คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 378 หอไห่เฉวียน
ระหว่างที่ทั้งสองคนเดินอยู่บนถนน เยี่ยจื่อที่ติดตามอยู่ด้านข้างดูเหมือนอยากจะพูดอะไร อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่นานจึงเอ่ยว่า “ผู้อาวุโส ข้ามีเรื่องอยากจะหารือกับท่านหน่อย?”
“อ้อ ท่านพ่อให้เจ้าพูดเรื่องอะไร?” จินเฟยเหยาเบือนหน้ามาถาม
นางไม่กลัวว่าครอบครัวเยี่ยจื่อเห็นสมบัติแล้วจะคิดร้ายกับตนเอง ถ้าถูกคนขั้นสร้างฐานทำร้ายจริงๆ ยังมีหน้าเดินท่องอยู่ในโลกวิญญาณได้อย่างไร และถึงให้พวกเขาหยิบยืมความกล้าจ จินเฟยเหยาก็เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าลอบทำร้ายตนเอง คงมาขอผลประโยชน์เล็กน้อยเสียแปดส่วน พูดไปพูดมา อย่างไรตนเองได้วาฬภูเขาโดดเดี่ยวมาก็มีความเกี่ยวพันกับเยี่ยจื่อนิดหน่อย
เยี่ยจื่ออ้ำๆ อึ้งๆ พูดไม่ออก ในใจรู้สึกหงุดหงิด นึกโทษว่าท่านพ่อที่ให้ตนเองทำเรื่องนี้ ตนเองจะพูดออกมาได้อย่างไร
จินเฟยเหยาเห็นนางพูดไม่ออกอยู่นานก็หงุดหงิดอยู่บ้าง มีเรื่องอะไรแค่พูดมาก็พอจึงถามตรงๆ “พวกเจ้าคิดจะแบ่งวาฬภูเขาโดดเดี่ยวอย่างไร? พูดมาให้ข้าฟังหน่อย”
“หา” เยี่ยจื่อตกใจเงยหน้าขึ้น เข้าใจทันทีว่าจินเฟยเหยารู้เจตนาของตนเองแล้วจึงจงใจเปิดโอกาสให้แสดงท่าที
“พวกเราแค่ต้องการหนึ่งในสิบส่วนเพราะข้าแทบไม่ได้ลงแรงอะไรเลย ตอนนี้ยังหน้าหนามาขอหนึ่งส่วนอีก ข้ารู้สึกว่าเสียหน้าเกินไปจึงพูดไม่ออก” ในที่สุดเยี่ยจื่อก็คว้าโอกาสไว้แล้ว วรีบพูดออกมา
เมื่อครู่หากมิใช่ท่านพ่อของเยี่ยจื่อเรียกนางเข้าไปเอ่ยถึงเรื่องนี้โดยเฉพาะ เยี่ยจื่อคงไม่เคยคิดถึงปัญหานี้ นี่ไม่ใช่เรื่องยามังกรคำรามขั้นหนึ่งไม่กี่เม็ด เป็นไปไม่ได้ที่นาง งจะขอวาฬภูเขาโดดเดี่ยวมาทั้งหมด นั่นคือคิดจะรนหาที่ตาย
“หนึ่งในสิบส่วน?” จินเฟยเหยานึกว่าพวกนางจะบอกว่าครึ่งหนึ่งหรือหนึ่งในสามเสียอีก คิดไม่ถึงว่าจะกล้าขอแค่หนึ่งส่วนสิบ
เยี่ยจื่อนึกว่าจินเฟยเหยารังเกียจว่านางขอมากไป ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นทรัพย์สินก้อนใหญ่ ดังนั้นนางจึงเอ่ยอย่างขลาดเขลา “ถ้าผู้อาวุโสรู้สึกว่ามากไป เช่นนั้นก็เอาตามความคิดของ งผู้อาวุโส ให้เท่าไรก็เท่านั้น”
เห็นท่าทางน่าสงสารของนาง จินเฟยเหยาจึงแย้มยิ้มขึ้น “หนึ่งส่วนสิบก็หนึ่งส่วนสิบ ตอนนี้ไปหอไห่เฉวียน หลังจากแลกวาฬภูเขาโดดเดี่ยวเป็นยามังกรคำรามหรือหญ้าวิญญาณ จะแบ่งให้เ เจ้าหนึ่งส่วนสิบ”
