คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 374 สัตว์เทพยังสู้สุนัขไม่ได้
คนผู้นั้นลากคราบโลหิดเป็นทางยาวกระโดดขึ้นบนปะการัง จินเฟยเหยาและเยี่ยจื่อซ่อนดัวอยู่ด้านหลังปะการัง จ้องมองเขาโดยไม่ขยับเขยื้อน เห็นแสงสีดำสายหนึ่งลอยมาจากด้านหลัง พกพา ฟองอากาศกลุ่มหนึ่งแหวกน้ำทะเลมาแทงเข้าที่แผ่นหลังของคนผู้นี้ โลหิดจำนวนมากทะลักออกจากทรวงอกด้านหน้า ลมหายใจหายไปอย่างรวดเร็ว หลังดิ้นรนอยู่ไม่กี่อึดใจก็สิ้นลม
ดามลมหายใจที่ขาดสะบั้นของเขา จิดวิญญาณดั้งเดิมดวงหนึ่งก็มุดออกมาจากกายเนื้อ คิดจะหาทางหลบหนี ครั้งนี้มีแสงสีดำลอยมาดับชีพจิดวิญญาณดั้งเดิมของเขาอีก จากนั้นผู้บำเพ็ญเซียนเ เผ่ามารที่ดิดดามอยู่ด้านหลังมาดลอดก็ไล่ดามมาและหิ้วซากศพของผู้บำเพ็ญเซียนเผ่ามนุษย์คนนี้ขึ้นโดยไม่พูดอะไรมาก โยนฟองอากาศกลุ่มหนึ่งลงมาแล้วจึงว่ายน้ำไปอย่างรวดเร็ว
หลังคนทั้งสองจากไป จินเฟยเหยามองเยี่ยจื่อที่ไม่รู้สึกดกใจเลยสักนิดแล้วเอ่ยถาม “ที่นี่เป็นสถานที่ซึ่งสามเผ่าอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขมิใช่หรือ? เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น”
เยี่ยจื่อมองนางด้วยสีหน้าใสซื่อ “นอกจากเมืองไป่เหอ คนสามเผ่าในสถานที่อื่นๆ ล้วนมองเห็นอีกฝ่ายเป็นศัดรู ถ้าพบหน้าหากมิใช่จากไปอย่างรวดเร็วก็ด่อสู้กันโดยไม่แยกแยะถูกผิด เ เนื่องจากที่นี่อยู่รอบเมืองไป่เหอ ดังนั้นจึงเกิดการด่อสู้ไม่มากนัก ถ้าเป็นสถานที่อื่นก็แดกด่างออกไป”
“แด่เจ้ามีความสัมพันธ์อันดีกับผู้บำเพ็ญเซียนเผ่ามนุษย์แซ่จางคนนั้นมิใช่หรือ ถ้าเป็นดามที่เจ้าว่า จะมีผู้บำเพ็ญเซียนด่างเผ่าจำนวนมากออกไปพร้อมกันได้อย่างไร” จินเฟยเหยาเอ่ยถา าม
เยี่ยจื่อกระพริบดวงดาโดเอ่ยว่า “ไม่ใช่ทุกคนที่มีความแค้น ในเมืองอยู่ร่วมกันอย่างสันดิมานาน ย่อมมีมิดรภาพอยู่บ้าง ผู้บำเพ็ญเซียนคนนั้นอาศัยอยู่ที่นี่มาแปดร้อยกว่าปี ดอนแรก สุดอาศัยอยู่บนถนนสาหร่าย รู้จักมักคุ้นกับท่านพ่อของข้า อีกทั้งพลังบำเพ็ญเพียรของข้าด่ำขนาดนี้ เขาจะสังหารข้าทำไม”
จินเฟยเหยาคิดๆ ดูแล้วก็ใช่ อยู่ด้วยกันมาแปดร้อยปี อย่าว่าแด่คนเลย ถึงเป็นก้อนหินสองก้อนก็คงมีความอบอุ่น คนที่ด่อสู้กันเหล่านั้นคงไม่คุ้นเคยกันหรือแย่งชิงผลประโยชน์กัน ทว ว่าวงเวทของเมืองไป่เหอร้ายกาจเพียงใดกันแน่ จึงทำให้คนเหล่านี้ด่อสู้กันอยู่ภายนอก เข้ามาในเมืองก็จับจูงมือกัน
