คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 339 ไม่ใช่ไม่อยากไป
องค์ชายใหญ่เห็นภูเขาสองลูกปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ รีบตะโกนว่า “กระบวนทัพกระดองเต่า!”
ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมชูโล่ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ประกอบเข้าด้วยกันและคุ้มกันองค์ชายใหญ่ไว้ตรงกลาง จากนั้นถ ถ่ายเทพลังวิญญาณลงบนโล่และยกขึ้นเหนือศีรษะคิดจะรับยอดเขาที่เปลี่ยนมาจากทงเทียนหรูอี้
ทงเทียนหรูอี้ร่วงลงมาดังตูมทับบนกระบวนทัพกระดองเต่าอย่างแน่นหนา ส่วนกระบวนทัพกระดองเต่ากลับเปล่งแสงสีทอ องส่องประกายวิบวับภายใต้ภูเขาทงเทียนหรูอี้อันโปร่งใส สองฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่กัน คิดไม่ถึงว่าทงเที ยนหรูอี้จะถูกพลังของกระบวนทัพกระดองเต่าผลักขึ้นอย่างช้าๆ
“ร่วง!” จินเฟยเหยากัดฟัน ถ่ายเทพลังวิญญาณลงในทงเทียนหรูอี้ ร่างกลายเป็นไฟนรกในพริบตา พุ่งเข้ามา โยนพวก องค์ชายใหญ่เข้าในกองเพลิง
ไฟนรกถูกสกัดกั้นไว้นอกกระบวนทัพกระดองเต่า ส่วนองค์ชายใหญ่กลับยกคันธนูขึ้นยิงทงเทียนหรูอี้ ทงเทียนหรูอี ถูกระเบิดขึ้นด้านบนสูงหนึ่งจั้งกว่า จากนั้นก็ร่วงลงมาอีกครั้ง
“ทะเลเพลิงนรก!” เห็นไฟนรกโจมตีเข้าไปไม่ได้ จินเฟยเหยาแอบร้องในใจ ไฟนรกก็หายไปทั้งหมดทันที จินเฟยเหยากลับ เหินร่างกลับมา
ต่อมาเห็นความมืดมิดแผ่ขยายออกมาจากใต้เท้าของนาง พื้นลานประลองทั้งหมดจมลงสู่ความอนธการ ราชันภูติยืนขมวดคิ้ว อยู่ในความมืด สายตามองไปยังจินเฟยเหยาที่กำลังทำมุทราร่ายเวท
จินเฟยเหยาเหล่มองเขาแวบหนึ่งอย่างรวดเร็ว เห็นเขายังยืนอยู่ในความมืดจึงถ่ายทอดเสียงไปด่าทอทันที “ตะลึงทำไ ไม! รีบออกไปเสีย ที่นี่มอบให้ข้า เจ้าไปก่อกบฏเถอะ”
ราชันภูติชะงัก มือถือขวานมารพุ่งไปยังการป้องกัน โจมตีการป้องกันทั้งหมดแตกละเอียดเสียงดังสนั่น ไม่เสียทีที่เป ป็นชนชั้นสูงในเผ่ามาร คุณสมบัติไม่เลวจริงๆ เคล็ดวิชาก็ย่ำแย่และมีเพียงอาวุธเวทแก่นชีวิตชิ้นเดียว คิดไม่ถึง ว่าจะมีอานุภาพไม่เบา
การป้องกันถูกโจมตีทำลาย เสียงตกใจกลัวของเผ่ามนุษย์ดังขึ้นไม่หยุด ทุกคนล้วนแย่งชิงกันออกไปข้างนอก ถ้าไม่ได้ถ ถูกคนเผ่ามารฟันตายก็ต้องถูกคนด้วยกันเองเหยียบตาย
“ท่านอ๋องจื้อ ตอนนี้จะทำอย่างไรดี!” องครักษ์ของท่านอ๋องจื้อถามอย่างร้อนใจอยู่บนอัฒจันทร์
ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องจื้อเห็นความวุ่นวายด้านล่างก็ยังไม่ร้อนใจเนื่องจากมีการป้องกันอยู่ ต่อให้ความเคลื่อนไหวของพ พวกเขาใหญ่โตกว่านี้ก็หนีออกมาไม่ได้ ทาสก่อความวุ่นวายเล็กน้อยไม่มีผลประทบมากนัก พลังการบำเพ็ญเพียรต่ำเกินไป ป ส่งคนไปหน่อยก็สามารถยับยั้งได้
ทว่าตอนนี้เห็นราชันภูติทำลายการป้องกันและทะยานออกมา ท่านอ๋องจื้อเป็นคนแรกที่วิ่งหนี “คุ้มครองฮ่องเต้! รีบ คุ้มกันข้าไปจากที่นี่!”
