คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 381 ราชันเผ่าพิภพ
คนที่ผ่านไปมาต่างสังเกตเห็นเรื่องนี้ กบที่ขอทานตรงประตูหอไห่เฉวียนมาสามเดือนกว่าแต่ไม่ได้อะไรเลย ข้างกายมีการเปลี่ยนแปลง
นอกจากกบสีขาวตัวใหญ่ที่ไม่เคยขยับเขยื้อนตัวนั้น วันนี้มีคนเพิ่มมาอีกสองคน สตรีเผ่าปิศาจขั้นกำเนิดใหม่ช่วงกลางคนหนึ่งแย่งชิงมุกที่กบสีขาวตัวใหญ่ถือดูทุกวันนั่งมองด้านใ ในไม่หยุด
และสตรีเผ่ามนุษย์ที่งามหยาดฟ้าคนหนึ่ง สวมชุดอาคมชั้นยอดอันงดงามหรูหรานั่งอยู่ติดกับกบสีขาวตัวใหญ่กำลังร้องตะโกนอย่างแข็งขัน “ผู้ใจบุญทุกท่าน พวกเราเพิ่งมาที่นี่ถุงเฉียน คุนก็ถูกขโมย ตอนนี้ในตัวไม่มียาสักเม็ด ทุกท่านโปรดมอบค่าอาหารให้ด้วย”
คนที่ผ่านมาต่างไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกในยามนี้อย่างไร สวมชุดอาคมชั้นยอดอันล้ำค่าขนาดนี้มาขอทาน อีกทั้งหน้าตายังงดงามพอเห็นก็รู้ว่าเป็นคนมีอำนาจ ผู้ใดจะให้ยามังกรค คำรามแก่นาง! แค่ชุดอาคมชั้นยอดชุดนั้น ขอเพียงเดินเข้าไปขายในหอไห่เฉวียนก็เพียงพอจะใช้ชีวิตอย่างหรูหราได้หลายปีแล้ว นี่ล้อคนเล่นหรือ
จินเฟยเหยามองเสี่ยวหวั่นที่ขอทานอย่างแข็งขันด้วยสายตาเย็นชา ทำแบบนี้สามารถขอยาได้ก็แปลกแล้ว ส่วนเสี่ยวหวั่นตะโกนอยู่นานเห็นคนมองอย่างคึกคักแต่ไม่เห็นมีคนให้ยามังกรค คำรามจึงเอ่ยอย่างมีโทสะแทบแย่ “คนพวกนี้นี่อย่างไรนะ หรือว่าไม่มีน้ำใจเลยสักนิด!”
“อุ๊บส์” จินเฟยเหยาถูกนางหยอกล้อจนหัวเราะ “เจ้าสวมชุดดีเกินไป เจ้าดูพวกเขาสิสวมชุดไม่ดีเท่าเจ้า ผู้ใดจะสงสารเจ้า”
“สวมชุดดีเกินไป?” เสี่ยวหวั่นก้มหน้าลงมองเสื้อผ้าบนร่าง พบว่าตนเองสวมชุดอันงดงามสุดเปรียบปานจึงรู้แจ้งทันที
เสี่ยวหวั่นยืนขึ้นแล้วถอดชุดจูเชวี่ยอย่างว่องไว ด้านในสวมเพียงชุดชั้นใน จากนั้นนางนั่งลงข้างพั่งจื่อ เอ่ยปากแบบจะร้องไห้ “ผู้ใจบุญทุกท่าน...”
