คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 383 มังกรปิศาจ
ที่แท้เรื่องเป็นเช่นนี้ จินเฟยเหยาหมดความสนใจทันที ต่อให้เผ่าพิภพเหล่านั้นลงมืออีกสุดท้ายก็ไม่ได้ผลรับอะไร แต่ก็อย่างที่เยี่ยจื่อว่าเผ่าพิภพเหล่านี้ต้องซื้อสิ่งของดีๆ มา ากมาย ไม่รู้ว่ายังเหลืออยู่ในตัวมากน้อยเพียงใด ผู้บำเพ็ญเซียนที่ไปช่วยเหลือพวกนั้นคงมีแผนอยู่ที่รางวัลสินะ
ไม่มีอะไรต้องถามแล้ว จินเฟยเหยาจึงลุกขึ้นกล่าวว่า “เจ้าทำงานต่อเถอะ ข้าไปก่อนละ”
เห็นนางกำลังจะไป เยี่ยจื่อรีบตะโกนเรียก “ผู้อาวุโส โปรดหยุดก่อน”
“มีเรื่องอะไร?” จินเฟยเหยาเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“ผู้อาวุโส ถ้าท่านมีสิ่งของจะขายก็มาวางที่ร้านข้าได้ ถึงข้าจะไม่มียาจำนวนมากรับซื้อ แต่ยังขายแทนได้อยู่ ข้าจะไม่เอาเงินจากผู้อาวุโสแน่”
“อ้อ” จินเฟยเหยาตะลึงงันไปแล้วเข้าใจทันที ถ้าตนเองจะขายสิ่งของ ต้องเป็นสิ่งของระดับสูงหน่อย ถ้าวางให้ที่นี่ขายแทน ในร้านก็จะมีของดีๆ สามารถดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น อีกทั้งข ขอเพียงเพิ่มราคาจากบนนั้นอีกนิดหน่อยก็สามารถทำเงินได้ไม่น้อย ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าไม่ต้องจ่ายมัดจำ
“ได้ อีกไม่กี่วันข้าจะออกไป ถ้าจับเหยื่อได้จะเอามาไว้ที่ร้านเจ้า แต่ถ้านานแล้วยังขายไม่ได้ ถ้าข้ารีบใช้ศิลาวิญญาณข้าจะหิ้วไปขายที่อื่นนะ” ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถ้าขายแทนตนเองก็จะทำเงินได้มากหน่อย ถ้าไม่รีบใช้ยามังกรคำรามก็ไม่เป็นไร ดังนั้นจินเฟยเหยาจึงตกลง
เยี่ยจื่อเอ่ยขอบคุณอย่างยินดี “ขอบคุณผู้อาวุโส ข้าต้องหาวิธีขายให้ได้แน่”
“ข้าไปก่อนนะ” จินเฟยเหยาถูกนางไปส่งถึงนอกประตูอย่างกระตือรือร้น มีคนขั้นกำเนิดใหม่หาสินค้าให้โดยเฉพาะ เยี่ยจื่อมีหัวทางด้านการค้าจริงๆ
ออกจากถนนสาหร่าย นางก็เหาะไปใจกลางเมือง เป้าหมายคือเนื้อแห้งของมังกรปิศาจ จินเฟยเหยารู้สึกว่าตนเองจำเป็นต้องพูดคุยกับเนื้อมังกรปิศาจ ฝั่งกระดูกมีวิญญาณจริงครึ่งตัว เนื้อแห้ง งเส้นนี้ก็น่าจะมีวิญญาณจริงอีกครึ่งหนึ่ง