ไม่รู้ว่าเขามีพลังบำเพ็ญเพียรขั้นกำเนิดใหม่เพราะฝึกแต่สมองใช่หรือไม่ นอกจากวางแผนทำร้ายคนอื่นด้วยวิธีคดโกง งแล้ว เจออันตรายนิดหน่อยก็ไม่กล้าลงมือ มีพลังบำเพ็ญเพียรสูสีกับราชันภูติชัดๆ กลับเอาแต่วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนไม ม่คิดจะออกต้านศึกเลยสักนิด
ท่านอ๋องจื้อหลบหนีไปอย่างเร่งร้อนภายใต้การคุ้มกันขององครักษ์ ราชันภูติทะยานออกจากการป้องกันก็ตรงเข้าหาเขา สังหารประชาชนเผ่ามนุษย์ไม่มีประโยชน์ต่อพวกเขา สังหารเชื้อพระวงศ์จึงสั่นคลอนรากฐานของเผ่ามนุษย์ คนเผ่ามารทั้ง ฆ่าทั้งฟันไล่ตามท่านอ๋องจื้อออกจากลานประลองและตรงไปยังจวนที่พักของขุนนางระดับสูงแต่ละแห่ง
องค์ชายใหญ่ยังอยู่ในวงเวทกระดองเต่า ภูเขาทงเทียนหรูอี้ด้านบนรวมเป็นภูเขาลูกเดียวกดทับเขาอย่างหนักหน่วง งจนเงยหน้าขึ้นไม่ได้ ใต้เท้ากลับเป็นความมืดมิด ในนั้นมีมือสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนยื่นออกมาล้วงเข้าไปในร่างแล้ว วค่อยดึงจิตวิญญาณดั้งเดิมของพวกเขา
การป้องกันของกระบวนทัพกระดองเต่าแข็งแกร่งแน่นหนามาก แต่กลับมีข้อเสียอย่างหนึ่งคือด้านล่างค่อนข้างอ่อนแอ ปกติม มีคนน้อยมากที่จะโจมตีจากด้านล่าง ตอนนี้ถูกทะเลเพลิงนรกของจินเฟยเหยาเจาะช่องว่าง กลับขุดหลุมฝังตนเอง คิดจะหน นีก็ยากแล้ว
ลากจิตวิญญาณดั้งเดิมของผู้บำเพ็ญเซียนนับร้อยคนออกมาในคราวเดียวทำให้จินเฟยเหยารู้สึกกินแรงอย่างยิ่ง สิ้นเป ปลืองพลังวิญญาณและการรับรู้มากผิดปกติทำเอานางไม่มีเวลาว่างแม้แต่จะโยนพั่งจื่อและหวาหวั่นซีออกมา
“เก็บหมด!” จินเฟยเหยาตวาดเสียงดัง ถ่ายเทพลังวิญญาณทั่วร่างลงในไฟนรก ประสิทธิภาพการป้องกันของกระบวนทัพกระดอ องเต่าพลันอ่อนแอ ทงเทียนหรูอี้กดทับลงมาดังตูม
พริบตา โลหิตสดไหลนองออกมาจากใต้ภูเขา ส่วนความมืดมิดบนพื้นก็ค่อยๆ ล่าถอยไป จินเฟยเหยาหย่อนก้นนั่งลงกับพ พื้น
นางหอบหายใจอย่างหนักจนลมหายใจไม่ปะติดปะต่อ “จริงๆ เลย จัดการคนมากมายขนาดนี้ในคราวเดียวช่างยากเย็นจริงๆ”
หอบหายใจได้ไม่กี่ครั้ง เพิ่งเก็บทงเทียนหรูอี้ก็เห็นมังกรสีทองทะยานขึ้นมาจากกองเลือดเนื้อขนาดใหญ่ เหาะขึ้ นกลางอากาศคำรามเสียงดัง “ผู้ใด! คิดไม่ถึงว่าจะกล้าสังหารทายาทตระกูลข้า”
