คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 309 ตำนานของกบ
คนทั้งสองกลับไปถึงตระกูลเยวี่ย ประมุขตระกูลเยวี่ยยังเฝ้าซากศพซานเซ่าอย่างสัตย์ซื่อ เห็นพวกนางสองคนกลับมาโดยไม่บุบสลาย ในใจก็รู้สึกผิดหวังนิดๆ
นึกว่าผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่สองคนจะต่อสู้กันในบริเวณใกล้ๆ ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งตายไป หลังจากคลื่นลมสงบลงแล้วก็สามารถไปค้นหาดูว่าจะได้สิ่งของมีค่าอะไรหรือไม่ ตอนนี้เห็นคนทั้งสองไม่ได้ต่อสู้กัน น่าเสียดาย
มองหลินชิงเจียงกรอกโลหิตซานเซ่าขวดหนึ่ง จินเฟยเหยามองพินิจซานเซ่าตัวนี้ เจ้านี่ไร้ประโยชน์จริงๆ ใช้ไม่ได้สักอย่าง ดังนั้นจึงทิ้งไว้ให้ประมุขตระกูลเยวี่ย
ประมุขตระกูลเยวี่ยยินดีอย่างยิ่ง ถึงแม้ซานเซ่าตัวนี้ไม่มีวัตถุดิบอะไร ทว่าเอาเครื่องในไปตากแห้งสามารถวางไว้ในห้องโถงแสดงอานุภาพตระกูลตนเองได้ อย่างไรก็ถือเป็นสัตว์ปิศาจขั้นแปด ตอนสี่เหนียงแต่งงานจะให้แขกที่มาร่วมงานชมดูว่าตระกูลของตนเองก็มีความสามารถ
จินเฟยเหยาได้ศิลาวิญญาณหนึ่งหมื่นตำลึงไว้ในมือก็เอ่ยถามหลินชิงเจียงด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้สหายเซียนหลินเตรียมไปยังสถานที่ใด?”
“กลับถ้ำเซียนของข้า หมดธุระที่นี่แล้ว ต้องกลับไป” หลินชิงเจียงตอบ
“อ้อ สหายเซียนหลินอาศัยอยู่ที่ใด ข้ายังหาสถานที่อันเหมาะสมสร้างถ้ำเซียนไม่ได้เลย ไม่ทราบว่าสหายเซียนหลินมีที่ใดแนะนำบ้าง รอบเกาะปลาทะเลไม่มีเกาะที่สภาพแวดล้อมดีแล้ว” จินเฟยเหยามองนางแล้วเอ่ยยิ้มๆ
หลินชิงเจียงลังเลนิดหนึ่ง ครุ่นคิดเรื่องอะไรได้จึงเอ่ยว่า “สภาพแวดล้อมรอบนอกเกาะปลาทะเลไม่ค่อยดีจริงๆ นั่นแหละ ตอนนี้ข้าอาศัยอยู่รอบเกาะปาจิ่ง ที่นี่ยังมีเกาะว่างจำนวนมาก เพียงแต่สถานที่ไกลออกไปประมาณหกร้อยหลี่ มีน่านน้ำที่เต็มไปด้วยกุ้งก้ามคมและสัตว์หลิงลี่จำนวนมาก บางครั้งสัตว์หลิงลี่เหล่านี้จะบุกขึ้นมาบนเกาะโดยบังเอิญ ไม่ค่อยสงบนัก”
สัตว์หลิงลี่? เจ้าเป็นดาวนำโชคของข้าจริงๆ!
จินเฟยเหยามองนางอย่างดีใจออกนอกหน้าเอ่ยด้วยรอยยิ้มปลอดโปร่ง “แค่สัตว์หลิงลี่เล็กน้อย ยังไม่สามารถทำอันตรายข้าได้ สหายเซียนหลินก็อาศัยอยู่ใกล้ๆ เกาะปาจิ่ง คาดว่าสัตว์หลิงลี่เหล่านั้นคงพาตัวมาหาถึงที่ เพิ่มรายได้ให้กับสหายเซียนหลิน”
“สหายเซียนจินล้อเล่นแล้ว มีรายได้ที่ไหน สัตว์หลิงลี่มีเพียงเปลือกแข็งบนร่างที่มีประโยชน์สามารถหลอมสร้างสิ่งของจำพวกเกราะได้ ทว่าไม่ค่อยทนทานนัก ถึงแม้เป็นสัตว์ปิศาจขั้นแปด แต่ส่วนใหญ่สัตว์ทะเลชนิดนี้ไม่มีประโยชน์ บนร่างมีวัตถุดิบที่ใช้ได้น้อยนิด” หลินชิงเจียงพูดราวกับไม่พอใจสัตว์หลิงลี่ทำให้จินเฟยเหยารู้สึกไม่เข้าใจอยู่บ้าง หรือว่าแม้แต่คนของโลกวิญญาณชิงหลัวก็ไม่รู้ประโยชน์ของกู่หลิงซิน?