นางเพิ่งตะโกนได้ครึ่งประโยคก็เห็นเปลือกหอยเล็กๆ เบื้องหน้ามียาขั้นหนึ่งเพิ่มมาสิบกว่าเม็ด
เสี่ยวหวั่นเงยหน้าขึ้นมองอย่างตกตะลึงจึงเห็นเบื้องหน้ามีผู้บำเพ็ญเซียนจำนวนไม่น้อยล้อมวงอยู่ ทั้งหมดเป็นบุรุษ มีทุกเผ่า พวกเขาแต่ละคนทำท่ามีคุณธรรมสูงส่งเอ่ยด้วยใบหน้ามีเมตตา า “คุณหนู ถ้าไม่มีที่ไป ข้ามีที่พักว่างอยู่แห่งหนึ่ง สามารถให้คุณหนูหยิบยืมเป็นที่พักกาย…”
ยังเอ่ยไม่จบก็ถูกคนอื่นๆ ตัดบท “น้องสาว ที่พักข้าดีกว่า”
“น้องสาวเหตุใดจึงเร่ร่อนมาถึงที่นี่ ข้ายินดีเลี้ยงดู…”
“เจ้าจะแย่งทำไม ถอยไป”
“ข้าว่าเจ้ามากกว่า เรื่องที่นี่เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย ไม่ดูพลังบำเพ็ญเพียรของเจ้าเสียบ้าง ไสหัวกลับบ้านไปเสีย”
“มีความกล้าไม่เบา รู้หรือไม่ว่าท่านพ่อของข้าเป็นใคร!”
“ท่านพ่อของเจ้าเป็นใครไปถามท่านแม่ของเจ้าโน่น มาถามข้าทำไม ข้าไม่ได้ชอบบุรุษเสียหน่อย”
“รำคาญในการมีชีวิตอยู่แล้วสินะ!”
“คนงาม พวกเขาโต้เถียงกันน่ารำคาญจริงๆ เจ้าไม่ต้องกลัว สามารถไปบ้านข้าได้”
“ไสหัวไป เจ้าหนู”
เสี่ยวหวั่นมองคนเหล่านี้ห้อมล้อมนาง ผลักกันไปมาและทะเลาะกันจนบรรยากาศมาคุอย่างปากอ้าตาค้าง พั่งจื่อถอยออกมายืนอยู่ข้างกายจินเฟยเหยาแล้วในมือหอบชุดจูเชวี่ย สถานการณ์วุ นวายแบบนี้ มันยังกลัวว่าของมีค่าของพวกมันจะถูกคนฉวยโอกาสเอาไป
จินเฟยเหยามองผ่านมุก เห็นบุรุษขาวผ่องสิบกว่าคนห้อมล้อมเสี่ยวหวั่นที่ไม่สวมอะไรเลยเช่นกัน ฉากนี้ดูแล้วแปลกประหลาดเป็นพิเศษ
“คนมากขึ้นทุกที รีบพานางไปเถอะ” จินเฟยเหยารู้สึกอยากจะขย้อน โยนมุกให้พั่งจื่อจากนั้นบ่นพึมพำอีกว่า “ข้าแค่บอกว่านางสวมชุดดีเกินไป จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้ายั่วยวนคนเหล่านี้ ด้วยหรือ?”
“อ๊บๆ” พั่งจื่อถลึงตาใส่นางอย่างไม่พอใจ รู้ชัดๆ ว่าเสี่ยวหวั่นไม่รู้อะไรเลยยังชี้นำนางผิดๆ อีก
“อย่าพูดจาไร้สาระ รีบไป คนมากขึ้นทุกที” จินเฟยเหยายื่นมือมาดึงเสี่ยวหวั่นที่ยืนอยู่ในฝูงชนโดยไม่รู้ว่าทำอะไรผิด แบกขึ้นไหล่กระโดดเหินร่างขึ้นกลางอากาศ เหาะไปยังเกาะอั นห่างไกลที่อาศัยอยู่
ส่วนผู้บำเพ็ญเซียนเหล่านั้นเห็นน้องสาวคนงามถูกคนชิงตัวไป เลวร้ายมาก ทุกคนทะเลาะกันอยู่นานจะให้ผู้อื่นแย่งชิงไปง่ายๆ ได้อย่างไร คนที่พลังการบำเพ็ญเพียรต่ำกว่าจินเฟยเหยาก ก็เลิกล้ม ส่วนผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่เช่นเดียวกันก็ไล่ตามมา
“วางคนลง พวกเราเห็นก่อนนะ สตรีอย่างเจ้าจะแย่งชิงสตรีทำไม!” ไล่ตามพลางมีผู้บำเพ็ญเซียนร้องตะโกนเสียงดัง เห็นคนแบกเป็นสตรีเผ่าปิศาจก็รู้สึกไม่เข้าใจ
จินเฟยเหยาชะงักร่าง คำรามอย่างมีโทสะ “วางทำไม! นี่คือคนของข้า ข้าพานางกลับบ้าน พวกเจ้าไล่ตามมาทำไม!”
