คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 368 คลื่นลมสงบนิ่ง
“ไม่รู้ว่าด้านในมีสิ่งของอะไร” จินเฟยเหยาลูบกล่องสีแดงอย่างยินดี คิดจะเปิดกล่องดูหน่อยว่าด้านในมีของดีอะไร
“คนชั้นต่ำ!” ตรงหูนางพลันมีเสียงตวาดด้วยโทสะดังขึ้น นางตกใจจนเงยหน้าขึ้นอย่างงุนงง เห็นสีหน้าของทุกคนตกตะลึงพรึงเพริด จินเฟยเหยากวาดตา มองรอบหนึ่งจึงรู้ว่าผู้ใดด่าทอว่าคนชั้นต่ำ
ไม่รู้ว่าฮุ่นตุ้นได้สติคืนมาเมื่อใด เหาะอยู่กลางอากาศอย่างเดือดดาล ส่วนสีหน้าจู๋ซวีอู๋แปลกประหลาดอย่างยิ่ง ดูเหมือนบรรยากาศจะไม่ถูกต้องอยู่บ้ าง ดวงตาจินเฟยเหยากวาดมองบนพื้น ตรงนั้นมีหินผลึกสีเขียวแตกเป็นเสี่ยงๆ พอเงยหน้าขึ้นมองฮุ่นตุ้นอีกครั้งพบว่าหินผลึกที่มีคาถาชิ้นนั้นแ แตกละเอียดเหลือเพียงสร้อยคอเปล่า
ที่แท้ฮุ่นตุ้นพูดได้…จินเฟยเหยาตกใจอยู่บ้างนึกว่านางแค่ตะโกนวุ่นวาย ที่แท้พูดได้
“เร็ว รีบควบคุมนาง!” เจ้าสำนักใช้อาคมกักขังในมือโจมตีไป แสงรัศมีวิบวับปกคลุมฮุ่นตุ้นเอาไว้ คิดไม่ถึงว่าพลังที่ใช้ทะลวงเส้นทางจะทำให้ของวิเศ ศษกักขังบนลำคอของฮุ่นตุ้นแตก คราวนี้ยุ่งแล้ว
ฮุ่นตุ้นเหาะอยู่กลางอากาศ ตะคอกอย่างเหยียดหยาม “คนชั้นต่ำ ไสหัวไป!”
สิ้นเสียง อาคมที่ปกคลุมรอบกายนางถูกโจมตีเป็นผุยผง พลังปิศาจสีแดงปะทุออกมาจากร่าง นางยื่นมือมาวางตรงปากแล้วผิวปาก เสียงหวีดหวิวชัดเจนดัง งมาจากปากนางกลายเป็นวงแสงสีแดงโจมตีร่างผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่คนหนึ่งทันที
เสียงดังตูม ของวิเศษป้องกันที่ผู้บำเพ็ญเซียนคนนั้นโยนออกมาถูกโจมตีจนเป็นผุยผง คนกลับถูกกระแทกลอยออกจากก้อนหินร่วงลงในทะเลเบื้องล่าง
“คนชั้นต่ำอย่างพวกเจ้ากล้าผนึกสติสัมปชัญญะของข้า ข้าจะแยกส่วนพวกเจ้าเป็นหมื่นๆ ชิ้น!” เสียงคำรามของฮุ่นตุ้นดังมาอย่างต่อเนื่อง ผิวปากโจมตีผู บำเพ็ญเซียนรอบด้านไม่หยุด
“แค่ผิวปากอานุภาพยังมหาศาลขนาดนี้ ถ้าให้นางถือขลุ่ยตี๋จะร้ายกาจเพียงใด!” จินเฟยเหยายืนอยู่ด้านหลังปู้จื้อโหยว ชะโงกศีรษะครึ่งหนึ่งออกมา ชื่นชม
ปู้จื้อโหยวเบือนหน้าไปมองจินเฟยเหยาที่อยู่ด้านหลังตนเองแวบหนึ่งแล้วถามอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้ายืนอยู่หลังข้าทำไม ข้าไม่มีแรง คุ้มครองเจ้าไม่ ได้”