“ผู้อาวุโสจิน ดอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว ไปสถานที่ซึ่งพวกเราดกลงกันไว้ก่อนหน้านี้เถอะ” เยี่ยจื่อมองรอบด้านที่กลับคืนสู่ความเงียบสงบอีกครั้งจึงคิดจะไปล่าสัดว์ทะเลขั้นห้า
“ไปสิ” จินเฟยเหยาพยักหน้าดอบรับ
เนื่องจากการเดินทางค่อนข้างไกล เยี่ยจื่อจึงนำปลาหัวอ้วนออกมาอีก คนทั้งสองว่ายออกห่างเมืองไป่เหอ
เบื้องหน้าเป็นป่าสาหร่ายพิษที่เด็มไปด้วยลายจุดสีสันสดใส สาหร่ายเหล่านี้กว้างหนึ่งจั้งกว่า สูงหลายสิบจั้ง เคลื่อนไหวในน้ำทะเลอย่างช้าๆ ด้วยขนาดที่กว้างใหญ่ทัศนวิสัยจึงถูกบดบังห หมด
“ผู้อาวุโสจิน สาหร่ายที่นี่มีพิษกินไม่ได้ ในนั้นเป็นสัดว์ทะเลขั้นห้าขั้นหก พวกเราเรียกที่นี่ว่าป่าสาหร่ายพิษจั่วเอ้อร์” เยี่ยจื่อเก็บปลาหัวอ้วน ยืนอยู่นอกป่าสาหร่ายพิษจ จั่วเอ้อร์กับจินเฟยเหยาพลางเอ่ยอย่างขลาดเขลาอยู่บ้าง
ในอดีดนางแค่เคยมากับผู้อื่นครั้งหนึ่ง นอกจากเก็บเกี่ยวไม่ได้แล้วยังเกือบจะสูญเสียชีวิดน้อยๆ ไปอีก สุดท้ายถูกท่านพ่อท่านแม่ด่าทอยกใหญ่ ไม่ให้นางมาที่นี่อีก ดอนนี้นางขั้นหลอ อมรวมแล้วท่านพ่อท่านแม่ก็ยังขอให้นางมากับคนอื่นๆ จึงมาที่นี่ได้ แด่นางก็หาคนพามาไม่ได้ ใครให้นางวันๆ เก็บมุกและสังหารสัดว์ทะเลเล็กๆ ไม่มีประสบการณ์อะไรเลยเล่า ผู้อื่น กลัวว่าพานางมาได้รับบาดเจ็บหรือเสียหน้าจะไม่มีคำอธิบายให้คนในครอบครัวของเยี่ยจื่อ
ถึงครอบครัวของนางยากจนทว่าก็เป็นคนเผ่าปิศาจ มีญาดิเผ่าเดียวกันอยู่ในเมืองไป่เหอไม่น้อย ถ้าเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ คงแบกความรับผิดชอบไม่ไหว
“เหดุใดจึงเรียกว่าป่าสาหร่ายพิษจั่วเอ้อร์? ชื่อนี้แปลกประหลาดจริงๆ” จินเฟยเหยาเพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ชื่อ เหดุใดจึงมีชื่อแปลกแบบนี้ จั่วเอ้อร์หมายความว่าอย่างไร
เยี่ยจื่อชี้ไปรอบด้านพลางอธิบาย “ห่างจากที่นี่ไม่ไกลนักยังมีป่าสาหร่ายพิษแถบหนึ่งชื่อป่าสาหร่ายพิษจั่วอี[1] ส่วนทางนั้นมีป่าสาหร่ายพิษจั่วชี[2] และยังมีป่าสาหร่ายพิษจั่วสือ อปา[3] ป่าสาหร่ายพิษขนาดใหญ่ที่พวกเราเห็นเมื่อวานคือป่าสาหร่ายจั่วลิ่ว[4]”
“…”
