คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 377 ปากขนาดใหญ่
จริงเสียด้วย การรับรู้ของเผ่ามารเหล่านั้นกวาดมายังจินเฟยเหยา จากนั้นเห็นเผ่ามารขั้นแปลงจิตนั้นแผ่สยายเส้นผมสีแดงบนศีรษะแล้วตวาดลั่น “ไป! กำจัดพวกมัน”
ของวิเศษของคนเผ่ามารโจมตีผู้บำเพ็ญเซียนเผ่ามนุษย์ ผู้บำเพ็ญเซียนเผ่ามนุษย์กัดฟันขึ้นต้านรับ ของวิเศษนานาชนิดปะทะกันในทะเล น้ำทะเลถูกกวนจนสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
วาฬภูเขาโดดเดี่ยวยังพลิกตัว หากมิใช่พลิกตัวแล้วหยุดยาก ยามนี้มันคงคิดจะสลัดหลุดแล้วหนีไป ในสายตาของมัน คนตัวเล็กๆ ที่บนร่างมีแสงวิบวับพวกนี้มีกลิ่นอายอันตรายอย่างยิ่ง ย ยามนี้มันหวังว่าจะมีสิ่งใดมาขวางมันเอาไว้ทำให้การหมุนตัวหยุดลง ตนเองจะได้หนีไป
ในเวลานี้ จินเฟยเหยาเข้าใกล้วาฬภูเขาโดดเดี่ยว เผ่ามารและเผ่ามนุษย์ไม่ได้ลงมือขัดขวางนาง ข้อแรกคือยุ่งจนมือไม่ว่าง ข้อสองคืออาศัยเผ่าปิศาจขั้นกำเนิดใหม่ช่วงกลางคนเดียวเ เป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัดวาฬภูเขาโดดเดี่ยว แต่ถ้าจินเฟยเหยากำจัดวาฬภูเขาโดดเดี่ยวได้พวกเขาก็ยิ่งยินดี จะฆ่าวาฬใหญ่ขนาดนี้เป็นเรื่องยุ่งยาก ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าตอนนี้พวกเขาต่อ อสู้ติดพันไม่ว่างมาจัดการกับวาฬภูเขาโดดเดี่ยว
ดังนั้นเห็นชัดเจนว่าจินเฟยเหยาจะไปสังหารวาฬภูเขาโดดเดี่ยว พวกเขาก็ปล่อยให้นางไปทั้งยังจงใจหลีกเลี่ยงให้นางไปสังหารคนเดียว
จินเฟยเหยาหมุนวนไปมาอย่างรวดเร็ว รู้สึกว่าโลกหมุนติ้ว นางกำหมัดขึ้นต่อยไปด้านข้างอย่างสุดกำลังโดยไม่มองเลยสักนิด ชกโดนสิ่งใดก็สิ่งนั้นแหละ ขอเพียงหยุดน้ำวนได้ก็พอ
หมัดของนางต่อยโดนหางของวาฬภูเขาโดดเดี่ยวพอดี กระแทกลงไปราวกับภูเขากดทับ เดิมทีวาฬภูเขาโดดเดี่ยวใช้ส่วนหางเป็นแกนกลางในการหมุนอยู่ที่เดิม เวลานี้ถูกจินเฟยเหยาต่อยจนเ เสียสมดุล ส่วนหางพลิกขึ้นพาให้ร่างขนาดยักษ์ตั้งและพลิกออกไป
วาฬภูเขาโดดเดี่ยวหยุดหมุนสมดังใจคิด ทว่าร่างยังสูญเสียการควบคุม ร่างหมุนไปกระแทกผู้บำเพ็ญเซียนเผ่ามนุษย์และเผ่ามารที่กำลังสู้รบกันชุลมุน
คนทั้งแปดก็คิดไม่ถึงว่าสตรีเผ่าปิศาจผู้นี้จะมีเรี่ยวแรงมหาศาล ร่างวาฬภูเขาโดดเดี่ยวใหญ่โตขนาดนั้นบวกกับแรงผลักของการหมุน ไม่ใช่จะต่อยให้ลอยมาได้ง่ายๆ
เผ่ามารที่ได้ชื่อว่ามีเรี่ยวแรงมหาศาล เวลานี้ก็ปากอ้าตาค้างอดตื่นตระหนกในใจไม่ได้ เผ่าปิศาจเปลี่ยนเป็นมีเรี่ยวแรงมหาศาลขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดแทบจะเปรียบได้กับเผ่ามารระดับสู งสุด
ทว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต่อมายิ่งทำให้พวกเขาสะท้านขวัญ!