“อย่าโหดร้ายขนาดนี้สิ เจ้าล่ำสันกว่าข้าแน่นอนว่าต้องบังอยู่ข้างหน้า ถ้าอย่างไรข้าฉวยโอกาสนี้พุ่งเข้าไปในเส้นทางดีกว่า” จินเฟยเหยาเอ่ยด้ว วยสีหน้าทะเล้น
“ไปเถอะ ถ้าด้านในมีความผิดปกติ เจ้าจะได้ไปเกิดใหม่” ปู้จื้อโหยวเอ่ยต่อคำพูดของนาง
ได้ยินเขาพูดแบบนี้ จินเฟยเหยาจึงพักความคิดนี้ไว้ชั่วคราว “ข้ารอดีกว่า”
พลังวิญญาณของผู้บำเพ็ญเซียนสามสิบกว่าคนที่นี่ล้วนว่างเปล่า อย่างมากที่สุดก็มีพลังวิญญาณฟื้นตัวมาเล็กน้อย ส่วนผู้บำเพ็ญเซียนขั้นแปลงจิตเ เหล่านั้น มีสองคนทำให้เส้นทางเสถียร อีกหกคนก็ไม่มีเรี่ยวแรงมากนักเช่นเดียวกัน ถึงเจ้าสำนักจะมีพลังวิญญาณ ทว่าสถานการณ์ที่นี่วุ่นวายจึงได้แต่ ปกป้องตนเอง
เนื่องจากจู๋ซวีอู๋และร่างเดิมของฮุ่นตุ้นมีมิตรภาพต่อกัน ดังนั้นของวิเศษกักขังสำรองจึงอยู่ที่เขา ทว่าต้องควบคุมฮุ่นตุ้นก่อนจึงสวมให้ได้ ไม ม่เช่นนั้นก็ไร้ประโยชน์
เจ้าสำนักรู้สึกว่าวันนี้มีทั้งเรื่องน่ายินดีและเสียใจปะปนกัน เขาคิดไม่ออกเลยจริงๆ ว่าเหตุใดของวิเศษจึงแตกได้ ขอเพียงเป็นพลังวิญญาณบริสุทธ ธิ์ก็ไม่มีทางทำให้มันแตกได้เลย ทว่าเขาก็เฝ้าดูขั้นตอนอยู่ตลอด ไม่มีพลังวิญญาณของใครผิดปกติ ตอนนี้ผู้บำเพ็ญเซียนส่วนมากล้วนไม่มีเรี่ยวแรง ได้แต่หวังว่าตนเองจะสามารถถ่วงเวลาฮุ่นตุ้นให้จู๋ซวีอู๋นำของวิเศษกักขังสำรองไปสวมได้
ถ้าเขารู้ว่าในผู้บำเพ็ญเซียนเหล่านี้มีเทาเที่ยตัวหนึ่งก็คงเข้าใจ
ฮุ่นตุ้นไม่ได้ทำให้จินเฟยเหยาผิดหวังจริงๆ เพิ่งบอกว่าต้องนำขลุ่ยตี๋ออกมาต้องร้ายกาจยิ่งขึ้น ก็เห็นมือของฮุ่นตุ้นกรีดผ่านกลางอากาศ ผีผา าสีชาดที่มีแสงสีแดงกะพริบชิ้นหนึ่งก็ปรากฎขึ้นในมือ เห็นนิ้วเรียวดีดเบาๆ วงแสงสิบสายก็ลอยออกมาเป็นกลุ่มโจมตีผู้บำเพ็ญเซียนรอบด้าน
“ไม่ไหว! รีบหนีเร็ว เจ้านี่ร้ายกาจจริงๆ” จินเฟยเหยาที่มีพลังวิญญาณเหลืออยู่ไม่มากและหลบอยู่ด้านหลังปู้จื้อโหยวร้องตะโกนเสียงดัง แต่นางล ลืมไปเรื่องหนึ่ง นั่นคือปู้จื้อโหยวมีของวิเศษ เห็นเบื้องหน้ากะพริบวาบ เขาหายวับไปจากที่เดิม จินเฟยเหยาก็ตกตะลึง “อ๊า! เจ้าบ้านี่!”
