คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 380 มีประโยชน์อะไร!
เนื่องจากเคยเห็นคนของหอไห่เฉวียนจัดการหนังสัตว์ จินเฟยเหยาจึงคิดจะทำหนังสุกรผีเสื้อหยกให้สมบูรณ์แบบ จึงใช้มีดเล่มเล็กถลกหนังสุกรผีเสื้อหยกอย่างระมัดระวังเลียนแบบพวกเขาโ โดยไม่ใช้พลังวิญญาณ พยายามไม่ให้บนหนังติดเศษเนื้อ
พอทำแล้วคิดไม่ถึงว่าจะเสียเวลาไม่น้อย ทั้งถลกหนังทั้งหลอมเล็บมังกรปิศาจ ใช้เวลาถึงสองเดือนเต็มๆ ภายใต้การบ่นว่าราวกับราชินีของหวาหวั่นซี
“ฮ่าๆๆ…” หวาหวั่นซียืนร่างเปลือยเปล่าอยู่ในเรือน หัวเราะอย่างหยิ่งผยอง ร่างนี้จึงเป็นร่างที่นางสมควรครอบครอง
เส้นผมสีดำสนิท ผิวพรรณขาวผ่องราวกับหยกมันแพะ ใบหน้าเนียนละเอียด สิ่งเดียวที่งดงามไม่เพียงพอคือมุกผีดิบบนหน้าผาก ถ้ามิใช่สีขาวเทาแต่เป็นสีสันอันสดงามก็จะทำให้นางงดงามจับใ ใจ
“ข้าว่าเจ้ากลับไปสวมเสื้อผ้าก่อนดีหรือไม่” จินเฟยเหยาเดินออกมาฉุดลากนางเข้าบ้าน นางไม่ได้ใช้วงเวทวิญญาณสิบสองปิศาจบดบังเรือนไว้ไม่ให้ผู้อื่นเห็น เดิมทีก็เป็นเพียงเรือนเ เล็กๆ ถ้าลับๆ ล่อๆ บดบังขึ้นมาคงดูเหมือนมีปัญหา
หวาหวั่นซีงดงามเกินไป ถ้าให้พวกคนข้างบ้านเห็นยืนเปลือยกายอยู่ในเรือนแบบนี้คงได้เปรียบไปฟรีๆ
“เช่นนั้นเจ้าก็รีบหลอมขนจูเชวี่ยเป็นชุดอาคมให้ข้าเร็วๆ ยิ่งงดงามก็ยิ่งดี สิ่งของราคาถูกอื่นๆ ข้าไม่ยินดีสวม” หวาหวั่นซีเชิดหน้าขึ้นเอ่ยวาจา
จินเฟยเหยากลอกตาใส่นาง “เจ้าจะรู้อะไร ยิ่งเป็นของดีก็ยิ่งต้องทำตัวไม่สะดุดตา เจ้าสวมชุดราวกับหงส์เพลิงตัวหนึ่ง ถ้าเจอศัตรูคงรอให้ผู้อื่นสังหาร”
ทันใดนั้นนางก็ชะงัก เกิดความคิดดีๆ ขึ้น ชุดอาคมจูเชวี่ยสองชุด ถ้าหวาหวั่นซีงดงามผิดปกติ อีกทั้งมีพลังวิญญาณคุกคามคน ตอนเจอศัตรูอีกฝ่ายต้องจับตาดูนางแน่ ส่วนตนเองก็สวม ชุดที่ไม่สะดุดตาสักหน่อย ยิ่งเรียบง่ายก็ยิ่งดี แบบนี้การโจมตีกว่าครึ่งก็ให้หวาหวั่นซีต้านทานไว้
“เจ้าเกิดความคิดบ้าๆ อะไรขึ้นอีกล่ะ” เห็นจินเฟยเหยาเผยสีหน้ายินดีออกมา หวาหวั่นซีก็มองนางอย่างระแวง ขอเพียงไม่ระวังคนผู้นี้ก็จะกระทำเรื่องที่ทำให้คนหมดวาจาถึงตายได้ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง หลักๆ คือน่าขายหน้าเกินไป