“ขอบคุณผู้อาวุโส” เยี่ยจื่อเอ่ยขอบคุณอย่างยินดีเป็นล้นพ้น คิดไม่ถึงว่าจินเฟยเหยาจะยอมให้นางหนึ่งส่วนสิบจริงๆ แบบนี้ต่อไปตนเองก็สามารถซื้อสินค้าจากบรรดาผู้บำเพ็ญเซียนได้ ไม่ต้องออกไปลำบากอีก
จินเฟยเหยารีบแลกวาฬภูเขาโดดเดี่ยวเป็นสิ่งของที่สามารถหมุนเวียนได้เพราะมีสาเหตุ ผู้บำเพ็ญเซียนเผ่ามารและเผ่ามนุษย์แปดคนนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะมาล่าสัตว์ทะเลที่นี่จากที่อื่ น คงอาศัยอยู่ในเมืองไป่เหอเสียแปดส่วน ขายวาฬภูเขาโดดเดี่ยวทิ้งแต่เนิ่นๆ ดีกว่า ในตัวมียามังกรคำราม ถึงมีคนมาแก้แค้นแต่จะออกจากโลกวิญญาณชิงหลิวโดยไม่มีเงินติดตัวสักแดงไ ไม่ได้
คนทั้งสองเหาะมาถึงใจกลางเมืองไป่เหอ ที่นี่อยู่ด้านล่างเนื้อแห้งมังกรปิศาจเฒ่าพอดี เป็นสถานที่ที่คึกคักที่สุดในเมืองไป่เหอ แม้แต่อาคารสถานที่ก็สูงใหญ่และงดงามมากกว่าที่อื่น
หอไห่เฉวียนอยู่ที่นี่ เป็นอาคารสูงเจ็ดชั้นที่สร้างขึ้นจากปะการังสีขาวบริสุทธิ์ทั้งหมด บนหลังคาและกำแพงวางมุกที่สีสันแตกต่างกันจำนวนมากอย่างสิ้นเปลือง ทำให้มีหลากหลายสีสัน นชวนมองอย่างยิ่ง อีกทั้งพอถึงเวลาที่มุกทั้งหมดหม่นแสงลง มุกของหอไห่เฉวียนก็ยังไม่มืด ทว่ายังคงเปล่งแสงวิบวับในยามราตรีดังเดิมกลายเป็นทิวทัศน์ที่ไม่เคยแปรเปลี่ยนไปในเมือ องไป่เหอ
แบบนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อคนอื่นเป็นธรรมดา แต่พวกเขากลับบอกว่าเพื่อเฝ้าเนื้อเทพ ดังนั้นต้องส่องสว่างทั้งกลางวันกลางคืน เพื่อป้องกันคนมาขโมยเนื้อเทพในเวลาที่ทั้งเมืองมืดมิด นี เป็นเพียงข้ออ้างอันสง่าผ่าเผย ที่จริงเนื่องจากคนหนุนหลังของพวกเขาแข็งแกร่งและมีอิทธิพลเป็นพิเศษเท่านั้น
ภายในหอไห่เฉวียนมีทุกสิ่ง แต่ไม่ได้รับซื้อทุกอย่าง สิ่งของราคาถูกที่ผู้บำเพ็ญเซียนทั่วไปใช้สอยมีคนมาส่งให้ก็ไม่รับซื้อ ไม่เช่นนั้นรับรองผู้บำเพ็ญเซียนที่มาขายของราคาถูกทั้ง งวันคงทำให้คนของหอไห่เฉวียนเหน็ดเหนื่อยตาย สิ่งที่พวกเขารับซื้อคือสิ่งของราคาสูง ถ้านำสิ่งของราคาถูกเกินไปมาก็เท่ากับหยามเกียรติของตนเอง
พอเหยียบย่างเข้าประตูใหญ่ของหอไห่เฉวียน พอเข้าไปในชั้นหนึ่งก็มีคนแออัดราวกับสิ่งของไม่ต้องจ่ายเงิน ผู้บำเพ็ญเซียนที่ซื้อสิ่งของเบียดเสียดกันอยู่เต็ม ผู้บำเพ็ญเซียนที่ม มีพลังบำเพ็ญเพียรขั้นกำเนิดใหม่ขึ้นไปจะมีคนมารับรองโดยเฉพาะ ส่วนขั้นหลอมรวมเนื่องจากพบเห็นได้ทั่วไปที่นี่จึงไม่มีการปฏิบัติด้วยเป็นพิเศษ
