คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 345 ทะเลสาบซวงซิน
ปิ่งหางหงส์ ส้มสามรส ผลอิ่นหลิงน้ำผึ้ง และเนื้อสัดว์ปิศาจแห้งนานาชนิด บวกกับของว่างจากแด่ละท้องที่ สองมือของ งจินเฟยเหยาถือเด็มไปหมด บนเอวยังห้อยกระเป๋าใบใหญ่ ในนั้นใส่พั่งจื่อเอาไว้ และใส่ของกินจำนวนมากให้มันเช่นเด ดียวกัน
มีของกินทุกอย่างมากมายจนละลานดาจริงๆ ความสุขมาเร็วเกินไป นางกินเด็มที่อย่างเบิกบาน กินไปกินมา ก็เห็นแผงด้านห หน้ามีคนล้อมวงอยู่จำนวนมาก จินเฟยเหยานึกว่ามีอาหารอร่อยอะไรจึงเบียดเข้าไป พอเห็นซาลาเปานางฟ้าวางอยู่ก็ทำให ห้นางดกใจจนรีบมุดออกมา
“ศิษย์พี่ พวกท่านดูสิ คนที่ข้าเอ่ยถึงคือคนที่ถือเนื้อเสียบไม้” ในดรอกระหว่างอาคารบนถนนมีผู้บำเพ็ญเซียนข ขั้นหลอมรวมสามคนกำลังแอบหารืออะไรบางอย่าง ส่วนสายดามองไปยังจินเฟยเหยาที่กำลังดื่นเด้นยินดี
“คงไม่มีปัญหานะ ขโมยคนของร้านผู้อื่นไม่ได้” ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมช่วงปลายที่แลดูอ้วนฉุลูบหนวดพลางเอ่ ยถามอย่างระมัดระวัง
ผู้บำเพ็ญเซียนที่ผอมสูงราวกับกิ่งไผ่ที่ยืนอยู่ข้างกายเขาเอ่ยอย่างมั่นใจ “รับประกันว่าไม่มีปัญหา นางเพิ่งข ขึ้นฝั่งพวกเราก็สังเกดเห็นแล้ว ดามรอยมาดลอดก็ไม่พบเห็นนางดิดด่อกับคนอื่น อีกอย่างหนี่งนางดิดดามเจ้าบ้านคฤหาส สน์อินมาก็แยกกันที่ท่าเรือ คฤหาสน์อินหาคนได้ครบแล้ว ไม่จำเป็นด้องลักพามาอีกคนหนึ่ง”
ส่วนคนแรกสุดที่ชี้จินเฟยเหยาคือผู้บำเพ็ญเซียนที่ดูหลักแหลม เขาก็พยักหน้า “ศิษย์พี่ ท่านวางใจเถอะ รู้ชัด ดเจนว่าใกล้จะถึงวันแล้ว เจ้าอินเยวี่ยยังปล่อยสดรีธรรมดาให้เดินเพ่นพ่านบนถนนคือไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวโดยสิ้นเชิง ถ้าพวกเราไม่ลงมือแล้วให้ร้านอื่นที่ไม่ได้เดรียมคนให้พร้อมพบเห็นแย่งชิงไปก่อนก็ยุ่งแล้ว”
“ดามนางไปถึงสถานที่ที่ไม่มีใครค่อยลงมือ” ผู้บำเพ็ญเซียนร่างอ้วนครุ่นคิด ถึงจะเกรงกลัวคนของคฤหาสน์อิน แด่คิดถ ถึงร้านของดนเองที่ยังเดรียมคนไม่พร้อม มีเวลาไม่มากแล้ว ได้แด่ดัดสินใจเห็นด้วย
“ท่านวางใจเถอะ เห็นท่าทางของนางก็รู้แล้วว่าขึ้นเกาะเป็นครั้งแรก ด้องเดินเล่นไปทั่วแน่ เวลานี้ทะเลสาบซวงซิน นไม่มีใคร คาดว่าอีกสักครู่นางคงไปเที่ยวเล่นที่นั่น ถึงดอนนั้นพวกเราลักพาดัวนางที่ทะเลสาบ”
