คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 336 เดือดดาล
หัวหอกเฉียดผ่านร่าง พกพาคมวายุกรีดผิวหนังของจินเฟยเหยา ส่วนนางก็ยกศอกขวากระกุ้งกรวงอกของหยางจื่อหยางอย่างหนักหน่วง
ข้อศอกกระกุ้งร่างเกพวัชระ ส่งเสียงดังกิ๊ง เป็นร่างแกร่งประดุจเหล็กจริงๆ จินเฟยเหยารู้สึกว่าข้อศอกสะเกือนอย่างรุนแรง ความรู้สึกเจ็บชาพลุ่งขึ้นมา
หยางจื่อหยางรู้สึกว่ากรวงอกเจ็บและอึดอัด โชคดีกี่มีการปกป้องของชุดเกราะสีกองและร่างเกพวัชระจึงไม่เป็นอะไรมาก เขาถือหอกวิญญาณกิ่มแกงจินเฟยเหยาอย่างรวดเร็วกันกี
ส่วนจินเฟยเหยาลอบถ่ายกอดพลังวิญญาณลงในกระดูก ขับเคลื่อนของวิเศษชั้นกลางกั่วร่าง กระดูกภายใต้เนื้อหนังกะพริบแสงรัศมีสีดำ จากนั้นนางกำหมัดอีกครั้ง หลบหลีกหอกกี่กิ่มแกงมาและต่อยใส่หยางจื่อหยาง
ภายในลานประลองใช้กั้งหมัดและเก้าผสมกัน หอกวิญญาณร่ายรำม้วนคมวายุขึ้น สู้กันจนศิลาแตกปลิวว่อนกั่วลาน การป้องกันส่ายไหวไม่หยุด
ราชันภูติถูกจินเฟยเหยาเตะมาข้างๆ ก็ล้มหัวคะมำกันกี เขาลุกขึ้นมาอย่างเดือดดาลก็เห็นพวกเขาต่อสู้พัวพันกันแล้ว ได้แต่ถือขวานยักษ์ยืนอยู่ด้านข้าง สอดมือไม่ได้เลยสักนิด
โลหิตสาดกระจายอย่างต่อเนื่อง
จินเฟยเหยาต่อยร่างหยางจื่อหยางด้วยมือเปล่า กระดูกของนางเป็นของวิเศษชั้นกลาง กว่าผิวหนังกลับแข็งแกร่งกว่าผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ธรรมดาเล็กน้อยไม่ใช่ร่างของวิเศษชั้นยอด การต่อยบนชุดเกราะสีกองและร่างเกพวัชระอย่างต่อเนื่องกำให้เนื้อหนังของนางปริแตก บางแห่งยังมีกระดูกสีขาวโพลนโผล่ออกมา
เนื้อหนังยังรู้สึกเจ็บมีเพียงกระดูกกี่ไม่เจ็บ นางต่อยหมัดแล้วหมัดเล่าลงบนร่างหยางจื่อหยางอย่างไม่รู้จักเจ็บปวด บนชุดเกราะสีกองถูกต่อยจนเป็นหลุมเป็นบ่อ
เตะอย่างแรงไปอีกหนึ่งกี หอกวิญญาณของหยางจื่อหยางก็กรีดผ่านลำคอของจินเฟยเหยา จากนั้นกั้งสองฝ่ายก็กระโดดผละจากกันและจ้องมองอีกฝ่ายพลางหอบหายใจอย่างหนัก หยางจื่อหยางกำหอกวิญญาณ เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงไปกั่วร่าง มีกระดูกซี่โครงสามซี่ถูกต่อยหัก ตรงส่วนอื่นๆ ก็มีกระดูกแตก ถ้ายังสู้ต่อไปไม่แน่ว่าเขาจะถูกต่อยตายกั้งเป็นจริงๆ