พอจินเฟยเหยาเห็นก็หลุดปากร้องเสียงหลง “ไม่จริงน่า มาอีกแล้ว?” นางรีบตบบนเอวทีหนึ่งแล้วหิ้วพั่งจื่อออกมา เรื่องเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนตามไม่ทัน มังกรทองล้อมนางไว้และหายไปจากที่เดิมในพริบตา
รอจนนางมองเห็นชัด ดีเลย กลับมาบนแท่นประหารเซียนอีกครั้งแล้ว
ครั้งที่แล้วจินเฟยเหยาปรากฏตัวขึ้นบนแท่นประหารเซียนทำให้ราชวงศ์รับมือไม่ทัน สุดท้ายปล่อยให้นางหนีไปได้ ตอ อนนี้เรียนรู้จากความผิดพลาด ส่งองครักษ์ขั้นสร้างฐานสี่คนมาเฝ้าแท่นประหารเซียนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบ บบเมื่อหลายวันก่อนขึ้นอีก
เดิมทีสี่คนนี้ถือว่านี่เป็นงานสบายรายได้ดี แค่ยืนทุกวันก็ได้รับศิลาวิญญาณ ไม่เคยคิดเลยว่าไม่กี่วันต่อมา จะมีคนสังหารเชื้อพระวงศ์อีก ดังนั้นยังเอ้อระเหยลอยชายอย่างยิ่ง
จินเฟยเหยาเป็นแขกประจำแล้ว พอปรากฏร่างขึ้นก็ส่งพั่งจื่อออกไปสังหารองครักษ์ทั้งสี่ในพริบตาทันที จากนั้นก็ย ยืนโง่งมอยู่บนแท่นประหารเซียน
มังกรทองตัวนี้ไม่รู้จักจินเฟยเหยาทว่าจินเฟยเหยากลับรู้จักมัน นางเห็นมังกรทองกำลังแยกเขี้ยวกางเล็บจึงเอ่ ยยิ้มๆ ว่า “มังกรเฒ่า พวกเราเจอกันอีกแล้วนะ ข้าคิดว่าข้ามีความจำเป็นต้องหารือกับท่านหน่อย การบริหารอำนาจขอ องทายาทท่านมีปัญหา ร้ายแรงมากและโง่งมมากด้วย”
มังกรทองถูกนางพูดจนตะลึงงัน ภายใต้การหลอกลวงของนาง คิดไม่ถึงว่าจะเริ่มพูดเรื่องการปกครองกับนาง เพิ่งคุยไ ได้ไม่นานก็มีคนเผ่ามารถูกมังกรทองพามาบนแท่นประหารเซียนอย่างต่อเนื่อง บนแท่นเล็กๆ ถึงกับมีมังกรยี่สิบสามสิ บตัวเบียดเสียดกัน
“เหตุใดจึงมีราชวงศ์ถูกฆ่ามากมายขนาดนี้ หรือว่าพวกเขาสังหารบุตรหลานของฮ่องเต้กันหมด?” จินเฟยเหยาประหลาดใจยิ่ง ง อดเอ่ยถามไม่ได้
คนเผ่ามารเหล่านี้ล้วนอยู่ในลานประลอง เห็นจินเฟยเหยาและราชันภูติจัดการองค์ชายใหญ่ด้วยกัน นึกว่านางก็เป ป็นเผ่ามารจึงเอ่ยอย่างตื่นเต้น “ผู้ใดจะรู้ พวกเราเลือกสังหารคนที่มีพลังการบำเพ็ญเพียรและสวมชุดงดงาม คิดไม่ ถึงว่าจะมีเชื้อพระวงศ์มากมายขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเป็นบุตรลับๆ ของฮ่องเต้หรือไม่”
มังกรทองที่กักตัวจินเฟยเหยาได้ยินเข้าก็ไม่พอใจ อดด่าทอไม่ได้ “ผายลม! ไม่เห็นหรือว่ามังกรทองที่ส่งเจ้ามาตัว วเล็ก! คนที่ถูกฆ่าเป็นญาติห่างๆ ที่มีสายโลหิตของราชวงศ์ ญาติห่างๆ ก็เป็นเชื้อพระวงศ์!”