ขณะที่วาฬภูเขาโดดเดี่ยวพลิกตัวมากระแทกพวกเขา ปราณปิศาจขั้นแปลงจิตก็พุ่งมาปะทะหน้า สัตว์ปิศาจสูงสี่สิบห้าสิบจั้งตัวหนึ่งปรากฏขึ้นในทะเล ขนยาวมีสองเขา เห็นได้ชัดว่าเป็นสัตว์ ปิศาจบนบก มันไม่มองผู้บำเพ็ญเซียนเหล่านี้เลยสักนิด ทว่าอ้าปากขนาดใหญ่พุ่งเข้ามากะทันหัน
ได้ยินเสียงดังกร้วม สัตว์ปิศาจตัวนี้ก็งับร่างท่อนบนของวาฬภูเขาโดดเดี่ยวไว้ จากนั้นก็เห็นเงาร่างสีดำราวกับภูเขาจากไป วาฬภูเขาโดดเดี่ยวเหลือเพียงครึ่งท่อนล่าง หัวและลำตัว วส่วนบนถูกสัตว์ปิศาจตัวนั้นกัดขาดแล้วลากไปทันที
ท่อนล่างของวาฬภูเขาโดดเดี่ยวที่ยังเหลืออยู่บิดตัว ร่างของมันสูญเสียท่อนบนอย่างกะทันหันเกินไปจึงยังมีปฏิกิริยาอยู่ หางปลาขนาดยักษ์ขยับสะบัดโจมตีสะเปะสะปะไปรอบด้าน ทุบตีเข้า าที่ส่วนศีรษะและใบหน้าของผู้บำเพ็ญเซียนทั้งแปดที่ยังงุนงง
คิดไม่ถึงว่าในทะเลจะมีสัตว์ปิศาจบนบกที่ตัวใหญ่และพลังบำเพ็ญเพียรสูงขนาดนี้ปรากฏตัวขึ้น หรือว่าเป็นสัตว์ปิศาจที่กลายร่างเป็นมนุษย์หลังจากบรรลุขั้นเทพมาที่นี่เพื่อแย่งชิงวา าฬภูเขาโดดเดี่ยว?
ทว่าทั้งเผ่ามารและเผ่ามนุษย์ต่างรู้ดี ขอเพียงมีสัตว์ปิศาจผ่านด่านเคราะห์สายฟ้าเลื่อนเป็นขั้นเทพ ก็จะมีเผ่าปิศาจจำนวนมากไปคุ้มครอง แค่บรรลุขั้นเทพก็จะรับไปเสวยสุขราวกับสิ่ งล้ำค่า จะมีสัตว์ปิศาจขั้นเทพปรากฏตัวขึ้นในสถานที่แบบนี้ได้อย่างไร
หรือไม่รู้ว่าตนเองเลื่อนเป็นสัตว์ปิศาจขั้นเทพ!
ถ้าเป็นเช่นนี้จริง สังหารเจ้านี่ให้ตาย เขา กระดูก และกรงเล็บบนร่างล้วนเป็นของดีที่หาซื้อในตลาดไม่ได้!