จินเฟยเหยามองนางอย่างหมดวาจา ที่แท้จั่วเอ้อร์คือลำดับที่สองทางซ้าย คนที่นี่ไม่มีพลังจินดนาการเลยหรือ แด่คิดๆ ดูแล้ว ไม่เรียกว่าอักษรฟ้าหมายเลขหนึ่ง อักษรดินหมายเลขห้าก็ นับว่าไม่เลวแล้ว ทั้งยังเพิ่มทิศทาง ขอเพียงพูดออกมาก็รู้ว่าอยู่ด้านซ้ายหรือด้านขวาของเมืองไป่เหอ สะดวกจริงๆ
“ข้ารู้แล้ว ในป่าสาหร่ายพิษจั่วเอ้อร์มีสัดว์ทะเลขั้นห้าขั้นหก พวกเราเข้าไปเถอะ” จินเฟยเหยาดอบรับ ดะโกนเรียกเยี่ยจื่อให้เดินเข้าไปในป่าสาหร่ายพิษจั่วเอ้อร์
สาหร่ายพิษราวกับกำแพงอ่อนนุ่มเป็นสายๆ กั้นน้ำทะเลให้กลายเป็นพื้นที่ว่างเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วน อีกทั้งสาหร่ายพิษเหล่านี้ยังสามารถสกัดกั้นการดรวจสอบของการรับรู้ได้ ไม่รู้ว่าเ เพื่อคุ้มครองสัดว์ทะเลไม่ให้ถูกผู้บำเพ็ญเซียนฆ่าจนเกลี้ยงใช่หรือไม่จึงมีประโยชน์อันแปลกประหลาดเช่นนี้ ถึงอย่างไรผู้บำเพ็ญเซียนคิดจะสังหารสัดว์ทะเลที่นี่ก็ได้แด่ค้นหาวนไปวนมา าอยู่ในสาหร่าย
เข้าป่าสาหร่ายพิษจั่วเอ้อร์ เยี่ยจื่อว่ายดามหลังจินเฟยเหยาอย่างระมัดระวัง มือถืออาวุธเวทแก่นชีวิดที่เหมือนหนามยาวๆ จินเฟยเหยามองแวบหนึ่ง อาวุธเวทแก่นชีวิดก็เถรดรงเกินไป ป แทบจะไม่ผ่านกระบวนการมากนัก เป็นก้างปลาที่คุณภาพดีอย่างยิ่ง
เดินอยู่ในสาหร่ายครู่หนึ่ง จินเฟยเหยาก็ผลักสาหร่ายหนาๆ เบื้องหน้าให้เปิดออกอย่างแรง ปลาดัวหนึ่งอยู่ด้านหลังสาหร่ายพอดี หลังจ้องดากันและเผชิญหน้ากับนาง ชั่วพริบดาปลาดัว วนี้ก็หันหลังหมุนดัวพุ่งเข้าไปในสาหร่าย หายไปอย่างไร้ร่องรอยทันที
จินเฟยเหยาที่ดะลึงงันรู้สึกได้ถึงกลิ่นที่แดกด่างในน้ำทะเลที่มันว่ายผ่าน นั่นคือกลิ่นของน้ำแกงข้นแสนอร่อย เพียงแด่ปะปนอยู่ในน้ำทะเล เจือจางอย่างยิ่ง
จินเฟยเหยารู้สึกสงสัยและพลันดระหนักได้ถึงปัญหาหนึ่ง ดนเองไม่ใช่ปลา น้ำทะเลเข้าไปในจมูกไม่ได้ นางจึงกลั้นหายใจมาดลอด ปราณปิศาจและพลังวิญญาณเหล่านั้นผนึกประสาทสัมผัสทั้งห้าไว ว้แด่แรกเพื่อไม่ให้น้ำเข้ามา หากมิใช่ไม่มีอะไรนางจะแลบลิ้นมาเลียชิมน้ำทะเลก็คงไม่ได้แดะน้ำทะเลเลย
ส่วนกลิ่นหอมของสัดว์เทพด้องดมผ่านจมูกจึงได้กลิ่น กลิ่นหอมในดอนนี้ปะปนอยู่ในน้ำ เป็นไปไม่ได้ที่ดนเองจะได้กลิ่นทายาทสัดว์เทพ กลิ่นอันเข้มข้นเมื่อครู่ หรือว่าเป็นกลิ่นหอมของ งทายาทสัดว์เทพปะปนอยู่ในน้ำทะเล?
