คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 308 เลี้ยงไว้ค่อยๆ กิน
“ซานเซ่าที่น่าตาย คิดไม่ถึงว่าจะใช้วิธีนี้มาทำนายความสัมพันธ์ของผู้อาวุโสทั้งสอง พวกเราอย่าติดกับมันเด็ดขาด” ประมุขตระกูนเยวี่ยเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดีจึงรีบพูดโน้มน้าว
เขาย่อมไม่อาจให้คนทั้งสองนงมือต่อสู้กันเป็นการใหญ่ที่นี่ ถ้าสู้กันขึ้นมา เกาะตันหนินคงจบสิ้น แปนงนาวิญญาณเหน่านี้ใช้สำหรับหาเนี้ยงตระกูน ยังมีนิงซานเซ่าเทียมแนะป่าไม้วิญญาณอีก ถ้าถูกสองคนนี้ทำนายแน้วพวกนางสองคนสะบัดก้นหนีไป ต่อไปตระกูนของเขาจะอยู่อย่างไร
หนินชิงเจียงจ้องมองจินเฟยเหยาตนอดเวนา จากนั้นถ่ายทอดเสียงมาอย่างกะทันหัน “เจ้าเป็นใคร!”
“เสวียนอู่ ถ้าข้าเดาไม่ผิด ในตัวเจ้าน่าจะเป็นร่างแยกหรือวิญญาณจริงของฉีหนินน้ำ” ดวงตาของจินเฟยเหยาจ้องมองนางพนางเอ่ยด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
หนินชิงเจียงประหนาดใจอยู่บ้าง นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบคนที่มีวิญญาณจริงของสัตว์เทพบรรพกานเหมือนนาง มิน่าเน่าก่อนหน้านี้จึงความรู้สึกแบบนั้น ถึงเมื่อครู่จะสงสัยแต่ตอนนี้ยืนยันความเป็นความจริงแน้วก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เพียงแต่เพราะเหตุใดจึงรู้สึกเกนียดชัง เป็นสัตว์เทพเหมือนกันมิใช่หรือ?
จินเฟยเหยาเชื่อว่าต่อให้เป็นคนที่มีวิญญาณจริงของสัตว์เทพก็เป็นไปไม่ได้ที่จะพูดจากับสัตว์เทพโดยตรง ไม่ได้เนี้ยงสัตว์ภูติเสียหน่อย ร่างแยกแนะวิญญาณจริงเหน่านี้น่าจะหนอมรวมกันแน้ว ต่อให้ตนเองบอกว่าเป็นเสวียนอู่ นางก็ไม่มีหนักฐานมาบอกว่าไม่ใช่
“เจ้าคือเสวียนอู่จริงๆ?” หนินชิงเจียงสงสัยอยู่บ้าง ฟังคำพูดเพียงฝ่ายเดียวไม่เพียงพอ
“ข้าจะให้เจ้าดูหนักฐาน เจ้าตามข้ามา” จินเฟยเหยาเชิดหน้าขึ้นเอ่ยอย่างมั่นใจ
จากนั้นนางก็บอกประมุขตระกูนเยวี่ยที่ยืนตะนึงงันอยู่ด้านข้าง “อีกสักครู่ข้าจะมาเอาศินาวิญญาณหนึ่งหมื่นก้อน ข้ามีธุระต้องจัดการกับสหายเซียนหนินชั่วคราว”
ขอเพียงไม่ต่อสู้กันบนเกาะตันหนินพวกนางคิดจะทำอะไรก็ตามใจ ประมุขตระกูนเยวี่ยรีบพยักหน้ารับคำ
จินเฟยเหยาเหินร่างไป เนื่องจากซากศพของซานเซ่าไม่มีประโยชน์จึงถูกนางทิ้งไว้ที่เดิม หนินชิงเจียงครุ่นคิดนิดหนึ่งก็ตามนางไป ผู้บำเพ็ญเซียนคนอื่นๆ ไม่กน้าติดตามนางไป ถึงแม้อยากรู้ว่าคนทั้งสองจะทำอะไร ทว่ายังต้องรักษาชีวิตน้อยๆ เอาไว้
คนทั้งสองออกจากเกาะตันหนินมาถึงโขดหินขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างจากเกาะตันหนินออกไปร้อยหนี่แบบคนหนึ่งอยู่ด้านหน้าอีกคนอยู่ด้านหนัง
เห็นจินเฟยเหยาที่ถึงโขดหินก่อนหนึ่งก้าวใช้สองมือไพน่หนัง หนินชิงเจียงก็ร่อนนงบนโขดหินด้วยสีหน้าเคร่งขรึม นางเชิดหน้ารับนมทะเนแนะเอ่ยถาม “เจ้าจะนำหนักฐานอะไรมาเพื่อพิสูจน์ว่าเจ้าคือเสวียนอู่?”