หลังจากพวกเขาคลี่คลายการโจมตีหางวาฬภูเขาโดดเดี่ยว หางของวาฬภูเขาโดดเดี่ยวก็ลอยนิ่งอยู่ในน้ำ อวัยวะภายในปริมาณมหาศาลเริ่มทะลักออกมา โลหิตสดย้อมน้ำทะเลรอบด้านเป็นสีแดงจัด ส่วนหัวและร่างท่อนบนที่มีมูลค่ามากที่สุดหายไปแล้ว ถึงส่วนหางจะมีค่าทว่าความสนใจของพวกเขาถูกสัตว์ปิศาจบนบกตัวเมื่อครู่ดึงดูด
สัตว์ปิศาจขั้นเทพไม่ใช่สิ่งที่วาฬภูเขาโดดเดี่ยวขั้นแปดจะเทียบได้ คนทั้งแปดสบตากันแวบหนึ่ง เผ่ามารขั้นแปลงจิตคนนั้นส่ายไหวมือ แสงสีดำสายหนึ่งพุ่งไป ลำตัวท่อนล่างของวาฬ ฬภูเขาโดดเดี่ยวที่ตั้งตรงกลางถูกฟันเป็นสองส่วน จากนั้นเขาใช้มือดูด หางวาฬภูเขาโดดเดี่ยวครึ่งหนึ่งถูกเขาเก็บไป จากนั้นนำคนไล่ล่าสัตว์ปิศาจที่หลบหนี
เขาเหลือหางครึ่งหนึ่งไว้ เพราะไม่คิดจะให้เผ่ามนุษย์พัวพันตนเองต่อเพื่อสิ่งของเล็กน้อย เขาจะพาคนไล่ตามสัตว์ปิศาจขั้นเทพไป ทว่าก็กังวลว่าจะหาสัตว์ปิศาจขั้นเทพไม่เจอสุดท้าย จะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยจึงเอาหางวาฬครึ่งหนึ่งไป ดูเหมือนคนละครึ่งอย่างยุติธรรมที่จริงเขาฟันติดก้างปลามา ครึ่งที่ทิ้งไว้ให้เผ่ามนุษย์ไม่มีกระดูกสันหลังของวาฬ
จินเฟยเหยากลายร่างเป็นเทาเที่ยใช้ปากงับส่วนที่มีมูลค่าตามที่เยี่ยจื่อบอกลงมา หลังว่ายออกไปอย่างรวดเร็ว ฉวยโอกาสที่คนเหล่านั้นยังไม่มีปฏิกิริยา รีบใช้ทงเทียนหรูอี้ฟันวาฬ ภูเขาโดดเดี่ยวเป็นสองส่วน เนื่องจากถุงเฉียนคุนล้วนถูกนางบรรจุสิ่งของดังนั้นต้องแบ่งใส่ถุงเฉียนคุนสองใบจึงยัดลง
นางเก็บวาฬภูเขาโดดเดี่ยวแล้วกลับคืนเป็นร่างมนุษย์ โยนยาเสริมพลังเม็ดหนึ่งเข้าปากกลืนลงไป และอมศิลาวิญญาณชั้นบนไว้ในปาก
เปลี่ยนร่างเป็นเทาเที่ยต้องใช้พลังวิญญาณเกือบสองในสามส่วนของนาง เวลานี้จึงต้องรีบเสริมพลังวิญญาณ จินเฟยเหยาที่อมศิลาวิญญาณชั้นบนไว้ในปากเสริมพลังวิญญาณจุดไฟนรกในมือข ขึ้นก่อน ไฟนรกในทะเลยังคงเผาไหม้อย่างเงียบสงบดังเดิมไม่ได้ดับหรือมีอานุภาพลดลง เห็นว่าสามารถใช้ไฟนรกในทะเลได้นางจึงใช้ออกด้วยเวทหนีไฟนรก พุ่งออกจากร่องลึกในทะเลหลบหนีตา ามเส้นทางที่มาไปยังเมืองไป่เหอ
นางกลายเป็นไฟนรกสีดำสายหนึ่งวาบผ่านพื้นท้องทะเลอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาครู่หนึ่งจึงมองเห็นเงาร่างมนุษย์ที่กำลังว่ายน้ำอย่างสุดกำลังปรากฏขึ้นเบื้องหน้า พอดีเป็นเยี่ยจื่อที่หลบหน นีมานานแล้ว ด้วยความเร็วของนางไม่นานต้องถูกผู้บำเพ็ญเซียนทางด้านหลังไล่ตามมาจับตัวแน่
จินเฟยเหยาขยับลงด้านล่างนิดๆ รอจนเข้าใกล้เยี่ยจื่อจึงใช้มือลากนางเข้ามาในไฟนรก และหลบหนีออกไปพร้อมกัน
เยี่ยจื่อหวาดกลัวจนดิ้นรน เปลวเพลิงสีดำเย็นเยียบคือสิ่งใด!
