คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 335 จริงหรือเท็จยากแยกแยะ
ทำอย่างไรจึงสามารถสังหารเขาในกระบวนท่าเดียวแต่ไม่ถูกคนพบเห็นว่าตนเองใช้พลังวิญญาณ จินเฟยเหยาถือทงเทียนหรูอี้มองโจวปินอวิ๋นเงียบๆ
โจวปินอวิ๋นยังค้นหาจินเฟยเหยาไปทั่ว เขาไม่ค่อยได้พบเวทซ่อนกายแบบนี้ ตอนนี้แผ่นหลังโผล่ออกมาข้างนอกใหญ่ขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าน่าขำอย่างยิ่ง
โจวปินอวิ๋นทำมุทราร่ายคาถาปล่อยแสงสีขาวออกไป กระบี่บินที่ลอยอยู่กลางอากาศค่อยๆ หลอมรวมลงในแสงสีขาวอย่างช้าๆ จากนั้นกลายเป็นแสงสีขาวราวกับผ้าคลุมหน้าเบาบางบินไปบินมารอบด้านค้นหาจินเฟยเหยา
ถ้าโจมตีโดน ยันต์ซ่อนกายก็จะหมดฤทธิ์ จินเฟยเหยาหลบแสงกระบี่สีขาวสายนี้เบาๆ ทันใดนั้น โจวปินอวิ๋นพลันเงยหน้าขึ้น สายตามองตรงไปยังสถานที่ซึ่งจินเฟยเหยาอยู่ แสงสีขาวก็พุ่งปราดมา
“แย่แล้ว! ถูกพบเห็น” ถึงอย่างไรก็เป็นผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ ยันต์ซ่อนกายระดับต่ำไปหน่อยจริงๆ
จินเฟยเหยาเหินร่างกระโดด ฉวยโอกาสที่แสงสีขาวยังไม่บินมาเปลี่ยนทงเทียนหรูอี้ให้กลายเป็นมีดบินแล้วซ่อนไว้ในอก ไฟนรกกลับผนึกเป็นผลึกน้ำแข็งโผล่ออกมากลางฝ่ามือกลายเป็นกระบี่ผลึกไฟนรก
กระบี่เพิ่งปรากฏแสงสีขาวก็ทะยานมา พอดีต้านรับไว้ได้ เสียงดังเคร้ง ยันต์ซ่อนกายหมดฤทธิ์ ร่างของจินเฟยเหยาปรากฏออกมา
กระบี่ผลึกไฟนรกในมือต้านทานกระบี่บินที่กลายเป็นแสงสีขาวได้ จากนั้นไฟนรกก็ส่งเสียงดังแกร่กๆ คิดไม่ถึงว่าบนแสงสีขาวจะปรากฏผลึกขึ้นและแผ่ขยายออกไป พริบตาแสงสีขาวก็ถูกกักขังไว้กว่าครึ่ง
โจวปินอวิ๋นรู้สึกว่าการรับรู้ที่ใส่ไว้บนกระบี่เจ็บปวดอย่างรุนแรง เจ็บปวดจนทำให้เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้และรู้สึกได้ว่าการรับรู้ถูกทำร้าย การรับรู้บาดเจ็บไม่อาจเทียบกับกายเนื้อได้ ยาบำรุงการรับรู้ในอาณาจักรหลงเวยมีไม่มาก เขาสร้างความดีความชอบในการรบหลายสิบครั้งจึงได้ยาเช่นนี้มาเพียงสิบเม็ด วันนี้คิดไม่ถึงว่าการรับรู้จะบาดเจ็บที่นี่ จะไม่ทำให้เขาเดือดดาลได้อย่างไร
“กระบี่เล่มนั้นแปลกประหลาด!” โจวปินอวิ๋นสายตาเคร่งเครียด เขาไม่รู้สึกถึงปราณมารจากร่างจินเฟยเหยา เพียงรู้สึกถึงพลังวิญญาณรอบด้าน ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่ากระบี่ผลึกไฟนรกเล่มนั้นต้องมีปัญหาแน่ บางทีอาจจะเป็นของวิเศษล้ำค่าหายาก