ผู้บำเพ็ญเซียนเหล่านี้หยุดลงอย่างสงสัย หรือว่าสตรีธรรมดาผู้งดงามเป็นคนของผู้บำเพ็ญเซียนสตรีคนนี้จริงๆ?
“ทนไม่ไหวแล้ว เป็นคนประเภทไหนกัน” จินเฟยเหยาด่าทออย่างไม่พอใจ พลังบำเพ็ญเพียรก็สูงส่ง เหตุใดจึงไล่ตามมาเหมือนปิศาจราคะเฒ่า เห็นคนงามเข้าหน่อยก็แสดงตัณหาออกมา ที่น่าโมโหย ยิ่งกว่านั้นคือมีคนทั้งสามเผ่า เป็นความดีงามที่ไม่แบ่งแยกเผ่าพันธุ์จริงๆ
ถึงเสี่ยวหวั่นซุกซนก็เป็นเพียงเด็กน้อยจึงตกใจกลัวจนใกล้จะร่ำไห้ ดังนั้นจินเฟยเหยาจึงโยนนางให้พั่งจื่อ เสี่ยวหวั่นซุกตัวอยู่ในอ้อมอกของพั่งจื่อและถลึงตาใส่ผู้บำเพ็ญเซียน เหล่านั้นอย่างเดือดดาล
ฉากนี้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าสตรีธรรมดาผู้งามล้ำเป็นคนของสตรีเผ่าปิศาจ คงไปลักพาตัวมาจากโลกวิญญาณอื่นเสียแปดส่วน ไม่เช่นนั้นเหตุใดจึงมีเผ่าปิศาจเลี้ยงดูเผ่ามนุษย์
“ไป” จินเฟยเหยาส่งเสียงขึ้นจมูก ให้พั่งจื่อพาเสี่ยวหวั่นกลับเกาะอันห่างไกล ไม่สนใจว่ามีคนสะกดรอยตามมาหรือไม่ นางไม่เชื่อว่าจะมีผู้บำเพ็ญเซียนมาหาเรื่องตนเองเพื่อสตรีธรรมดา า
กลับถึงเรือนเล็กๆ ของตนเอง จินเฟยเหยากดชีพจรไท่หยาง[1] และเอ่ยอย่างหงุดหงิด “จริงๆ เลย ข้าน่าจะทำใบหน้าให้น่าเกลียดหน่อย ข้าทำหน้าตาแบบข้าชัดๆ เหตุใดจึงออกมาเป็นใบหน้าข ของหวาหวั่นซีได้ ใบหน้านี้ทำร้ายคนไม่เบาเลยทีเดียว”
จากนั้นนางก็ห้ามพวกหวาหวั่นซีออกไปเด็ดขาด ให้จับเจ่าอยู่ในเรือนก็พอ อย่าออกไปก่อเรื่องอีก
ทว่าอยู่อย่างเงียบสงบได้ไม่กี่วัน พลันมีผู้บำเพ็ญเซียนจำนวนมากมาบนเกาะ ตอนแรกนึกว่ามาหาหวาหวั่นซี พอมาถึงแล้วจึงพบว่าตนเองคิดมากไป ผู้บำเพ็ญเซียนเหล่านี้ล้วนมาที่บ้านข้า างๆ
เวลาเพียงสามวันห้าวันก็มีผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่มายี่สิบสามสิบคน อยู่ไม่กี่ชั่วยามหรือหนึ่งวันก็จากไป มีคนไปๆ มาๆ ไม่ขาดสาย
จินเฟยเหยาที่อยู่ติดกันมองพินิจด้านในที่กั้นด้วยกำแพงอย่างสงสัย พบว่าผู้มาล้วนเป็นเผ่าปิศาจ ไม่มีเผ่ามารหรือเผ่ามนุษย์เลยสักคน มองอยู่หลายวันก็รู้สึกเบื่อหน่าย นางจึง งไม่สนใจเรื่องของบ้านข้างๆ อีก