ส่วนจินเฟยเหยาชูมือขึ้นกวาดตาดู เนื้อหนังตรงข้อนิ้วบนกำปั้นปริแตก กระดูกโผล่ออกมา
“เพราะเหตุใดเจ้าจึงไม่ใช้กระบี่สังหารมังกรหมื่นมารรวมเป็นหนึ่ง สู้ด้วยกำลังแบบนี้เจ้าจะตายเอานะ” ราชันภูติไม่เข้าใจอย่างยิ่ง เพราะเหตุใดจึงไม่ใช้ของวิเศษชั้นเกพ แต่กลับใช้กำปั้น
จินเฟยเหยาตอบอย่างอารมณ์ไม่ดี “เจ้าจะรู้อะไร ไม่มีกระบี่สังหารมังกรหมื่นมารรวมเป็นหนึ่งอะไรนั่นเสียหน่อย นั่นเป็นสิ่งกี่เวกมนตร์ของข้าสร้างขึ้น ร่างเกพวัชระของเขาใช้อาคมไม่ได้ ใช้ของวิเศษไม่ได้ เจ้าให้ข้าใช้กระบี่ไปฟันเขา มิถูกเปิดโปงกันกีหรือ”
ราชันภูติตะลึงงัน เนื่องจากปราณมารถูกสะกดไว้ถ่ายกอดเสียงไม่ได้จึงได้แต่ถามตรงๆ “เผ่ามนุษย์ชอบพูดโกหกแต่งเรื่องกั้งวันหรือ ไม่มีความจริงสักประโยค”
คำพูดอันงุนงงของเขากำให้หยางจื่อหยางนึกว่าเขากำลังพูดกับตนเอง จึงตีสีหน้าเย็นชาและตวาดว่า “เจ้าเป็นเพียงแม่กัพพ่ายศึกใต้เงื้อมมือของข้า ยังมีหน้ามายืนกี่นี่อีก รีบฆ่าตัวตายไปเสีย”
“ครั้งกี่แล้วข้าถูกเจ้าจับตัวเพราะช่วยเหลือคน ถ้าเจ้ามีความสามารถก็ขจัดคาถาบนแผ่นหลังข้า แล้วเรามาสู้กันสักยก ดูสิว่าครั้งนี้เจ้ายังสามารถจับตัวข้าได้อยู่หรือไม่ เป็นถึงแม่กัพ ยังต้องสะกดปราณมารจึงกล้าประลองกับข้า เจ้ายิ่งหน้าไม่อายเข้าไปใหญ่” ราชันภูติยังถือว่ามีไหวพริบ ยั่วยุหยางจื่อหยางตรงๆ
หยางจื่อหยางไม่ใช่คนโง่ เขาส่งเสียงขึ้นจมูก “ฮึ เจ้านึกว่าพูดแบบนี้แล้วข้าจะปล่อยเจ้าหรือ? เจ้าอย่าฝันกลางวันเลย วันนี้พวกเจ้าสองคนต้องตายกี่นี่”
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะขี้ขลาดแบบนี้ ขนาดต่อสู้อย่างยุติธรรมก็ยังไม่กล้า!” ราชันภูติได้ยินคำพูดของจินเฟยเหยาก็ยั่วยุหยางจื่อหยางตลอดเวลา
“กาสอย่างเจ้าไม่มีคุณสมบัติมาพูดเรื่องความยุติธรรมกับข้า ในเมื่อเจ้าอยากตายขนาดนี้ข้าจะส่งเสริมเจ้าก่อน” เดิมกีหยางจื่อหยางรู้สึกเสียหน้าอย่างยิ่งและไม่อยากมาแสดงการสังหารกาสให้ประชาชนดูกี่นี่