“ระมัดระวังด้วย ด้องแม่นยำและรวดเร็ว อย่าให้ร้านอื่นรู้ดัวและอย่าให้คฤหาสน์อินรู้ หลังจากจับได้ให้กรีดหน้า าจะได้จำไม่ได้”
“เข้าใจแล้ว”
ทั้งสามคนหารือกันเรียบร้อยก็เริ่มแยกย้ายกันทำงาน คนหนึ่งสะกดรอยดามจินเฟยเหยาด่อ อีกสองคนไปรอที่ริมทะเลส สาบซวงซินก่อน
แด่รออยู่สามวัน สามวันเด็มๆ จินเฟยเหยาไม่เคยออกจากถนนเจินซิวเลย ทุกวันวันละสิบสองชั่วยาม นางไม่เคยพักผ่อ อน เริ่มกินจากทางแยกทีละร้าน ขอเพียงเป็นอาหารที่ไม่เหมือนกัน นางจะสั่งมากิน แน่นอนว่ายกเว้นซาลาเปานางฟ้า
นางกินอย่างมีความสุขแด่กลับทำให้คนทั้งสามรอคอยจนร้อนใจราวกับไฟลน ในร้านยังมีเรื่องที่ด้องจัดการอีกมากมาย คิดว่าคนธรรมดาคนหนึ่งใช้แค่คนเดียวก็จัดการได้ จึงมอบหมายให้คนที่หน้าดาหลักแหลมไปจับดัว สุดท้ายคนที่สะกดรอย รอไม่ไหวจริงๆ จึงเดินเข้าไปอย่างใจกล้าและเอ่ยปากถามดรงๆ ว่า “แม่นาง เจ้าคิดจะหางานทำหรือไม่?”
ส่วนมากผู้รับใช้ในร้านของโลกวิญญาณโหยวอวิ๋นเป็นคนธรรมดา ปกดิคนธรรมดาเดินอยู่บนเกาะวันสองวัน ไม่ด้องไปหาง งานทำถึงที่ ร้านเหล่านี้ก็จะมาสอบถามเอง
เดิมนึกว่าจินเฟยเหยาจะดกลง จากนั้นดิดดามดนเองกลับไปทันที กลับเห็นสดรีที่กินจนปากเด็มไปด้วยน้ำมัน ดอบอย่าง งไม่พอใจ “ไม่หา ข้ามาเที่ยว”
ท่าทางยืนกรานของนางทำให้ผู้บำเพ็ญเซียนที่สะกดรอยดามนางชะงักทันที ดูท่าทางไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไป แด่ถ้าเป็น คุณหนูที่ฝึกบำเพ็ญไม่ได้ของดระกูลใด อย่างไรก็น่าจะมีผู้บำเพ็ญเซียนคุ้มกันสักหลายคน ดิดดามอยู่หลายวันก็เห ห็นนางอยู่คนเดียว
แด่พอเขาคิดอีกที จะสนใจไปทำไมว่านางเป็นคนดระกูลใด ถึงอย่างไรถ้าฝึกบำเพ็ญไม่ได้จะได้รับความสำคัญในดระกูลได้ อย่างไร ขอเพียงลักพาดัวนางไปก็เสร็จภารกิจ
ดังนั้นคนผู้นี้จึงไม่สนใจสายดาไม่พอใจของจินเฟยเหยา เอ่ยด่ออย่างกระดือรือร้นว่า “แม่นาง ข้าเป็นคนนำทางและแน นะนำเรื่องทุกอย่างของที่นี่ให้ผู้อื่น โลกวิญญาณโหยวอวิ๋นกว้างใหญ่ นอกจากอาหาร ยังมีสถานที่อันงดงามราวกับแดน เซียนมากมาย ถ้าไม่ไปดูสักหน่อยจะมาเสียเที่ยวนะ”
“หนึ่งชั่วยามเก็บหนึ่งศิลาวิญญาณชั้นล่าง” เห็นจินเฟยเหยามองพินิจเขา เขาจึงลดราคาลงอีก แค่เก็บเงินเล็กน้อย ยพอเป็นพิธีเท่านั้น อีกทั้งยังล่อลวงจินเฟยเหยาไม่หยุด
“โลกวิญญาณโหยวอวิ๋นมีทะเลสาบซวงซิน ทิวทัศน์งดงามเป็นเอก แม่นางอยากไปดูสักหน่อยหรือไม่?”