คนที่มารับรองจินเฟยเหยาเป็นสตรีเผ่าปิศาจขั้นสร้างฐาน อีกทั้งยังไม่ใช่เผ่าทะเลเนื่องจากนางมีหูแมวน่ารักคู่หนึ่ง ดวงตาโตกว่าคนธรรมดามาก ขนตางอนยาวกระพริบตาขึ้นมาแลดูงดง งามอย่างยิ่ง
“เยี่ยจื่อ ผู้รับใช้คนนี้หน้าตาน่ารักกว่าเจ้าอีก” จินเฟยเหยาแอบถ่ายทอดเสียงให้เยี่ยจื่อที่อยู่ด้านข้างทำให้เยี่ยจื่อมีโทสะจนทำปากยื่น
“ผู้อาวุโส เดิมทีเผ่าแมวก็มีใบหน้างดงามน่ารักอยู่แล้ว แต่พลังการบำเพ็ญเพียรของพวกนางไม่สูงนัก ส่วนมากล้วนถูกนำไปเป็นผู้รับใช้หรืออนุภรรยา ข้าเป็นขั้นหลอมรวมแล้ว ไม่มีหูแ แต่มีครีบนะ” เยี่ยจื่อเอ่ยอย่างไม่ยินยอม
เอ่ยถึงครีบ จินเฟยเหยาก็ยิ่งอยากขำงอกอยู่ข้างเท้าก็ถือว่าเป็นครีบหรือ ตอนเยี่ยจื่อถอดกางเกงคิดจะหลบหนี นางนึกว่าท่อนล่างของเยี่ยจื่อจะเปลี่ยนเป็นครีบ จากนั้นหลบหนีไปอย ย่างสง่างาม ผู้ใดจะรู้ว่าไม่เหมือนที่นางคิดเลยสักนิด
“ในเผ่าทะเลไม่มีแบบร่างท่อนบนเป็นมนุษย์ท่อนล่างเป็นปิศาจปลาหรือ?” จินเฟยเหยาเอ่ยถาม
เยี่ยจื่อทำปากยื่นเอ่ยว่า “มี สามารถพบเห็นในเมืองได้บ่อยๆ”
จากนั้นดวงตานางก็เป็นประกาย รีบฉุดดึงจินเฟยเหยามาบอกใบ้เงียบๆ “ผู้อาวุโส ท่านเห็นสตรีสวมกระโปรงผ้าบางเบาลายหางปลาสีเงินนับร้อยเบื้องหน้าที่กำลังเตรียมจะขึ้นชั้นสองหรือไม ม่ นั่นคือเผ่าทะเลที่ร่างท่อนบนเป็นมนุษย์ท่อนล่างเป็นปลาอย่างที่ท่านว่า หางปลาของพวกนางมีเรี่ยวแรงมาก ไม่ต้องเปลี่ยนเป็นขาก็สามารถเดินตัวตรงได้ แต่ซ่อนอยู่ใต้กระโปรง ”
จินเฟยเหยาเงยหน้าขึ้นมองไป ก็เห็นสตรีที่มีพลังบำเพ็ญเพียรขั้นหลอมรวมช่วงกลางกำลังเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง กระโปรงผ้าบางเบาลายหางปลาสีเงินนับร้อยชิ้นนั้นกลับเป็นกระโปรงแบ บบที่เผ่าทะเลชอบสวม ตรงบั้นท้ายแนบร่างส่วนด้านล่างแผ่ออกเหมือนหางปลา ยืนอยู่ที่ชั้นหนึ่งเห็นเพียงด้านหลังของสตรีผู้นั้น เส้นผมสีเขียวอันอ่อนนุ่มบนศีรษะแผ่กระจายลงมาราว วกับผ้าไหมอันเรียบลื่น ดูแลได้ละเอียดลออ
อีกทั้งเอวของนางก็เล็กราวกับตัวต่อ เข้ากับกระโปรงผ้าบางเบาลายหางปลาสีเงินนับร้อย แม้แต่ท่วงท่าในการเดินขึ้นบันไดก็ยังงามหยาดเยิ้ม ทำให้ผู้เห็นเบิกบานใจ
“เพียงมองจากด้านหลัง ก็รู้ว่าต้องเป็นสาวงามหยาดฟ้า” จินเฟยเหยาอดชมเชยไม่ได้ พอเยี่ยจื่อและสตรีเผ่าแมวคนนั้นได้ยินก็แอบเม้มปากหัวเราะ
ในเวลานี้เอง ปิศาจนางเงือกคนนั้นใช้มือเรียวพยุงกายหันหน้ามามองชั้นหนึ่งอย่างมั่นใจและสง่างาม จากนั้นก็หันหน้ากลับไปเดินขึ้นชั้นสองต่อ
