คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 372 เผ่าปิศาจ
ท่านแม่ของเยี่ยจื่อไปทำอาหาร ส่วนเยี่ยจื่อถามชื่อจินเฟยเหยาและพานางไปดูสินค้าในร้าน
ภายในร้านจัดวางตู้แสดงสินค้าซึ่งทำจากโขดหินจำนวนไม่น้อย บนกำแพงแขวนเปลือกหอยที่มีเพียงครึ่งเดียวไว้จำนวนมาก สินค้าบางอย่างวางอยู่บนเปลือกหอยเหล่านี้ ส่วนสินค้าเป็นสิ่งที่ จินเฟยเหยาไม่เคยเห็นมาก่อน
มีตั้งแต่มุกเล็กๆ อันงดงามจนถึงก้อนหินที่แลดูธรรมดา ยังมีกิ่งปะการังหน้าตาแปลกประหลาดนานาชนิด หนังและกระดูกสัตว์ อีกทั้งในโขดหินตรงมุมยังมีสาหร่าย มีของกินของใช้จิปาถะทุกอย่ างจริงๆ
“สิ่งที่ราคาแพงที่สุดคือของเหล่านี้?” สินค้าในร้านมีมากมาย อีกทั้งพอเห็นก็รู้ว่าไม่มีค่า จินเฟยเหยาเอ่ยถามอย่างสงสัย
เยี่ยจื่อชี้โขดหินที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งทางเข้าที่สะดุดตาที่สุดในร้าน “ทั้งหมดอยู่บนนั้น นี่คือพิษแมงกะพรุนกุหลาบ ยังมีกระดองเต่าลมกรดและหญ้าหนวดมังกร”
“มีของน้อยแค่นี้? แล้วสิ่งของอื่นๆ มีไว้ทำอะไร นี่คือร้านที่ขั้นหลอมรวมเปิดหรือ!” จินเฟยเหยามองนางอย่างหมดวาจา สุกเอาเผากินเกินไปจริงๆ
“อย่างอื่นถึงจะไม่มีค่าทว่าเป็นสิ่งของที่ขั้นฝึกปราณใช้ได้ ทั้งหมดอาศัยสิ่งของเหล่านี้ค้ำจุนร้านไว้ ดังนั้นนับจากวันนี้ไป ต้องรบกวนท่านออกไปล่าสัตว์กลับมา ขอแค่สิ่งของที่ มีราคาเท่ากับยามังกรคำรามแปดเม็ดก็จะให้ท่านไป” เยี่ยจื่อเท้าสะเอวเอ่ยวาจา
จินเฟยเหยาเอียงศีรษะมองนางแวบหนึ่ง จากนั้นก็ยื่นมือข้างหนึ่งออกมา “เจ้าเอายามังกรคำรามเม็ดหนึ่งมาให้ข้าดูหน่อย ว่าเหมือนกับของข้าในอดีตหรือไม่ ถ้ามีตำรับยาก็ยิ่งดี ข ข้าหลอมให้เจ้าโดยตรงก็ได้”
“ยามังกรคำรามจะไม่เหมือนกันได้อย่างไร” เยี่ยจื่อทำปากยื่น หยิบขวดเล็กๆ ใบหนึ่งออกมาจากถุงเฉียนคุนอย่างระแวดระวังและเทยาขนาดเมล็ดถั่วเหลืองเม็ดหนึ่งออกมาจากในนั้น
จินเฟยเหยารับมาดู ยาเม็ดนี้สีเหลืองอ่อน มีกลิ่นหอมของยาจางๆ เป็นยาเพิ่มพลังบำเพ็ญเพียร เพียงแต่ระดับขั้นต่ำเกินไปเป็นแค่ยาขั้นหนึ่งเท่านั้น
นางเห็นยาในมือก็อดเอ่ยไม่ได้ “ระดับขั้นต่ำเกินไปแล้ว”
เยี่ยจื่อใช้มือแย่งยามังกรคำรามไป เอ่ยด้วยใบหน้าแดงก่ำเล็กน้อย “ท่านอย่านึกว่าสิ่งที่ท่านต้องชดใช้ข้าคือยามังกรคำรามขั้นหนึ่ง ที่ข้าเอ่ยถึงคือขั้นสอง ไม่ถูกสิ! ยามังกร คำรามขั้นสาม ท่านต้องคืนยามังกรคำรามขั้นสามให้ข้าแปดเม็ด อย่านึกว่าใช้ยาขั้นหนึ่งก็จะไล่ข้าไปได้”