เขารีบเก็บกระบี่กลับมาแล้วถ่ายเทพลังวิญญาณทำให้ผลึกบนนั้นแตก
จินเฟยเหยาไม่มีปราณมารเขาย่อมไม่รู้สึกถึงไอมาร ปราณวิญญาณยามนางใช้กระบี่ผลึกไฟนรกอ่อนจางอย่างยิ่งและปะปนกับปราณวิญญาณในลานประลองแล้ว ความประทับใจแรกสำคัญที่สุด พวกเขาเห็นจินเฟยเหยาเป็นคนเผ่ามาร ดังนั้นจึงไม่ได้สังเกตว่าปราณวิญญาณในสนามประลองมีปัญหา อีกทั้งทางเฉินจงเองก็กำลังใช้ปราณวิญญาณ พลังวิญญาณที่แตกต่างกันมารวมอยู่ด้วยกัน ปราณวิญญาณน้อยนิดของจินเฟยเหยาจึงถูกมองข้าม
เขาเป็นผู้บำเพ็ญเซียนที่ฝึกกระบี่เป็นหลัก การได้กระบี่บินดีๆ สักเล่มเป็นสิ่งที่เขาแสวงหามาชั่วชีวิต กระบี่บินชั้นยอดพบได้โดยบังเอิญเท่านั้น แม้แต่ในท้องพระคลังก็มีเพียงสามเล่มและทุกเล่มมีเจ้าของหมดแล้ว แน่นอนว่าเจ้าของของพวกมันไม่ใช่บุคคลจำพวกผู้ฝึกกระบี่อันดับหนึ่งของโลกวิญญาณ ทั้งหมดเป็นพวกองค์ชายและพระนัดดา ถือไว้ในมือก็เปล่งอานุภาพไม่ได้
เป็นไปไม่ได้ที่โจวปินอวิ๋นจะแย่งกระบี่วิญญาณชั้นยอดมาจากมือขององค์ชายและพระนัดดา ยามนี้เห็นกระบี่ผลึกไฟนรกในมือจินเฟยเหยาจึงเกิดความคิดแย่งชิงทันที เพียงแต่มองระดับขั้นของกระบี่เล่มนี้ไม่ออก เขาอดเอ่ยถามไม่ได้ “นี่คือกระบี่อะไร!”
“กระบี่สังหารมังกรหมื่นมารรวมเป็นหนึ่ง ในนี้มีน้ำแข็งหมื่นปี สามารถแช่แข็งทุกสิ่งได้ กระบี่บินชั้นกลางของเจ้าสู้กระบี่สังหารมังกรหมื่นมารรวมเป็นหนึ่งของข้าไม่ได้หรอก กระบี่ของข้าเป็นของวิเศษชั้นเทพ” จินเฟยเหยาหางตาชี้ขึ้น เอ่ยเสียงดังอย่างภาคภูมิ
นางทำอะไรน่ะ! เหตุใดจึงบอกความสามารถของตนเองออกมา! น้ำเสียงนางดังกังวาน ราชันภูติที่อยู่อีกด้านหนึ่งได้ยินอย่างชัดเจน ในใจอดร้อนใจแทนนางไม่ได้ ถ้าบอกความสามารถของตนเองออกมา คือบอกกับผู้อื่นว่าต้องจัดการกับตนเองอย่างไร นี่มิใช่รนหาที่ตายหรือ!
ตอนนี้จินเฟยเหยาจะไม่พูดก็ไม่ได้ นางกำลังคิดจะใช้การสารภาพบอกว่ากระบี่ของตนเองมีความสามารถพิเศษ ขณะต่อสู้นางจะได้แอบใช้พลังวิญญาณและไม่ถูกสงสัย คนที่นี่ยากจนขนาดนี้ต้องไม่เคยเห็นของวิเศษชั้นเทพแน่ แสร้งทำหน่อยน่าจะไม่มีปัญหา
“ของวิเศษชั้นเทพ!” ในใจของโจวปินอวิ๋นตื่นเต้น คิดไม่ถึงว่าจะเป็นของวิเศษชั้นเทพ แต่เขายังสงสัย ของวิเศษมีชั้นเทพด้วยหรือ?