เนื่องจากมีเผ่าปิศาจมากราบไหว้เนื้อมังกรเทพเป็นประจำ ดังนั้นรอบด้านมักจะมีเผ่าปิศาจหยุดลง หลังจากกราบไหว้แล้วจึงเดินไป เป็นสาวกผู้ภักดีจริงๆ
นางนั่งพรมบินมาถึงสถานที่ซึ่งอยู่ใกล้เนื้อมังกรปิศาจมากที่สุด จากนั้นจึงเอ่ยปากตรงๆ “นี่ มังกรเฒ่า ท่านอยู่หรือไม่? วิญญาณจริงครึ่งหนึ่งของท่านให้ข้ามาหาท่านแน่ะ ถ้ายังมีชี วิตอยู่ก็ตอบหน่อย”
เนื้อแห้งไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย ทำให้คนรู้สึกว่านี่คือเนื้อแห้งธรรมดาเส้นหนึ่ง เพียงแต่ปริมาณมากหน่อยเท่านั้น
ไม่ถูกต้อง หรือว่าไม่ใช่เนื้อแห้งของมังกรปิศาจจริงๆ? จินเฟยเหยาเงยหน้าขึ้นมองพินิจเนื้อแห้งเส้นนี้อย่างสงสัย นางสงสัยว่าวิญญาณจริงอยู่ในเนื้อแห้ง ดังนั้นจึงโผล่ออกมาพูดจา ไม่ได้ นางจึงถ่ายทอดเสียงเข้าไปถามอีกครั้ง
ครั้งนี้ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ทว่านางค้นพบอย่างเฉียบไว บนเนื้อแห้งมังกรปิศาจพลันมีลวดลายสีทองปรากฏขึ้น เป็นเวลาเพียงชั่วพริบตา ถ้าไม่ใช่ตั้งใจมองคงไม่พบว่าลวดลายบนเนื อแห้งสว่างขึ้นมา
วงเวท! จินเฟยเหยาขมวดคิ้ว ถ้าดูไม่ผิดสิ่งที่ปรากฏบนเนื้อแห้งต้องเป็นการป้องกันแน่ วิญญาณจริงของมังกรปิศาจถูกกักไว้ด้านใน ส่วนด้านข้างก็มีเผ่าปิศาจเห็นบนเนื้อแห้งมีลวดลา ายปรากฏขึ้นพอดีก็รีบท่องพึมพำขึ้นมา ท่าทางเหมือนเคยเห็นฉากแบบนี้มาแล้ว
จินเฟยเหยากลอกตาแล้วจึงเหาะไปหาปิศาจเฒ่าขั้นสร้างฐานที่เพิ่งกราบไหว้เสร็จ มีเพียงปิศาจชราพวกนี้ที่ไม่มีอะไรก็พาเผ่าปิศาจเล็กๆ อายุเยาว์มากราบไหว้เนื้อแห้ง
“ท่านผู้เฒ่า ขอสอบถามเรื่องหนึ่งได้หรือไม่?” ผู้อื่นอายุมากขนาดนี้ บวกกับคิดจะสอบถามเรื่องราว จินเฟยเหยาจึงเอ่ยอย่างเกรงอกเกรงใจ
พอนางเกรงใจผู้อื่นก็หวาดกลัว ร่างเกือบจะซวนเซร่วงลงไปบนหลังคาหอไห่เฉวียน หลังจากยืนได้มั่นคงจึงตอบนางอย่างเคารพนบนอบ “ผู้อาวุโสมีเรื่องอันใด”
ถูกเฒ่าชราขนาดนี้เรียกว่าผู้อาวุโสเป็นสาเหตุที่จินเฟยเหยาเกลียดชังคำเรียกขานในหมู่ผู้บำเพ็ญเซียนอย่างยิ่ง “ผู้เฒ่า เมื่อครู่ข้าเห็นบนเนื้อแห้ง…เนื้อมังกรเทพมีแสงสว่างข ขึ้นกะทันหัน เป็นเพราะเหตุใด ดูเหมือนจะศักดิ์สิทธิ์มาก”
