คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 379 คนรวยอยู่ข้างบ้าน
การค้าครั้งนี้ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว จินเฟยเหยาโยนวาฬภูเขาโดดเดี่ยวที่ฟันเป็นสองส่วนออกมา ผู้ดูแลขั้นหลอมรวมของหอไห่เฉวียนตรวจสอบอย่างละเอียด ความเสียหายของสิ่งของจะมีผลกระ ะทบถึงราคา สุดท้ายจินเฟยเหยาจึงนำเน่ยตานออกมา
ปริมาณยามังกรคำรามได้มาทำให้เยี่ยจื่อตื่นเต้นไม่หยุด นั่งอยู่บนเก้าอี้ปะการังข้างสวน มองบรรดาสตรีเผ่าแมววางขวดหยกลงบนโต๊ะ ลมหายใจของนางเริ่มกระชั้น
“เด็กน้อยไม่เคยเห็นโลกกว้างจริงๆ เจ้าตื่นเต้นแบบนี้ทำไม” จินเฟยเหยาเห็นนางพลุ่งพล่านเกินไปจึงเอ่ยอย่างขบขัน
เยี่ยจื่อยิ้มอย่างขัดเขิน “ผู้อาวุโส ในขวดนี้ที่มีลายมังกรหนึ่งเส้นคือยามังกรคำรามขั้นหนึ่ง ส่วนที่มีสองเส้นคือขั้นสอง เป็นขั้นใดล้วนวาดมังกรไว้ด้านบนเท่านั้น ดูสิขวด ดนี้เป็นยามังกรคำรามขั้นห้า ข้าเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก”
สายตาของจินเฟยเหยากวาดดูยามังกรคำรามเหล่านี้ ยาขั้นห้ามียี่สิบเม็ด ที่เหลือเป็นขั้นสามแปดสิบเม็ด ขั้นสองหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเม็ด ของวิเศษชั้นล่างธรรมดาหนึ่งชิ้นที่นี่มีราคา ายามังกรคำรามขั้นสี่ห้าสิบเม็ด ยามังกรคำรามขั้นห้าสองเม็ดเท่ากับยาขั้นสี่สองร้อยเม็ด คำนวณดูแล้วเป็นเงินก้อนโตทีเดียว
หนึ่งส่วนสิบคือเท่าใด? จินเฟยเหยาคิดคำนวณจนสมองพองโต หลังมองเยี่ยจื่อแวบหนึ่งจึงเอ่ยว่า “ยามังกรคำรามอยู่ที่นี่ทั้งหมด เจ้านำไปหนึ่งส่วนสิบเองเถอะ”
เยี่ยจื่อพยักหน้าอย่างตะลึงงัน กวาดดูขวดหยกบนโต๊ะอย่างไม่สบายใจอยู่บ้าง หลังมองอยู่เนิ่นนานนางก็ยังไม่ลงมือเสียที เพียงมองจินเฟยเหยาอีกครั้งแล้วเอ่ยว่า “ให้ผู้อาวุโสจัด ดการดีกว่า ท่านจะให้ข้าเท่าใดก็ได้”
“พวกนี้ให้เจ้าทั้งหมด เพียงพอหรือไม่?” จินเฟยเหยาชี้ไปที่ยามังกรคำรามขั้นสองบนโต๊ะ ให้เยี่ยจื่อนำยาขั้นสองทั้งหมดไป
“พอแล้ว” เยี่ยจื่อรีบเอ่ยขอบคุณ มีเงินพวกนี้ก็มีเงินทุนซื้อสินค้าได้
ทว่าจินเฟยเหยายังลังเล นางเพียงรู้คร่าวๆ ว่ายาขั้นหนึ่งหนึ่งเม็ดเท่ากับศิลาวิญญาณสิบก้อน หลังจากครุ่นคิดจึงนำขวดยาขั้นสามใบหนึ่งโยนให้เยี่ยจื่อ “ข้ายังติดค้างยามังกร คำรามค่ามุกลวดลายสดใสเจ้าอยู่ พอดีคืนให้เจ้า”