ขั้นหนึ่งขั้นสอง? หรือว่ามีความหมายเหมือนศิลาวิญญาณชั้นล่างและศิลาวิญญาณชั้นกลาง นำยามังกรคำรามมาคำนวณตามระดับขั้น ทว่าสิ่งนี้คุณภาพสูงเพียงใดกันแน่
สนทนากับเยี่ยจื่อรอบหนึ่ง จินเฟยเหยาจึงนับว่าเริ่มเข้าใจโลกแห่งนี้ ยามังกรคำรามคำนวณตามระดับขั้น จากขั้นหนึ่งไปจนถึงขั้นสิบ คุณภาพของยามังกรคำรามหลักๆ คือตำรับยาและว วัตถุดิบที่ใช้แตกต่างกัน โดยพื้นฐานใช้วัตถุดิบเหมือนกัน ทว่าขอเพียงเพิ่มหญ้าวิญญาณอย่างอื่นเข้าไป คุณภาพก็จะแตกต่างกัน ส่วนตำรับยามังกรคำรามก็กันมีแทบทุกคน แต่ผู้บำเพ็ญเซ ซียนส่วนมากไม่กล้าหลอมยาโดยตรง ถ้าหลอมเสียหายทั้งหมดคือเงิน
ยาเพิ่มพลังบำเพ็ญเพียรมีมากมาย ทว่าเหตุใดจึงใช้เพียงยาชนิดนี้ เรื่องนี้ทำให้จินเฟยเหยาไม่เข้าใจอยู่บ้าง หลังจากสอบถาม นางจึงรู้ว่าหญ้าวิญญาณของโลกวิญญาณฝั่งนี้มีไม่มากชน นิด ยาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดและมีจำนวนมากที่สุดคือยามังกรคำราม อีกทั้งจำแค่วิธีหลอมสร้างยาชนิดนี้ก็พอ ระดับขั้นยิ่งสูงพลังการบำเพ็ญเพียรยิ่งเพิ่มมากขึ้น อย่างผู้บำเพ พ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่กินยามังกรคำรามขั้นหกก็พอ
ตำรับยาเพิ่มพลังบำเพ็ญเพียรที่นางรู้ทั้งหมด แทบจะไม่มีทางหลอมสร้างได้ที่นี่ ท่าทางตนเองได้แต่คิดหาวิธีให้ได้ยามังกรคำรามมา
“ผู้อาวุโส งานเลี้ยงต้อนรับจัดเสร็จแล้ว เชิญนั่งได้” เวลานี้ท่านแม่ของเยี่ยจื่อเดินออกมาเชื้อเชิญอย่างยิ้มแย้ม
ดังนั้นจินเฟยเหยาจึงเดินตามพวกนางไปด้านหลัง บนโต๊ะด้านในจัดวางอาหารร้อนกรุ่นสิบกว่าจาน หลังจากทุกคนนั่งที่ ท่านแม่ของเยี่ยจื่อจึงเอ่ยแนะนำ “ผู้อาวุโส เชิญลิ้มลองอาหารจานพิ เศษของพวกเราที่นี่ นี่คือสาหร่ายต้ม สลัดสาหร่าย สาหร่ายทอด สาหร่ายน้ำ สาหร่ายแห้ง สาหร่ายนึ่ง…”
บนโต๊ะนอกจากสาหร่ายก็เป็นสาหร่าย วิธีปรุงแตกต่างกัน ทว่าแทบทั้งหมดเป็นอาหารชนิดเดียวกัน จินเฟยเหยาหยิบตะเกียบมองอย่างหมดวาจา ไม่มีความอยากอาหารเลยสักนิด
“พวกเจ้ากินเจหรือ?” จินเฟยเหยาเอ่ยถาม
