คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 375 เขตพื้นที่
ในเมื่อสวรรค์ส่งทายาทสัตว์เทพมากมายขนาดนี้มาให้ข้า เช่นนั้นข้าจะตั้งใจกระทำการใหญ่สักครั้ง เลื่อนเป็นขั้นแปลงจิตในอึดใจเดียว! จินเฟยเหยาจุดความทะเยอทะยานในการต่อสู้อย่าง รุนแรงขึ้น เรียกทงเทียนหรูอี้ออกมา เตรียมพุ่งไปสังหารปลาเหอหลัวตัวหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก
“ผู้อาวุโสจิน รอเดี๋ยว” เยี่ยจื่อยื่นมือมาขวางนางไว้
“ทำอะไรน่ะ?” จินเฟยเหยาหันหน้ามามองนางพลางเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ จะเอายามังกรคำรามมิใช่หรือ ไม่ไปฆ่าสัตว์ปิศาจยังรีรออะไรอีก
เยี่ยจื่อมองไปยังที่ไม่ไกลนัก จากนั้นใช้ดวงตาส่งสัญญาณให้จินเฟยเหยา เอ่ยกระซิบว่า “ผู้อาวุโสจิน ทางด้านนั้นมีคนยึดครองแล้ว พวกเราต้องหาสถานที่ใหม่”
“หา?” จินเฟยเหยามองไปยังทิศทางที่นางบอก ไม่เห็นมีใครสักคนจึงใช้การรับรู้กวาดไป พบผู้บำเพ็ญเซียนสามคนอยู่ห่างออกไปเกือบหนึ่งพันจั้ง คนหนึ่งเป็นขั้นกำเนิดใหม่ช่วงต้น อีก สองคนเป็นขั้นหลอมรวมช่วงปลาย กำลังยืนอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกัน ซ่อนอยู่ด้านหลังโขดหินหรือปะการัง “นี่หมายความว่าอย่างไร พวกเขาอยู่ทางนั้น ข้าแค่ไม่ไปทางนั้นไม่ได้หรือ ?”
เยี่ยจื่อชี้พื้นท้องทะเลอันกว้างขวางพลางเอ่ยว่า “เนื่องจากผู้บำเพ็ญเซียนของเมืองไป่เหอมีมากมาย เกิดเรื่องคนหลายกลุ่มแย่งชิงสัตว์ทะเลตัวหนึ่งได้ง่าย ดังนั้นจึงตั้งกฎขึ้นเอ อง ภายในรัศมีหนึ่งพันหลี่รอบเมืองไป่เหอ ผู้บำเพ็ญเซียนแต่ละกลุ่มยึดครองได้เพียงที่เดียว สัตว์ทะเลภายในหนึ่งพันจั้งเป็นของพวกเขา ยกเว้นเพียงในป่าสาหร่ายพิษ กฎเกณฑ์นี้ใช้ มาหลายพันปีแล้ว ถึงพลังการบำเพ็ญเพียรของอีกฝ่ายจะต่ำกว่าผู้อาวุโสแต่ถ้าใช้กำลังแย่งชิง ผู้บำเพ็ญเซียนรอบด้านก็จะล้อมโจมตี เพราะไม่อยากให้มีคนทำลายกฎเกณฑ์”
“มีเรื่องเช่นนี้ด้วย แล้วคนที่ถูกฆ่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น?” จินเฟยเหยาชี้ไปทางเผ่ามารที่ฆ่าคนเมื่อครู่แล้วจากไปอย่างผ่อนคลายพลางเอ่ยถาม