นางเกือบหลุดปากพูดว่าเนื้อแห้งออกไปจึงรีบเปลี่ยนคำพูดเสียใหม่ ว่าเนื้อเทพของผู้อื่นเป็นเนื้อแห้ง ผู้อื่นไม่แน่ว่าจะไม่บอกเรื่องราวแก่นาง ที่จริงจินเฟยเหยาคิดมากไป อาศัยพ พลังบำเพ็ญเพียรของนางขอเพียงนางไม่ขึ้นไปกัดแล้วพูดเสียงดังว่าเนื้อเหม็น ชายชราขั้นสร้างฐานคนนี้ก็ยินยอมล่วงเกินเนื้อมังกรเทพแต่จะไม่ล่วงเกินนาง
“ท่าทางผู้อาวุโสคงเป็นเผ่าปิศาจที่มาจากบนบก ต้องไม่รู้สาเหตุเบื้องหลังแน่ บนเนื้อมังกรเทพมีวงเวทวิญญาณจริงเป็นวงเวทที่คุ้มครองเมืองไป่เหอให้สงบสุขมาตลอด ขอเพียงยามมัง งกรเทพปรากฏ วงเวทก็จะสว่างขึ้น บางครั้งจึงพบเหตุการณ์เช่นนี้ ครั้งนี้แค่สว่างวาบขึ้น บางครั้งยังสว่างอยู่หลายวัน เผ่าปิศาจจำนวนมากจะมากราบไหว้ที่นี่ เวลานั้นจะมีปราณปิศาจอัน นแข็งแกร่งแผ่กระจายออกมาให้ทุกคนแช่อยู่ในปราณปิศาจของมังกรเทพ” ผู้เฒ่าเอ่ยด้วยสีหน้าวาดหวัง ในใจยังรังเกียจว่าเมื่อครู่วงเวทแค่วาบขึ้น แม้แต่ปราณปิศาจก็ไม่ปลดปล่อยออกมา น่าเสียดายจริงๆ
“ขอบคุณมาก” จินเฟยเหยาเอ่ยขอบคุณชายชรา จากนั้นกลับมาข้างเนื้อแห้งมังกรปิศาจอีกครั้ง
วงเวทคุ้มครองเมืองไป่เหออะไรกัน มีวงเวทเรียกวิญญาณจริงด้วยหรือ? พอได้ยินก็รู้ว่าเป็นวงเวทที่สยบวิญญาณจริงของมังกรปิศาจไว้ในเนื้อ คิดไม่ถึงว่าจะถูกพวกเขาเล่าสืบต่อกั นมาจนกลายเป็นสิ่งคุ้มครองเมืองไป่เหอ อีกทั้งเมื่อครู่วงเวทสว่างวาบขึ้น น่าจะอยากตอบคำพูดของนาง ดังนั้นจึงถูกวงเวทสยบไว้
นางจึงเข้าไปใกล้อีกหน่อยใช้การรับรู้จู่โจมเข้าไปในเนื้อแห้งและถ่ายทอดคำพูดของตนเอง พอการรับรู้โจมตีลงบนเนื้อมังกรปิศาจก็มีพลังอันแข็งแกร่งมาขัดขวางไว้ ราวกับกำลังผลักสิ่งขอ องบางอย่างที่ยืดหยุ่นได้ดีมากจนยากจะเข้าไปในเนื้อแห้งได้
จินเฟยเหยารวบรวมจิตทั้งหมดไว้บนเนื้อแห้ง ใช้การรับรู้จู่โจมผ่านวงเวทชั้นนี้เข้าไปอย่างเปลืองแรง ในที่สุดนางก็ได้ยินด้านในมีเสียงดังมา “ใครเรียกข้า”
เสียงแผ่วเบาอย่างยิ่ง ไม่รู้ว่าเนื่องจากถูกกั้นด้วยการป้องกันหรือวิญญาณจริงของมังกรปิศาจถูกสะกดไว้นานเกินไปจนเกือบจะไม่ไหวแล้ว
“ข้าเอง วิญญาณจริงในกระดูกของท่านให้ข้ามาตามหาท่าน บอกว่าถ้าหาท่านพบจะให้ผลประโยชน์แก่ข้า ท่านใช่กระดูกและวิญญาณจริงครึ่งหนึ่งที่หายไปหรือไม่ ถ้าจำผิดท่านก็ตอบหน่อย ข้ าจะไม่รบกวนท่าน” จินเฟยเหยาพยายามอาศัยการรับรู้ถ่ายทอดเสียงเข้าไปในเนื้อแห้ง
