเป็นประกายลอยออกมาและพุ่งมาอย่างรวดเร็วคิดจะคุ้มกันเด็กหนุ่ม
จินเฟยเหยาปล่อยมือ หมุนตัวเหินร่างขึ้นใช้กำปั้นชกไปที่โล่ผลึกชิ้นนั้น เสียงดังเคร้งดังสนั่น โล่ผลึกถูกนางชกกระเด็นไป ในเวลาเดียวกัน ทงเทียนหรูอี้ก็แทงเข้าด้านหลังเด็กหนุ่มและทะลุออกทางทรวงอกด้านหน้าทันที
ในเวลานี้เอง หลินชิงเจียงตวาดลั่น “วันนี้ข้าจะผดุงความยุติธรรมแทนฟ้า บั่นศีรษะคนชั่วอย่างเจ้า!”
สิ้นเสียง ก็เห็นเด็กหนุ่มคนนั้นกลายเป็นซานเซ่าสูงหนึ่งจั้งกว่าทันที มันเบิกตาโตมองจินเฟยเหยาอย่างไม่อยากจะเชื่อ มันขบคิดไม่เข้าใจ เวทแปลงกายของมันถึงขั้นล้ำเลิศ ทั้งยังมีความสามารถในการครุ่นคิดและพูดภาษามนุษย์ได้ เพราะเหตุใดยังถูกสตรีผู้นี้มองออกหลายครั้ง!
“ออก!” จินเฟยเหยายื่นมือพลางตวาด ตานศักดิ์สิทธิ์ขนาดเท่าถั่วลิสงเม็ดหนึ่งลอยออกมาจากในบาดแผลตรงทรวงอกของซานเซ่าและร่วงลงในมือนาง จินเฟยเหยาได้ตานศักดิ์สิทธิ์ไว้ในมือก็เก็บลงถุงเฉียนคุนทันที จากนั้นนางก็โยนขวดหยกใบหนึ่งออกมาอย่างว่องไว ยกนิ้วขึ้นกรีด โลหิตสดก็เทลงในขวด
การกระทำของนางเสร็จเรียบร้อยในอึดใจเดียว ประมุขตระกูลเยวี่ยยังไม่ได้สติคืนมาจากความเศร้าโศกที่สูญเสียภรรยาก็ตกตะลึงที่บุตรชายของตนเองถูกสังหาร ตอนนี้เห็นบุตรชายของตนเองกลายเป็นซานเซ่าอีก ความเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วนี้ ทำให้เขายืนตะลึงอยู่ตรงนั้น
ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานเหล่านี้กลับตกตะลึงกับการที่จินเฟยเหยาใช้มือเปล่าชกของวิเศษชั้นกลางกระเด็นไป คิดไม่ถึงว่าร่างกายจะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้ นี่เป็นกายเนื้อระดับใดกัน!
หลินชิงเจียงยืนอยู่บนหลังคาด้วยสีหน้าเขียวสลับขาว นางไม่รู้ว่าจะหาทางลงได้อย่างไร นางไม่เข้าใจ เหตุใดบนร่างของซานเซ่าจึงไม่มีไอปิศาจ ไม่เช่นนั้นอาศัยลมหายใจแห่งฉีหลินของนาง กลิ่นอายปิศาจไม่มีทางหนีรอดได้ราวกับมีคนผายลมในห้องลับ เมื่อครู่รับรู้ได้ชัดๆ ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นเผ่ามนุษย์คนหนึ่ง ไม่ต้องเอ่ยถึงไอปิศาจ แม้แต่ปราณของผู้บำเพ็ญเซียนก็ไม่มี ไม่มีพลังการบำเพ็ญเพียรเลยสักนิด
เพราะเหตุใด!
สิ่งที่นางไม่เข้าใจคือถ้าซานเซ่าสลัดหลุดจากไอปิศาจทั่วร่างไม่ได้แล้วจะแปลงกายเป็นคนและปะปนอยู่ในฝูงชนโดยไม่ถูกพบเห็นได้อย่างไร ซานเซ่าตัวนี้หลงระเริงเกินไป ถ้ายอมสงบจิตใจลง เมื่อครั้งบรรพกาลก็มีซานเซ่าปะปนอยู่ในเผ่ามนุษย์อย่างมีชีวิตชีวาได้สำเร็จ จนกระทั่งตายก็ไม่มีใครพบว่าที่จริงพวกเขาเป็นซานเซ่าไม่ใช่เผ่ามนุษย์
หลินชิงเจียงมีสีหน้าปั้นยาก เนื่องจากเมื่อครู่นางบันดาลโทสะอย่างหนักทำร้ายจินเฟยเหยาอย่างมุ่งร้าย กลับทำให้ผู้อื่นสังหารซานเซ่าและนำตานศักดิ์สิทธิ์ไป ตนเองไม่ได้อะไรเลย ทั้งยังใส่ร้ายผู้อื่นอีก จะทำอย่างไรดี!
ทันใดนั้น หลินชิงเจียงเอ่ยอย่างช้าๆ “สหายเซียนจินถึงแม้เจ้ามองซานเซ่าออก ทว่าก่อนหน้านี้เนื่องจากไม่ได้ต้านทานการโจมตีของซานเซ่าทำให้ฮูหยินมากมายเสียชีวิต นี่เป็นความผิดของเจ้า!”
จินเฟยเหยากำลังเก็บโลหิตซานเซ่าเตรียมทวงศิลาวิญญาณชั้นกลางหนึ่งหมื่นก้อนจากประมุขตระกูลเยวี่ยอย่างอารมณ์ดี คิดไม่ถึงว่าหลินชิงเจียงยังหาเรื่องตนเองอีก นางขมวดคิ้ว ถลึงตาใส่หลินชิงเจียง
“เจ้าพอสักทีได้หรือไม่ เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย ทำไมวิญญาณของเจ้าไม่สลายไปเสียที แบกของแบบนี้ไว้บนศีรษะ เจ้าคิดว่าตนเองเป็นแม่พระผู้เมตตาจริงๆ หรือ?”
“เจ้าว่าอะไรนะ!” ถึงแม้จินเฟยเหยาจะไม่ได้เอ่ยถึงฉีหลินน้ำ ทว่าในคำพูดของนางบอกหลินชิงเจียงอย่างชัดเจนว่าข้ารู้ความลับของเจ้า หลินชิงเจียงเกิดความคิดฆ่าคนปิดปากทันที
ในเวลานี้ มีคนของตระกูลเยวี่ยวิ่งมาตะโกนเสียงดังอีก “ประมุขตระกูล บรรดาฮูหยินและอนุภรรยาถูกช่วยออกมาแล้ว นอกจากอนุภรรยาคนที่แปดขาหัก คนอื่นๆ เพียงบาดเจ็บเล็กน้อย ฮูหยินใหญ่เกรงว่าประมุขตระกูลจะเป็นห่วง จึงให้ข้ามารายงานก่อน”
พอจินเฟยเหยาได้ฟังก็มองหลินชิงเจียงแล้วหัวเราะอย่างเย็นชา
………………………………………..