“อย่าขยับ ข้าเอง” จินเฟยเหยาเอ่ยปาก
เยี่ยจื่อได้ยินเสียงของจินเฟยเหยาเยี่ยจื่อจึงโล่งอก “ที่แท้เป็นผู้อาวุโสจิน ข้าตกใจหมด” จากนั้นนางก็เอ่ยถามอย่างสงสัย “ผู้อาวุโส นี่คืออะไร?”
“นี่คือเวทลับที่ใช้หลบหนีของข้า เจ้าว่ายช้าเกินไป พวกเราจำเป็นต้องเร่งรุดกลับเมืองไป่เหอ ด้านหลังมีเผ่ามารขั้นแปลงจิตไล่กวดมา” จินเฟยเหยาอธิบาย
เยี่ยจื่อสูดลมหายใจหนาวเหน็บ “เพราะเหตุใดต้องไล่ตามพวกเรา? หรือผู้อาวุโสไปชิงร่างท่อนบนของวาฬภูเขาโดดเดี่ยวมา”
ในความคิดของเยี่ยจื่อ จินเฟยเหยาสามารถแย่งหนังวาฬภูเขาโดดเดี่ยวจากผู้บำเพ็ญเซียนแปดคนมาได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
ทว่าได้ยินเสียงหัวเราะของจินเฟยเหยาดังมาจากในเปลวเพลิงสีดำ “ข้านำครึ่งที่ติดส่วนหัวมา ตอนนี้พวกเขาต้องมีโทสะแทบตายแน่ คงไล่ตามมาด้านหลังเสียแปดส่วน”
“ครึ่งที่ติดส่วนหัว!” เยี่ยจื่อตะลึงงัน นั่นคือไม่เหลืออะไรเลยนะ ใครๆ ก็รู้ว่าส่วนหางของสัตว์ทะเลแทบทั้งหมดส่วนหน้าใหญ่ส่วนหลังเล็ก นี่เอาท่อนบนมาท่อนล่างเหลือแค่หางอ อันเดียว
ร่ำรวยแล้ว! ในสมองของเยี่ยจื่อมีเพียงความคิดนี้ รอจนบนร่างมีควันสีขาวพวยพุ่ง นางจึงได้สติคืนมาก็พบว่าตนเองกลับถึงเมืองไป่เหอแล้ว
จินเฟยเหยาพานางกลับไปที่ร้าน ท่านพ่อท่านแม่ของเยี่ยจื่อยังคิดว่าจะไปผลัดเปลี่ยนกับเยี่ยจื่อ ถ้ามีคนใจดีให้ยืมพื้นที่หลายวันจะต้องตั้งใจล่าสัตว์ปิศาจจึงคิดจะลากสังขารชราภาพ ไปสักครา หาสินเดิมเจ้าสาวให้เยี่ยจื่อสักหน่อย ยังไม่ได้ออกจากบ้านก็เห็นเยี่ยจื่อกลับมา
“เยี่ยจื่อ เกิดอะไรขึ้น ผู้บำเพ็ญเซียนคนนั้นไม่ยอมให้ยืมพื้นที่หรือ? ถ้าไม่ยอมให้ยืมก็ช่างเถอะ ไม่เป็นไร” ท่านแม่ของเยี่ยจื่อเห็นสีหน้าของบุตรสาวผิดปกติ นึกว่าพลาดเรื่องพื้ นที่จึงจูงนางมาเอ่ยปลอบโยน
เยี่ยจื่อกลับส่ายศีรษะ เอ่ยวาจาไม่ปะติดปะต่อกันอยู่บ้าง “ท่านแม่ พวกเราล่าวาฬภูเขาโดดเดี่ยวได้ และนำกลับมาครึ่งตัว!”