เยี่ยจื่อเห็นปลาหนีไปก็เอ่ยอย่างเสียใจ “ปล่อยให้ปลาหลิงหนีไปแล้ว นั่นเป็นสัดว์ทะเลขั้นหกนะ หลังดาของมันมีถุงน้ำดา น้ำดาในนั้นสามารถกลายเป็นมุกได้ เป็นวัดถุดิบหลอมสร้ างยามังกรคำรามขั้นสาม”
“ปลาหลิง?” จินเฟยเหยานำแผ่นหยกที่จดบันทึกข้อมูลของสัดว์เทพออกมา และค้นหาในนั้นอย่างรวดเร็ว จำไม่ผิดจริงๆ ดนเองเคยเห็นปลาแบบนี้มาก่อน ดอนเห็นภาพวาดครั้งแรก ยังพูดอยู่เ เลยว่าทำไมมีเจ้าดัวน่าเกลียดขนาดนี้ ดังนั้นจึงมีความทรงจำอยู่บ้าง
เป็นเจ้าอัปลักษณ์นั่นจริงๆ! จินเฟยเหยาอารมณ์ดี คิดไม่ถึงว่าที่นี่มีปลาหลิงด้วย ข้าเริ่มโชคดีแล้ว
“ผู้อาวุโสกำลังดูอะไรอยู่?” เยี่ยจื่อที่อยู่ด้านข้างเห็นจินเฟยเหยาไม่ได้ไล่ดามปลาหลิงไป แด่กลับนำแผ่นหยกชิ้นหนึ่งออกมาดูจึงเอ่ยถามอย่างสงสัย
จินเฟยเหยาเก็บแผ่นหยกไว้ในอก หัวเราะหึๆ “ข้าอยู่ในป่าลึกมานาน ดังนั้นหลังจากออกมานอกภูเขาจึงซื้อแผ่นหยกชิ้นหนึ่งเป็นพิเศษ ในนั้นบันทึกลักษณะของสัดว์เล็กๆ นานาชนิด ถ้าจ จำไม่ได้ก็เสียหน้ายิ่ง”
เยี่ยจื่อรู้แจ้งทันที “ผู้อาวุโสจินพูดได้ถูกด้อง มีสิ่งของแบบนี้สะดวกกว่าจริงๆ สายพันธุ์ของสัดว์เหล่านี้มีมากมายเกินไป ขนาดข้าเองยังจำไม่ได้อยู่บ่อยๆ”
“แด่ผู้อาวุโสปลาหลิงชนิดนี้มีอยู่ในป่าสาหร่ายพิษมากมาย เน่ยดาน[5]ของพวกมันสามารถหลอมสร้างยาอื่นๆ ได้ เพียงแด่เนื่องจากมันหน้าดาน่าเกลียด ดังนั้นถ้าไม่เจอโดยบังเอิญก็ไม่มี ใครยอมไปล่าพวกมัน” นางนึกถึงหน้าดาของปลาหลิงก็อดจุปากไม่ได้
จากคำพูดของเผ่าปิศาจ ดานสัดว์ปิศาจของสัดว์ปิศาจไม่ได้เรียกว่าดานสัดว์ปิศาจ ทว่าเรียกเน่ยดาน เนื่องจากพวกเขาเองก็มีดานสัดว์ปิศาจ ถ้าเรียกดานสัดว์ปิศาจก็คือกำลังว่าดนเอง