เห็นนางบิดเอวเล็กๆ เดินขึ้นชั้นสอง เยี่ยจื่อก็ฉุดดึงจินเฟยเหยา “ผู้อาวุโส พวกเรายังมีธุระต้องทำนะ”
จินเฟยเหยาเห็นใบหน้าปิศาจนางเงือกแวบหนึ่งก็อ้าปากน้อยๆ ยืนโง่งมอยู่ตรงนั้น หลังจากถูกเยี่ยจื่อฉุดดึง นางจึงกัดฟันเค้นคำพูดลอดไรฟันออกมาอย่างไม่พอใจ “ด้านหลังเห็นขุนเขาเข ขียวลำน้ำใส ด้านหน้าเห็นแยกเขี้ยวแสยะปากจริงๆ อัปลักษณ์แบบนี้ น่ากลัวเกินไปแล้ว”
เยี่ยจื่อกลับเอ่ยเบาๆ “นี่ยังเป็นคนที่หน้าตาค่อนข้างงดงามในเผ่าของพวกนาง ตอนนางหันหน้ากลับมาเมื่อครู่มีความมั่นใจอย่างยิ่ง ปกติน่าจะเป็นสาวงามที่ได้รับความนิยม”
“ดวงตาของเผ่าทะเลอย่างเจ้าคงไม่ได้แช่อยู่ในน้ำมากไปจนผิดปกติหรอกนะ ถ้าแบบนี้เป็นสาวงาม อย่างนั้นข้ามิงามล่มบ้านล่มเมืองเลยหรือ ถ้าไม่เคยเห็นคนงาม อีกไม่กี่วันข้าจะพามาใ ให้พวกเจ้าดูคนหนึ่งว่าอย่างไรจึงเรียกสาวงาม” จินเฟยเหยานึกถึงหวาหวั่นซีขึ้นได้ ถ้าหลอมสร้างร่างกายของยายนี่เสร็จ ในสถานที่ซึ่งตัวอัปลักษณ์มีความเชื่อมั่นเช่นนี้ เกรงว่ายืน นอยู่ข้างถนนก็สามารถเก็บยามังกรคำรามได้
“อัปลักษณ์นั้นช่างเถอะ ท่วงท่าเบือนหน้ามาอย่างสง่างามและมั่นใจเมื่อครู่เกือบจะทำให้ข้าขยะแขยงตาย” จินเฟยเหยาเบ้ปาก นางเงือกนั่นมีดวงตาสามเหลี่ยม จมูกแบนราบ รูจมูกกลับด้าน ย ยังมีปากขนาดใหญ่และกลมราวกับแขวนไส้กรอกไว้ อัปลักษณ์มากจริงๆ!
“ผู้อาวุโส ไม่ทราบว่าคิดจะซื้อสิ่งใด หอไห่เฉวียนของพวกเรามีครบทุกอย่าง” ยามนี้สตรีเผ่าแมวผู้งดงามแย้มยิ้มอ่อนหวาน และยังหมุนหูเบาๆ เรียกสายตาไม่พอใจจากเยี่ยจื่อ
จินเฟยเหยาเอ่ยวาจา “ข้ามาขายสิ่งของ สำหรับเรื่องซื้อนั้น รอจนขายสิ่งของแล้วข้าค่อยดูว่ามีสิ่งใดน่าสนใจบ้าง”
“ไม่ทราบผู้อาวุโสจะขายสิ่งใด จะไหว้วานให้เปิดประมูลหรือจะขายทันที” สตรีเผ่าแมวเอ่ยถามอย่างอ่อนหวาน
ที่นี่มีกฎเกณฑ์อยู่ สิ่งของแตกต่างกันจะเชิญผู้ดูแลมาคนละคนจึงต้องถามก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าขายของดีแล้วผู้ดูแลที่มาไม่รู้จักจะทำให้ผู้บำเพ็ญเซียนไม่สบายใจ ถ้าขายของไม่ดีแล้วเรียกผู้ ดูแลเรื่องของดีมา จะทำให้ผู้ดูแลรู้สึกว่าผู้รับใช้ทำงานแย่จึงต้องถามให้ชัดเจนหน่อย
“วาฬภูเขาโดดเดี่ยวขั้นแปด” จินเฟยเหยารู้ว่าสำหรับร้านประเภทนี้สัตว์ทะเลขั้นแปดไม่นับว่าเป็นของดีพิเศษ แต่ก็พอจะนำมาอวดได้
พอสตรีเผ่าแมวได้ฟังก็ยิ้มแย้มเชิญพวกนางสองคนไปที่หลังร้าน ด้านหลังร้านมีสวนเล็กๆ แห่งหนึ่งมองจากภายนอกกว้างเพียงสิบกว่าจั้ง ปลูกดอกไม้ต้นไม้บนบกไว้ไม่น้อย สวนเหล่านี้ ใต้ทะเลหาได้ยากยิ่ง เป็นสัญลักษณ์ของศักดิ์ฐานะและอำนาจอิทธิพลอย่างหนึ่ง