เงยหน้าขึ้นก็เห็นวงแสงสีแดงอันหนึ่งโจมตีมากระแทกนางลอยออกไปจนเกือบจะร่วงลงในทะเลทันที
“พลังวิญญาณ! รีบฟื้นฟูเร็วเข้า เปลี่ยนร่างสู้กับนางสักยกก็ได้!” จินเฟยเหยาถือศิลาวิญญาณชั้นบนก้อนหนึ่งไว้อย่างร้อนใจและโยนยาเสริมพลัง งใส่ปาก พลังวิญญาณน้อยเกินไปไม่เพียงพอจะเปลี่ยนร่าง ฮุ่นตุ้นก็ราวกับคลั่งไปแล้ว “เหตุใดคนของสำนักหลิงเถี่ยวจึงไม่มีคนรับช่วงต่อเลยสักนิด ห หรือไม่รู้ว่าพาคนอันตรายขนาดนี้ออกมาเป็นปัญหาใหญ่!”
ทันใดนั้น ฮุ่นตุ้นก็หมุนตัวหันหน้ามาทางจินเฟยเหยาและหยุดโจมตีคนอื่นๆ
จินเฟยเหยาเหลียวซ้ายแลขวา รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง เหตุใดจู่ๆ ก็จ้องมองข้า?
ในขณะที่นางสงสัยก็เห็นใบหน้าของฮุ่นตุ้นแย้มยิ้มขึ้น ถึงจะเป็นสีหน้าอ่อนโยน ทว่าก็ไม่ทำให้คนเกิดความรู้สึกดี “คิดไม่ถึงว่าจะได้พบเทาเที่ย ที่นี่ ครั้งที่แล้วเจ้ากินมู่อวี๋[1]ของข้า ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับเจ้า ในเมื่อวิญญาณจริงของพวกเรามาเจอกันก็มาจัดการคลี่คลายเรื่องนี้เถอะ”
“มู่อวี๋? นั่นคือสิ่งที่ทำจากไม้สินะ!” จินเฟยเหยากวาดมองรอบด้านอย่างรวดเร็ว พบว่าพวกเขาล้วนไม่มีปฏิกิริยาราวกับถ่ายทอดเสียงมาหานางคนเดียว ว
ไม่ถ่ายทอดเสียงไปถามก็ยังดี พอถามฮุ่นตุ้นจึงตะโกนเสียงแหลมขึ้นมา “เจ้านั่นแหละ! เครื่องโจมตีที่ทำจากไม้เจ้าก็กิน ผู้อื่นเพียงทำให้มันงดงามห หน่อย เจ้าจำเป็นต้องกลืนกินมันจนหมดอย่างชิงชังขนาดนี้ด้วยหรือ!”
ตอนนี้จินเฟยเหยามีโทสะและเดือดดาลอย่างยิ่ง ไม่ใช่เนื่องจากต้องแบกรับความผิดบวกกับถูกใส่ความแทนเทาเที่ยเสมอแต่เป็นเพราะเรื่องที่เทาเที่ย กระทำ กินก้นตนเองถึงจะทรมานตัวเองแต่สิ่งที่กินก็ยังเป็นเนื้อ ทว่ากินเครื่องดนตรีที่ทำจากไม้นับเป็นเรื่องอะไร!
นางด่าทออย่างอารมณ์ไม่ดี “วิญญาณจริงของเจ้านั่นถูกข้าควบคุมแล้ว ใครแทะมู่อวี๋ของเจ้าเจ้าก็ไปหาคนนั้นสิ เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย เจ้ายังไม่รี บฉวยโอกาสตอนไม่ถูกควบคุมวิญญาณหนีไปอีก ยืนรอให้จับอยู่ที่นี่ คิดจะกลับไปเป็นหุ่นเชิดที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยต่อหรือ!”
“เรื่องพวกนั้นเป็นเรื่องเล็ก เจ้าคืนมู่อวี๋ของข้ามาจึงเป็นเรื่องสำคัญ” คิดไม่ถึงว่าฮุ่นตุ้นจะไม่เชื่อฟัง จับจ้องนางพลางทวงมู่อวี๋ ที่แท้เป็น คนสมองมีปัญหา เพื่อเครื่องดนตรีผุๆ ชิ้นเดียวแม้แต่ชีวิตก็ไม่ต้องการ
อีกทั้งนางยังกรีดร้องอย่างเจ็บปวดและโศกเศร้า ครั้งนี้กลับไม่ได้ถ่ายทอดเสียงเพียงคนเดียว ทว่าทำให้คนทั้งหมดได้ยินว่านางตะโกนว่าอะไร “คืน มู่อวี๋ข้ามา ข้าทำมู่อวี๋ขึ้นใหม่หลายชิ้นก็เสียงไม่ไพเราะเท่าชิ้นนั้น คืนมาให้ข้านะ!”