ดังนั้นจินเฟยเหยาจึงเอ่ยว่า “ข้าจำได้ว่าสัตว์หลิงลี่มีศิลากู่หลิงซินอยู่ก้อนหนึ่ง สามารถขายได้ราคาสูงที่โลกวิญญาณอื่นๆ เหตุใดสหายเซียนหลินไม่เอามาขายให้สหายเซียนที่มาจากโลกอื่น”
“กู่หลิงซิน? ของสิ่งนั้นข้านำมาปูลานเรือน ของสิ่งนี้สัตว์หลิงลี่จะเปลี่ยนปีละครั้งสามารถเก็บได้ทั่วไปที่ก้นทะเลรอบเกาะปาจิ่ง ไม่มีประโยชน์ใดเลยสักนิด ก่อนหน้านี้มีคนเคยทำเช่นนี้แต่เนื่องจากไม่มีประโยชน์ อย่างมากที่สุดก็มีผู้บำเพ็ญเซียนซื้อด้วยความสงสัยหนึ่งถึงสองชิ้น ต่อมาก็ไม่มีใครซื้อแล้ว”
คำพูดของหลินชิงเจียงทำให้จินเฟยเหยาตะลึงงันไปชั่วขณะ มีอยู่เต็มไปหมด…
“เช่นนั้นข้าจะไปสร้างถ้ำเซียนรอบเกาะปาจิ่ง ไปทางเดียวกับสหายเซียนหลินพอดี” จินเฟยเหยาตัดสินใจไปอยู่แถวเกาะปาจิ่ง ไม่ต้องเอ่ยว่าสามารถเก็บกู่หลิงซินได้โดยไม่ต้องเสียเงิน แค่หลินชิงเจียงอยู่ใกล้ๆ ถึงกินไม่ได้ แค่ได้กลิ่นทุกวันต่อไปกินแล้วจะยิ่งอร่อย
“พวกเราเดินทางด้วยกันเถอะ” หลินชิงเจียงตกลงอย่างยินดี นางก็มีความคิดของตนเอง นางกำลังค้นหาทายาทสัตว์เทพอื่นๆ บางตัวไม่ใช่สัตว์เทพเล็กๆ ที่จะฆ่าได้อย่างสบายๆ มีสัตว์เทพจำนวนมากที่ทะลวงขั้นเก้าเข้าสู่ขั้นเทพแล้ว
เจ้าพวกนั้นมีปัญญาญาณ สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ ขั้นเทพช่วงต้นใกล้เคียงกับขั้นแปลงจิตของผู้บำเพ็ญเซียน ตนเองเพียงลำพังต่อให้มีความสามารถของวิญญาณจริงฉีหลินน้ำก็ยากจะสู้ชนะเจ้าพวกนั้น ถ้ามีเสวียนอู่ช่วยเหลือ ก็สามารถลงแรงเพียงครึ่งเดียวแต่ได้ผลลัพธ์สองเท่า ถ้าคนผู้นี้ไม่ใช่ชนชั้นมีเมตตา ต่อไปก็สามารถขจัดภัยให้ปวงชนได้ ยิงนัดเดียวได้นกสองตัว
คนทั้งสองคบหาเป็นสหายโดยต่างฝ่ายต่างมีเจตนาร้ายและมุ่งหน้าไปเกาะปาจิ่ง
ผ่านวงเวทส่งตัวสิบเจ็ดเกาะ ทั้งสองก็มาถึงเกาะปาจิ่ง หลินชิงเจียงไม่คิดจะพาจินเฟยเหยาไปถ้ำเซียนของตนเอง เพียงชี้ไปทางตะวันออกและเอ่ยว่า “สหายเซียนจิน ข้าอยู่บนเกาะหลินสุ่ยทางตะวันออก บนเกาะปาจิ่งมีจานทิวทัศน์น้ำของที่นี่ เจ้าเพียงซื้อมาอันหนึ่ง เกาะโดยรอบเกาะปาจิ่งล้วนอยู่ในนั้น ตอนนี้ข้าต้องไปทำธุระนิดหน่อยจึงนำทางให้สหายเซียนจินต่อไม่ได้ รอสหายเซียนจินสร้างถ้ำเซียนเสร็จ จำไว้ว่าต้องส่งยันต์ถ่ายทอดเสียงมาให้ข้าที่เกาะหลินสุ่ย พวกเราติดต่อสื่อสารกันมากๆ หน่อย”