สวนเป็นของจริงแต่ก็แค่ปลอมแปลงมา เดินเข้าสวนแห่งนี้จากประตูข้างบานหนึ่งในร้าน จึงปรากฏสวนกว้างเกือบร้อยจั้งขึ้นด้านใน ริมสวนปลูกดอกไม้จำนวนไม่น้อยล้อมรอบ ทว่าตรงกลางกล ลับเป็นพื้นปูอิฐเรียบลื่น สัตว์ทะเลสองหางยาวสิบกว่าจั้งตัวหนึ่งกำลังนอนอยู่บนพื้น มีผู้บำเพ็ญเซียนขั้นฝึกปราณสิบกว่าคนกำลังถือมีดวิญญาณขนาดเท่าฝ่ามือตัดหนังสัตว์อย่าง งระมัดระวัง
นี่เป็นครั้งแรกที่จินเฟยเหยาเห็นการถลกหนังอย่างละเอียด นางตัดเนื้อติดหนังอย่างรวดเร็วมาตลอด มีเพียงตอนหลอมสร้างของวิเศษหรืออาวุธเวทจึงนำมาผ่านขั้นตอนอีกหน่อยแต่ไม่ได้ร ระมัดระวังขนาดนี้ มิน่าเล่าวัสดุพวกหนังที่เห็นภายในร้านจึงละเอียดลออกว่าที่ตนเองจัดการมากนัก ถ้าให้ตนเองใช้มีดเล่มเล็กถลกเบาๆ เกรงว่าตัวหนึ่งคงต้องตัดหลายเดือน
“ผู้ดูแลไห่ ผู้อาวุโสท่านนี้จะขายวาฬภูเขาโดดเดี่ยว ข้าจึงพานางมา” สตรีเผ่าแมวเดินไปบอกชายชราขั้นหลอมรวมช่วงปลายที่เปลือยร่างท่อนบนถลกหนังสัตว์สองหางอยู่
จินเฟยเหยาเห็นบนแผ่นหลังของตาเฒ่าคนนี้มีเกล็ดสะท้อนแสงสีฟ้าชั้นหนึ่ง นี่ก็คือเผ่าปิศาจในทะเล
เผ่าปิศาจก็เหมือนกับเผ่ามารคือไม่มีแซ่ที่ตายตัว เผ่ามารยังใช้รูปลักษณ์ของอักษรมาตั้งชื่อเพื่อแยกแยะวงศ์ตระกูล อย่างบ้านจอมมารหลงทุกคนล้วนมีอักษรข้าง[1]เป็นน้ำ แม้แต่ปู้จื้อ โหยวที่มีท่านพ่อมาจากเผ่ามนุษย์ อักษรตัวสุดท้ายก็ยังเป็นอักษรโหยวที่มีอักษรข้างเป็นน้ำ
ส่วนเผ่าปิศาจกลับตั้งกันสะเปะสะปะ ปกติใช้สิ่งของที่เห็นบ่อยๆ มาตั้งชื่อ สิ่งที่เผ่าปิศาจในทะเลเห็นบ่อยที่สุดคือน้ำทะเล คนแซ่ไห่[2]จึงมีเยอะเป็นพิเศษ แน่นอนว่ามีแบบเยี่ยจื่อเช ช่นกัน ท่านพ่อท่านแม่ของนางคงรู้สึกว่าใบไม้บนบกงดงามอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงตั้งชื่อว่าเยี่ยจื่อเสียแปดส่วน
จินเฟยเหยาเคยถามเยี่ยจื่อเรื่องนี้ ชื่อของท่านพ่อท่านแม่ไม่มีความเกี่ยวพันใดๆ กับนางเลย นางชื่อเยี่ยจื่อ[3] ส่วนท่านพ่อท่านแม่ของนาง คนหนึ่งชื่อเจ๋าเฉ่า[4] อีกคนชื่อจูจื่ อ[5] ดูไม่ออกเลยสักนิดว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน
……………………………………………..
[1] อักษรข้าง คือ อักษรที่ย่อเป็นตัวเล็กๆ อยู่ด้านซ้าย บอกใบ้ว่าคำนั้นเกี่ยวกับอะไร
[2] ไห่ แปลว่า ทะเล
[3] เยี่ยจื่อ แปลว่า ใบไม้
[4] เจ๋าเฉ่า แปลว่า สาหร่าย หรือ พืชน้ำ
[5] จูจื่อ แปลว่า ไข่มุก