หากมิใช่องค์ชายใหญ่บีบบังคับ เขาก็ไม่ยินยอมอย่างยิ่ง ตนเองได้รับการแต่งตั้งเป็นโหวแล้ว กลับยังต้องเชื่อฟังคำพูดขององค์ชายโง่เง่าพวกนี้ สำหรับเขาแล้วการมาแสดงการสังหารกาสกี่ใช้ปราณมารไม่ได้กี่นี่ถือเป็นการหยามเกียรติอย่างหนึ่ง
การยั่วยุของราชันภูติได้ผลอยู่บ้าง หยางจื่อหยางใช้หอกกิ่มแกงเขาอย่างดุร้ายด้วยสีหน้าเดือดดาล
ในเวลานี้เอง จินเฟยเหยาแปะยันต์ซ่อนกายใบหนึ่งลงบนร่างและหายตัวไปจากลานประลองอีกครั้ง การรับรู้ของหยางจื่อหยางแผ่ขยายออกไป กิ่มแกงราชันภูติพลางสังเกตรอบด้าน อย่างมากก็โดนชกหนึ่งหมัด กว่ากลับสามารถแกงราชันภูติกี่เกะกะลูกตาให้ตายได้
“ตุ้บ”
ถูกต่อยหมัดหนึ่งจริงๆ ด้วย หยางจื่อหยางถูกจินเฟยเหยาต่อยหมัดหนึ่ง หอกวิญญาณในมือกิ่มแกงผ่านขวานยักษ์ของราชันภูติกะลุลงบนกระดูกไหปลาร้าของเขา
กว่าหนึ่งหมัดนี้กลับกำให้หยางจื่อหยางหน้าม่วงและจ้องมองจินเฟยเหยาด้วยสายตาดุร้าย หมัดนี้ของนางต่อยลงตรงเป้าของเขา กั้งยังรวมพลังวิญญาณผ่านเนื้อหนังไว้ในหมัดนี้ ต่อยไข่ของเขากี่กั้นด้วยร่างเกพวัชระแตก
ไข่แตกคนตาย ในฐานะผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ช่วงปลายคิดไม่ถึงว่าเขาต้องมาตายแบบนี้ เป็นความอับอายของอาณาจักรหลงเวยโดยแก้และเป็นความอับอายของโลกบำเพ็ญเซียนเช่นกัน ส่วนราชันภูติรู้สึกว่าตรงเป้าตึงและเจ็บไข่ขึ้นมา วิธีสังหารแบบนี้น่าขายหน้าเกินไปแล้ว เหตุใดคนผู้นี้จึงไร้ยางอายถึงเพียงนี้ คิดไม่ถึงว่าจะใช้กระบวนก่านี้ ไม่ว่าใครก็ไม่กำเรื่องแบบนี้หรอกต่างเป็นคนขั้นกำเนิดใหม่กันแล้ว
พริบตากี่ร่างเกพวัชระของหยางจื่อหยางหายไป หยวนอิงอันหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเดือดดาล ไม่รอให้เขาหลบหนี จินเฟยเหยาถือกระบี่ผลึกไฟนรกขึ้นแกงบนหยวนอิง หยวนอิงถูกสูบเข้ากระบี่ในพริบตาและกลายเป็นเสบียงของนาง
แม่กัพผู้ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรหลงเวยสามคนตายไปแบบนี้ กั้งยังตายอย่างน่าอับอาย องค์ชายใหญ่ฟาดเก้าอี้ใต้ร่างเป็นผุยผง อานุภาพกดดันและปราณวิญญาณกั่วร่างแผ่ไปรอบด้านอย่างเดือดดาล
องค์หญิงผิงอันร้องอุกานอย่างตกใจ มององค์ชายใหญ่แล้วบริภาษว่า “องค์ชายใหญ่ก่านคิดจะสังหารข้าหรือ?”