“ไม่มีปัญหา ถ้าสหายเซียนหลินมีธุระก็ไปก่อนเถอะ ข้าจะไปดูเอง” จินเฟยเหยาพยักหน้ารับ
จากนั้นหลินชิงเจียงก็เหยียบโล่ผลึกน้ำชิ้นนั้นไปทางตะวันออก ไม่เหมือนมีธุระต้องไปทำเลยสักนิด ทว่าคิดจะกลับบ้านตนเอง จินเฟยเหยายิ้มแย้มมองดูนางจากไป ขอเพียงอยู่แถบนี้ กลิ่นหอมนี้ก็หนีไม่รอด
“พั่งจื่อ เกาะปาจิ่งดูแล้วไม่ถือว่าคึกคักนะ” จินเฟยเหยาพาพั่งจื่อมาเดินเล่นบนเกาะปาจิ่ง
เทียบกับความคึกคักของเกาะเฟิ่งซิวและเกาะไฉ่อวิ๋นก่อนหน้านี้ เกาะปาจิ่งเงียบเหงาจริงๆ บนลานกว้างมีวงเวทส่งตัวเพียงสองอัน ข้างลานกว้างมีผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานและขั้นฝึกปราณเจ็ดแปดคนนั่งอยู่ ปูหนังสัตว์บนพื้นขายสินค้า สิ่งที่ปูพื้นลานกว้างแห่งนี้ทั้งหมดคือกู่หลิงซินที่ดำขลับที่ถูกเห็นเป็นหินกรวดปูพื้น ว่าไปแล้วก็ใช้งานได้จริง
ร้านรอบลานกว้างทั้งหมดขายยันต์วิญญาณ อาวุธเวท และของวิเศษ มีร้านหนึ่งขายยา วัตถุดิบ และตานสัตว์ปิศาจ ออกจากลานกว้างก็เป็นร้านของคนธรรมดาและที่อยู่อาศัย
“ร้านยา…จะว่าไปข้าไม่ได้กินยานานแล้ว แต่ละครั้งที่เปิดเตาล้วนหลอมยาปีกสวรรค์ให้นกปีกสวรรค์ สมควรหาสูตรยาให้ตนเองและยาสัตว์ที่ทำให้เลื่อนขั้นให้พั่งจื่อ” จินเฟยเหยาอยู่ตรงประตูร้านยา พลันนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้ไปร้านประเภทนี้นานแล้ว
ดังนั้นนางจึงพาพั่งจื่อเดินเข้าร้าน ทว่ายังไม่ถึงครึ่งจิบชานางก็เดินนำพั่งจื่อออกมา ยาระดับสูงที่สุดในร้านแห่งนี้คือยาที่ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานใช้ ไม่มียาระดับสูงขึ้นไป ท่าทางที่นี่จะไม่ค่อยคึกคักจริงๆ
เดินเล่นตามสบาย เกาะอื่นๆ และที่นี่ใกล้เคียงกัน มีผู้บำเพ็ญเซียนน้อยนิด น่าเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด จินเฟยเหยาซื้อจานทิวทัศน์น้ำในร้านขายของชำ ค้นหาเกาะหลินสุ่ยของหลินชิงเจียงทางตะวันออกของจานทิวทัศน์น้ำ มองระยะทางแล้วต้องเหาะสองชั่วยามจึงไปถึง คำนวณดูแล้วไม่ไกลนัก
บนจานทิวทัศน์น้ำทำเครื่องหมายสถานที่ซึ่งสัตว์หลิงลี่ไปมาเป็นพิเศษ เป็นแนวปะการังแถบหนึ่งที่อยู่ห่างจากเกาะหลินสุ่ย ทว่าโดยรอบกลับมีเกาะเล็กๆ ยี่สิบสามสิบเกาะ สถานที่ซึ่งถูกสัตว์ปิศาจขั้นแปดก่อกวนทั้งวันแบบนี้ น่าจะไม่มีผู้บำเพ็ญเซียนคนใดอยากอาศัยอยู่