เยี่ยจื่อเอ่ยอย่างขัดเขิน “นั่นเป็นสถานที่ซึ่งอยู่นอกรัศมีหนึ่งพันหลี่ เป็นเขตที่ไม่มีใครยุ่งเกี่ยวทว่ามีสัตว์ทะเลอื่นๆ ส่วนที่ใช้สอยได้บนร่างมีมากกว่าสัตว์ทะเลที่นี่ ผู บำเพ็ญเซียนจำนวนมากก็จะไปล่าสัตว์ทางด้านนั้น เมื่อครู่คนผู้นั้นหนีกลับมาจากทางนั้น ถ้าสู้ไม่ได้ขอเพียงหนีเข้าเมืองก็จะรอดชีวิต ที่นี่ขอเพียงไม่ใช่การแย่งชิงพื้นที่ก็จะไ ไม่มีใครยุ่งเกี่ยว”
“อย่างนั้นพวกเราไปยึดครองพื้นที่อีกแห่งก็ได้”เป็นแบบนี้ก็ดี ไม่มีใครแย่งชิงใคร ไม่เช่นนั้นตนเองก็ไม่วางใจว่าสิ่งของของตนเองจะถูกผู้อื่นแย่งชิงไปหรือไม่
ทว่าเยี่ยจื่อกลับเอ่ยอย่างลำบากใจ “ผู้อาวุโสจิน พื้นที่แห่งนี้ไม่เหมาะจะยึดครอง สัตว์ทะเลจำนวนมากล้วนถูกคนยึดครองแล้ว เจ้าดูพวกเขาแต่ละกลุ่ม ถึงกลุ่มหนึ่งกลับไปก็จะเหลือคน หนึ่งไว้ยึดครองพื้นที่ บางคนยึดครองไว้หนึ่งร้อยกว่าปีไม่เคยจากไป มีเพียงสถานที่ซึ่งตำแหน่งไม่ดีสัตว์ทะเลน้อยบางแห่งที่ยังสามารถยึดครองได้”
“ไม่จริงน่า ยึดครองมาหนึ่งร้อยกว่าปีแล้ว!” จินเฟยเหยาตะลึงงันเบิกตามองฮว่าเสอตัวหนึ่งว่ายผ่านข้างกายไป บนร่างพกพารสน้ำแกงเนื้อมาติดบนปลายลิ้นของนางผ่านน้ำทะเล
เยี่ยจื่อเอ่ยเสียงเบาว่า “ผู้อาวุโสจิน ตอนนี้พวกเราก็เหยียบพื้นที่ของผู้อื่น ขอเพียงไม่ลงมือพวกเขาก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวให้มากความ” เยี่ยจื่อเห็นจินเฟยเหยาไม่ส่งเสียงแสดงจุดยืนจ จึงได้แต่ฉุดดึงเสื้อผ้าจินเฟยเหยา “ผู้อาวุโส ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไร? ไปล่าสัตว์ทะเลในป่าสาหร่ายพิษที่ไม่ต้องแบ่งพื้นที่เถอะ ไม่เช่นนั้นก็ไปเก็บมุก เก็บมุกไม่เป็นไร ผู้ใดเห็ นก็ตกเป็นของผู้นั้น”
เห็นเยี่ยจื่อขี้ขลาดขนาดนี้ จินเฟยเหยาก็เอ่ยอย่างอารมณ์ไม่ดี “ไปเก็บมุกทำไม เมื่อใดจะร่ำรวย! ในเมื่อที่นี่ไม่มีพื้นที่ พวกเราก็ไปนอกพันหลี่ ถึงตอนนั้นต้องดูว่ามือใครไวก กว่า”
“พวกเราคงไม่ถูกคนปล้นชิงแทนนะ?” เยี่ยจื่อไม่กล้าไปล่าสัตว์ทางด้านนั้น ได้ยินว่าดุร้ายอย่างยิ่ง คนที่บ้านห้ามนางไปอย่างเข้มงวด
