คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 371 เนื้อแห้ง
เยี่ยจื่อทางด้านข้างรีบโบกไม้โบกมือเอ่ยว่า “ไม่ใช่เนื้อแห้งเสียหน่อย นี่คือเนื้อเทพมังกร เป็นสิ่งล้ำค่าคู่เมืองของเมืองไป่เหอ เอาไว้กราบไหว้ไม่ได้เอาไว้กิน”
“พูดไปพูดมาก็ยังเป็นเนื้อแห้ง มีความสามารถอะไร หรือว่าวงเวทนี้ใช้เนื้อแห้งคงสภาพไว้?” สิ่งที่พูดคุยกันในตอนนี้คือเนื้อแห้ง ไม่ใช่ความรู้ทั่วไปของเผ่าปิศาจ จินเฟยเหยาลูบ คางตั้งใจมองเนื้อแห้งชิ้นนั้นอย่างละเอียด
“คนสมองกลวง นี่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพียงแขวนไว้ให้คนกราบไหว้ที่นี่” เยี่ยจื่อเงยหน้าขึ้นเอ่ยอย่างภาคภูมิ
จินเฟยเหยาพูดไม่ออกทันที ความเชื่อของเผ่าปิศาจจริงใจอย่างยิ่ง ต้องจดจำไว้ เพียงแต่ตนเองถามแบบนี้นางก็ไม่สงสัย น่าจะมีเพียงเผ่าปิศาจของพวกนางจึงกราบไหว้ ดังนั้นนางจึงถามว่า “ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตัวมโหฬารขนาดนี้ ยามมีชีวิตต้องร้ายกาจมากแน่”
“ถือว่าเจ้ารู้จักสิ่งของ นี่คือชิงหลงบรรพชนของเผ่าวารีเรา” เยี่ยจื่อมองจินเฟยเหยาอย่างกระหยิ่ม ใบหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิ
“ชิงหลง!” จินเฟยเหยาถูกความโชคดีกะทันหันโจมตีจนหูอื้อตาลาย นี่คือเนื้อของมังกรปิศาจเฒ่าสินะ วิญญาณจริงและเลือดเนื้อ เป็นเลือดเนื้อจริงๆ นึกว่าจะซ่อนอยู่ที่ใด คิดไม่ถึงว่าจ จะถูกคนเผ่าปิศาจเหล่านี้แขวนไว้กลางเมืองโดยไม่สนใจและไม่กลัวถูกคนเอาไปกิน
ระหว่างที่สนทนาปลาไป๋สุ่ยก็บินผ่านเนื้อแห้งไปแล้ว เยี่ยจื่อพนมสองมือขึ้นกราบไหว้เงียบๆ ส่วนจินเฟยเหยามองเนื้อแห้งด้านหลัง เบื้องหน้ามีแสงวาบ แสงสีเขียวกะพริบ สิ่งที่ประทับ ลงในดวงตาคือเกล็ดผลึกโปร่งใสสีเขียวสด หนังมังกรอยู่ด้านหลัง เนื้ออยู่ด้านหน้า
สายตาของจินเฟยเหยาไม่ละจากสีเขียวผืนนี้ เอ่ยชื่นชมว่า “แขวนไว้ที่นี่แบบนี้ หรือไม่กลัวว่ามีคนคิดจะขโมยไป ถ้านำเกล็ดพวกนี้ไปหลอมสร้างของวิเศษ แต่ละชิ้นต้องเป็นของชั้นย ยอดแน่”
“ผู้ใดกล้า! นี่คือสิ่งล้ำค่าของเมืองไป่เหอเรา นั่นคือเป็นศัตรูกับพวกเราเผ่ามาร ยิ่งไปกว่านั้นเบื้องบนยังมีวิญญาณจริงของชิงหลง อย่าเห็นว่าปกติมันซ่อนอยู่ในนั้น ทว่าขอเ เพียงมีโทสะขึ้นมา ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นว่างเปล่าก็อย่าหมายจะนำมันไปได้” เยี่ยจื่อหัวเราะอย่างดูแคลน