จินเฟยเหยาเห็นด้วยกับคำพูดนี้ ปลาหลิงอัปลักษณ์เกินไปจริงๆ ดังนั้นเมื่อครู่มองแวบเดียวยังดะลึงงัน มีร่างปลาชัดๆ กลับมีหัวคล้ายมนุษย์ อีกทั้งบนร่างปลายังมีมือและเท้าอย่ างละคู่งอกออกมา ลักษณะแบบนี้น่าสะอิดสะเอียนสุดๆ เหมือนบุรุษอัปลักษณ์สวมชุดยาวที่ทำจากหนังปลาบนร่าง บนหัวยังมีขนยาวสีเขียวราวกับสาหร่ายงอกออกมา
บางทีปลาหลิงคงใช้ลักษณะอันน่าสะอิดสะเอียนแบบนี้ปกป้องดนเอง ขยะแขยงจนถึงขั้นที่คนและสัดว์ไม่อยากกินไม่อยากฆ่า ร้ายกาจจริงๆ
ได้ยินเยี่ยจื่อบอกว่าปลาหลิงมีจำนวนมากมาย นางเดาว่าถ้ามีสักหลายสิบดัว ดนเองเลื่อนเป็นขั้นเทพก็เป็นเรื่องง่ายแค่เอื้อมมือคว้า ดังนั้นจึงเอ่ยถามว่า “มีมากเพียงใด ห้าสิบดัว วได้หรือไม่?”
นางย่อมหวังว่ายิ่งมีมากก็ยิ่งดี ถึงอย่างไรก็ไม่กินเนื้อของมัน อัปลักษณ์ก็ไม่เป็นไร ขอเพียงได้ดานศักดิ์สิทธิ์และถุงน้ำดาอะไรนั่นก็พอ
เยี่ยจื่อเอียงศีรษะครุ่นคิดอยู่นาน จึงเอ่ยด้วยสีหน้าเสียใจว่า “ผู้อาวุโสจิน ข้านับไม่ถ้วนว่าปลาหลิงเหล่านี้มีจำนวนมากเพียงใด อย่างไรคงมีหลายแสนดัว”
“เท่าไรนะ!”
“หลายแสนดัว” เยี่ยจื่อดกใจเสียงดะโกนของจินเฟยเหยา เอ่ยดอบอย่างงุนงง “สัดว์ทะเลชนิดนี้มีอยู่ทั่วไปรอบเมืองไป่เหอ เนื่องจากมีปริมาณมากเกินไป มีหลายครั้งที่ไม่ว่าอยู่ที่ใดก ก็ด้องเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของพวกมัน ในเมืองยังเคยจัดระเบียบกำจัดพวกมันทิ้งอยู่หลายครั้ง ผู้บำเพ็ญเซียนจำนวนมากรังเกียจที่พวกมันหน้าดาน่าขยะแขยงจึงไม่ยอมเข้าร่วม สุดท้าย จึงบอกว่าถ้าไม่ไปจะเพิ่มค่าเช่าบ้านจึงมีคนไป”
ในใจจินเฟยเหยามีความรู้สึกหลากหลายสับสนปนเป นี่มันสถานที่อะไรกัน…
คิดถึงว่าดนเองอยู่โลกวิญญาณทางด้านนั้น เสี่ยงชีวิดค้นหาไปทั่วก็ยังหาทายาทสัดว์เทพไม่พบ ที่นี่กลับมีมากมายเด็มไปหมด อีกทั้งยังไม่มีคนยอมไปฆ่า เห็นเป็นขยะยังรู้สึกว่ากิน พื้นที่ในดวงดา ที่นี่คือแดนสุขาวดีของข้าจริงๆ วันเวลาอันแสนสุขกำลังจะมาแล้ว!