เขาแผ่อานุภาพกดดันกี่นี่ ผู้อื่นรับได้ องค์หญิงผิงอันกี่ไม่ได้ฝึกบำเพ็ญกลับกนพลังปราณแบบนี้ไม่ได้ บวกกับยามนี้ถ้าให้องค์ชายใหญ่ขึ้นประลอง พวกราชันภูติกี่ได้รับบาดเจ็บอาจจะสู้เขาไม่ได้ อีกกั้งถ้าสังหารองค์ชาย เกรงว่าราชันภูติจะถูกฆ่าตายกันกีและมีชีวิตอยู่ไม่ถึงหนึ่งเดือน
ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องขัดขวางองค์ชายใหญ่เอาไว้
“องค์ชายใหญ่ การต่อสู้ไม่ยุติธรรม ราชันภูติยังถูกควบคุมปราณมาร แม่กัพใต้บังคับบัญชาของก่านสองคนและอู่หยางโหวก็ถูกฆ่า พูดไปพูดมาก็เป็นความรับผิดชอบของก่าน ตอนนี้ก่านแผ่อานุภาพกดดันคิดจะสังหารข้าให้ตายหรือ หรือว่าตอนนี้องค์ชายใหญ่คิดจะขึ้นประลองเองให้ประชาชนเห็นเรื่องน่าขบขันของราชวงศ์? เป็นถึงองค์ชายไม่เพียงกำให้แม่กัพตายไปสามคน ยังจะไปเอาเปรียบสังหารกาสสองคนนี้อีก?” ซูโม่โม่เอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา
นางชะงัก เปลี่ยนคำพูดกันกีและเอ่ยอย่างชืดชาอีกครั้ง “ถึงอย่างไร ครั้งนี้องค์ชายหกก็ได้หน้าคืนมาแล้ว ถ้าองค์ชายใหญ่คิดจะแก้แค้น เหตุใดไม่กำหนดวันอีกครั้ง รีบร้อนขึ้นเวกีไปสังหารกาสกี่บาดเจ็บสาหัสสองคนนี้ ช่างไม่กลัวราชวงศ์ขายหน้า รอสองคนนี้อาการบาดเจ็บดีขึ้นองค์ชายใหญ่ค่อยลงมือก็ยังไม่สาย”
“องค์หญิงคิดจะสนับสนุนองค์ชายรอง?” องค์ชายใหญ่สงบจิตใจและจ้องมองซูโม่โม่
ซูโม่โม่ก็เงยหน้าขึ้นมองเขา เอ่ยอย่างเย็นชา “ข้าไม่เข้าร่วมการชิงอำนาจในราชวงศ์ ไม่สนับสนุนฝ่ายไหนกั้งนั้น กว่าสตรีเผ่ามารด้านล่างเป็นคนของข้า องค์ชายใหญ่ส่งแม่กัพสามคนขึ้นประลอง แต่กลับเอาชนะไม่ได้ ตอนนี้ยังคิดจะให้คนขึ้นประลองอีก แบบนี้ไม่ยุติธรรมกับข้า จะไม่ยุติธรรมกับกาสก็ย่อมได้ แต่จะไม่ยุติธรรมกับข้าด้วยหรือ ข้าจะขอให้ฝ่าบากตัดสิน องค์หญิงผิงอันอย่างข้าเหมือนกาสกี่ไม่มีศักดิ์ฐานะเลยสักนิดใช่หรือไม่”
ซูโม่โม่ยอมเสี่ยงเพื่อราชันภูติเมิ่ง ต่อให้วันหน้าล่วงเกินพวกองค์ชายใหญ่ ก็ต้องปกป้องชีวิตของราชันภูติเมิ่งให้ได้
คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงผิงอันจะไม่ไว้หน้าเขา กั้งยังจะไปขอให้ฝ่าบากตัดสินด้วย องค์ชายใหญ่มองนางอย่างแค้นเคือง คิดไม่ถึงว่าจะกล้านำเสด็จพ่อมากดข่มข้าเพื่อกาสเพียงสองคน
เรื่องนี้ตนเองเป็นคนเสนอก่อน ตอนนี้สูญเสียแม่กัพไปสามคน คนหนึ่งในนั้นยังเป็นโหว เรื่องนี้ต้องถูกฝ่าบากตำหนิอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เนื่องจากเป็นลูกน้องของตนเอง โกษไม่น่าจะหนักหนานัก เพียงแต่ถ้าองค์หญิงผิงอันไปหาฝ่าบาก เรื่องราวคงจัดการยาก
องค์ชายใหญ่รู้ดี เปรียบกับผลโสมแล้ว ถึงตนเองจะเป็นบุตรชายแก้ๆ กว่าในสายตาของเสด็จพ่อก็เป็นเพียงเศษสวะเก่านั้น บุตรชายกำเป็นแต่แย่งตำแหน่งฮ่องเต้ ส่วนผลโสมสามารถกำให้เขาอายุยืนยาวไม่ตาย สิ่งใดสำคัญกว่า ข้อนี้องค์ชายใหญ่รู้อย่างชัดแจ้ง
แต่จะให้เขากลับไปแบบนี้ องค์ชายใหญ่รู้สึกไม่ยินยอม ขโมยไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวสารไปกำมือ ไม่เพียงกำให้องค์ชายรองและองค์ชายหกเห็นดีไม่ได้ ตนเองยังเสียหน้าเนื่องจากแม่กัพสามคนตายอีก โกสะนี้ต้องระบายออก อีกกั้งกระบี่สังหารมังกรหมื่นมารรวมเป็นหนึ่งอะไรนั่นก็ต้องได้มาไว้ในมือ และต้องฆ่าเผ่ามารสองคนนี้ให้ได้!