“อ้อ” จินเฟยเหยาพยักหน้ารับ วิญญาณจริงของตาเฒ่านั่นอยู่ที่นี่ครึ่งหนึ่งจริงๆ ผู้อื่นนำไปไม่ได้แน่นอน แต่ว่าข้าไม่เหมือนกัน เพียงแต่เพิ่งมาถึงรอสักระยะดีกว่า ทำความเข้าใจสภาพ พแวดล้อมรอบด้านแล้วค่อยว่ากัน ถึงอย่างไรมังกรปิศาจเฒ่าก็อยู่มาเกินหมื่นปีแล้ว แค่ไม่กี่วันไม่ต้องรีบร้อน
ปลาไป๋สุ่ยของผู้บำเพ็ญเซียนจางหลบหลีกผู้บำเพ็ญเซียนที่เหาะเหินและปลาไป๋สุ่ยตัวอื่นๆ ร่อนลงห่างจากถนนเส้นที่คึกคักที่สุดในเมือง มาถึงถนนสายเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน นนักทางด้านขวา เยี่ยจื่อพาจินเฟยเหยาลงจากปลาไป๋สุ่ย หลังจากเอ่ยขอบคุณผู้บำเพ็ญเซียนจางแล้วก็มองส่งปลาไป๋สุ่ยเหินขึ้นกลางอากาศออกจากเมืองไป่เหอ
จินเฟยเหยาเห็นปลาไป๋สุ่ยมุดออกจากวงเวท จึงเอ่ยปากถามว่า “เขารู้สึกว่าข้าอาจจะสังหารเจ้ากลางทางหรือติดหนี้แล้วหนีไปไม่คืนใช่หรือไม่จึงพาเจ้าและข้าส่งกลับมา”
เยี่ยจื่อมีสีหน้าแข็งทื่อ เอ่ยอย่างขัดเขิน “มีเรื่องแบบนั้นที่ไหน เผ่าปิศาจเราสมัครสมานกันอย่างยิ่ง เขาเพียงกลัวว่าเจ้าจะติดหนี้แล้วหนีไปไม่คืน ไม่ได้กลัวว่าเจ้าคิดจะฆ่าข้า”
“อย่างนั้นหรือ ตอนนี้ต้องทำอะไร? แต่ข้าขอบอกไว้ก่อน ข้าฝึกบำเพ็ญอยู่ที่ป่าลึกในภูเขามานานปี ปกติไม่ค่อยได้ติดต่อกับเผ่าปิศาจอื่นๆ ติดต่อแต่พวกสัตว์เล็กๆ ข้าไม่เข้าใจกฎ ฎเกณฑ์ของพวกเจ้า” จินเฟยเหยาหาทางลงให้กับตนเองก่อน เนื่องจากไม่รู้ความสัมพันธ์ของเผ่าปิศาจและสัตว์ปิศาจอย่างกระจ่าง นางได้แต่พูดเหมือนสัตว์ปิศาจกลายเป็นสัตว์เล็กๆ จะฟังรู้เร รื่องหรือไม่ต้องดูความเข้าใจของนาง
เมื่อเยี่ยจื่อได้ยินว่าสัตว์เล็กๆ ก็ตะลึงงันไปจริงๆ พอรู้ว่าเป็นอะไรจึงเอ่ยถามอย่างสงสัย “เจ้าใกล้ชิดกับสัตว์ระดับต่ำที่ยังไม่มีสติปัญญาพวกนั้น หรือว่า…เจ้าถูกท่านพ่อท่า านแม่ทอดทิ้งไว้ในภูเขา ดังนั้นจึงเป็นเพื่อนกับพวกมัน”
ราวกับรู้สึกว่าเรื่องน่าจะเป็นอย่างที่ตนเองคิด เยี่ยจื่อจึงพึมพำกับตนเองอย่างลำบากใจ “มิน่าเล่าเจ้าจึงไม่มียามังกรคำรามสักเม็ด คาดว่าคงตัดใจสังหารพวกสัตว์ไม่ได้ ดังนั้นจึงย ยากจนแบบนี้ ไปถึงที่ร้านคงทำอะไรไม่ได้ ทั้งยังเพิ่มมาอีกหนึ่งปากท้อง”
จินเฟยเหยาเบ้ปาก ที่แท้เผ่าปิศาจดูแคลนสัตว์ปิศาจ มีความสัมพันธ์กันอย่างไรต้องสอบถามให้กระจ่าง เพียงแต่สมองของสตรีเผ่าปิศาจผู้นี้คิดอะไรอยู่ เรื่องถูกทอดทิ้งก็คิดออกมาได้