“ไม่มีอะไร ข้ากำลังคิดว่าจะหลอมสร้างชุดอาคมของเจ้าให้งดงามได้อย่างไร เจ้างดงามถึงเพียงนี้ ถ้าสวมชุดแย่ๆ ข้าคงขายหน้า” จินเฟยเหยาโบกไม้โบกมือเอ่ยด้วยสีหน้าสัตย์ซื่อ
หวาหวั่นซีส่งเสียงขึ้นจมูก “ขอเพียงเจ้าแสดงสีหน้าสัตย์ซื่อจริงใจออกมา รับรองได้ว่าต้องคิดจะทำเรื่องอะไรแน่”
“เปล่านะ ถึงอย่างไรเจ้าก็ไม่ยอมสวมเสื้อผ้าอื่นๆ นั่งมองข้าหลอมสร้างอยู่ตรงนี้ก็พอ เจ้าบอกว่าหลอมให้งดงามก็หลอมให้งดงาม วัสดุทั้งหมดล้วนอยู่ที่นี่ เจ้าเลือกเอาเองเถอะ” จินเฟยเหยานำถุงเฉียนคุนออกมาและเอ่ยอย่างจริงจัง
“จริงหรือ?” หวาหวั่นซีดวงตาเป็นประกาย ในถุงเฉียนคุนของจินเฟยเหยามีสิ่งของไม่น้อย นางไม่เคยตัดใจขายได้จึงใส่ทุกอย่างไว้ในนั้น มีวัตถุดิบของสัตว์ปิศาจจำนวนไม่น้อยที่ใช้ได้ ถ ถ้าหยิบได้ตามใจชอบก็สามารถหลอมสร้างชุดอันยอดเยี่ยมออกมาได้
จินเฟยเหยาพยักหน้าอย่างจริงจัง “จริง!”
ดังนั้นหวาหวั่นซีจึงเลือกเฟ้นอย่างบ้าคลั่ง ใช้ขนจูเชวี่ยเป็นหลักแล้วเพิ่มวัตถุดิบอีกหกสิบกว่าชนิด สุดท้ายจึงหลอมสร้างทั้งหมดให้กลายเป็นชุดอาคมชั้นยอดเสร็จสิ้นแล้วสวมลงบนร่า างนาง
ชุดอาคมสีแดงเพลิง บนนั้นมีแสงเพลิงราวกับเงาภาพมายาชั้นหนึ่งกระพริบอยู่รางๆ มีจุดแสงดวงดาราเล็กๆ กระพริบในแสงเพลิง ตอนสงบนิ่งไม่เคลื่อนไหวชุดอาคมทั้งหมดจะมีสีแดงเพลิงแฝงด้วยแ แสงดวงดารา ทว่าขอเพียงขยับเดิน บนชุดอาคมจะปรากฏสีสันสดใสสิบสีตามการย่างก้าว ปลดปล่อยพลังวิญญาณออกมาจากบนชุดอาคมอย่างต่อเนื่องโดยไม่ออมรั้งเลยสักนิดทำให้คนรู้ว่านี่คือ อชุดอาคมชั้นยอด
หวาหวั่นซีพึงพอใจชุดนี้มาก พอหลอมสร้างเสร็จก็สวมลงบนร่างราวกับราชินีผู้หยิ่งผยอง แต่ก็งดงามจนคนตะลึงจริงๆ จินเฟยเหยาอดมองไปทางชุดอาคมขนจูเชวี่ยอีกชุดไม่ได้ โชคดีท ที่ตนเองทำจนไม่สะดุดตา ถ้าหลอมสร้างเป็นแบบนี้ ตนเองจะมีหน้าสวมออกไปได้อย่างไร ไม่คู่ควรกับชุดโดยสิ้นเชิง
“ตั้งชื่อเถอะ สิ่งที่งดงามขนาดนี้ถ้าไม่มีชื่อก็น่าเสียดายเกินไป” จินเฟยเหยากระพริบตา จ้องมองชุดอาคมอยู่ตลอดจนดวงตารู้สึกระคายเคือง
หวาหวั่นซีสนใจอย่างยิ่ง ลากชุดอาคมเดินไปเดินมา “ชื่ออะไรดีนะ?”