เนื่องจากออกไปไม่ได้ พั่งจื่อจึงเบื่อหน่ายอย่างยิ่ง มันไม่คิดจะใช้ของวิเศษที่ถูกตั้งชื่อว่ามุกเปลือยมองสตรีเพียงสองคนที่อยู่ที่นี่ คนหนึ่งเป็นหุ่นเชิด อีกคนเป็นสัตว์ร้าย ไ ไม่มีความน่ามองเลยสักนิด เห็นมันเบื่อหน่ายขนาดนี้ จินเฟยเหยาจึงยืมใช้ลิ้นของมันทะลุผ่านม่านแสงในเรือนออกไปตกปลา
ทั้งสองนั่งอยู่ในเรือน ตัวหนึ่งตกปลา อีกคนย่างปลา ขณะกำลังกินอย่างเบิกบานใจ ในเรือนข้างๆ พลันมีคนกลุ่มใหญ่เดินออกมา เผ่าปิศาจคนอื่นๆ ล้วนปกติดี ทว่าเผ่าปิศาจหกคนในนั้น กลับมีหน้าตาแปลกประหลาด
จินเฟยเหยาลุกขึ้นมองพวกเขาในเรือนอย่างตั้งใจ เผ่าปิศาจห้าหกคนนี้สูงเพียงครึ่งตัวคน รูปร่างอ้วนเตี้ย มีใบหูแหลม สวมชุดอันหรูหราสุดขีด ทว่าพลังบำเพ็ญเพียรกลับไม่สูงนัก ป ประมาณขั้นหลอมรวมเท่านั้น แต่บรรดาเผ่าปิศาจขั้นกำเนิดใหม่เหล่านั้นกลับปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดี ถึงกับเคารพนบนอบอยู่บ้าง
“พั่งจื่อ เจ้ารีบมาดูเร็ว เผ่าปิศาจชนิดนี้เหมือนหนูหรือไม่?” จินเฟยเหยากระพริบตาเอ่ยออกมาโดยไม่คิด
พั่งจื่อที่กัดเนื้อปลาอยู่ก็รีบวิ่งมายืนมองอยู่ข้างกำแพงด้วยกัน หลังจากมองก็ตอบหลายคำ
เสียงดังไปถึงข้างบ้านทำให้พวกเขาไม่พอใจทันที “พวกเจ้าเป็นใครจึงกล้ากินเนื้อในเมืองไป่เหอ! อีกทั้งยังพูดจาพล่อยๆ หยามเกียรติราชวงศ์เผ่าพิภพ”
จินเฟยเหยานึกว่าพวกเขาจะด่าทอตนเองที่ว่าพวกเขาเหมือนหนูเสียอีก คิดไม่ถึงจะว่าเรื่องตนเองกินเนื้อปลา นางกลืนเนื้อปลาลงไปอย่างว่องไว สะบัดมือเอ่ยว่า “พวกเจ้ามีหลักฐานว่าข ข้ากินปลาหรือ? เป็นคนต้องใจกว้าง อย่าว่าร้ายผู้อื่นสุ่มสี่สุ่มห้า”
คิดไม่ถึงว่าจะมีคนแบบนี้ กินลงไปแล้วก็ถือว่าตนเองไม่ได้กิน? เผ่าปิศาจในเรือนทางนี้จึงตะลึงงัน รู้ทันทีว่าถูกเล่นตลก สีหน้าแข็งค้างมีคนคิดจะมาหาเรื่อง
ในเวลานี้มีเผ่าปิศาจคนหนึ่งในบรรดาเผ่าปิศาจที่สูงเพียงครึ่งตัวคนเอ่ยปากกล่าววาจา “ข้าถามเจ้าเรื่องหนึ่งได้หรือไม่?”