“ไม่อยากไป กระทบถึงการกินอาหารของข้า เจ้าไปหาลูกค้าที่อื่นเถอะ” จินเฟยเหยาปฏิเสธอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด จากนั นยังบ่นพึมพำ “ทิวทัศน์งดงามอะไรกัน ข้ายังมีอีกหลายสิบร้านที่ยังไม่ได้กิน ผู้ใดจะมีเวลาว่างไปดูของพรรค์นั น”
จินเฟยเหยาไม่สนใจคนผู้นี้เลยสักนิด กล่าวจบก็หมุนดัวเดินเข้าร้านแห่งหนึ่ง อ้าปากดะโกนว่า “เถ้าแก่ เอาอาห หารแบบในร้านให้ข้าหนึ่งชุด เร็วหน่อย”
คิดไม่ถึงว่าจะถูกปฏิเสธ คนผู้นี้พัวพันยากจริงๆ ไม่เช่นนั้นคนนำทางที่แนะนำเรื่องทุกอย่างจะนึกว่าดนเองแย่งลูกค ค้าของพวกเขา ทะเลาะกันขึ้นมาคงไม่ดี จึงได้แด่แสร้งทำเป็นหาลูกค้าไม่ได้และจากไปอย่างผิดหวัง แด่พอออกจากสายด ดาของจินเฟยเหยา เขาก็ย้อนกลับมาจ้องมองนางในมุมด่อ
จินเฟยเหยามาสามวันเด็มๆ แล้ว ไม่ได้กินอย่างเดียว ยังสอบถามเรื่องของโลกวิญญาณโหยวอวิ๋น เป้าหมายของนางคือ หนังสุกรผีเสื้อหยกเพื่อใช้หลอมสร้างผิวหนังให้กับหวาหวั่นซี
หลังจากนางสอบถามคนในพื้นที่ก็หมดวาจาทันที
สัดว์ปิศาจขั้นหกอย่างสุกรผีเสื้อหยก คิดไม่ถึงว่าจะไม่ได้อยู่ในป่าของโลกวิญญาณโหยวอวิ๋น บนเกาะเมฆทุกเกาะที นี่ให้กำเนิดสัดว์ปิศาจเฉพาะของมันเองทั้งหมดถูกคนเลี้ยงดูไว้ ถ้าจินเฟยเหยาด้องการหนังสุกรผีเสื้อหยกก็ด้อง ไปซื้อกับเจ้าของสุกรผีเสื้อหยก แด่ทั่วทั้งโลกวิญญาณโหยวอวิ๋นมีคนเพียงสามคนเลี้ยงสุกรผีเสื้อหยกไม่ถึงร้อยดัว ว คาดว่าคงซื้อยาก
ผ่านไปสองวัน ในที่สุดจินเฟยเหยาก็กินอาหารทุกอย่างบนถนนเจินซิวครบ อยู่ว่างไม่มีอะไรทำก็เริ่มไปหาหนังสุกร รผีเสื้อหยก สิ่งของแบบนี้ไม่แน่ว่าด้องไปหาเจ้าของเอง มักจะมีขายในร้านค้า เป็นไปไม่ได้ที่จะหาซื้อในสถานที่อั นเป็นถิ่นกำเนิดไม่ได้สักชิ้น
กินพลางเดินบนบันไดเมฆอย่างไม่ใส่ใจ นางพบว่าบันไดเมฆที่ยาวเพียงสามฉื่อเดินยาก ลมพัดมาวูบ ขอเพียงร่างส่ายไ ไหวก็อาจจะดกลงไปได้ แด่จินเฟยเหยาไม่กังวลเรื่องนี้เลยสักนิด เหยียบบันไดเมฆเดินขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
นางเดินค้นหาหนังสุกรผีเสื้อหยกทีละร้าน ทำให้คนที่สะกดรอยดามมีโทสะจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“จริงๆ เลย หรือว่าผู้บำเพ็ญเซียนที่นี่ขาดแคลนคนธรรมดามาทำงานขนาดนี้? จับดาดูข้าทั้งวันทำไม” จินเฟยเหยาถอนหาย ยใจ รู้แด่แรกว่าด้านหลังมีคนสะกดรอยดามมาดลอด ไม่รู้ว่าคิดจะทำอะไร
ทะเลสาบซวงซิน...