ได้ยินว่าเป็นของวิเศษชั้นเทพ แม้แต่องค์ชายใหญ่และท่านอ๋องจื้อก็หวั่นไหว คิดไม่ถึงว่ากระบี่เล่มนั้นจะเป็นของวิเศษชั้นเทพ แต่พลันรู้สึกแปลกใจขึ้นมา ทาสคนหนึ่งเอาของวิเศษชั้นเทพมาจากที่ใด พูดไปพูดมา สตรีเผ่ามารผู้นี้มาจากที่ใดกันแน่
เวลานี้ซูโม่โม่จับจ้องในลานประลองโดยไม่ส่งเสียงสักแอะแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน นางไม่บอกเรื่องที่จินเฟยเหยาเป็นคนสังหารองค์ชายสามและบอกไม่ได้ว่าแม่ทัพเจิ้นกั๋วมอบให้ ถ้ามีคนวิ่งไปถามคนที่จวนเจิ้นกั๋ว ตนเองมิถูกเปิดโปงหรือ
จินเฟยเหยาเห็นทุกคนตกตะลึงและมีท่าทางละโมบก็กระหยิ่มใจอย่างยิ่ง กระบี่สังหารมังกรหมื่นมารรวมเป็นหนึ่งอะไรกัน ตนเองร้ายกาจจริงๆ พูดเรื่อยเปื่อยก็สร้างของวิเศษออกมาได้ เห็นท่าทางของพวกเขาแล้ว พวกเขาต้องเชื่อแน่ว่านี่เป็นของวิเศษชั้นเทพ อีกเดี๋ยวตอนใช้ไฟนรกจะได้สะดวกยิ่งขึ้น
“มอบกระบี่มาแล้วข้าจะให้เจ้ามีชีวิตรอด แค่ทำให้เจ้าพิการก็พอ” โจวปินอวิ๋นจ้องมองกระบี่ในมือจินเฟยเหยา แล้วเอ่ยอย่างเย็นชา
จินเฟยเหยายกกระบี่ชี้เขาแล้วเอ่ยอย่างบ้าระห่ำ “อาศัยเจ้า? เอาเจ้ามาเซ่นกระบี่ข้าก่อนเถอะ”
“บ้าระห่ำและโง่เขลา!” โจวปินอวิ๋นทำมุทราร่ายเวท กระบี่บินกลายเป็นแสงสีขาวพุ่งมาอีกครั้ง
จินเฟยเหยาถือกระบี่ผลึกไฟนรกทะยานเข้าใส่ ฟันลงบนแสงสีขาวอย่างแรงหนึ่งกระบี่ เห็นกระบี่ผลึกไฟนรกถูกแสงสีขาวโจมตีทำลาย ผลึกกระจายเกลื่อนพื้นนางกลิ้งไปตามพื้น กระบี่ผลึกไฟนรกรวมตัวขึ้นใหม่อีกครั้ง ทว่าเศษผลึกที่ร่วงพื้นเมื่อครู่ยังนอนอยู่บนพื้นดังเดิม นางสู้พลางหนีพลาง กระบี่ผลึกไฟนรกแตกสลายแล้วรวมตัวขึ้นใหม่นับครั้งไม่ถ้วน
ครู่หนึ่งบนพื้นก็เต็มไปด้วยเศษผลึก ส่วนโจวปินอวิ๋นหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง “กระบี่เล่มนี้อยู่ในมือของเจ้าไม่มีอานุภาพเลยสักนิด มิสู้มอบมาไว้ในมือข้าจึงเป็นที่พำนักสุดท้ายของกระบี่นี้”
โจวปินอวิ๋นเห็นกระบี่เล่มนี้แตกสลายได้ง่ายดาย ทว่ากลับสามารถเกิดใหม่ได้นับครั้งไม่ถ้วน ขอเพียงใช้คาถากระบี่เมฆาล่องลอยของตนเองทำให้กระบี่สังหารมังกรหมื่นมารรวมเป็นหนึ่งกลายเป็นแสงสีขาวก็สามารถผนึกคนและทำร้ายการรับรู้ได้ ตกอยู่ในมือของคนเผ่ามารที่ไม่รู้จักสินค้าเช่นนี้ช่างเสียเปล่าโดยแท้!