ในเนื้อแห้งเงียบงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยถามอย่างช้าๆ “เจ้ามีหลักฐานอะไรว่ากระดูกของข้าให้เจ้ามาตามหาข้า”
จินเฟยเหยาเอ่ยอย่างหมดความอดทน “ท่านไม่ดูบ้างเล่าว่าอยู่ที่นี่มากี่ปีแล้ว มีใครคิดจะมาปลดปล่อยท่านออกไปบ้าง อีกทั้งกระดูกของท่านก็ตระหนี่แทบตาย หางถูกตรึงไว้ที่พื้น ย ยังตัดใจให้อะไรข้าไม่ได้สักอย่างจึงให้เล็บห้าชิ้นมาเป็นค่ามัดจำ ถึงอย่างไรข้าก็ไม่มีหลักฐาน ถ้าท่านคิดจะออกไปก็ไปกับข้า กระดูกของท่านยังรอท่านอยู่ ถ้าไม่อยากออกมาก็ช่าง งเถอะ”
เนื้อแห้งได้ยินคำพูดของนางก็เงียบงันอีก จินเฟยเหยาหมดวาจาจริงๆ เนื้อมังกรบ้าๆ นี่ ทำไมต้องแสร้งทำเป็นครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งด้วย ตกลงหรือไม่ตกลงก็บอกมา ใช้วิธีนี้ถ่ายทอดเ เสียงมันเหนื่อยนะ
ขณะที่นางรอจนหมดความอดทน ในที่สุดมังกรปิศาจก็ตอบ “ข้ายินดีไป แต่วิญญาณจริงของข้าถูกวงเวทสยบวิญญาณสะกดไว้ อยากไปก็ไปไม่ได้ เจ้าต้องกำจัดวงเวทให้ข้า ไม่เช่นนั้นข้าจะไปจา ากเมืองไป่เหอไม่ได้ วงเวทของเมืองแห่งนี้ใช้พลังของข้าค้ำจุนไว้ คิดจะถอนตัวจากมาไม่ง่ายดายนัก”
“ยุ่งยากขนาดนี้เชียว! ข้านึกว่าใช้ศิลาวิญญาณค้ำจุนไว้เสียอีก ต้องกำจัดทิ้งอย่างไร ข้าไม่ค่อยเชี่ยวชาญเรื่องวงเวท” พอจินเฟยเหยาได้ฟังก็อดคิดไม่ได้ ถ้าเนื้อแห้งมังกรปิศา าจถูกนางนำไป เมืองไป่เหอแห่งนี้ก็จะถูกน้ำทะเลท่วมสินะ ทว่าผู้บำเพ็ญเซียนไม่จำเป็นต้องหายใจในทะเล ส่วนเผ่าปิศาจทะเลก็ใช้ชีวิตอยู่ในน้ำทะเลได้
จะมีหรือไม่มีเนื้อแห้งแขวนไว้ที่นี่ก็ได้ ถึงไม่มีอากาศเมืองไป่เหอก็อยู่ในทะเลได้โดยไม่มีปัญหาเลยสักนิด
“ข้าก็ไม่เชี่ยวชาญวงเวท แต่กลับรู้วิธีหนึ่ง เพียงแต่ใช้เวลานานมาก” มังกรปิศาจก็ไม่ใส่ใจปัญหาเรื่องเมืองไป่เหอเลยสักนิด เริ่มคิดว่าเปิดการป้องกันอย่างไรดีกับเจ้าคนที่ไม่รู้ ว่ามาจากไหน
“ท่านรีบบอกมา วิธีอะไร ข้าพูดกับท่านแบบนี้กินแรงอย่างยิ่ง” จินเฟยเหยารีบเอ่ยถาม