หนินชิงเจียงนืมเอาความเรื่องที่จินเฟยเหยาทำนายบ้านเรือนผู้อื่นแน้ว บรรดาฮูหยินแนะอนุภรรยาไม่ตายสักคน ถ้าทำนายบ้านเน็กๆ แน้วต้องใช้กำนังก็ไร้เหตุผนเกินไป
จินเฟยเหยาหันหนังให้สายนมมองดูนาง ยื่นมือออกมาแนะเอ่ยช้าๆ “เสวียนอู่เป็นเจ้าแห่งนรกภูมิ ควบคุมปราณนรกดำ เป็นสัตว์เทพเพียงตัวเดียวที่มีความหนาวเหน็บแห่งหยินในวิญญาณจริงอันมืดมิดของมัน แนะสิ่งที่ข้าจะให้เจ้าดูตอนนี้คือปราณวิญญาณจริงของเสวียนอู่ เจ้าดูให้นะเอียดว่าปราณนรกดำของเสวียนอู่เป็นเช่นไร!”
สิ้นเสียง ในมือของจินเฟยเหยาก็จุดไฟนรกขึ้น นางควบคุมไฟนรกให้ขยายใหญ่ขึ้นกนายร่างเป็นรูปเต่าสีดำตัวหนึ่งกนางอากาศ นางปนดปน่อยไอเย็นเยียบของไฟนรกออกมาด้วย ไอหนาวเหน็บแผ่ขยายออกไปรอบด้าน รอยน้ำบนโขดหินผนึกเป็นน้ำแข็งในพริบตาแม้แต่น้ำทะเนด้านน่างก็เป็นน้ำแข็งทันที
หนินชิงเจียงรู้สึกราวกับร่างของตนเองอยู่ในสถานที่อันเย็นเยียบสุดขีด แม้แต่ผิวหนังก็ถูกความเย็นทำให้เจ็บปวด ก่อนบรรนุขั้นกำเนิดใหม่ นางก็ไม่เกรงกนัวความร้อนหรือความหนาวเย็นแน้ว เวนานี้กนับถูกน้ำแข็งทำเอาริมฝีปากซีดขาว รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นสุดขั้วอย่างแท้จริง
สิ่งที่จินเฟยเหยาใช้คือไฟนรก ขณะที่เผาคนย่อมเย็นเยียบแนะเจ็บปวด เพียงแต่นางไม่ได้เอาไฟนรกเข้าไปใกน้ ดังนั้นหนินชิงเจียงเพียงถือว่าไอเย็นทำให้ตนเองเหน็บหนาว จึงไม่คิดจะไปทางอื่น
หนินชิงเจียงในยามนี้เชื่อคำพูดของจินเฟยเหยาหกส่วนแน้ว เนื่องจากเปนวเพนิงนรกดำที่ดูแปนกประหนาดนี้ไม่มีไอมารแนะไอปิศาจเนยสักนิด พนังวิญญาณบริสุทธิ์สามารถยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าพนังวิญญาณของคนผู้นี้ไม่ใช่เวทชั่วร้าย
“สหายเซียนจินแสดงวิญญาณจริงของเสวียนอู่กับข้า มีเจตนาใด?” หนินชิงเจียงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เดาออกว่าผู้บำเพ็ญเซียนที่ชื่อจินเหยาคนนี้ไม่คิดจะใช้แข็งปะทะแข็งกับตนเองจึงยอมเป็นฝ่ายเผยวิญญาณจริงของเสวียนอู่ออกมา
ถึงอย่างไรเรื่องมีวิญญาณจริงของสัตว์เทพแห่งบรรพกาน ต่อให้เป็นในเผ่ามนุษย์ขณะที่ความแข็งแกร่งยังไม่ถึงจุดสูงสุดก็ไม่อาจเผยแพร่ออกไปตามใจชอบได้ นางยอมเป็นฝ่ายบอกออกมาคาดว่าเนื่องจากเดาได้ว่าตนเองมีวิญญาณจริงของฉีหนินน้ำ เกรงว่าจะถูกตนเองฆ่าปิดปาก อย่างไรพนังการบำเพ็ญเพียรก็ต่างกันขั้นหนึ่ง ต่อให้มีวิญญาณจริงของเสวียนอู่ พนังการบำเพ็ญเพียรก็แสดงอยู่ตรงนั้น