ทันใดนั้นนางก็เอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “ข้าจำได้ว่ามีนกชนิดหนึ่ง ตัวผู้หน้าตางดงามสุดเปรียบปาน ส่วนตัวเมียกลับสีเทามืดหม่น ไม่มีสีสันเลยสักนิด ชุดอาคมสองชุดนี้สร้างขึ้นจากน้ำ ำมือคนคนเดียวกัน กลับเป็นหนึ่งสีเทาหนึ่งสีสันพอดี มิสู้แบ่งเป็นผู้เมีย ชุดของข้าเป็นเพศผู้ ชุดของเจ้าเป็นเพศเมีย”
“ตามใจเจ้า แต่คงเรียกว่าชุดเพศผู้ชุดเพศเมียไม่ได้กระมัง” จินเฟยเหยาหางตากระตุก ขนาดเสื้อผ้านางก็แบ่งเป็นผู้เมีย
หวาหวั่นซีหมุนตัวเบาๆ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ชุดของข้าเรียกว่าชุดปีกสวรรค์ ชุดของเจ้าก็เรียกว่าชุดปีกอีกาเถอะ”
“ทำไมเจ้าไม่บอกมาเลยล่ะว่าชุดของข้าเรียกว่าชุดอีกา!” จินเฟยเหยาเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
“ดีเลย อย่างนั้นชุดของเจ้าเรียกว่าชุดอีกา ชุดของข้าเรียกว่าชุดจูเชวี่ย” หวาหวั่นซีปรบมือเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม ชื่อของชุดอาคมชั้นยอดสองชุดถูกกำหนดเป็นที่เรียบร้อย
จินเฟยเหยาพึมพำแล้วสวมชุดอีกาของตนเอง ชุดอาคมสีดำ ดูเหมือนไม่สะดุดตา แต่ถ้าผู้บำเพ็ญเซียนสตรีสวมใส่ ชุดนี้กลับเปลี่ยนเป็นสะดุดตาขึ้นมา นี่นางยังเพิ่มโลหิตสัตว์สีดำลงไป ปมากมายจึงสะกดแสงอันงดงามของขนจูเชวี่ยได้ แต่ผลสุดท้ายกลับเหมือนผงสีเงินกระจายออกมาภายใต้สีดำ มีจุดแสงเล็กๆ กระพริบในบางครั้งราวกับดวงดารา
เรื่องนี้ก็จนหนทาง ถ้าเรียบง่ายเกินไปจะทำให้คนรู้สึกว่ามีปัญหา ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่คนหนึ่งสวมชุดราวกับคนขั้นฝึกปราณ บ่งบอกชัดว่าคิดจะทำร้ายคน
“ไป พวกเราออกไปตามหาพั่งจื่อ หลายเดือนแล้วยังไม่เห็นเงาเลย ไม่รู้ว่าถือของวิเศษชั้นยอดชิ้นนั้นวิ่งไปที่ใด” จินเฟยเหยาสวมชุดอีกาเสร็จก็ฉุดลากหวาหวั่นซีออกจากบ้านไปตามหาพ พั่งจื่อ
หลังจากพั่งจื่อไปเมืองไป่เหอวันนั้นก็ไม่เคยกลับมา จินเฟยเหยารู้สึกว่าแปลกประหลาด ต่อให้เล่นจนเบิกบานใจอย่างไรก็ต้องกลับมาสักครั้ง เหตุใดจึงหายไปโดยไร้ร่องรอย
“บางทีพี่พั่งอาจจะถูกคนย่างกินแล้ว เนื้อของมันเยอะขนาดนั้น ถ้าเจอผู้บำเพ็ญเซียนกินเนื้อจะอันตรายมาก” เพิ่งเดินไปครึ่งทาง น้ำเสียงของหวาหวั่นซีทางด้านข้างพลันเปลี่ยนไป พอจินเฟยเหยาหันหน้ามามอง ไม่รู้ว่าเปลี่ยนเป็นเนี่ยนซีออกมาตั้งแต่เมื่อใด