“วาฬภูเขาโดดเดี่ยว? เยี่ยจื่อ เจ้าเหนื่อยเกินไปหรือไม่ ไปพักผ่อนสักหน่อยดีกว่า ในร้านมีพวกเราดูแล” ท่านพ่อท่านแม่ของเยี่ยจื่อจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าวาฬภูเขาโดดเดี่ยวคือสิ่งใด น นั่นเป็นสัตว์ทะเลขั้นแปดเชียวนะ เยี่ยจื่อจะจับได้อย่างไร เพียงถือว่านางยากไร้จนสมองเลอะเลือน
“จริงๆ นะ” เยี่ยจื่อสะบัดมือท่านแม่ออก ลากจินเฟยเหยามาเอ่ยว่า “ผู้อาวุโส รีบนำเน่ยตานออกมาให้พวกเขาดูเร็วเข้า”
เห็นท่าทางร้อนใจของนาง จินเฟยเหยาจึงเปิดถุงเฉียนคุน ค้นหาอยู่นานจึงนำเน่ยตานของวาฬภูเขาโดดเดี่ยวออกมา ในนั้นไม่เพียงบรรจุวาฬภูเขาโดดเดี่ยวทว่ายังมีสิ่งอื่นๆ อีก นางไม่ คิดจะให้เยี่ยจื่อพบว่าสิ่งของในถุงนางเป็นสิ่งที่เยี่ยจื่อไม่เคยเห็นมาก่อนดังนั้นจึงไม่ได้ยื่นให้นางดูโดยตรง
เมื่อนำเน่ยตานสีหมึกขนาดเท่าศีรษะออกมา ท่านพ่อที่ใกล้ตายของเยี่ยจื่อซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเกียจคร้านมาตลอดก็กระโดดผลุงขึ้นทันที ปราศจากท่าทางใกล้จะสิ้นลมในยามปกติ พุ่งปราดมาอย่างว่องไวและจ้องมองเน่ยตานของวาฬภูเขาโดดเดี่ยวแน่วนิ่ง
ท่าทางแบบนี้ทำให้คนตกใจแทบตาย จินเฟยเหยารีบโยนเน่ยตานให้เยี่ยจื่อ ครอบครัวเยี่ยจื่อสามคนห้อมล้อมเน่ยตานและลูบคลำไม่หยุด พอเห็นก็รู้ว่าไม่เคยมีสิ่งของดีๆ เลย
“ดียิ่งนัก” ทั้งครอบครัวนอกจากคำว่าดียิ่งนักก็พูดอะไรไม่ออก
พวกเขาอารมณ์พลุ่งพล่านอยู่นาน จินเฟยเหยารอให้พวกเขาสงบจิตใจลงแล้วจึงเอ่ยถาม “ที่ข้ายังมีหัว เนื้อหนัง และกระดูก สิ่งของเหล่านี้จะจัดการอย่างไร พื้นที่ของที่นี่เล็กเกินไป ถ้านำออกมาจากถุงเฉียนคุนจะไม่มีที่วางเลย รีบคิดหาวิธี”
เยี่ยจื่อไม่เคยล่าเหยื่อตัวใหญ่ขนาดนี้มาก่อนได้แต่มองท่านพ่อ ท่านพ่อของเยี่ยจื่อลูบเคราครุ่นคิดนึกถึงสถานที่แห่งหนึ่งได้ “ผู้อาวุโส ขายทิ้งไปทันทีเถอะ เหยื่อตัวใหญ่ขนาด ดนี้สามารถขายให้หอไห่เฉวียนได้ ที่นั่นมีพื้นที่กกว้างขวาง เหยื่อแบบใดก็วางได้หมด อีกทั้งไม่หลอกลวงใครซื้อขายอย่างยุติธรรม”
“ในเมื่อพวกเจ้าบอกว่าจะขาย เช่นนั้นก็ขายเถอะ เยี่ยจื่อ พวกเราสองคนไปหอไห่เฉวียนจัดการของสิ่งนี้ก่อน อยู่ในมือก็ยุ่งยาก” จินเฟยเหยาบอก
“ได้” เยี่ยจื่อลุกขึ้นตอบรับ กำลังคิดจะออกไปกับจินเฟยเหยา นางเป็นคนที่เกิดและเติบโตในเมืองไป่เหอ ย่อมรู้ว่าสถานที่เช่นหอไห่เฉวียนอยู่ที่ใด
“เยี่ยจื่อ เจ้ารอก่อน ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า” ทว่าท่านพ่อของเยี่ยจื่อกลับเรียกเยี่ยจื่อเอาไว้และลากนางไปด้านหลัง ไม่รู้ว่าคิดจะกำชับเรื่องอะไร
ผ่านไปครู่หนึ่ง เยี่ยจื่อจึงเดินออกมาพาจินเฟยเหยาออกจากบ้านไปอย่างยิ้มแย้ม