จินเฟยเหยารู้สึกว่าตนเองยากจนอย่างยิ่ง ส่งตัวครั้งหนึ่งต้องใช้ศิลาวิญญาณชั้นกลางสิบก้อน ถ้าต่อไปไม่มีรายรับก็ลำบากแล้ว มดหนึ่งผลึกใช้ไม่ได้จริงๆ เดือนหนึ่งถ่ายศิลาวิญญาณชั้นกลางออกมาไม่ถึงสิบก้อน ต้องให้ตนเองไปหาศิลาวิญญาณเอง
แผนการของนางคืออาศัยอยู่บนเกาะข้างๆ สัตว์หลิงลี่ ถึงแม้สามารถไปงมกู่หลิงซินในทะเลได้ ทว่าสังหารสัตว์ปิศาจขั้นแปดก็ได้ศิลาวิญญาณไม่น้อย บอกจะทำก็ทำทันที เพิ่งถือจานทิวทัศน์น้ำเดินออกไปไม่กี่ก้าว จินเฟยเหยาก็ย้อนกลับมาเข้าร้านขายของชำอีก
นางไม่มีสิ่งของที่สะดวกสบายอย่างวงเวทเพลิงเตา ฉวยโอกาสนี้ซื้อสักหน่อย ซื้อจนพร้อมสรรพก็เหยียบพรมบินพาพั่งจื่อเหาะไปยังแนวปะการัง
นางใช้เวลาสามชั่วยามจึงมาถึงน่านน้ำริมแนวปะการัง ถ้าบินไปข้างหน้าอีกก็คือถิ่นอาศัยของสัตว์หลิงลี่ อยู่ใกล้มากจริงๆ ด้วย เกาะที่กระจายอยู่แถบนี้ไม่มีใครสักคน ทุกคนไม่อยากอยู่ที่นี่ เงียบสงบจริงๆ
จินเฟยเหยาต้องใช้เกาะลอยได้เพื่อความสะดวก จึงต้องหาเกาะเล็กๆ ที่มีที่ราบกว้างขวาง มีต้นไม้เยอะหน่อยเป็นดีที่สุด สถานที่เช่นนี้หายาก ส่วนมากล้วนเป็นเกาะที่เหมือนภูเขาลูกย่อมๆ วุ่นวายอยู่นานนางจึงพบเกาะที่เหมาะสมแห่งหนึ่ง
จินเฟยเหยาจัดวางเกาะลอยได้ลงบนสถานที่ที่มีชื่อว่าเกาะตงเหลียงในจานทิวทัศน์น้ำ เกาะนี้เหมาะกับนางอย่างยิ่ง คำว่าเหลียงแสดงถึงจิตใจดีงามมิใช่หรือ?
เรื่องต่อมาคือส่งยันต์ถ่ายทอดเสียงให้หลินชิงเจียงก่อน จากนั้นนางก็เริ่มพาพั่งจื่อลงทะเลงมกู่หลิงซิน ไม่มีอะไรทำก็ล่อกู่หลิงซินหลายตัวมาสังหาร อยู่ว่างนอกจากฝึกบำเพ็ญแล้วก็หยอกล้อหัวหุ่นเชิด
สี่สิบสองปีต่อมา
“อ๊บๆ…” บนเอวพั่งจื่อห้อยถุงเฉียนคุน ในมือชูป้ายที่เขียนว่าเกาะปาจิ่งและยื่นศิลาวิญญาณสิบก้อนให้ผู้บำเพ็ญเซียนเฝ้าวงเวท
หลังผู้บำเพ็ญเซียนเฝ้าวงเวทรับศิลาวิญญาณมาก็เอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “พี่กบ วันนี้เก็บเกี่ยวได้เป็นอย่างไรบ้าง? เจ้านายของท่านนี่สบายจริงๆ ให้ท่านออกมาตั้งแผงเอง”
พั่งจื่อค้นในถุงเฉียนคุน หยิบป้ายกว้างสองฝ่ามือชิ้นหนึ่งออกมา บนนั้นเขียนว่า ‘ชีวิตกบช่างขมขื่น เจอเจ้านายเกียจคร้านได้แต่พึ่งพาตนเอง’ พอเห็นระดับความเก่าแก่ของป้ายนี้ก็รู้ว่าใช้บ่อยๆ