“ญาติห่างๆ?” จินเฟยเหยาจึงเข้าใจว่าเพราะเหตุใดมังกรที่กักขังตนเองจึงตัวใหญ่ ส่วนมังกรของพวกเขาตัวเล็ก พวกนี เพิ่งมาไม่กี่เค่อมังกรทองก็หายไปได้รับอิสระ วิ่งกลับไปสังหารคนในเมืองอย่างร่าเริงอีก มีเพียงตนเองที่ยัง ถูกขังอยู่บนแท่นประหารเซียนดังเดิม ที่แท้เชื้อพระวงศ์ที่สังหารมีสายเลือดไม่บริสุทธิ์พอ
“พวกทายาทอ๋องถือว่าเป็นญาติใกล้ชิด อาจจะมีพวกท่านหญิงเป็นญาติที่ห่างขึ้นอีกหน่อย คำนวณดูแล้ว สายโลหิตของร ราชวงศ์มีอยู่ทั่วทุกที่ หลานชายของบ้านท่านป้าของบ้านน้องสาวของเมียฮ่องเต้ก็เป็นสายโลหิตของราชวงศ์?” จินเฟย ยเหยาราวกับกำลังครุ่นคิด จากนั้นพยักหน้าเอ่ยวาจา
มังกรทองด่าทออย่างอารมณ์ไม่ดี “นั่นไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ ไม่มีความเกี่ยวพันกันเลยสักนิด!”
จินเฟยเหยากระพริบตาเอ่ยถามอย่างสงสัย “แล้วญาติห่างๆ เช่นไรจึงมีสายโลหิตของราชวงศ์?”
“นี่…” มังกรทองนิ่งอึ้ง ครุ่นคิดขึ้นมาอย่างจริงจัง เนิ่นนานจึงเอ่ยว่า “น่าจะเป็นหลานชายของบุตรชายของภรรยาฮ่ องเต้”
“…” จินเฟยเหยาเงียบงันไปชั่วครู่ ก็เอ่ยอย่างดูแคลน “ท่านบอกว่าเหลนชายของฮ่องเต้ตรงๆ ก็ได้ จะอ้อมค้อมทำไม มิน่าเล่าทายาทของท่านจึงโง่งมขนาดนี้ ที่แท้เหมือนท่านกันหมด”
“สตรีที่น่าชังอย่างเจ้า ข้าจะแยกศพเป็นหมื่นชิ้น…” มังกรทองยังเอ่ยไม่จบร่างก็จางลง ส่ายไหว และหายไป ที่ แท้หมดเวลาแล้ว
จินเฟยเหยาขยับแขนขา เอ่ยเย้ยหยัน “เจ้าโง่ หรือไม่รู้ว่าตอนพูดคุยกันเวลามันผ่านไปเร็ว?”
จากนั้นนางก็มองในเมืองหลวง ตอนนี้ผ่านมาสองชั่วยามแล้ว รอบเมืองหลวงมีควันสีดำลอยขึ้นมา ล้วนเป็นบ้านเรือนที ถูกคนเผ่ามารเผาทำลาย วังหลวงกลับยังไม่มีควันสีดำลอยขึ้นมา น่าจะยังบุกเข้าไปในวังไม่ได้ จำนวนคนเผ่ามาร มีน้อยเกินไป
“น่าจะใกล้ล่าถอยแล้ว คนเพียงเท่านี้เป็นไปไม่ได้ที่จะล้มอาณาจักรหลงเวย” จินเฟยเหยาลูบคางครุ่นคิด ราชันภูติน น่าจะจากไปแล้ว ตนเองก็สามารถไปหาซูโม่โม่เพื่อรับผลโสมได้
คิดถึงตรงนี้ นางก็เหยียบบนปราณวิญญาณสีดำใต้เท้า แปะยันต์ซ่อนกายและเหาะเข้าไปในวังหลวง
นางตรงไปหาซูโม่โม่ที่สวนกลับพบว่าคนเผ่ามารไม่ได้หลบหนี แต่โจมตีมาถึงในวังจริงๆ กำลังต่อสู้กับองครักษ์และ ะเชื้อพระวงศ์อยู่หน้าตำหนักใหญ่อย่างดุเดือด ส่วนซูโม่โม่ไม่ได้อยู่ในสวน วุ่นวายขนาดนี้จะถูกเผ่ามารบางคนสังห หารผิดหรือไม่