“ไม่ต้องๆ ผู้อาวุโสดีต่อข้ามากแล้ว อีกทั้งมุกลวดลายสดใสไม่ต้องใช้ยามากขนาดนี้ ที่จริงยาขั้นสองห้าเม็ดก็สามารถซื้อได้แล้ว” ไหนเลยเยี่ยจื่อจะกล้ารับไว้อีกจึงรีบปฏิเสธแล ละยังเอ่ยถึงตอนที่ตนเองเรียกราคาสูงอย่างแผ่วเบา
จินเฟยเหยายิ้ม “ข้ารู้ว่าเจ้าหลอกข้า วันนั้นข้าออกไปสอบถามราคามุกลวดลายสดใส ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เจ้าไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวขนาดนั้น”
ที่แท้ไปสอบถามราคาแต่แรก เยี่ยจื่อรู้สึกหวาดกลัวไม่หาย เป็นตายก็ไม่ยอมรับยาขั้นสามห้าเม็ดนี้
“รับไว้! มีเงินทุนมากหน่อยต่อไปจะได้ทำการค้าดีๆ ข้าไม่ได้ขาดสิ่งของเล็กน้อยนี่เสียหน่อย” จินเฟยเหยาตวาดอย่างหมดความอดทน
“เจ้าค่ะ” เยี่ยจื่อไม่กล้าพูดมากอีก รับยาขั้นสามไว้ ในใจคิดคำนวณอย่างยินดีอีกสักครู่จะไปซื้อสิ่งของที่ขายดีหน่อย
สตรีเผ่าแมวที่ยืนอยู่ด้านข้างมาตลอด รู้สึกได้อย่างเฉียบไวว่าผู้อาวุโสท่านนี้เพิ่งมาเมืองไป่เหอ ดังนั้นจึงเอ่ยถามเสียงหวาน “ผู้อาวุโสต้องการดูสิ่งของอื่นๆ หรือไม่ หอไห่เฉ ฉวียนของพวกเรายังมีที่พักให้เช่า”
“เรื่องแบบนี้พวกเจ้าก็มีด้วย มีสถานที่ดีๆ อะไรลองบอกมาให้ฟังหน่อย” พอจินเฟยเหยาได้ฟังก็สนใจ นางไม่ติดค้างเยี่ยจื่อแล้ว ย่อมสามารถย้ายออกมาอาศัยอยู่เองได้
สตรีเผ่าแมวเอ่ยอย่างเคารพ “ที่นี่มีกลิ่นคาวมากเกินไป เชิญผู้อาวุโสไปนั่งชั้นบนกับข้า มีที่พักมากมายให้เลือกสรร”
จินเฟยเหยามองด้านข้าง หอไห่เฉวียนดึงคนมาจัดการวาฬภูเขาโดดเดี่ยวแล้ว กลิ่นเหม็นอยู่บ้างจึงพยักหน้า “ดี”
ส่วนเยี่ยจื่อก็ลุกขึ้น เอ่ยอย่างมีไหวพริบ “ผู้อาวุโส ท่านยังต้องจัดการเรื่องส่วนตัว ข้าไปเป็นเพื่อนต่อท่านคงไม่เหมาะสม ท่านเห็นว่าควร…”
จินเฟยเหยาคิดๆ ดูแล้วก็ใช่ ตนเองไม่อาศัยอยู่ที่บ้านเยี่ยจื่อและไม่ใช่ผู้รับใช้ของนาง จะให้นางไปเป็นเพื่อนต่อคงไม่เหมาะ “เจ้าไปทำธุระเถอะ ข้ายังไม่ไปจากเมืองไป่เหอชั่วคราว ถ้ามีธุระข้าจะไปหาเจ้า”