ทั้งบ้านเยี่ยจื่อยกชามพลางมองดูนาง “ใช่ พวกเรากินเจมาตลอด คนทั้งเมืองไป่เหอล้วนกินเจ ถึงสังหารสัตว์ทะเลก็ไม่นำเนื้อเข้ามาในเมือง อยากกินก็ได้แต่กินอยู่นอกเมือง ภายในเมือง งห้ามกินเนื้อ”
“เพราะเหตุใด!” ไร้เหตุผลมากไปแล้ว ผู้บำเพ็ญเซียนงดอาหารไม่กินข้าวนั้นช่างเถอะ ถึงกินก็เป็นไปไม่ได้ที่จะกินเจอย่างเดียว
“เนื่องจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์คือเนื้อมังกรเทพ ดังนั้นจึงห้ามทุกคนกินเนื้อ เผ่าปิศาจชอบกินอาหารตามธรรมชาติ ถึงพลังบำเพ็ญเพียรสูงก็ยังไม่ลืมกินอาหาร ทว่าเนื่องจากเกี่ยวพันกับเนื้ อมังกรเทพ พวกเรากินเจก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรอีกสองเผ่าก็ไม่กินอาหาร คำสั่งห้ามนี้ไม่ค่อยมีผลกับพวกเขา ท่านรีบลองชิมดู อร่อยมากนะ” เยี่ยจื่อนำสาหร่ายวางลงเบื้องหน้าจินเฟ ฟยเหยาอย่างกระตือรือร้น พรุ่งนี้ยังคิดจะให้นางออกไปล่าสัตว์ทะเล ย่อมต้องตีสนิทให้ตั้งใจทำงานดีๆ หน่อย
จินเฟยเหยาฝืนใจกินสาหร่ายต้มคำหนึ่ง นี่คือต้มในน้ำเกลือ! จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นสลัด ก็มีเพียงรสน้ำเกลือ ชิมอาหารจานนึ่งต่อ ก็ยังเป็นนึ่งเกลือ ไม่ว่าวิธีทำจะเป็นแบบใด ทุ กอย่างมีเพียงรสเดียว รสน้ำเกลือ!
รสชาติแย่เกินไป นี่คืออาหารรสชาติแย่ที่สุดที่เคยกินในชาตินี้ รสชาติแย่กว่าถ่านที่ใต้เท้าหลงย่างออกมาอีก จินเฟยเหยาได้แต่วางตะเกียบ อธิบายด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าอิ่มแล ล้ว ที่จริงเนื่องจากข้าทุ่มเทฝึกบำเพ็ญ ดังนั้นจึงงดอาหารมานาน เพียงเพื่อนำเวลามาฝึกบำเพ็ญ”
“ว้าว ท่านจริงจังมาก ถึงกับละการกิน น่าเสียดายจริงๆ” ครอบครัวของเยี่ยจื่อมีสีหน้าเสียใจราวกับสาหร่ายทะเลบนโต๊ะเป็นอาหารเลิศรส จินเฟยเหยาไม่กินคือเสียของแท้ๆ
จากนั้นก็เห็นแต่ละคนในครอบครัวเยี่ยจื่อยกชามใหญ่เท่าใบหน้ากินสาหร่ายพวกนั้นคำโตๆ อย่างเจริญอาหาร จินเฟยเหยามองไปมองมาพบว่าไม่ถูกต้อง หรือว่าเผ่าปิศาจทั้งหมดเป็นตัวกินจุ!
“พั่งจื่อ เจ้าจะออกมากินหรือไม่” อาหารเลิศรสแบบนี้จะลืมพั่งจื่อไปได้อย่างไร จินเฟยเหยาจึงล้วงในอก หิ้วพั่งจื่อออกมาวางบนโต๊ะ จากนั้นวางชามของตนเองลงเบื้องหน้ามัน ในนั้นใ ใส่สาหร่ายไว้ ทั้งหมดเป็นสาหร่ายที่นางคีบมาแล้วไม่อยากกิน
“อ๊บๆ!” พั่งจื่อพยายามประท้วง ตนเองเป็นสัตว์กินเนื้อ ผู้ใดจะกินพืชเลี้ยงปลาแบบนี้!