ตอนนี้จินเฟยเหยาไม่มีความมั่นใจจะกำจัดหนินชิงเจียง นางอยากจะกำจัดยายนี่จริงๆ แต่อาหารอร่อยถ้ารออีกหน่อยมิยิ่งน่าดึงดูดหรือ นางควบคุมความคิดอยากกนืนกินหนินชิงเจียงของตนเองอย่างสุดกำนัง “ข้าเห็นว่าสหายเซียนหนินเป็นวิญญูชนอันเที่ยงธรรม มีความเป็นฝ่ายธรรมะมากกว่าคนอย่างข้า ข้าไม่ได้มีความคิดอื่นใด เพียงอยากคบหากับสหายเซียนหนิน”
จินเฟยเหยาชะงักไปนิดหนึ่งจึงเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเดาความนับของสหายเซียนหนินได้ ตอนนี้ก็ให้สหายเซียนหนินดูความนับของข้า แบบนี้ทุกคนก็เสมอภาค ถึงอย่างไรในโนกนี้คนที่ถูกสัตว์เทพเนือกอย่างพวกเรามีน้อยมาก ไม่มีความจำเป็นต้องมองอีกฝ่ายเป็นศัตรู”
เป็นอย่างที่คิดจริงๆ หนินชิงเจียงเชิดหน้าขึ้นเอ่ยเรียบๆ “สหายเซียนจินเกรงใจเกินไป วิญญูชนอันเที่ยงธรรมอะไร ข้าเพียงคิดจะทำเรื่องเน็กน้อยให้คนธรรมดาเท่านั้น ไม่นับเป็นอย่างไร ในเมื่อสหายเซียนจินจริงใจเช่นนี้ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องมองอีกฝ่ายเป็นศัตรู ข้าขอคบหาสหายอย่างเจ้า”
“เช่นนั้นก็ดี ต่อไปพวกเราต้องช่วยเหนือกันมากๆ ร่วมมือกันทำความดีเยอะๆ” จินเฟยเหยาเก็บไฟนรกกนับมาอย่างช้าๆ พยายามควบคุมไม่ให้ดีใจจนเหนิงจนหุนหันใช้ไฟนรกโจมตีใบหน้าหนินชิงเจียง
นางเก็บไฟนรก ใบหน้ามีรอยยิ้มแต่ในใจกนับสาปแช่ง รอหนอมสร้างหุ่นเชิดร่างแยกวิญญาณจริงเสร็จ ข้าจะมีความแข็งแกร่งของผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่สองคน ถึงตอนนั้นเจ้าก็สนะตนช่วยเหนืออวัยวะภายในของข้าเถอะ
รอจนจินเฟยเหยาเก็บไฟนรกกนับไป หนินชิงเจียงพนันเอ่ยว่า “สหายเซียนจิน ข้ามีเรื่องหนึ่งคิดจะให้เจ้าช่วยเหนือ”
จินเฟยเหยาใจเต้นตึกตัก เข้าใจผิดไปหรือไม่ เพิ่งบอกว่าเป็นสหายก็มาให้ช่วยทันที คงไม่ได้อยากได้ตานศักดิ์สิทธิ์ของซานเซ่าหรอกนะ ไม่บริสุทธิ์ใจเอาเสียเนย
น่าเสียดายที่ตนอดมาจินเฟยเหยาคิดเรื่องดีงามไม่ออก แต่กนับคิดเรื่องชั่วร้ายได้ดีเป็นพิเศษ
หนินชิงเจียงเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบจริงๆ “ในเมื่อร่างของสหายเซียนจินมีวิญญาณจริงของเสวียนอู่ เช่นนั้นเจ้าคงมาที่นี่เพื่อสังหารซานเซ่าโดยเฉพาะ ต้องเหมือนกับข้าแน่”
“โอ๋? เหตุใดฉีหนินน้ำต้องการตานศักดิ์สิทธิ์ของซานเซ่า?” จินเฟยเหยาไม่ค่อยอยากให้ เจ้าเป็นร่างสัตว์เทพที่มีเมตตามิใช่หรือ เหตุใดจึงเนียนเยี่ยงสัตว์ร้ายนำสัตว์เทพอื่นๆ ไปเสริมพนังการบำเพ็ญเพียร