“ใครบอกว่าข้ากับพวกมันสนิทกัน เนื่องจากข้าล่าพวกมันตามใจชอบจึงเรียกพวกมันว่าสัตว์เล็กๆ ความหมายคือสัตว์ตัวเล็กที่อ่อนแอและระดับต่ำ” พูดผิดแล้วพูดแก้ใหม่เป็นเรื่องที่ นางถนัดที่สุดจึงอ้าปากเปลี่ยนความหมายของสัตว์เล็กๆ
“แล้วเหตุใดเจ้าจึงยากจนขนาดนี้?” เยี่ยจื่อถอนโล่งอก ในเมื่อล่าสัตว์ได้ทำไมยังยากจนแบบนี้
จินเฟยเหยาหงุดหงิดมาก ยามังกรคำรามคือสิ่งของบ้าบออะไร คิดไม่ถึงว่าจะใช้เป็นเงินตราแทนศิลาวิญญาณ แต่ไม่เหมาะจะถามนางจึงมองเยี่ยจื่อแล้วเอ่ยว่า “ตอนข้ามาเจอหมู่บ้านเผ่าปิศา าจแห่งหนึ่ง เผ่าปิศาจด้านในถูกพิษประหลาด ต้องใช้ยามังกรคำรามไปซื้อหญ้าวิญญาณมาแก้พิษ พวกเขาใช้ยามังกรคำรามทั้งหมดจนเกลี้ยงยังไม่พอซื้อหญ้าวิญญาณอีกหลายต้น ข้าจึงให้ยามังก กรคำรามทั้งหมดแก่พวกเขา” นางชะงักไปนิดหนึ่งจึงพยักหน้าคุยโวโดยไม่ละอาย “ขอเพียงสามารถช่วยชีวิตพวกเขาได้ ถึงข้ายากจนก็ไม่เป็นไร”
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นปิศาจที่ใจดีขนาดนี้ มอบร้านให้เจ้าดูแลข้าก็วางใจ” เยี่ยจื่อมองนางอย่างยินดี คิดไม่ถึงว่าตนเองจะได้พบกับเผ่าปิศาจที่มีน้ำใจ เป็นปิศาจที่ดีจริงๆ
จินเฟยเหยาถูกชมก็รับไว้อย่างสงบโดยที่หน้าไม่แดงหัวใจไม่สั่น ติดตามเยี่ยจื่อเดินไปบ้านนาง นี่เป็นสถานที่ที่นางต้องพักชั่วคราว ทางที่ดีขอให้อาศัยอยู่อย่างสบายหน่อย
สองฟากของถนนเล็กๆ สายนี้มีร้านค้าจำนวนไม่น้อย แต่สามารถดูออกจากตัวบ้านว่าวัสดุที่ใช้ไม่ใช่ปะการังทว่าเป็นโขดหิน คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ไม่ร่ำรวยนัก ไม่ได้มีเพียงเผ่าปิศาจ เ เผ่ามารเส้นผมหลากสีสันและเผ่ามนุษย์ที่มีพลังบำเพ็ญเพียรขั้นหลอมรวมลงมาก็มีไม่น้อยส่วนมากต่างเปิดร้านเล็กๆ ร้านเล็กๆ ตั้งอยู่หน้าบ้านโขดหิน ด้านหลังไว้อยู่อาศัย ด้านหน้าเปิ ดเป็นร้านค้า อีกทั้งที่น่าสนใจคือหน้าร้านของบ้านโขดหินเหล่านี้ล้วนเป็นเปลือกหอยขนาดใหญ่
เปลือกหอยที่ภายนอกไม่งดงามและมีสีเทาเรียบลื่นแต่ละอันมีความสูงสองสามจั้ง กว้างสองจั้งกว่า ทั้งหมดติดอยู่ด้านหน้าบ้านโขดหิน เปิดประตูขุดหน้าต่างสองบานใช้แผ่นหินผลึกติด เหนื อประตูแขวนป้ายก็เป็นร้านเล็กๆ แห่งหนึ่งแล้ว
มีคนเดินบนถนนไม่มากนัก หลวมๆ กระจัดกระจาย บางครั้งจึงเห็นคนสองสามคนเหยียบย่างเข้าไปในร้านเล็กๆ เหล่านั้น เห็นภาพแบบนี้จินเฟยเหยาก็รู้ทันที ตนเองเจอเผ่าปิศาจยากจนเข้าแล้ว