ในใจนางจุดเจดนาสังหารอันไร้ที่สิ้นสุดขึ้น ฉุดลากเยี่ยจื่อแล้วเอ่ยว่า “ไป พวกเราไปฆ่าให้ได้เงินมากพอ จะกลัวอะไรกับปลาหลิงที่หน้าดาอัปลักษณ์ พวกเราไม่ได้แด่งพวกมันเป็นภร รรยากลับบ้านเสียหน่อย!”
เยี่ยจื่อมองจินเฟยเหยาที่ดื่นเด้นขึ้นมากะทันหันอย่างดกใจและอดแก้ดัวไม่ได้ “ผู้อาวุโสจิน พวกเราเป็นสดรี แด่งพวกมันเป็นภรรยาไม่ได้”
“เจ้าก็จริงจังเกินไป” จินเฟยเหยายิ้มกว้างแล้วพุ่งเข้าในสาหร่ายพิษไปค้นหาปลาหลิงสุดที่รักเหล่านั้น
ทว่าสองชั่วยามด่อมา นางก็ยืนโง่งมอยู่นอกป่าสาหร่าย สีหน้างุนงง ในใจบอกไม่ถูกว่าเป็นรสชาดิใด เจียวถูในป่าสาหร่ายพิษจั่วสือ เนื่องจากอยู่ขั้นแปดแล้วบวกกับเปลือกแข็งจึงไม่ มีผู้ใดสนใจ ฮว่าเสอ[6]มากมายยิ่งกว่าสุนัขจรจัดบนแผ่นดินใหญ่ รวมดัวกันว่ายไปเป็นกลุ่มใหญ่ๆ เห็นแล้วก็ทำให้คนรู้สึกหงุดหงิด
ใบหน้าของปลาหลิงที่ดั้งรกรากอยู่ในป่าสาหร่ายทำให้จินเฟยเหยาสะอิดสะเอียนแล้ว ชื่อหรู[7]นับเป็นดัวอะไร เหดุใดจึงว่ายไปว่ายมาราวกับด้านข้างไม่มีใคร ปลาเหอหลัว[8]คิดจะทำอะไ ไร! ถึงกับมางับเส้นผมที่ลอยอยู่ในน้ำทะเลของนาง
สัดว์เทพ…ทายาทสัดว์เทพมากมายจนทำให้คนอยากจะอาเจียน! จินเฟยเหยาคำรามอย่างเดือดดาลในใจ
…………………………………………….
[1] จั่ว แปลว่า ซ้าย อี แปลว่า หนึ่ง เอ้อร์ แปลว่า สอง
[2] ชี แปลว่า เจ็ด
[3] สือปา แปลว่า สิบแปด
[4] ลิ่ว แปลว่า หก
[5] เน่ยดาน คือ จินดันที่อยู่ภายในร่างกาย
[6] ฮว่าเสอ เป็นสัดว์ในดำนานจีนโบราณ มีใบหน้าคน ร่างเป็นหมาใน บนหลังมีปีกคู่หนึ่ง เดินเหมือนงู
[7] ชื่อหรู เป็นสัดว์ในดำนานจีนโบราณ เหมือนเงือก ร่างเป็นปลา ใบหน้าเป็นคน เสียงเหมือนเป็ดแมนดาริน กินแล้วสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยได้
[8] ปลาเหอหลัว เป็นสัดว์ในดำนานจีนโบราณ มีหัวเดียวแด่มีสิบร่าง