“กลัวอะไร ถ้ามีอันตรายจริงเจ้าก็หลบหนีไปก่อน อีกอย่างเจ้ามีสิ่งของให้ผู้อื่นปล้นชิงหรือ? ไปเถอะหรือเจ้ายินดีไล่กวดปลาแบกหอยทุกวัน? ถ้าเจอเหยื่อขนาดใหญ่ เจ้าไม่เพียงมีเงินทุนซื อ ต่อไปก็ไม่ต้องออกมาเสี่ยงอันตรายอีก สามารถใช้ชีวิตอยู่สุขสบายขึ้น” จินเฟยเหยาเลิกคิ้วเอ่ยกระตุ้นนาง
เยี่ยจื่อลังเล สภาพการณ์เป็นเช่นนี้จริงๆ เก็บมุกเหมือนเดิมก็ไม่ไหว อีกทั้งเป็นไปไม่ได้ที่คนผู้นี้จะช่วยตนเองล่าสัตว์ทะเลตลอดไป ถ้านางจากไปตนเองก็ต้องไปเก็บมุกอีก มิสู้ฉวยโ โอกาสนี้หาเงินก้อนใหญ่ มีเงินทุนก็สามารถซื้อสิ่งของในมือผู้บำเพ็ญเซียนในราคาถูก จากนั้นค่อยขายออกไปหากำไรจากส่วนต่าง
“ก็ได้ พวกเราไปลองดู” ในที่สุดเยี่ยจื่อก็ตัดสินใจตกลงพาจินเฟยเหยาไปดูน่านน้ำที่อยู่ห่างออกไปพันหลี่ เพื่อไม่ให้ท่านพ่อท่านแม่ของนางต้องเป็นห่วง นางจึงนำยันต์ถ่ายทอดเสียง งออกมาใบหนึ่งส่งข่าวถึงที่บ้าน นางไม่กล้าบอกว่าตนเองจะไปข้างนอก แต่บอกว่ามีคนเห็นนางน่าสงสารจึงให้นางยืมพื้นที่ใช้หลายวัน ดังนั้นจะกลับมาช้าหน่อย
ยันต์ถ่ายทอดเสียงบนพื้นดินล้วนเป็นสีเหลืองอ่อน ขณะปล่อยออกไปจะกลายเป็นแสงสีทอง ทว่ายันต์ถ่ายทอดเสียงในโลกวิญญาณชิงหลิวเป็นสีฟ้าทั้งหมดเนื่องจากอยู่ก้นทะเล ดังนั้นจึงกลายเป็น นแสงสีฟ้าบินไปทางเมืองไป่เหอ
ขอบเขตหนึ่งพันหลี่กว้างใหญ่จริงๆ เนื่องจากคนทั้งสองว่ายน้ำได้ช้า ครึ่งชั่วยามเพิ่งว่ายได้สองร้อยหลี่ อีกทั้งเพื่อคิดจะดูว่าระหว่างทางมีสถานที่ดีๆ ให้ยึดครองหรือไม่ ใช้เ เวลาห้าชั่วยามจึงเดินทางได้หนึ่งพันหลี่ ระหว่างทางพบพื้นที่ซึ่งไม่มีคนยึดครอง แต่นอกจากปลาเล็กๆ แล้วก็ไม่มีสัตว์ทะเลสักตัว เกรงว่าถึงเฝ้าอยู่ที่นั่นสิบปีก็คงได้แต่ขนสาหร ร่ายกลับไป
หนึ่งวันมีสิบสองชั่วยาม มุกส่วนมากต่างมืดลง อีกทั้งที่นี่ยังอยู่ห่างจากเมืองไป่เหอรอบด้านจึงมืดลงด้วย เยี่ยจื่อนำมุกขนาดเท่ากำปั้นออกมาบนนั้นติดโซ่ ลากแล้วสาดส่องภาย ยในรัศมีหนึ่งร้อยจั้งให้สว่างไสว
เหาะไปข้างหน้าอีกนิดจึงพ้นเขตหนึ่งพันหลี่ พื้นท้องทะเลพลันหายไป ใต้เท้าปรากฏร่องลึกก้นสมุทรที่ลึกจนไม่เห็นก้นบึ้ง ด้านล่างมืดมิดมองไม่เห็นอะไร
เยี่ยจื่อถือมุกชี้ไปด้านล่างพลางเอ่ย “ผู้อาวุโสจิน ขอเพียงเข้าสู่ร่องลึกแห่งนี้ก็จะเป็นสถานที่ซึ่งต่อสู้กันวุ่นวาย ท่านจะไปจริงๆ หรือ?”