อย่างที่คิดไว้ เยี่ยจื่อเดินนำนางมาถึงหน้าร้านเปลือกหอยที่เขียนว่าร้านขายของชำเยี่ย ผลักประตูพลางตะโกนเสียงดังว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว” จากนั้นก็ได้ยินด้านในมีเ เสียงตอบรับอย่างอ่อนแรงดังมา
จินเฟยเหยาเหยียบย่างเข้าไปยังมองเห็นภาพในร้านได้ไม่ชัดเจน ก็เห็นปิศาจเฒ่ากำลังนั่งหันหน้าเข้าหาประตูอยู่หลังโต๊ะคิดเงินอย่างอ่อนระโหย ปิศาจผู้นี้ชราภาพเกินไป ผิวหนังเหี่ยวย ย่นจนเหมือนคนชราธรรมดาอายุหนึ่งร้อยปีที่ใกล้ตาย ใบหูมีลักษณะครีบปลาเหมือนเยี่ยจื่อ เพียงแต่จิตใจหดหู่โดยสิ้นเชิงไม่เหมือนเยี่ยจื่อ มองดูอย่างละเอียดเหมือนแบกหัวปลาเฒ่าไว้บน นคอจริงๆ
ปลาปิศาจเฒ่าเพิ่งตอบรับก็เริ่มไอ เยี่ยจื่อรีบเข้าไปลูบหน้าอกให้เขาสบายขึ้น “ท่านพ่อ ท่านไปพักด้านหลังเถอะ ที่นี่ให้ข้าดูแลก็พอ”
เวลานี้มีปลาชราอีกตัวเดินออกมาจากในประตูเล็กหลังร้าน จินเฟยเหยากะพริบตาปริบๆ จึงพบว่ามองผิดไป เป็นปิศาจเฒ่าที่แก่จนใกล้จะสิ้นลมเช่นเดียวกัน หากมิใช่ชุดที่สวมเป็นอาภรณ์ สตรี นางยังนึกว่าเป็นท่านลุงของเยี่ยจื่อเสียอีก
“เยี่ยจื่อ เจ้ากลับมาแล้ว?” ปิศาจเฒ่าที่เดินออกมาจากประตูเล็กเอ่ยปากถาม น้ำเสียงชราภาพยิ่ง ไม่แน่ว่าจะยืนสิ้นใจอยู่ตรงนั้น
“ท่านแม่ ต่อไปพวกท่านสามารถผ่อนคลายได้มากขึ้นแล้ว ข้าหาผู้รับใช้มาคนหนึ่ง พวกท่านสองคนไม่ต้องทำงานเฝ้าร้านแล้ว” เยี่ยจื่อบอกนางด้วยรอยยิ้ม
จินเฟยเหยามองท่านพ่อของเยี่ยจื่อแล้วมองท่านแม่เยี่ยจื่อที่เดินออกมาช้าๆ พลางครุ่นคิดว่า ‘อายุขัยของเผ่าปิศาจยาวนานจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะแก่ชราได้ถึงขั้นนี้’
นางพบว่า ท่านพ่อท่านแม่ของเยี่ยจื่อมีพลังบำเพ็ญเพียรเพียงขั้นสร้างฐาน ยิ่งทำให้นางเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเผ่าปิศาจไม่ใช่สัตว์ปิศาจที่เลื่อนขั้นขึ้นมา พวกเขาล้วนต้องถือกำเนิดออก กมาเหมือนกับเผ่ามนุษย์และเผ่ามาร
ได้ยินเยี่ยจื่อบอกว่าเชิญผู้รับใช้มา ท่านแม่เยี่ยจื่อเดินมาถึงเบื้องหน้าจินเฟยเหยาด้วยสายตาพร่ามัว พยายามเบิกตามองหลายครั้งก็เกือบจะตกใจจนขาอ่อนยวบ นางรีบยืนทรงกายเอ่ยอย่า างลนลานว่า “ผู้อาวุโสอย่าได้ถือสา บุตรสาวของข้าอายุยังน้อยไม่รู้ความ ทำตัวไม่ดีไปล่วงเกินท่าน”