จินเฟยเหยาทรมานอยู่นานและเหมือนจะหมดเรี่ยวแรงแล้ว ใช้มือข้างหนึ่งยันต้นขาหอบหายใจ โจวปินอวิ๋นเก็บกระบี่บินและเดินมาหานางด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย เท้าเหยียบผลึกบนพื้นดังแกร่กๆ
จินเฟยเหยาหอบหายใจแต่กลับลอบถ่ายทอดเสียงถึงราชันภูติให้เขาล่อเฉินจงมายังสถานที่ที่มีผลึก นางไม่ได้อธิบายว่าเหตุใดต้องล่อมา ทว่าราชันภูติที่ต้านทานเฉินจงในยามนี้ถูกเขาฟันหลายดาบ ทว่าเฉินจงกลับบาดเจ็บเพียงผิวเผิน ดังนั้นเขาจึงทำเป็นสู้ไม่ได้ ค่อยๆ ล่าถอยมาทางสถานที่ที่มีเศษผลึก เฉินจงก็ติดตามมาและเข้ามาในรัศมีของผลึก
เห็นคนทั้งสองเข้ามาในรัศมีของผลึกแล้ว จินเฟยเหยาพลันตะโกนว่า “กระบี่เทพสำแดงวิญญาณ”
ชื่อกระบวนท่าที่นางคิดขึ้นตอนนี้ไม่น่าฟังเลยจริงๆ แต่ก็ดึงความสนใจของทุกคนไว้บนกระบี่ผลึกไฟนรก ขณะที่สายตาของพวกเขามองมา เศษผลึกบนพื้นก็เกาะติดบนเท้า ชั่วพริบตาก็แช่แข็งโจวปินอวิ๋นและเฉินจงไว้ พวกเขาสองคนคิดจะใช้พลังวิญญาณทำให้ผลึกแตกเหมือนเมื่อครู่กลับพบว่าการรับรู้เจ็บปวดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกเจ็บปวดเข้ากระดูกทำให้พลังวิญญาณและการรับรู้ของพวกเขาเชื่องช้า ด้วยความเชื่องช้านี้ผลึกจึงแช่แข็งตัวคนไว้ทั้งหมด
“นิ่งอึ้งทำไม ฆ่าสิ!” จินเฟยเหยาตวาดอย่างมีโทสะ กำมือซ้ายที่ว่างเป็นหมัดต่อยไปบนร่างของโจวปินอวิ๋นที่ถูกแช่แข็ง เสียงร่วงกราว โจวปินอวิ๋นแตกเป็นเสี่ยงๆ กระจายเกลื่อนพื้น เฉินจงก็ถูกราชันภูติใช้ขวานจามลงไปทีหนึ่งจนเศษผลึกสาดกระเซ็นกลายเป็นเศษผลึกเช่นเดียวกัน
ทั่วทั้งลานประลองเงียบกริบ แม้แต่หยางจื่อหยางก็ยืนขึ้น ขมวดคิ้วสีหน้าเขียวคล้ำ แค่ครู่เดียว แม่ทัพขั้นกำเนิดใหม่สองคนที่ผ่านศึกมานับร้อยก็ถูกสังหาร นี่คือแม่ทัพชำนาญศึกของกองทัพ ความสูญเสียนี้ใหญ่หลวงเกินไป
องค์ชายใหญ่ก็ยืนขึ้นทันที เขาคิดไม่ถึงเลยสักนิดว่าแม่ทัพสองคนของตนเองจะมาจบชีวิตที่นี่ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง หยวนอิงล่ะ ขอเพียงหยวนอิงยังอยู่ก็เลือกคนมาชิงร่างก็ได้ แค่เปลี่ยนร่างกายแต่ความแข็งแกร่งยังคงอยู่
ทว่ามองภายในลานประลองจนทั่ว อย่าว่าแต่หยวนอิง แม้แต่จิตวิญญาณดั้งเดิมก็ไม่ปรากฏ ร่างกายและจิตวิญญาณดับสูญจนสิ้น แม้แต่หยวนอิงยังหนีออกมาไม่ได้!