“สัตว์ภูติของท่านตัวนี้หน้าตาประหลาดมาก นี่มิใช่สัตว์ในทะเลสินะ?” เยี่ยจื่อกินพลางเอ่ยถามอย่างสงสัย
จินเฟยเหยาตบหัวพั่งจื่อพลางเอ่ยยิ้มๆ “นี่คือสัตว์ที่เติบโตในสระน้ำ”
“สระน้ำ? เป็นสถานที่ซึ่งน้ำมีขนาดแค่บ้านสินะ ถึงแม้ข้าไม่เคยไปจากก้นทะเลมาก่อน ทว่าเคยได้ยินมา สถานที่เล็กแค่นั้นจะอาศัยอยู่ได้อย่างไร แค่สระอาบน้ำ” เยี่ยจื่อส่ายศีรษะ ไม่ก กล้าจินตนาการว่าสถานที่แบบนั้นจะอาศัยอยู่ได้อย่างไร
จินเฟยเหยาเพียงยิ้มไม่ได้พูดมากความ มองนางกินสาหร่ายที่รสชาติแย่อย่างรวดเร็ว นางนั่งไม่ติดอยู่บ้าง ดังนั้นจึงบอกว่า “ข้ากินอิ่มแล้ว คิดจะออกไปดูข้างนอกหน่อย อย่างไรข้า าก็เพิ่งมาที่นี่ ถึงอยากจะช่วยเจ้าทำงานก็ต้องทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ ไม่เช่นนั้นข้าออกไปแล้วกลับมาไม่ได้ จะช่วยเจ้าล่าสัตว์ได้อย่างไร”
เยี่ยจื่อที่มีสาหร่ายเต็มปาก ตอบเสียงอู้อี้ว่า “ไม่เป็นไร ข้าพาท่านไปหลายรอบก่อน จะให้ท่านที่ไม่รู้จักทางไปคนเดียวได้อย่างไร”
“ก็ได้ ทว่าต้องให้ข้าไปดูในเมืองบ้าง ถึงอย่างไรก็ไปพรุ่งนี้ ข้าจะไปดูทิวทัศน์สักหน่อย” จินเฟยเหยาต้องจะออกไปสอบถามสภาพการณ์ อีกอย่างนั่งมองพวกเขากินข้าวอยู่ที่นี่ก็น่าเบื อ
“เอาเถอะ ท่านจำไว้ว่าพวกเราอยู่ถนนสาหร่าย ถ้ากลับมาไม่ถูกถามทางหน่อยก็พอ” เยี่ยจื่อคิดว่าจินเฟยเหยามอบยามังกรคำรามทั้งหมดของตนเองให้คนอื่น ต้องไม่หนีไปเพราะยามังกรคำราม มแปดเม็ดแน่จึงให้นางออกไปเดินอย่างวางใจ อีกทั้งเผ่าปิศาจจะไม่รังแกเผ่าปิศาจด้วยกัน ไม่มีเผ่าใดสามัคคีเท่าพวกเขา ไม่เหมือนคนเผ่ามารที่กักขฬะ ต่อให้เป็นเผ่าเดียวกันก็สังหาร ทิ้งได้เนื่องจากบันดาลโทสะ
ถนนสาหร่าย จินเฟยเหยาหางตากระตุก เป็นชื่อถนนที่เข้ากับที่นี่มากจริงๆ สถานที่ซึ่งคนร่ำรวยอาศัยอยู่ ต้องชื่อว่าถนนมุกถนนปะการังแน่
หลังจินเฟยเหยาเดินออกจากบ้านเยี่ยจื่อก็โล่งอก ทนกลิ่นสาหร่ายเต็มบ้านไม่ไหวจริงๆ เงยหน้าขึ้นมองไปทางที่แขวนเนื้อมังกรปิศาจแล้วนางจึงเดินไปทางนั้น ไม่เพียงคิดจะชมดูมันให้ ละเอียด ยังคิดจะสอบถามเรื่องบางอย่างด้วย