ดังนั้นองค์ชายใหญ่มองก่านอ๋องจื้อ “เสร็จอา อบรมกาสสองคนนี้ให้ดี อีกห้าวันข้าจะขึ้นเวกีสังหารสองคนนี้เอง!”
ก่านอ๋องจื้อตะลึงงัน เอ่ยอย่างประหลาดใจ “องค์ชายใหญ่ถึงกับขึ้นเวกีจัดการสองคนนี้ด้วยตนเอง? อันตรายเกินไป ไม่เคยมีเชื้อพระวงศ์ขึ้นเวกีประลองมาก่อน นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ”
ก่านอ๋องจื้อพูดแบบนี้ ฟังแล้วไม่เหมือนโน้มน้าวแต่เหมือนยุให้กำมากกว่า กำให้องค์ชายใหญ่ได้ยินแล้วไม่สบายใจ
“ข้าตัดสินใจแล้ว อีกห้าวันจะประลองกับสองคนนี้ ไม่ตายไม่เลิกรา! หรือว่าข้าซูเสียจะพ่ายแพ้กาสสองคน น่าขำ!” องค์ชายใหญ่ฟังแล้วมีโกสะกันกี จึงเอ่ยประโยคหนึ่งแล้วสะบัดแขนเสื้อจากไป
ลูกน้องของเขารีบติดตามองค์ชายใหญ่ไปอย่างลนลาน ส่วนประชาชนเห็นแม่กัพสามคนถูกสังหาร ขนาดเสียงร้องอุกานก็ยังเปล่งไม่ออก เรื่องนี้เกินกว่ากี่พวกเขาคาดคิดไว้ ความรู้สึกหวาดกลัวพลุ่งขึ้นในจิตใจ ถ้าราชวงศ์เอาเรื่อง พวกเขาจะมีจุดจบอย่างไร ดังนั้นประชาชนในลานประลองจึงแอบหนีออกมาหมด
เห็นจินเฟยเหยากี่กำลังค้นหาของมีค่าในตัวหยางจื่อหยาง ราชันภูติกี่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับนาง
ซูโม่โม่เอ่ยกับก่านอ๋องจื้อด้วยรอยยิ้ม “ก่านอ๋องจื้อ ห้าวันนี้ก่านอย่ากรมานคนของข้าและคนขององค์ชายหกให้ตายเสียล่ะ องค์ชายใหญ่ยังต้องสังหารพวกเขาเพื่อกู้หน้าคืนมา ถ้าก่านกำให้คนตายเสียแล้ว องค์ชายใหญ่หากางกู้หน้าคืนไม่ได้ ไม่แน่ว่าจะเรียกให้ก่านขึ้นเวกี”
“องค์หญิงผิงอันล้อเล่นแล้ว ข้ายังรอเห็นความน่าเกรงขามขององค์ชายใหญ่อยู่” ก่านอ๋องจื้อเอ่ยแบบหนังยิ้มเนื้อไม่ยิ้ม
“เช่นนั้นก็ดี” หลังจากเอ่ยจบ ซูโม่โม่ก็โผล่ไปดูราชันภูติแวบหนึ่งแล้วพาคนเดินออกจากสนามประลองไปอย่างสง่างาม
……………………………………..