อาวุธของบรรดาคนเผ่ามารย่ำแย่ แต่สังหารเผ่ามนุษย์จนแตกพ่ายและถอยร่นติดๆ กันอย่างไม่คิดชีวิต อาวุธเวทของ องครักษ์เผ่ามนุษย์ก็ไม่ค่อยดี สิ่งของดีๆ ล้วนอยู่ในตัวเชื้อพระวงศ์ที่หลบหนีกระจัดกระจายไปรอบด้าน เมื่อครู่จิ นเฟยเหยาเห็นพระสนมผู้งดงามแต่ไร้พลังการบำเพ็ญเพียรคนหนึ่งถูกนางกำนัลและองครักษ์คุ้มครองหลบหนีไปด้วยใบหน น้าเผือดสี สร้อยคอที่ห้อยบนลำคอเป็นของวิเศษชั้นล่าง ในมือถือพัดกลมเล็กๆ ที่ตัดใจโยนทิ้งไม่ได้ คิดไม่ถึงว่า จะเป็นของวิเศษชั้นกลาง นำไปใช้เป็นเครื่องประดับทั้งหมด
“สิ้นเปลืองจริงๆ ข้าว่าแล้วว่าของดีๆ ไปอยู่ที่ใด ตอนองค์ชายสามอยู่ที่โลกวิญญาณซิงหลัว กินยาต่างลูกอมรสผลไ ไม้ หลังจากมาเห็นที่นี่กับตา ทำให้ข้านึกว่าองค์ชายสามกวาดทรัพย์สมบัติของทั้งโลกวิญญาณหนีไป ที่แท้ตัดใจให้ผ ผู้อื่นใช้ไม่ได้ เอาไปให้บรรดาเชื้อพระวงศ์ใช้หมด” จินเฟยเหยาส่ายศีรษะ สูดดมค้นหาซูโม่โม่ต่อ ขอเพียงได้กลิ่นผล ลไม้ก็จะไปค้นหา
นางค้นหาซูโม่โม่ไปทั่ว ส่วนซูโม่โม่ในเวลานี้กำลังอยู่ในตำหนักใหญ่ มองราชันภูติสังหารองครักษ์ราวกับคลุ้มคลั่งอ อย่างหวาดกลัว ส่วนฮ่องเต้นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรด้วยสีหน้าน่าเกรงขาม มีองค์ชายรองและองค์ชายคนอื่นๆ อีกสี่คน นยืนอยู่ด้านข้าง พวกเขานำของวิเศษออกมายืนล้อมคุ้มกันฮ่องเต้ มองราชันภูติต่อสู้กับบรรดาองครักษ์ที่ด้านล่าง งตำหนักอย่างเย็นชา
เพราะเหตุใดเจ้าไม่หนีไป เจ้ายังมาที่นี่ทำไม! ซูโม่โม่ร้อนใจอย่างยิ่ง ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดราชันภูติต้องพาคนบุ กเข้ามาในวังหลวง หรือนึกว่าทำแบบนี้จะสังหารฮ่องเต้ได้?
ที่จริงราชันภูติคิดจะหนีไป แต่ตอนจินเฟยเหยากำจัดคาถาไม่รู้ว่าทำได้อย่างไร ทำให้เขารู้สึกว่าปราณมารที่ถู กสะกดไว้ร้อยปีปะทุออกมาอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ในสมองของเขาไม่นึกถึงเรื่องอื่นนอกจากการเข่นฆ่า รู้ชัดๆ ว่าทำแ แบบนี้อาจจะตายอยู่ในวังหลวง เขายังพุ่งเข้ามาเข่นฆ่าอย่างเบิกบาน
“กระบี่ดับสวรรค์!” ในเวลานี้เอง องค์ชายรองพลันส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชา แสงสีเทาสายหนึ่งในมือแล่นปราดไป ปยังราชันภูติ
“ราชันภูติ!” เดิมทีซูโม่โม่หลบอยู่หลังเสาไม่ไกลนัก ข้างกายมีองครักษ์คุ้มกัน เห็นฉากนี้พลันร้องตะโกนเสียงดัง ทันที
“ฉึก!” กระบี่ดับสวรรค์แทงลึกจนทะลุร่างกาย