ตอนจินเฟยเหยากลับมาท้องฟ้าก็มืดแล้ว ก่อนหน้านี้นางยังกังวลแทนคนที่ชอบนอนหลับ มุกมากมายส่องสว่างขนาดนี้จะหลับลงได้อย่างไร ทว่าพอถึงเวลา มุกที่เริ่มส่องสว่างเหล่านั้นเริ มมืดลง แสงสว่างไม่ได้หายไปทั้งหมด เหลือเพียงแสงสลัวราง ทั่วทั้งเมืองไป่เหอมืดลง แบบนี้ก็เหมือนกลางวันกลางคืนบนแผ่นดินใหญ่แล้ว
ตอนนางกลับมาเยี่ยจื่อกำลังยืนมองอยู่ตรงประตูเหมือนสาวน้อยข้างบ้านที่ไม่มีพลังบำเพ็ญเพียร เห็นนางกลับมาก็เข้ามารับอย่างยินดี “ข้านึกว่าผู้อาวุโสหลงทาง ยังคิดจะออกไปตามหา า แต่คิดๆ ดูแล้วในเมืองกว้างใหญ่มาก ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสเดินไปที่ใด”
“ข้าแค่เดินนานไปหน่อย พวกเราเข้าไปเถอะ” จินเฟยเหยายิ้มให้นาง ก่อนหน้านี้ยังรู้สึกว่าเหตุใดสตรีเผ่าปิศาจขั้นหลอมรวมผู้นี้จึงเหมือนเด็กน้อย รู้สึกเหมือนยังไม่โต ทว่านางเด ดินในเมืองไป่เหอรอบหนึ่งจึงรู้ว่าเหตุใดเยี่ยจื่อจึงเป็นเด็กน้อยขนาดนี้ คำนวณดูอายุของยายนี่ตามเผ่าปิศาจ ตอนนี้เท่ากับเด็กน้อยเผ่ามนุษย์อายุห้าขวบเท่านั้น
อายุขัยของเผ่ามารยาวนานยิ่ง ทว่าอายุขัยของเผ่าปิศาจยาวนานกว่า ก่อนหน้านี้เคยถามเยี่ยจื่อ นางบอกว่าตนเองอายุหนึ่งร้อยห้าสิบปีเพิ่งเลื่อนเป็นขั้นหลอมรวมและนางจะเติบโตเต็มที่ เมื่ออายุห้าร้อยปี ดังนั้นจึงรู้สึกว่าการกระทำใสซื่อไร้เดียงสา
จินเฟยเหยาสอบถามเรื่องหนึ่ง นั่นคือความสัมพันธ์ระหว่างเผ่าปิศาจและสัตว์ปิศาจ เผ่าปิศาจและสัตว์ปิศาจมีความเกี่ยวข้องกันแปดส่วนจริงๆ เผ่าปิศาจในช่วงแรกสุดคือสัตว์ปิศาจหลังจากเลื อนเป็นขั้นเทพ หลังมีสติปัญญาจึงรวมกลุ่มกัน ทว่าตอนสัตว์ปิศาจเลื่อนเป็นขั้นเทพต้องเผชิญเคราะห์สายฟ้า สัตว์ปิศาจจำนวนมากผ่านด่านเคราะห์สายฟ้าไม่ได้ หากไม่กลายเป็นเถ้าธุลีพลัง บำเพ็ญเพียรก็ลดฮวบ
ส่วนเผ่าปิศาจที่กลายร่างเป็นคนได้แล้ว ก็เริ่มสร้างเมือง ผูกสัมพันธ์เป็นสามีภรรยาให้กำเนิดเด็กน้อยซึ่งเป็นเผ่าปิศาจโดยกำเนิด อย่างครอบครัวเยี่ยจื่อทุกคนล้วนเป็นเผ่าปิศาจโดยกำเ เนิด
เพียงแต่มีปัญหาข้อหนึ่ง เผ่าปิศาจเช่นนี้จะถูกควบคุมคุณสมบัติ ไม่เหมือนสัตว์ปิศาจที่มีข้อจำกัดแค่เรื่องเวลาในการบำเพ็ญเพียร ดังนั้นพลังบำเพ็ญเพียรของเผ่าปิศาจจำนวนมากจึงต่ำต้อย ย เผ่าปิศาจที่แข็งแกร่งที่สุดยังเป็นเผ่าสัตว์ที่ผ่านด่านเคราะห์สายฟ้าโดยตรง พวกเขามีสถานะสูงสุดในเผ่าปิศาจ อีกทั้งยังเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดด้วย