นางยังจะมีธุระอะไรให้เยี่ยจื่อช่วย เป็นถ้อยคำตามมารยาทล้วนๆ แต่เยี่ยจื่อก็ยังยินดี แค่อยู่ในเมือง ช้าหรือเร็วก็ต้องได้พบกัน ถึงตอนนั้นถ้ารู้ว่าอาศัยอยู่ที่ใดค่อยไปเยี่ยม มคารวะถึงที่ก็พอ สามารถตีสนิทกับเผ่าปิศาจขั้นกำเนิดใหม่ได้ มีแต่ประโยชน์ต่อครอบครัวของตนเอง
เยี่ยจื่อที่ได้เปรียบมหาศาลจากไปก่อนด้วยความดีใจเป็นล้นพัน นางต้องกลับบ้านไปบอกข่าวดี จากนั้นไปรับซื้อสิ่งของขายดีในราคาต่ำบนแผงแบกะดินริมทาง ต้องเพิ่มของดีๆ ในร้านทันที ชีวิตในภายภาคหน้าจะได้สุขสบายขึ้น
ส่วนจินเฟยเหยากลับติดตามสตรีเผ่าปิศาจแมวขึ้นไปชั้นสอง ชั้นสองก็มีผู้บำเพ็ญเซียนจำนวนมาก ปิศาจแมวอธิบายว่าคนทั้งหมดมาเช่าที่พักอาศัย เนื่องจากน่านน้ำผืนนี้มีเพียงเมืองไป่เหอ อเมืองเดียวที่ปลอดภัย น่านน้ำอื่นๆ ต่างมีผู้บำเพ็ญเซียนของสามเผ่า ไม่ปลอดภัยอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้โลกวิญญาณชิงหลิวยังมีหมู่บ้านเผ่าทะเลไม่น้อย แต่เนื่องจากคนเผ่ามนุษย์และเผ่า ามารทั้งสองเผ่าเพิ่มมากขึ้นทุกทีจึงย้ายมาที่เมืองไป่เหอทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยเมื่อหลายพันปีก่อน
ผ่านมานานหลายปีในเมืองไป่เหอจึงมีคนอยู่แออัด นอกจากผู้บำเพ็ญเซียนที่มีอิทธิพลอย่างขั้นกำเนิดใหม่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คิดจะหาสถานที่กว้างขวางสักแห่งสร้างถ้ำเซียน อย่างครอบครัว วเยี่ยจื่อเป็นคนท้องถิ่นและอาศัยอยู่ในเมืองไป่เหอมาหลายชั่วอายุคนจึงมีโอกาสมีบ้านเดี่ยวเล็กๆ พักอาศัย ส่วนผู้บำเพ็ญเซียนที่มาจากภายนอกจำนวนมากได้แต่อาศัยอยู่ในบ้านเปลือกหอ อย
บ้านเปลือกหอยคือบ้านที่สร้างขึ้นจากปะการังเป็นชั้นๆ สูงอย่างยิ่ง หลังที่สูงที่สุดมีสามสิบกว่าชั้น หลังที่เตี้ยก็มีสิบกว่าชั้น มีอยู่มากมายเป็นพิเศษในเมืองไป่เหอ ถ้าจ่ายไห หวก็อยู่คนเดียวเลยหนึ่งชั้น ถ้าจ่ายไม่ไหวก็ได้แต่อยู่เบียดเสียดกับคนอื่น แบบหนึ่งชั้นมีผู้บำเพ็ญเซียนอาศัยอยู่สองสามคน แต่โชคดีที่มีพื้นที่เพียงพอ ถึงอยู่เบียดเสียดกันชั้ นละสองสามคน แต่ละคนก็มีห้องฝึกบำเพ็ญ ห้องหลอมยา และห้องนอน