“คนที่นี่กินเจ อีกทั้งกบย่างไม่อร่อยเท่ากบต้ม” จินเฟยเหยาแก้ไขคำพูดของเนี่ยนซี พอคิดว่าคนที่ออกจากบ้านมาคือเนี่ยนซีก็รู้สึกดีกว่าพาหวาหวั่นซีไปมากนัก ท่าทีของหวาห หวั่นซีย่ำแย่ขนาดนี้ไม่แน่ว่าจะยั่วโทสะผู้อื่น
พาเนี่ยนซีเหาะไปรอบๆ ในที่สุดจินเฟยเหยาก็พบเงาร่างของพั่งจื่อ น่าเสียดายจริงๆ ไม่มีคนจับมันไปต้มน้ำแกง
พั่งจื่อนั่งอยู่ในสถานที่ซึ่งคึกคักที่สุดของเมืองไป่เหอ ริมทางเข้าหอไห่เฉวียน เบื้องหน้าวางเปลือกหอยขนาดใหญ่ครึ่งหนึ่ง ในนั้นจงใจหยดของเหลวมังกรคำรามไว้นิดหน่อย ในเปลือกหอย ยเล็กๆ ทางด้านข้างมียาขั้นหนึ่งสองเม็ด อุ้งมือกบถือมุกเม็ดนั้นกำลังวางไว้ข้างหน้ามองผู้บำเพ็ญเซียนที่ไปมา
เจ้านี่กำลังขอทาน!
จินเฟยเหยายืนจ้องมองมันอยู่ด้านข้างครู่หนึ่ง จากนั้นเดินเข้าไปใช้มือแย่งมุกในอุ้งมือมันจากด้านข้างแล้วขมวดคิ้วเอ่ยถาม “เจ้ามาขอทานอยู่ที่นี่ทำไม!”
พั่งจื่อหันหน้ามามอง พบว่าคนที่ชิงสิ่งของไปคือจินเฟยเหยา ร่างที่กำลังจะระเบิดโทสะก็ลุกขึ้น จากนั้นพอมองเห็นเนี่ยนซีที่ด้านหลังนางก็รู้สึกว่าตากบใกล้จะถูกทิ่มแทงจนบอด หลังจากตะลึงไปครู่หนึ่งจึงตอบจินเฟยเหยา “อ๊บๆๆ”
“อะไรนะ สามเดือนกว่ามานี้เจ้าอยู่ที่นี่?” จินเฟยเหยาหมดวาจากับเจ้านี่โดยสิ้นเชิง มองเปลือกหอยเบื้องหน้าร่างของมันก็เอ่ยถามอย่างสงสัย “เจ้าขอยามังกรคำรามได้เท่าใด ดูแล้วป ปริมาณของเหลวไม่มากนัก แค่ยี่สิบสามสิบหยด”
“อ๊บๆ” พั่งจื่อตอบตามสบาย สายตามองเนี่ยนซี คิดจะเรียกเสี่ยวหวั่นออกมาเล่น
“เจ้าพูดให้ข้าฟังอีกครั้งสิ!” พอจินเฟยเหยาได้ยินก็คว้าหนังของพั่งจื่อขึ้นแล้วร้องตะโกน ของเหลววิญญาณเหล่านี้มันใช้ยาขั้นหนึ่งแลกมา จากนั้นเทใส่เปลือกหอยของตนเอง ส่วนยาขั นหนึ่งสองเม็ดทางด้านข้างมันก็วางเอง สามเดือนกว่ามานี้ ไม่เคยมีใครให้ทานแก่มันเลย อีกทั้งเทของเหลวที่นี่โดนลม ประสิทธิภาพลดลงไม่น้อย เจ็ดแปดวันต้องเติมหนึ่งครั้งคือ สิ้นเปลืองสิ่งของอยู่ที่นี่โดยสิ้นเชิง