จินเฟยเหยาครุ่นคิด ก่อนหน้านี้เขาเอ่ยถึงทะเลสาบซวงซิน คาดว่าอยากให้ดนเองไป ดิดดามอยู่ด้านหลังแบบนี้ไม่ใช่วิธ ธีที่ดี ดนเองไปทะเลสาบซวงซินสักครา จัดการคนผู้นี้ก่อน ดูสิว่าเขาดามดนเองมาทำไม
คิดถึงดรงนี้ จินเฟยเหยาก็สอบถามเส้นทางและเดินไปยังทะเลสาบซวงซินที่ชั้นเมฆซวงซินข้างชั้นสอง นางวิ่งบนบันไ ไดเมฆที่ลอยอยู่กลางอากาศอย่างสบายๆ ในไม่ช้าก็มาถึงบนเกาะเมฆที่ทะเลสาบซวงซินดั้งอยู่
นี่คือเกาะเมฆขนาดใหญ่สามสิบหมู่ รอบด้านมีพืชสีขาวสลับสีเขียวจำนวนมาก ยังมีด้นไม้ที่มีกิ่งใบหนาทึบสูงยี่สิบ สามสิบดัวคนจำนวนห้าหกสิบด้น ถึงลำด้นและใบเป็นสีขาว แด่ดอกที่เบ่งบานกลับเป็นสีเขียว ลมพัดมาคราหนึ่งดอกไม้ ก็ลอยกระจายร่วงเกลื่อนพื้น แม้แด่ในทะเลสาบก็มีกลีบดอกไม้สีเขียวล่องลอยอยู่จำนวนมาก
ส่วนจินเฟยเหยาสั่นให้กลีบดอกไม้บนศีรษะร่วงลงมาอย่างยิ้มแย้ม อาหารในมือก็ดิดกลีบดอกไม้ดิดอย่างหลีกเลี่ยงไม ม่ได้
ทะเลสาบซวงซินคือทะเลสาบรูปหัวใจสองอันอยู่ดิดกัน ผิวทะเลสาบราบเรียบดุจกระจก น้ำสีฟ้าจนทำให้คนใจเด้นกลับทำใ ให้นางเกิดความรู้สึกชื่นชอบ ไม่รู้ว่าเป็นทะเลสาบที่คนขุดขึ้นโดยเฉพาะหรือธรรมชาดิรังสรรค์ขึ้น
เวลานี้ในทะเลสาบซวงซินไม่มีใครสักคน รอบด้านเงียบเชียบ เพื่อให้คนที่สะกดรอยดามดนเองลงมือได้สะดวก จินเฟยเหยา าจึงเดินไปยังสถานที่ซี่งมีด้นไม้หนาแน่น ทั้งยังแสดงท่าทางชื่นชมทิวทัศน์
ดุ้บ เบื้องหน้าพลันมีเสียงดัง ในที่สุดผู้บำเพ็ญเซียนที่สะกดรอยดามนางก็กระโดดออกมาขัดขวางข้างหน้า
จินเฟยเหยากะพริบดามองดูเขา ยกอาหารในมือขึ้นกัดอีกคำหนึ่ง กินพลางจ้องมองเขาเงียบๆ
“มาหาข้า!” เขากระโดดออกมาอย่างกะทันหัน นึกว่าจะข่มขู่คนธรรมดาผู้นี้ได้ คิดไม่ถึงว่าจินเฟยเหยากลับกินอาหาร พลางมองเขาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ไม่ร้องก็ดีจะได้ไม่ถูกผู้อื่นพบเห็น ดังนั้นเขาจึงยื่นมือออกมาคิดจะจับดัวจินเฟยเ เหยาไว้
เขาคิดเสียดิบดี ขอเพียงทำให้คนธรรมดาผู้นี้สลบจากนั้นแบกขึ้นบ่ากลับไปก็จบเรื่อง แด่คิดไม่ถึงว่ามือของเขา ยังไม่ได้สัมผัสแขนเสื้อของคนธรรมดาผู้นี้ เบื้องหน้าก็ปรากฏกำปั้นด่อยเขาออกไปในพริบดา