ส่วนร้านที่มีบ้านเปลือกหอยเหล่านี้มีเพียงสามร้าน เผ่ามาร เผ่ามนุษย์ และเผ่าปิศาจต่างยึดครองคนละร้าน ไม่แย่งชิงการค้ากัน ถือว่าอยู่ร่วมกันอย่างสันติ แต่บ้านเปลือกหอยยิ่งสร้า างก็ยิ่งสูง ไม่ได้ลดแรงกดดันของผู้บำเพ็ญเซียนในเมืองไป่เหอที่เพิ่มมากขึ้นทุกทีเลย สุดท้ายได้แต่ไปสร้างเกาะภายนอกเอง เนื่องจากราคาสร้างเกาะอันห่างไกลไม่สูงนักดังนั้นจึงไม่ ได้สร้างเป็นบ้านเปลือกหอย ทว่าแบ่งเป็นเรือนอันกว้างขวางให้ผู้บำเพ็ญเซียนระดับสูงเช่าพักอาศัย
สตรีเผ่าแมวคิดว่าสตรีขั้นกำเนิดใหม่เบื้องหน้าขายวาฬภูเขาโดดเดี่ยวได้ยามามากมายจึงพานางไปดูเกาะภายนอก ขอเพียงแขกที่พวกนางรับรองซื้อสิ่งของที่นี่ พวกนางก็จะได้กำไรห้า เปอร์เซ็นต์ ทว่าเช่าบ้านได้ผลประโยชน์มากที่สุดเนื่องจากมีแต่ผลประโยชน์ไม่ต้องมีต้นทุน
เพื่อแสดงความเคารพ ผู้บำเพ็ญเซียนที่เช่าเกาะอันห่างไกลจะมีห้องส่วนตัวอันงดงามหรูหรารับรอง ไม่ต้องเบียดเสียดกับผู้บำเพ็ญเซียนที่เช่าบ้านเปลือกหอยข้างนอก จินเฟยหยาจึงถูกพาเข้ าห้องส่วนตัวเช่นนี้เอง ก้นเพิ่งแตะเก้าอี้ปะการังปูเบาะนุ่มก็มีคนส่งน้ำแกงใสสีดำมาให้
กลิ่นสาหร่ายจางๆ ทำให้จินเฟยเหยาสงสัยว่าเผ่าปิศาจที่นี่ไม่เพียงแต่อาหารและใบชาจะทำจากสาหร่ายทะเล แม้แต่ของหวานก็อาจจะมีกลิ่นสาหร่ายด้วย ที่จริงเผ่าพันธุ์แตกต่างกันน้ำชาที่ห หอเฉวียนไห่ยกมาให้จะแตกต่างกัน เผ่ามนุษย์เป็นชาวิญญาณที่ส่งมาจากแผ่นดินใหญ่ ส่วนเผ่ามารกลับเป็นใบยาสูบชั้นยอด ส่วนเผ่าปิศาจย่อมต้องเป็นน้ำแกงสาหร่ายทะเลบริสุทธิ์
ปิศาจแมวลำบากจริงๆ ขั้นตอนการอยู่เป็นเพื่อนจินเฟยเหยาทั้งหมดต้องลงมือเองทุกอย่าง ตอนนี้แม้แต่แนะนำเกาะอันห่างไกลก็ต้องให้นางทำเอง สวนถาดแต่ละอันซึ่งสร้างจากปะการังและเ เปลือกหอยถูกนางนำมาวางเบื้องหน้าจินเฟยเหยา จินเฟยเหยาดูอย่างละเอียด คิดไม่ถึงว่าจะเป็นพวกเกาะอันห่างไกลภายนอกแต่ใช้เปลือกหอยแทน นี่คือให้นางเลือกเกาะที่ชอบ
“เท่าไหร่?” จินเฟยเหยามองแวบหนึ่งจึงเอ่ยถาม เกาะอันห่างไกลเหล่านี้แทบเหมือนกันหมด ไม่มีต้นไม้ไม่มีดอกไม้ทั้งหมดเป็นบ้านปะการังและทรายสีเงิน มีเพียงขนาดเรือนที่แตกต่างกัน
ปิศาจแมวชี้อันที่ใหญ่ที่สุดพลางเอ่ยว่า “หลังนี้เช่าราคาสิบปีเป็นยาขั้นห้ายี่สิบเม็ด”
จินเฟยเหยามองนางแวบหนึ่ง ยายนี่คำนวณทรัพย์สินของตนเองมาแนะนำหรือ? ดังนั้นนางจึงชี้เรือนเล็กๆ ในมุมด้านข้าง “แล้วนี่ล่ะ?”