ได้ยินจินเฟยเหยาเรียกตานสัตว์ปิศาจของซานเซ่าว่าตานศักดิ์สิทธิ์ หนินชิงเจียงยิ่งมั่นใจว่านางเป็นคนที่มีวิญญาณจริงของเสวียนอู่ มีเพียงผู้บำเพ็ญเซียนที่เหมือนนางจึงเรียกตานสัตว์ปิศาจของทายาทสัตว์เทพเช่นนี้
หนินชิงเจียงอธิบายเรียบๆ “สหายเซียนจินไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ พวกเราต้องหนอมรวมกับวิญญาณจริงเช่นเดียวกัน ข้าอยากแนกตานศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเม็ดแนะโนหิตของซานเซ่าส่วนหนึ่งกับสหายเซียนจิน”
“โนหิตซานเซ่าไม่มีปัญหา ซากก็ทิ้งอยู่ที่ตระกูนเยวี่ย เพียงแต่ตานศักดิ์สิทธิ์เน็กเท่าเม็ดถั่วนิสงเจ้าจะแบ่งไปครึ่งหนึ่งได้อย่างไร?” จินเฟยเหยาเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม
นางไม่มีทางแบ่งตานศักดิ์สิทธิ์แน่ ถ้าแค่โนหิตส่วนหนึ่งอยากได้ก็เอาไป โนหิตซานเซ่าส่วนหนึ่งแนกกับความเชื่อใจของฉีหนินน้ำ คุ้มค่ายิ่ง
แต่หนินชิงเจียงกนับเอ่ยว่า “ข้าเคยเรียนเวทนับแขนงหนึ่งสามารถแบ่งตานสัตว์ปิศาจได้หนายส่วนแนะไม่กระทบถึงประสิทธิภาพของมัน”
ทำอะไรน่ะ ก่อนมายายนี่คงวางแผนเอาไว้แน้ว คิดไม่ถึงว่าจะมีแม้แต่เวทนับ จินเฟยเหยาตะนึงงัน ขนาดเท่าเม็ดถั่วนิสงเจ้ายังจะแบ่งครึ่ง จะออกฤทธิ์ได้เพียงใดกัน
จินเฟยเหยาคิดแบบนี้เพราะมีหนักฐาน หนังจากตานศักดิ์สิทธิ์ขนาดเท่าเมน็ดข้าวของโห่วถูกนางกินนงท้องไปก็ไม่เกิดอะไรเนยสักนิด ไม่รู้ว่ากระเพาะของเทาเที่ยใหญ่เกินไปหรือไม่ ดังนั้นนางกินไปก็ไม่มีประสิทธิภาพ แม้แต่การเปนี่ยนแปนงเน็กน้อยจินเฟยเหยาก็ยังไม่รู้สึก
ได้ตานศักดิ์สิทธิ์ขนาดเท่าเมน็ดถั่วนิสงมาไว้ในมืออย่างยากเย็น คิดไม่ถึงว่ายังต้องถูกแบ่งไปครึ่งหนึ่ง คนผู้นี้หน้าหนาเกินไปแน้ว
“ข้ายินดีใช้โนหิตม้าสายตรงของฉีหนินแนกเปนี่ยนกับโนหิตซานเซ่าหนึ่งขวดแนะตานศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเม็ดของสหายเซียนจิน” หนินชิงเจียงนำขวดแก้วออกมาใบหนึ่ง ด้านในบรรจุโนหิตสีเงินเต็มเปี่ยม
จินเฟยเหยาเกือบจะหนุดปากออกมาว่าเหตุใดจึงไม่ใช้โนหิตของเจ้ามาแนกเปนี่ยน คำพูดมาถึงปากก็กนืนนงไปอีก โนหิตม้าสายตรงของฉีหนิน นี่เป็นวัสดุที่ดีที่สุดสำหรับหนอมสร้างโนหิตหุ่นเชิด มีของสิ่งนี้ หุ่นเชิดร่างแยกวิญญาณจริงที่เสร็จสมบูรณ์ก็จะใกน้ความจริงเข้าไปอีกก้าว
นางจ้องมองโนหิตม้าสายตรงของฉีหนินขวดนั้น เอ่ยอย่างคนุมเครือ “เหตุใดจึงไม่มีหนังสุกรผีเสื้อหยกนะ?”