“มาถึงแล้ว ต้องไปแน่นอน ถ้าจะทำก็ต้องเล่นใหญ่หน่อย เจ้ากลัวอะไร ขี้ขลาดขนาดนี้ยังฝึกบำเพ็ญอีก หาคนมาแต่งงานให้สิ้นเรื่องสิ้นราวเถอะ” จินเฟยเหยาปลดปล่อยการรับรู้ออกไปมองดู รอบด้าน รู้สึกได้ว่าในน้ำทะเลอันมืดมิดมีปลาขนาดเท่าตัวคนเล็กน้อยและเศษอื่นๆ ลอยอยู่ในน้ำทะเล ท่าทางต้องดำลงไปด้านในจึงได้พบเหยื่อขนาดใหญ่
“ข้ามีคู่หมั้นแล้ว เพียงแต่ข้ายังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ รอจนโตเป็นผู้ใหญ่ข้าก็จะแต่งงาน คนที่หมั้นกับข้าคือคนที่มีตำแหน่งในเผ่าปิศาจของเรา ต่อไปข้าจะมีชีวิตสุขสบาย ไม่ต้องออกม มาล่าสัตว์ทะเลอีก” เยี่ยจื่อตอบนางจริงๆ และเอ่ยด้วยรอยยิ้มภาคภูมิ
จินเฟยเหยาชะงัก “อิจฉาพวกเจ้าที่ฝึกบำเพ็ญเพียงเพื่อเป็นทุนรอนและยกระดับฐานะจริงๆ การฝึกบำเพ็ญทั้งหมดคือเรื่องเล่นสนุกและไม่มีผลกระทบต่อชีวิตมากนัก”
“ฝึกบำเพ็ญเพื่อแต่งงานไม่เสียเวลาสักหน่อย แต่งงานแล้วก็สามารถฝึกบำเพ็ญได้” เยี่ยจื่อเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ
“เจ้าไม่วิ่งพล่านไปทั่วย่อมไม่เป็นไรแน่ ถ้าวิ่งวุ่นไปทั่ว แล้วพาบุตรสาวบุตรชายไปด้วยจะลำบากมาก” จินเฟยเหยายักไหล่อย่างดูแคลน
เรื่องนี้ยิ่งทำให้เยี่ยจื่อยิ่งไม่เข้าใจใหญ่ “ทำไมต้องออกไปเองด้วย ให้สามีออกไปก็ได้นี่นา”
“…” จินเฟยเหยามองนางอย่างหมดวาจา รู้สึกว่านางไร้เหตุผล “เด็กน้อยจะรู้เรื่องอะไร ไปไปไป”
เยี่ยจื่อบ่นพึมพำอย่างไม่พอใจ “ข้าอายุตั้งหนึ่งร้อยห้าสิบปีแล้ว รู้เรื่องพวกนี้ดี เด็กน้อยอะไรกัน ฮึ”
นางบ่นจบก็รู้สึกว่าด้านหลังมีอะไรบางอย่างลอยมา นึกว่าเป็นสาหร่ายพุ่มหรือสาหร่ายแผ่นแถบใหญ่จึงหันหน้าไปใช้มือดึง จากนั้นมือก็สัมผัสซากที่เหลืออยู่ของผู้บำเพ็ญเซียน
“อ๊า!” เยี่ยจื่ออ้าปากกรีดร้องเสียงดัง ร่างครึ่งท่อนของซากนี้หายไปแล้ว ไม่รู้ว่าถูกคนฟันจนเป็นแบบนี้หรือถูกสัตว์ทะเลกินหมด แยกแยะไม่ออกว่าเป็นเผ่าใด ลอยมาอย่างเงียบเช ชียบ ทำให้เยี่ยจื่อตกใจไม่เบาเลย
“อุ๊บส์” จินเฟยเหยาอดหัวเราะไม่ได้ “โง่จริงๆ ในสถานที่เช่นนี้เก็บการรับรู้ไม่ได้ ต้องปลดปล่อยออกไปสังเกตสภาพแวดล้อมรอบด้านตลอดเวลา อีกทั้งน่านน้ำผืนนี้ไม่ได้มีเพียงซากนี้ซา ากเดียว เมื่อครู่ข้าพบซากศพของผู้บำเพ็ญเซียนอย่างน้อยที่สุดสิบกว่าศพ”
“อ้อ ไม่ถูกต้อง ตอนนี้ลดลงไปหนึ่งศพ ถูกอะไรบางอย่างกินไปแล้ว” จินเฟยเหยาชะงักนิดหนึ่งจากนั้นบอกเยี่ยจื่อ
เยี่ยจื่อรู้สึกว่าแผ่นหลังชาหนึบ รีบว่ายเข้ามาใกล้นางและเอ่ยอย่างระแวดระวัง “ผู้อาวุโสจิน พวกเรากลับกันเถอะ ข้าไม่อยากลอยอยู่ที่นี่ ท่านพ่อท่านแม่ของข้าจะเป็นห่วง”