ส่วนมังกรปิศาจก็เอ่ยอย่างเดือดดาลเช่นกัน “เจ้านึกว่าข้าพูดจาจะไม่กินแรงหรือ ใกล้จะเหนื่อยตายอยู่แล้ว เจ้าฟังนะ พวกเราสองคนร่วมมือกัน เจ้ามาวันที่หนึ่งและสิบห้าทุกเดือน ข้าจ จะสั่นสะเทือนวงเวทออกมา จากนั้นเจ้าดึงมีดมาตัดส่วนที่มีวงเวทไป จำไว้อย่าให้ชิ้นใหญ่เกินฝ่ามือ จากนั้นหาสัตว์ปิศาจตัวหนึ่งมาให้มันกินลงไป ต้องให้กินเนื้อให้หมด ไม่เช่นนั้ นวงเวทจะกลับมาอีก”
จินเฟยเหยาตะลึงงัน นางอยากจะหัวเราะแต่ยังกัดริมฝีปากอดกลั้นไว้ จากนั้นถ่ายทอดเสียงกลับไป “เนื้อของท่านใหญ่ขนาดนี้ เดือนหนึ่งตัดแค่สองครั้ง ต้องทำจนถึงเมื่อใด ถ้าท่านไม่ ว่าอะไร ข้ายินดีใช้เวลาหนึ่งเค่อช่วยท่านกินตรงส่วนที่วาดวงเวทให้หมด”
“เจ้านึกว่าข้าอยากใช้เวลานานขนาดนี้หรือ! นี่คือเสียสละเลือดเนื้อของข้านะ ถ้ามีวิธีอื่น ข้าจะใช้กระบวนท่านี้ได้อย่างไร อีกทั้งถ้าตัดมากไปวงเวทจะตื่นตัว ไม่เพียงแผนการล้มเหล ลว วงเวทขนาดใหญ่ก็จะบดเจ้าจนแหลกเหลวทันที เจ้านึกว่าเหตุใดทั้งสามเผ่าจึงสามารถอยู่ร่วมกันที่นี่อย่างสงบสุขได้ก็เพราะใช้การป้องกันควบคุมไว้ ขอเพียงก่อเรื่องขึ้นก็จะทำให้เจ้ าแหลกเหลว ถึงมีพลังบำเพ็ญเพียรขั้นว่างเปล่าก็ได้แต่หนีเอาชีวิตรอด!” มังกรปิศาจตวาดอย่างเดือดดาล ไม่รู้ว่ามีโทสะอะไร
จินเฟยเหยาเบ้ปาก เป็นมังกรจริงๆ ด้วย นิสัยดีมาก “รู้แล้ว ข้าจะมาทุกวันที่หนึ่งและสิบห้า”
“พวกเราตกลงเวลากัน ข้าไม่มีเรี่ยวแรงจะพูดกับเจ้ามากนัก ถึงเวลาแค่เจ้าเห็นวงเวทออกมาก็ตัดเนื้อ” เสียงของมังกรปิศาจเบาลงทุกที พลันนึกเรื่องหนึ่งได้จึงรีบเอ่ยกำชับ “จำไว้ เจ้าอย่าตัดส่วนอื่นๆ ทางที่ดีตัดแค่ชั้นที่ติดกับวงเวทบางๆ ก็พอ อย่าตัดมากล่ะ!”
“รู้แล้ว เจ้าขี้งก ยังกลัวว่าข้าจะกินมากอีก จินเฟยเหยาตอบรับอย่างไม่พอใจ มังกรเฒ่าจอมตระหนี่ ก็แค่กินเพิ่มคำหนึ่ง จำเป็นต้องระมัดระวังขนาดนี้ด้วย
จากนั้นคนทั้งสองก็กำหนดเวลาไว้เป็นก่อนรุ่งอรุณที่มีคนน้อยที่สุด เวลานั้นแทบจะไม่มีคนมากราบไหว้ ไม่เช่นนั้นถ้าตัดเนื้อแล้วให้คนอื่นพบเห็นเกรงว่าต้องฆ่าคนปิดปาก
หลังหารือกับมังกรปิศาจเสร็จสิ้น จินเฟยเหยาก็ถอนการรับรู้ถ่ายทอดเสียงออกมา ปาดเหงื่อบนศีรษะ กวาดตาไปด้านข้าง ไม่พบว่ามีคนสนใจตนเอง นางจึงถอนหายใจยาว จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองพ พินิจเนื้อแห้งชิ้นนี้ หนึ่งเดือนได้กินสองชิ้น เกรงว่าร้อยปีก็กินไม่หมด!