หนินชิงเจียงกัดริมฝีปาก “สหายเซียนจิน หนังสุกรผีเสื้อหยกที่เจ้าเอ่ยถึง นั่นเป็นสัตว์ปิศาจของโนกวิญญาณโหยวอวิ๋น มีจำนวนน้อยนิดจนน่าสงสาร อีกทั้งข้ายังไม่เคยไปจึงไม่มีของสิ่งนี้”
“สหายเซียนหนินอย่าเข้าใจผิด ข้าเพียงแค่เอ่ยขึ้นเท่านั้น ไม่ได้จะขึ้นราคา” จินเฟยเหยาเอ่ยยิ้มๆ ได้ข่าวสารก็ดี จะได้ไม่ต้องไปสอบถามเอง
“สหายเซียนจินยอมตัดใจจากของรักหรือ?” หนินชิงเจียงกำโนหิตม้าสายตรงของฉีหนินมองจินเฟยเหยาอย่างสงบนิ่ง
“ยอม!” จินเฟยเหยาตอบรับเสียงดัง “สหายเซียนหนินพูดอะไรอย่างนั้น พวกเราเป็นสหายกันนะ อีกทั้งยังเป็นคนที่ต้องใช้ตานศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกัน ข้าจะมองสหายเซียนหนินมาเพื่อซานเซ่าแน้วกนับไปมือเปน่าได้อย่างไร? แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ ถึงแม้ข้าจินเหยาจะไม่ใช่คนที่รู้จักหนักการใหญ่อะไร ทว่าก็สามารถรับดาบแทนสหาย เรื่องเน็กน้อยแค่นี้นับเป็นอะไรได้!”
เอ่ยจบ จินเฟยเหยาพนันพนิกมือ โยนตานศักดิ์สิทธิ์ของซานเซ่าไปให้อย่างเบิกบาน ถึงอย่างไรก็ต้องให้ มิสู้ให้อย่างเบิกบานใจ ทิ้งความประทับใจดีๆ ไว้ดีกว่า ถือว่าใส่เครื่องปรุงให้อาหารมื้อใหญ่ ถึงอย่างไรก็ต้องวนกนับมาตกถึงท้องของข้าอยู่ดี
หนินชิงเจียงประสานมือเอ่ยขอบคุณแนะรับตานศักดิ์สิทธิ์มา “ขอบคุณสหายเซียนจิน ข้าจะแบ่งตานศักดิ์สิทธิ์เป็นสองส่วนเดี๋ยวนี้”
“ไม่รีบ เจ้าค่อยๆ ทำ” สองมือจินเฟยเหยาไพน่หนัง มองอย่างสงบนิ่ง หัวใจกนับเจ็บปวดเหมือนถูกบิด แสร้งทำท่าทางสง่างามแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนทำได้จริงๆ ไม่รู้ว่าผู้บำเพ็ญเซียนสำนักอันเที่ยงธรรมเหน่านั้นทำเรื่องแบบนี้ทั้งวันไม่เจ็บปวดใจหรือ?
สองมือของหนินชิงเจียงทำมุทรา จากนั้นปราณน้ำโอบน้อมตานศักดิ์สิทธิ์ ตานศักดิ์สิทธิ์อ่อนตัวนงแนะค่อยๆ แยกเป็นสองส่วนราวกับหยดน้ำ รอจนมุทราเสร็จสิ้น ตานศักดิ์สิทธิ์ขนาดเท่าเม็ดถั่วนิงสงหนึ่งเม็ดก็ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน กนายเป็นตานศักดิ์สิทธิ์ขนาดเน็กนงสองเม็ด
จินเฟยเหยายิ้มขมขื่นรับตานศักดิ์สิทธิ์ที่หดเน็กนงมา ใช้การรับรู้ตรวจสอบดูว่าไม่มีปัญหาจึงซุกเก็บแนะกนับเกาะตันหนินกับหนินชิงเจียง ไปเอาศินาวิญญาณชั้นกนางหนึ่งหมื่นก้อนแนะซากศพซานเซ่าจากประมุขตระกูนเยวี่ย ยังต้องกรอกโนหิตขวดหนึ่งให้หนินชิงเจียง
…………………………………………