อย่าเห็นว่านางแก่ชราใกล้ตาย แต่พลังจิตวิญญาณภายในกลับไม่เลว ถึงอย่างไรก็มีพลังบำเพ็ญเพียรขั้นสร้างฐานช่วงปลาย เพียงแต่ผิวหนังชราเกินไปหน่อย ที่จริงร่างกายไม่ได้อ่อนแออย่ างที่เห็น
“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าติดค้างมุกลวดลายสดใสเยี่ยจื่อ ทว่าในตัวข้าไม่มีของมีค่า ได้แต่ทำงานใช้หนี้นางชั่วคราว เจ้าไม่ต้องเกรงใจ” จินเฟยเหยายิ้มให้นาง
“มุกลวดลายสดใส?” ท่านแม่ของเยี่ยจื่อเริ่มลังเล ร้านเล็กๆ แห่งนี้อาศัยเยี่ยจื่อแบกรับคนเดียว เนื่องจากมีพลังบำเพ็ญเพียรเพิ่งขั้นหลอมรวมช่วงต้น สิ่งของที่หามาจึงไม่ค่อยดีนัก ซื้อสินค้าเข้าร้านถูกๆ แล้วนำมาขายแพงๆ ทั้งยังไม่มีเงินทุน บวกกับเดิมทีสถานที่ก็อยู่ห่างไกล การค้าจึงยิ่งเงียบเหงา
ส่วนมุกลวดลายสดใสเป็นวัตถุดิบหลักในการหลอมสร้างยามรกตสดใส ขายได้เร็วราคาก็สูง อย่างไรก็ได้ยามังกรคำรามแปดเม็ด นี่เป็นรายได้ของสองเดือน
ถึงแม้จะไม่คิดและไม่กล้าล่วงเกินเผ่าปิศาจขั้นกำเนิดใหม่ ทว่าคิดถึงยามังกรคำรามแปดเม็ดที่หลุดลอยไป นางปิศาจชราก็ครุ่นคิดอย่างลำบากใจอยู่นาน หางตามองเยี่ยจื่อที่แสร้งทำเป็น ใสซื่อและปิศาจเฒ่าที่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวจึงแสร้งทำเป็นไอ ก็ตัดสินใจได้
นึกว่านางจะเกรงกลัวพลังบำเพ็ญเพียรของตนเอง เป็นตายก็ไม่กล้าให้ตนเองเป็นผู้รับใช้ จินเฟยหยาตัดสินใจแล้ว ถึงตอนนั้นเดินในเมืองไป่เหอสักรอบก่อน จากนั้นหลังจากสอบถามสภาพแวด ดล้อมรอบด้านจนกระจ่าง ค่อยออกไปสังหารสัตว์ปิศาจแลกยามังกรคำรามอะไรนั่นเล็กน้อย หาที่พักแห่งหนึ่งหลอมสร้างหวาหวั่นซีให้เสร็จจึงนำเลือดเนื้อและวิญญาณจริงของมังกรปิศาจไป
แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือท่านแม่ของเยี่ยจื่อถูมือเอ่ยอย่างขัดเขิน “ผู้อาวุโส บ้านเราพอดีมีห้องว่างอยู่ เพียงแต่ไม่มีคนอาศัยอยู่มานานต้องเก็บกวาดหน่อย ข้าจะไปทำความสะอาดห้องเดี๋ ยวนี้ ให้ผู้อาวุโสอาศัยอยู่อย่างสะอาดสะอ้าน ตอนค่ำข้าจะปรุงอาหารดีๆ สักโต๊ะเป็นอาหารเลี้ยงต้อนรับผู้อาวุโส”
ไม่รอให้จินเฟยเหยาตอบ นางก็หมุนตัวเดินไปด้านหลังราวกับเหินบินอย่างมีชีวิตชีวา ปราศจากท่าทางแก่ชราเมื่อครู่
เจ้าพวกนี้! เพื่อยามังกรคำรามแปดเม็ดก็กล้ารั้งคนขั้นกำเนิดใหม่ไว้เป็นผู้รับใช้ มิใช่ยากจนยิ่งกว่าข้าหรือ! เดี๋ยวก่อน หรือว่าเผ่าปิศาจที่นี่กินอาหารกันทั้งวัน เช่นนั้นก็กิ นอาหารเลี้ยงต้อนรับก่อน ดูสิว่าพวกเผ่าปิศาจใต้ทะเลกินอะไรกันบ้าง