“ของวิเศษชั้นเทพอันร้ายกาจ!” เขาตวาดเสียงเกรี้ยว เขาต้องการกระบี่เล่มนี้ คิดไม่ถึงว่าจะสามารถทำลายหยวนอิงที่หลบหนีได้ในพริบตา ถ้าได้กระบี่เล่มนี้มาความมั่นใจที่จะได้ตำแหน่งฮ่องเต้ก็จะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งส่วน
คิดไม่ถึงว่ากระบี่เล่มนี้จะสังหารแม่ทัพขั้นกำเนิดใหม่สองคนได้สบายๆ ราชันภูติเอ่ยอย่างยินดี “กระบี่เล่มนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ ไม่เสียทีที่เป็นของวิเศษชั้นเทพ มีความสามารถทำลายหยวนอิงได้ด้วย”
เขาอดคิดไม่ได้ว่าถ้ามีของวิเศษชั้นเทพแบบนี้อยู่ต้องเอาชนะหยางจื่อหยางได้แน่นอน
หยางจื่อหยางถือหอกยาวจ้องมองกระบี่ผลึกไฟนรกในมือจินเฟยเหยาอย่างเย็นชา เห็นเศษผลึกที่ร่วงลงมาเหล่านี้ลอยไปยังตัวกระบี่ ครู่หนึ่ง ทั้งหมดก็หายเข้าไปในกระบี่
มุมปากจินเฟยเหยาโค้งขึ้น ดียิ่งนัก ได้หยวนอิงมาอีกสองอัน
เคล็ดวิชาฟ้าดินดับสูญของนางในยามนี้สามารถกลืนกินวิญญาณและหยวนอิงได้แล้ว หยวนอิงของคนทั้งสอง ถูกไฟนรกกลืนกินอยู่ในก้อนผลึกโดยไม่มีแม้แต่โอกาสหนี ตอนนี้อยู่ในมือของจินเฟยเหยา
เวลานี้ขาดเพียงคนที่ถือหอก สายตาของจินเฟยเหยามองหยางจื่อหยาง
“ระวังหน่อย เขาไม่เหมือนผู้บำเพ็ญเซียนคนอื่นๆ เขาต่อสู้ประชิดตัว” ราชันภูติถือขวานยักษ์เข้ามาใกล้จินเฟยเหยาและเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี
“ประชิดตัว? พอดีเลย หนีไปไกลไล่ตามลำบาก” จินเฟยเหยาเอ่ยยิ้มๆ
“ฮึ!” หยางจื่อหยางส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชา พลังวิญญาณปะทุออกมา พริบตาบนร่างก็กลายเป็นม่านแสงสีทอง ม่านแสงส่ายไหวและแนบลงบนร่างอย่างช้าๆ ราวกับมีเยื่อสีทองชั้นหนึ่งติดลงไป
“ร่างเทพวัชระ! ดูสิว่าเจ้าจะสังหารข้าได้อย่างไร!” หยางจื่อหยางร่ำร้อง สะบัดหอกวิญญาณในมือดังหวือๆ กระโดดขึ้นสูงสามสี่จั้งและใช้หัวหอกทิ่มแทงจินเฟยเหยา
ราชันภูติถือขวานยักษ์สะอึกเข้าหา ร้องบอกจินเฟยเหยาเสียงดัง “ระวัง! ร่างเทพวัชระทำให้หอกดาบฟันแทงเขาไม่เข้า คาถาอาคมไม่กล้ำกราย!”
จินเฟยเหยาเห็นเขาคิดจะต้านรับการโจมตีของหยางจื่อหยางอย่างหักโหมก็เหินร่างขึ้นใช้เท้าเตะราชันภูติออกไป โยนกระบี่ไฟนรกลงบนพื้นอย่างบ่งบอกเจตนา แล้วกำหมัดขึ้นร้องตวาดพุ่งร่างเข้าไป ในเมื่อหอกดาบฟันแทงไม่เข้า คาถาอาคมไม่กล้ำกราย เช่นนั้นข้าใช้กำปั้นต่อยเจ้าให้แตกสลายทั้งเป็น!
……………………………….