“เช่าสิบปีเป็นยาขั้นห้าสองเม็ด” ปิศาจแมวผิดหวังนิดหน่อย แต่ยังตอบด้วยสีหน้ายินดี เรือนนี้เล็กไปหน่อย แต่ก็เพียงพอให้ผู้บำเพ็ญเซียนคนหนึ่งอาศัย
“เอาที่นี่แหละ” จินเฟยเหยาไม่เอ่ยวาจาไร้สาระ โยนยาสองเม็ดให้นางทันที ลองเช่าที่นี่สักสิบปีก่อน ยังไม่รู้เลยว่าจะอยู่นานเพียงใด นางวางแผนว่าชิงพื้นที่ดีๆ สักแห่งก็จะสา ามารถล่าเอาตานศักดิ์สิทธิ์ได้ ตนเองก็อาศัยอยู่หลายวันหน่อย รอจนบรรลุขั้นแปลงจิตแล้วค่อยพูดเรื่องต่อจากนี้
เกาะอันห่างไกลไม่มีแม้แต่วงเวท นอกจากป้ายหยกที่หอไห่เฉวียนมอบให้จินเฟยเหยาเป็นหลักฐานเพียงชิ้นเดียวว่านางเช่าที่นี่สิบปีก็ไม่มีสิ่งอื่นใดให้เลย จินเฟยเหยาเหาะผ่านเส้น นทางที่เชื่อมกับเกาะอันห่างไกลเหล่านั้นไปยังเกาะที่นางเช่าโดยตรง
เกาะอันห่างไกลแห่งนี้มีเรือนขนาดใหญ่หนึ่งหลัง ขนาดกลางสามหลัง ขนาดเล็กแปดหลัง รวมสิบสองหลัง ส่วนเรือนของนางพอดีอยู่ติดกับมุมหนึ่งของเรือนที่ใหญ่ที่สุด ยืนอยู่ในบ้านของ งตนเอง ยื่นมือออกมาก็สามารถลูบม่านแสงวงเวทได้ ถ้าอยากกินปลาก็ไม่ต้องออกจากประตูบ้าน แค่ยื่นมือก็สามารถจับปลาที่เข้ามาจากข้างนอกได้
เรือนของนางมีขนาดเพียงเจ็ดแปดหมู่ แม้แต่เกาะลอยได้เล็กๆ ก็ยังใหญ่กว่ามัน ส่วนเรือนใหญ่ทางด้านข้างกว้างห้าสิบกว่าหมู่เต็มๆ ในเรือนยังปลูกต้นชางเทียนไว้ต้นหนึ่ง ต้นไม ม้ต้นนั้นใหญ่เกินสิบคนโอบตั้งแผ่กิ่งก้านอยู่ในเรือน ยังได้ยินเสียงนกบนต้นไม้ร้องจิ๊บๆ
ยืนมองอยู่ข้างนอกแวบหนึ่งเห็นหญ้าสีเขียวขจีใต้ต้นไม้ ภายนอกม่านแสงคือน้ำทะเลชัดๆ อยากจะเห็นปลาก็ได้ ข้างต้นไม้ยังมีสระน้ำขนาดห้าหมู่ ในสระปลูกดอกบัวที่มีกลีบดอกเจ็ดสี พ พอเห็นก็รู้ว่าผู้บำเพ็ญเซียนในเรือนมีเงินทองมากมายจนไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้ที่ใดดี
จินเฟยเหยาไม่มองดูให้มากความ นางยืนอยู่บนทรายสีขาวในเรือนเล็กๆ ของตนเอง กางวงเวทวิญญาณสิบสองปิศาจเสร็จ จากนั้นก็มุดเข้าห้องโขดหินภายในเรือน ผ่านไปครู่หนึ่งพั่งจื่อจึงถู กนางโยนออกมา กล่องสีแดงที่อยู่ใกล้ๆ กันก็ถูกโยนออกมาด้วยและกระแทกบนหัวพั่งจื่อพอดี กล่องสีแดงร่วงลงบนพื้น มุกโปร่งใสขนาดเท่ากำปั้นเม็ดหนึ่งกลิ้งออกมาจากด้านในและแผ่ ปราณวิญญาณออกมา
จากนั้นก็เห็นจินเฟยเหยายืนโบกไม้โบกมือให้พั่งจื่ออยู่ตรงประตู “ข้าจะหลอมสร้างหวาหวั่นซีก่อน ถ้าเจ้าเบื่อหน่ายก็เอาของวิเศษชั้นยอดชิ้นนี้ไปเล่น หลายวันนี้อย่าเอะอะรบกวนข้ า”
ต่อมาก็ได้ยินจินเฟยเหยาด่าทออย่างไม่สบอารมณ์ “สำนักหลิงเถี่ยวเฮงซวย ใครนะอยู่ว่างจนเบื่อหน่าย คิดไม่ถึงว่าจะหลอมสร้างของวิเศษชั้นยอดแบบนี้ออกมา! เห็นของวิเศษกระจอกมามาก ก็ยังไม่เคยเห็นสิ่งไร้ประโยชน์ขนาดนี้เลย”
ส่วนพั่งจื่อกลับหยิบขึ้นมาอย่างดีอกดีใจ ชูขึ้นดูนอกม่านแสงจากนั้นกระโดดออกจากเรือนไปในเมืองไป่เหอ