เจ้าสำนักและจู๋ซวีอู๋คุ้นเคยกับฉากนี้อย่างยิ่ง ขอเพียงวิญญาณจริงของฮุ่นตุ้นปรากฎขึ้น ก็จะร้องตะโกนเรื่องนี้ พวกเขาจึงทำเครื่องดนตรีมากมาย ยให้ฮุ่นตุ้นเพื่อสะกดนาง ขอเพียงเป็นเครื่องดนตรีในโลกวิญญาณพวกเขาก็หามาทั้งหมด เพียงแต่พวกเขาไม่รู้ว่ามู่อวี๋คือสิ่งใด เพียงแค่ใช้ไม้สลัก เป็นรูปปลาออกมาจำนวนมาก ทว่าเคาะอย่างไรเสียงก็ไม่ไพเราะ
“ซวีอู๋จัดการ!” เจ้าสำนักแอบตวาดคำหนึ่ง มือนำตาข่ายจับเซียนออกมากักบริเวณ ฉวยโอกาสนี้สะกดนาง
ฮุ่นตุ้นพลันคำรามอย่างเดือดดาล “จะหนีไปไหน!”
พอทุกคนมอง ที่แท้ผู้บำเพ็ญเซียนสตรีคนนั้นหนีไปแล้ว ฮุ่นตุ้นจึงพุ่งออกไปทันที ปากยังคงตะโกนว่าคืนมู่อวี๋มาให้นาง
คนโง่สิหยุด จินเฟยเหยาบริภาษในใจ ตอนนี้พลังวิญญาณในร่างมีไม่เพียงพอ ย่อมไม่อาจใช้แข็งชนแข็ง ขอเพียงพลังวิญญาณฟื้นฟูคืนมาอีกหน่อยก็จะใช้เ เวทหนีไฟนรกหลบหนีได้ ถ้ากลายร่างเป็นเทาเที่ยไม่แน่ว่าจะเป็นอย่างที่จู๋ซวีอู๋บอกคือต้องอาศัยอยู่ข้างบ้านฮุ่นตุ้น
ความเร็วของฮุ่นตุ้นก็ไม่ช้า ปีกสองคู่ไม่ได้มีไว้ดูเพียงอย่างเดียว กระพือปีกทีหนึ่งก็มาสกัดอยู่เบื้องหน้านาง ดีดนิ้วนิดหนึ่งก่อน ด้วยเสียง งเบาแขนาดนี้ วงแสงสายหนึ่งก็ลอยออกมาโจมตีนาง
จินเฟยเหยารีบใช้มือที่มีพลังวิญญาณที่มีไม่มากนักเรียกและโยนทงเทียนหรูอี้ออกมาสกัดวงแสงสายนี้ ส่วนฮุ่นตุ้นก็ไม่หยุดชะงัก เริ่มต้นดีดผี ผา
ตามเสียงกระชั้นของผีผาและนิ้วมือของนาง เกิดลมหมุนบนทะเล ลมหมุนมีขนาดใหญ่ขึ้นทุกที พัดจนทุกคนลอยขึ้นมา
“ใครให้เจ้าดีด!” มือข้างหนึ่งของจินเฟยเหยากลายเป็นไฟนรก รวมพลังวิญญาณทั่วร่างไว้ที่ไฟนรกแล้วโจมตีไปยังผีผาของฮุ่นตุ้นทันที ไฟนรกปะทะ ะวงแสงที่ฮุ่นตุ้นดีดออกมา ไฟนรกถูกจู่โจมสลายไป ทว่าสะเก็ดไฟยังกระเด็นไปโดนผีผา
“เผา!” จินเฟยเหยายื่นมือไปตวาดอย่างมีโทสะ ไฟนรกลุกวูบขึ้นมาเผาไหม้บนผีผา
“อ๊า!” ฮุ่นตุ้นคลายมือดีดผีผาให้ลอยออกไป ไม่ให้ไฟนรกเผามาถึงร่างของตนเอง ทว่าลมหมุนกลับไม่ได้หยุดลงตามผีผาที่ถูกนางดีดลอยออกไป ตรง งกันข้ามกลับกลายเป็นลมงวงช้างที่ควบคุมไม่ได้กวาดม้วนจินเฟยเหยาให้ลอยเข้าไปในเส้นทางที่ยังไม่เสถียร