“ราชัน!” เผ่าปิศาจเหล่านี้คิดว่าหนูตัวนี้จะถามด้วยตนเอง อดตะลึงงันไม่ได้
“มีเรื่องใด?” จินเฟยเหยาก็นึกไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่จะเป็นราชัน ราชันปิศาจอะไรมีพลังบำเพ็ญเพียรแค่ขั้นหลอมรวม น่าขายหน้าเกินไปกระมัง อย่างไรก็ต้องเป็นสัตว์ปิศาจที่เลื่อนเป็นข ขั้นเทพสิจึงจะมีความน่าเกรงขามเพียงพอ
คนเผ่าปิศาจที่เหมือนหนูขนาดใหญ่เอ่ยถามว่า “ข้าสังเกตเห็นว่าเจ้ามีสหายเผ่ามนุษย์ขั้นหลอมรวมช่วงปลายคนหนึ่งอยู่ด้วยแต่กลับรู้สึกว่าไม่ใช่สหาย ข้าไม่เข้าใจความสัมพันธ์นี้ ไม่ ทราบว่าเจ้าบอกความสัมพันธุ์แก่ข้าได้หรือไม่”
“ที่แท้ปกติไม่มีอะไรทำก็แอบมองข้า” จินเฟยเหยาขมวดคิ้ว ไม่มีอะไรแล้วมาแอบมองบ้านผู้อื่นทำไม เจ้าคนวิปริต
สีหน้าของราชันเผ่าพิภพเปลี่ยนเป็นปั้นยากในพริบตา หากมิใช่สตรีเผ่าปิศาจที่อยู่เรือนติดกันผู้นี้มองเรือนของตนเองอย่างเปิดเผย เขาคงไม่ใส่ใจเผ่าปิศาจคนหนึ่งหรอก ตอนนี้กลับดี ยิ่ง ยังมีหน้ามาบอกอย่างถูกต้องชอบธรรมว่าผู้อื่นแอบดูนาง ที่แท้ใครแอบดูใครกันแน่!
“ราชัน โปรดระงับโทสะ” เผ่าพิภพข้างกายเขาที่แยกไม่ออกว่าเพศผู้หรือเพศเมีย ตบหลังของเขาเบาๆ และเอ่ยโน้มน้าว
เห็นผู้อื่นมีโทสะจนสีหน้าแปรเปลี่ยน จินเฟยเหยาพลันเอ่ยยิ้มๆ “เผ่ามนุษย์คนนั้นคือทาสของข้า เจ้าถามเช่นนี้มีเจตนาใด?”
“ทาส!” พอบอกเช่นนี้ก็ทำให้ทุกคนตกตะลึง ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าตอนนี้มีคนแอบมีทาสหรือไม่ เผ่ามนุษย์ขั้นกำเนิดใหม่ช่วงปลายคนนี้จะเป็นทาสของเผ่าปิศาจได้อย่างไร
“ไม่เชื่อหรือ?” จินเฟยเหยาเห็นสีหน้าตกตะลึงของพวกเขาจึงหันหน้าไปด้านหลังตะโกนเรียกในบ้าน “ออกมาให้ทุกคนดูหน่อย จากนั้นบอกทุกคนดังๆ ว่าเจ้าเป็นบ่าวของข้าหรือไม่”
เมื่อครู่คนที่อยู่ในร่างหุ่นเชิดคือเนี่ยนซี ยายนี่อ่อนโยนมาตลอด เรียกออกมาให้พวกเขาเปิดหูเปิดตาหน่อย ราชวงศ์เผ่าพิภพอะไรกัน ให้พวกเขาเห็นว่าอย่างไรจึงเรียกว่าสาวงาม เจ้า าพวกสมองกลวง
แต่สิ่งที่พุ่งออกมาจากในบ้านกลับเป็นพละกำลังอันแข็งแกร่งของขั้นกำเนิดใหม่ช่วงปลาย แสงสีขาวอันไร้ปราณีโจมตีลงบนร่างของจินเฟยเหยาในพริบตา จากนั้นมีเสียงของหวาหวั่นซีดัง งมาจากในบ้าน “ผู้ใดเป็นทาสของเจ้า! พูดจาเหลวไหล ข้าจะรื้อรังของเจ้าเสีย”
จินเฟยเหยาโดนโจมตีจนเส้นผมยุ่งเหยิง ทว่านางหมุนตัวมาเอ่ยยิ้มๆ กับเผ่าปิศาจอย่างไม่ใส่ใจ “เป็นม้าป่าตัวหนึ่ง นิสัยป่าเถื่อนอยู่บ้าง”
“…”
………………………………………….
[1] ชีพจรไท่หยางอยู่ตรงขมับข้างหน้าผากสองด้าน