ไม่รอให้นางด่าทอมันสักสองประโยค ร่างสีแดงเพลิงก็พุ่งมาปกป้องอยู่หน้าพั่งจื่ออย่างมีโทสะ “ห้ามรังแกท่านลุงพั่ง ท่านลุงพั่งเป็นคนดี ข้าไม่อนุญาตให้ท่านรังแกมัน”
“คนดีกะผีสิ ถ้าบอกว่าดีก็ต้องบอกว่ามันเป็นกบดี ไม่เกี่ยวกับคนเลยสักนิด!” จินเฟยเหยาด่าอย่างไม่สบอารมณ์ เนี่ยนซีทำอะไรน่ะ พั่งจื่อเพิ่งตะโกนไม่กี่ประโยคก็ถอยให้เสี่ยว วหวั่นออกมา ยายนี่ยังเทียบหวาหวั่นซีไม่ได้ ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าไร้ประโยชน์ทั้งยังก่อเรื่องกับพั่งจื่อทั้งวัน
“ไม่สน ถึงอย่างไรก็ห้ามรังแกท่านลุงพั่ง” เสี่ยวหวั่นเข้าไปใกล้ร่างของพั่งจื่อ มีท่าทางปกป้องมันและจ้องมองจินเฟยเหยาอย่างดุร้าย
“ใครจะยุ่งกับพวกเจ้า ในเมื่อเจ้าปกป้องมันขนาดนี้ก็ขอยามังกรคำรามหลายเม็ดคืนมาให้ข้า” จินเฟยเหยานั่งพิงกำแพงทางด้านข้างและกลอกตาใส่พวกเขา
เสี่ยวหวั่นฉุดดึงพั่งจื่อ เอ่ยอย่างมั่นใจเต็มที่ “ท่านลุงพั่ง ข้าจะช่วยท่าน ข้าไม่เชื่อว่าพวกเราจะขอยามังกรคำรามไม่ได้ ให้นางเห็นว่าพวกเราก็มีความสามารถ”
“เด็กน้อยเอ๊ย” จินเฟยเหยาด่าทออย่างยิ้มแย้ม
ไม่สนใจว่าสองคนนี้จะขอยามังกรคำรามอย่างไร จินเฟยเหยามองพินิจมุกในมือ นางครุ่นคิดแล้ววางมุกไว้ตรงดวงตา มือถ่ายเทพลังวิญญาณลงไปเล็กน้อย จากนั้นมองผู้บำเพ็ญเซียนเผ่ามน นุษย์ที่หล่อเหลาสง่างามคนหนึ่งที่อยู่อีกฝั่งของมุก มุกกระพริบวาบเห็นผู้บำเพ็ญเซียนคนนั้นปรากฏตัวขึ้นในมุกแบบเปลือยเปล่า
จินเฟยหยาปิดปากหัวเราะ ส่องมุกไปทางบุรุษเผ่ามารอีกคน จากนั้นก็เห็นเสื้อผ้าของบุรุษผู้นั้นหายไปหมด เดินเปลือยกายข้ามถนนอย่างเอ้อระเหย จากนั้นมองไปทางสถานที่ซึ่งมีผู้บำเพ็ ญเซียนสตรี จริงเสียด้วย ภายในมุกเห็นผู้บำเพ็ญเซียนสตรีเหล่านั้นไม่ได้สวมอะไรเลย บนร่างของทุกคนว่างเปล่าและแขวนถุงเฉียนคุนไว้หลายใบ ดูแล้วบอกไม่ถูกว่าประหลาดหรือน่าขำ ำ
เห็นจินเฟยเหยาทางด้านข้างถือมุกดูไปยิ้มไป พั่งจื่อก็หยิกแกมแล้วหัวเราะ “อ๊บๆๆ?”
“มิน่าเล่าเจ้าจึงนั่งอยู่ที่นี่โดยไม่กลับไปนานขนาดนี้ น่าสนุกนิดหน่อย” จินเฟยเหยาพยักหน้าเอ่ยวาจา จากนั้นยืนขึ้น ขว้างมุกกระแทกพื้นอย่างแรงทันทีแล้วคำรามลั่น “แต่มีประโยชน น์บ้าอะไร!”
พั่งจื่อตวัดลิ้นออกไปแบบตาเร็วมือไว รีบเก็บมุกกลับมาพลางด่าทออย่างไม่พอใจ “อ๊บๆ!”
“เชอะ!”