จินเฟยเหยาจำคำพูดของปู้จื้อโหยวได้ ถ้าเส้นทางยังไม่เรียบร้อยและมีความผิดปกติร่างอาจจะเป็นผุยผง ดังนั้นนางจึงรีบนำพั่งจื่อออกมา ชี้ไปบนก้อ อนหินกลางสายลมอันบ้าคลั่งแล้วตะโกนว่า “พั่งจื่อ รีบใช้ลิ้นตวัดคว้าสิ่งของไว้ ตอนนี้ยังเข้าไปในเส้นทางไม่ได้จะตายเอา”
พั่งจื่อย่อมไม่อยากตาย ใช้ลิ้นตวัดไปบนก้อนหินโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เป้าหมายคือหินยักษ์ก้อนหนึ่งที่ยื่นออกมาจากก้อนหิน
ทว่าคนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต แลเห็นว่าลิ้นกำลังจะพันบนหินยักษ์ ฮุ่นตุ้นกลับพุ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน เป้าหมายคือผู้บำเพ็ญเซียนขั้นแปลงจิตสองค คนที่ทำให้เส้นทางเสถียร พวกเขาสองคนรู้ว่าเส้นทางมีความสำคัญต่อสำนักหลิงเถี่ยวมาก ถึงด้านข้างต่อสู้กันจนโกลาหลก็ยังไม่จากไปแม้ครึ่งก้าว ไม่รู้เพราะเหตุใดฮุ่นตุ้นจึงหมายตาพวกเขาสองคน ฮุ่นตุ้นเพิ่งโยนลมหมุนออกมา พอไหวมือเล็กน้อยก็นำขลุ่ยตี๋สีแดงออกมาคิดจะเป่าใส่คนทั้งสอง
ทว่าลิ้นของพั่งจื่อมาพันบนข้อเท้าเปลือยเปล่าของฮุ่นตุ้นโดยไม่เบี่ยงเบนเข้าพอดี
“อา! เจ้าสารเลว รีบปล่อยแล้วทำอีกครั้ง” พอเห็นว่ารัดโดนฮุ่นตุ้น จินเฟยเหยาก็ด่าทออย่างมีโทสะ
ส่วนฮุ้นตุ้นก็คิดไม่ถึงว่าจะถูกลิ้นอันน่าขยะแขยงพันไว้ กำลังคิดจะสลัดหลุด เนื่องจากอยู่ใกล้ปากทางอย่างยิ่ง จินเฟยเหยาและพั่งจื่อจึงถูกลม มหมุนบวกแรงดูดของตัวเส้นทางฉุดดึงให้พุ่งเข้าไปในนั้น ส่วนฮุ่นตุ้นถูกลิ้นของพั่งจื่อลากเข้าไปใกล้เส้นทางด้วย
ถ้าฮุ่นตุ้นถูกดูดเข้าไปก็ย่ำแย่แล้ว!
เจ้าสำนักอดเอ่ยด้วยโทสะไม่ได้ “ฟันลิ้นนั่น จะสูญเสียฮุ่นตุ้นไปไม่ได้!” ใช้มือขว้างของวิเศษอันคมกริบชิ้นหนึ่งไปที่ลิ้นของพั่งจื่อที่ยังอยู นอกเส้นทาง
ทว่าของวิเศษกลับเบี่ยงเบนไปเล็กน้อยเนื่องจากเวทมนตร์ของฮุ่นตุ้น เพียงกรีดผ่านตรงที่ติดกับลิ้น จากนั้นทุกคนก็เบิกตามองดูฮุ่นตุ้นถูกลากเข้าไ ไปในเส้นทาง
ลมหมุนค่อยๆ หายไป ตรงก้อนหินนอกจากเส้นทางที่อยู่ในมือของผู้บำเพ็ญเซียนขั้นแปลงจิตสองคนดังเดิม ก็เป็นกลุ่มผู้บำเพ็ญเซียนซึ่งถูกฮุ่นตุ้น นโจมตีกระเจิดกระเจิงกำลังมองดูฮุ่นตุ้นหายไปอย่างนิ่งงันราวกับไก่ไม้
………………………….
[1] มู่อวี๋ หรือ ปลาไม้ เป็นไม้แกะสลักรูปปลาตรงกลางกลวง ใช้เคาะระหว่างสวดมนต์ของพุทธมหายาน