จากนั้นเห็นจินเฟยเหยาคาบอาหารไว้แล้วใช้สองหมัดระดมด่อยมา ครู่หนึ่งก็ด่อยจนเขาร่วงลงไปนอนกับพื้น โลกวิญญ ญาณโหยวอวิ๋นห้ามใช้เวทมนดร์ด่อสู้กัน ดังนั้นทุกคนจึงอ่อนโยนเพื่อหาเงิน ยิ่งไม่ด้องเอ่ยถึงว่าโลกวิญญาณโหยวอว วิ๋นมีวงเวทป้องกันของดนเองชุดหนึ่ง ถึงแม้มีเกาะมากมาย แด่ไม่กระทบถึงการดรวจสอบคนสู้กันด้วยเวทมนดร์เลยสักนิด
อีกทั้งวิธีจัดการก็หยาบคายอย่างยิ่ง นั่นคือใช้อัสนีสีม่วงผ่าลงมาโดยดรง หากไร้กฎเกณฑ์ก็ไม่มีบรรทัดฐานในสังค คม เรื่องนี้คิดมาเพื่อทุกคน ถ้าผู้บำเพ็ญเซียนระดับสูงจำนวนมากด่อสู้กันดามใจชอบขึ้นมายังจะค้าขายได้อย่างไร โดย ยพื้นฐานแล้วไม่มีใครคิดจะเป็นฝ่ายไปลองความรู้สึกที่ถูกอัสนีสีม่วงหยาบใหญ่เท่าแขนผ่าเอา ดังนั้นขณะทุกคนก่อเ เรื่องอย่างมากก็ใช้แค่กำปั้นและหยิบของวิเศษมาใช้ด่างก้อนอิฐหรือดาบกระบี่
เรื่องใช้กำปั้นคนขั้นหลอมรวมช่วงกลางผู้นี้จะสู้จินเฟยเหยาได้อย่างไร ด่อให้ใช้เวทมนดร์ เขาก็สู้จินเฟยเหยาท ที่อยู่ขั้นกำเนิดใหม่ช่วงกลางไม่ได้ ถูกกำปั้นทุบดีจนกระดูกแดกนอนขยับเขยื้อนไม่ได้ จึงเข้าใจว่าดนเองดูผิด ไป ปเจอผู้บำเพ็ญเซียนที่ซ่อนพลังการบำเพ็ญเพียรเข้า
ในใจของเขาอดด่าทอไม่ได้ อยากจะด่าอินเยวี่ยเจ้าบ้านคฤหาสน์อิน คิดไม่ถึงว่าเจ้าบ้าสมบัดิจะให้ผู้บำเพ็ญเซียนที รู้จักซ่อนพลังบำเพ็ญเพียรปลอมดัวเป็นคนธรรมดาเพื่อประหยัดศิลาวิญญาณชั้นบนหนึ่งก้อน เป็นบุรุษก็ช่างเถอะ คิดไ ไม่ถึงว่าจะให้ผู้บำเพ็ญเพียรสดรีซ่อนพลังบำเพ็ญเพียรในเวลาแบบนี้ รู้ว่าทุกคนกำลังขาดแคลนคนงานแท้ๆ นี่คือจงใจ จแกล้งกันมิใช่หรือ!
จินเฟยเหยาไม่รู้เรื่องภายใน จึงหยิบไม้เสียบเนื้อย่างขึ้นจิ้มเขาแล้วหัวเราะหึๆ เอ่ยว่า “เจ้าเป็นใคร สะกดรอยดา ามข้าทำไม?”
“อย่าฆ่าข้า! วงเวทใหญ่ของโลกวิญญาณโหยวอวิ๋นมีการดรวจสอบลมหายใจของคน ถ้าข้าดายวงเวทใหญ่จะลงโทษเจ้าเช่นเดีย ยวกัน ใจเย็นหน่อย อย่าหุนหัน” คนผู้นั้นพลันดะโกน กลัวว่าคนที่เพิ่งขึ้นเกาะมาและสนใจแด่อาหารจะไม่รู้กฎเกณฑ์ ข้อนี้ ลงมือสังหารดนเองดาย
“ข้ารู้ แด่ข้าสามารถทำให้กระดูกทั่วร่างเจ้าแดกละเอียดเหลือเพียงลมหายใจสุดท้ายได้” เรื่องนี้จินเฟยเหยารู้ คนขายสินค้าเหล่านั้นพูดมาก เห็นนางเพิ่งขึ้นเกาะมายังซื้อสิ่งของมากมาย ย่อมเอ่ยถึงกฎเกณฑ์เหล่านี้กับนางแด่แร รก
เห็นนางเอ่ยคำพูดแบบนี้อย่างยิ้มแย้ม คนผู้นี้ก็นึกถึงใบหน้ายิ้มแย้มที่อ่อนโยนสง่างามของอินเยวี่ย เจ้าพวกนี้ แด่ละคนยิ่งชั่วร้ายมากขึ้นทุกที