“อย่างนั้นเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่”
“ไม่เอานะ ข้ากลัว ที่นี่ไม่มีคนยึดครองพื้นที่ ถ้ามีคนออกมาสังหารข้าจะไม่มีคนยุ่งเกี่ยวนะ” เยี่ยจื่อฉุดดึงจินเฟยเหยาไว้ไม่ปล่อย
“อย่างนั้นก็ตามข้าไปเถอะ เจ้าบอกว่าที่นี่ก็มีสัตว์ทะเลขั้นหกขั้นเจ็ดมิใช่หรือ ขอเพียงพวกเราไม่ลงไปลึก ไม่พบสัตว์ทะเลขั้นเก้าก็พอ” จินเฟยเหยายิ้มให้เยี่ยจื่อที่มีโทสะ
เยี่ยจื่อแลบลิ้น “เคยสังหารสัตว์ขั้นแปดมาหรือ?” ถ้าพาสัตว์ทะเลขั้นแปดกลับไปได้ ต่อไปก็ไม่ต้องออกมาแล้ว
สัตว์ทะเลที่นี่แตกต่างจากในพื้นที่พันหลี่ สัตว์ทะเลทางนั้นที่ตัวโตที่สุดคือเจียวถู และเนื่องจากแบกเปลือกดังนั้นจึงสูงเท่าคนสิบกว่าคน สัตว์ทะเลอื่นๆ อย่างมากก็สองสามต ตัวคน สามสี่ตัวคนก็ใหญ่มากแล้ว อีกทั้งนอกจากเน่ยตานที่มีประโยชน์ สิ่งของบนร่างส่วนมากมักจะใช้ไม่ได้ แม้แต่เนื้อก็ไม่มีคนกินจึงมีราคาไม่มากนัก
ทว่าสัตว์ทะเลในร่องทะเลลึกไม่เหมือนกัน ตั้งแต่เน่ยตานจนถึงหนัง เกล็ด และกระดูก แม้แต่เลือดและเครื่องในต่างก็มีประโยชน์ อย่างแย่ที่สุดครึ่งหนึ่งในตัวก็สามารถขายเป็นยามังก กรคำรามได้
“พวกเราอย่าลงลึกเกินไป เจอผู้บำเพ็ญเซียนคนอื่นก็ต้องจากไป ที่นี่แย่งชิงเหยื่อกันรุนแรงมาก” เยี่ยจื่อติดตามอยู่ด้านหลังจินเฟยเหยา เหลียวซ้ายแลขวาอย่างตึงเครียด ค่อยๆ ลงไ ไปในร่องทะเลลึก
“วางใจเถอะ ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร” จินเฟยเหยาตอบรับอย่างมั่นใจและว่ายไปยังส่วนลึกอย่างรวดเร็ว เยี่ยจื่อตกใจจนคว้าเสื้อผ้าของนางไว้แน่น กลัวว่ามาได้แต่กลับไม่ได้
จินเฟยเหยาปลดปล่อยการรับรู้ออกไปสังเกตความเงียบสงบในทะเล น้ำทะเลที่นี่เย็นเยียบกว่าด้านบนมากอีกทั้งยิ่งลงไปก็ยิ่งหนาว ทางหนึ่งนางค้นหาเหยื่อ อีกทางหนึ่งระวังป้องกันรอบด้ านว่ามีผู้บำเพ็ญเซียนหรือไม่ สถานที่แบบนี้ บางครั้งปล้นชิงคนยังทำเงินได้มากกว่าสังหารสัตว์ทะเลอีก
ทันใดนั้น นางสังเกตเห็นว่าสถานที่แห่งหนึ่งดูเหมือนจะมีปราณปิศาจและมีพวกผู้บำเพ็ญเซียน ทว่าอยู่นอกเหนือขอบเขตการรับรู้ ไม่ค่อยชัดเจนนัก ดังนั้นจินเฟยเหยาจึงอมน้ำทะเลไว้ในปาก กและลิ้มรสอย่างละเอียด
ผ่านไปครู่หนึ่งนางก็บ้วนน้ำทะเลทิ้งเอ่ยกับเยี่ยจื่อว่า “ระวังป้องกัน พวกเราไป”
“หา! มีเหยื่อแล้ว” เยี่ยจื่อคิดไม่ถึงว่าจะมีเป้าหมายเร็วขนาดนี้จึงตื่นตระหนกทันที
“ใช่ มีเหยื่อแล้ว” จินเฟยเหยาหัวเราะหึๆ ฉุดลากนางว่ายน้ำไปอย่างรวดเร็ว