จากนั้นพั่งจื่อก็พลิกป้าย ล้วงพู่กันวิญญาณที่เคยดูดหมึกวิญญาณมาเขียนต่อบนป้ายไม้ด้านหลัง
ผู้บำเพ็ญเซียนเฝ้าวงเวทไม่รู้ว่าพั่งจื่ออยากจะพูดอะไรจึงชะโงกหน้าไปมอง หลังจากเขาถูกส่งมาเฝ้าวงเวทส่งตัวที่นี่เมื่อสิบปีก่อนก็พบกับกบสีขาวขนาดใหญ่ตัวนี้ ทุกสิบวันกบสีขาวตัวนี้จะส่งตัวจากเกาะปาจิ่งไปเกาะจ้งเซี่ย เลือกสถานที่แห่งหนึ่งตั้งแผงแบกะดินข้างลานกว้างอย่างคงเส้นคงวา สิ่งที่ขายล้วนเป็นตานสัตว์ปิศาจขั้นแปดหรือพวกหนังและกระดูกสัตว์ทะเล
เนื่องจากเกาะจ้งเซี่ยเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่ง ดังนั้นผู้บำเพ็ญเซียนบนเกาะที่เงียบเหงาจำนวนมากต่างส่งตัวไปตั้งแผงค้าขายที่นั่น เทียบกับเกาะอื่นๆ แล้วขนาดสิ่งของที่ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ใช้สอยก็ซื้อหาได้ที่นี่ ย่อมมีผู้บำเพ็ญเซียนมากมายเป็นธรรมดา คนที่พาสัตว์ภูติไปก็มีเยอะ
ทว่าสัตว์ภูติเพียงหนึ่งเดียวที่ส่งตนเองไปจากนั้นตั้งแผงแบกะดินต่อรองราคาขายสินค้ามีเพียงกบสีขาวแปลกประหลาดตัวนี้
คิดถึงสิบปีก่อนกบตัวนี้เพิ่งมีพลังการบำเพ็ญเพียรขั้นหก ตอนนี้ขั้นเจ็ดแล้ว ผู้บำเพ็ญเซียนคนนี้ส่ายศีรษะอย่างจนใจ เนื่องจากมันเขียนอักษรได้ จะใช้ป้ายต่อรองราคาและพูดจา กลายเป็นทิวทัศน์อันเลื่องชื่อของเกาะจ้งเซี่ยไปแล้ว ผู้บำเพ็ญเซียนที่มาถึงเกาะจ้งเซี่ยล้วนต้องมาชื่นชมกบสีขาวที่มีความเป็นมนุษย์ในตำนาน บางคนสงสัยหนักมากจึงแล่นมาดูโดยเฉพาะ
เทียบกันแล้ว การค้าของกบสีขาวตัวนี้ดีเป็นพิเศษ อีกทั้งบนหัวที่ขาวเนียนนุ่มมีมุกเจ็ดสีทำให้ผู้บำเพ็ญเซียนสตรีชื่นชอบอย่างยิ่ง ทุกครั้งที่มีผู้บำเพ็ญเซียนสตรีโอบกอดเอาเปรียบมันก็จะรู้สึกเหมือนมันหัวเราะอย่างสัปดน
แน่นอนว่านี่เป็นความคิดของผู้บำเพ็ญเซียนคนนี้ เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงมีความรู้สึกเช่นนี้ แต่ก็สลัดความคิดนี้ทิ้งไปไม่ได้
เวลานี้พั่งจื่อเขียนป้ายเสร็จแล้ว ชูขึ้นมาให้เขาดูเงียบๆ ผู้บำเพ็ญเซียนเฝ้าวงเวทก้มหน้าลงมอง เห็นบนป้ายเขียนว่า ‘วันนี้ได้พบผู้บำเพ็ญเซียนสตรีทรงโต ถึงอกถึงใจ’
มาอีกแล้ว…ผู้บำเพ็ญเซียนคนนี้เหงื่อตก หลังจากตนเองรู้จักกับกบสีขาวตัวนี้ โดยพื้นฐานแล้วตอนมันไปแต่ละครั้งล้วนให้คะแนนผู้บำเพ็ญเซียนสตรีที่ซื้อของกับมันทุกครั้ง เจ้าหมาป่าราคะที่ห่มหนังกบตัวนี้!
……………………………………