คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 386 ราชันเหวิน
จินเฟยเหยาแค่แต่งเรื่องมั่วซั่ว ขณะกำลังครุ่นคิดว่าคนเหล่านี้ต้องถามว่าเผ่าภูเขาเป็นเผ่าเล็กๆ ที่ใดแน่ เผ่าปิศาจหลายคนนี้กลับพยักหน้าตอบรับ “ที่แท้เป็นสหายเผ่าภูเขา เรื่องนี้พวกเราเป็นคนผิดก่อน พวกเรารู้สึกเสียใจที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้พวกเราขออำลา!”
เอ๋ มีเผ่าภูเขาจริงๆ หรือ? จินเฟยหยากระพริบตา เห็นเผ่าปิศาจพวกนี้จากไปอย่างเดือดดาล
“เจ้าคืนถุงเฉียนคุนให้พวกเขาทำไม หากมิใช่ที่นี่ไม่เหมาะจะเปิดฉากฆ่าฟัน ข้าคงฆ่าพวกเขาให้หมดไปนานแล้ว” หวาหวั่นซีกัดฟัน หากมิใช่จินเฟยเหยาถ่ายทอดเสียงบอกนาง ไม่ให้นางลงมือ คนเผ่ามารไม่กี่คนนี้ต้องตายอยู่ที่นี่แน่
“เจ้าเคยเห็นผู้บำเพ็ญเซียนพกถุงเฉียนคุนใบเดียวหรือ? อีกทั้งที่นี่ยังอยู่ในเขตหนึ่งพันหลี่ ถ้าต่อสู้ขึ้นมา ผู้บำเพ็ญเซียนคนอื่นๆ ต้องนึกว่าพวกเราต่อสู้กัน ข้าเคยได้ยินว่าถ้าเกิดการต่อสู้ ผู้บำเพ็ญเซียนคนอื่นๆ จะสังหารคนที่ทำลายกฎเกณฑ์ไปด้วย อีกทั้งถ้าพวกเขาหนีไปได้คนหนึ่งแล้วกลับไปส่งข่าวมีแต่ผลร้ายต่อพวกเรา” จินเฟยเหยามองนางอย่างดูแคลน ใช้เท้าเตะสัตว์ปิศาจตัวหนึ่งออกไป เห็นใต้ร่างสัตว์ปิศาจตัวนั้นยังมีถุงเฉียนคุนใบหนึ่ง
นางเก็บถุงเฉียนคุนใบนี้ขึ้นมาแล้วล้วงลงไปในกองสัตว์ทะเลก็ค้นได้ถุงเฉียนคุนอีกใบ จินเฟยเหยาเก็บถุงเฉียนคุนสองใบขึ้นมาแล้วเอ่ยยิ้มๆ ว่า “เรื่องนี้พวกเขาเป็นฝ่ายไร้มารยาทก่อน ฝั่งพวกเรามีเหตุผล ต่อให้มาหาถึงบ้านในภายหลัง พวกเขาก็ไม่มีอะไรจะพูด สมัยนี้ต่อให้คิดจะทำเรื่องเลวร้ายก็ต้องรักษาหน้าไว้หน่อย ส่วนพวกเราเป็นเพียงผู้บำเพ็ญเซียนอิสระตัวเล็กๆ พวกเขาเป็นเผ่าที่มีหน้ามีตา พวกเราไม่ต้องรักษาหน้าแต่พวกเขายังต้องรักษาหน้า”
หวาหวั่นซีมองนางแล้วเอ่ยถามอย่างตกใจ “เจ้าซ่อนถุงเฉียนคุนไว้เมื่อใด! แม้แต่ข้าก็ยังไม่รู้”
“ข้าไม่ได้ซ่อนเสียหน่อย ตอนเจ้าสังหารเขาตายมันร่วงลงมาเอง ข้าเพียงสายตาแหลมคมมองเห็นเท่านั้น อีกทั้งถุงเฉียนคุนที่ข้าคืนให้พวกเขาไม่ใช่ของคนเผ่าปิศาจคนนั้น แต่เป็นถุงเฉียนคุนสำรองของข้า ในนั้นใส่มุกที่ใช้ยาขั้นหนึ่งเม็ดเดียวสามารถซื้อได้ร้อยเม็ด” จินเฟยเหยาเปิดมุมหนึ่งของชุดอีกา พอหวาหวั่นซีเห็น ภายในชุดอีกาแขวนถุงเฉียนคุนสิบกว่าใบ
“เจ้าพกถุงเฉียนคุนมากมายขนาดนี้มาทำไม!” ถุงเฉียนคุนมีพื้นที่มากใช้บรรจุทุกอย่างได้ หวาหวั่นซียังไม่เคยเห็นคนพกถุงมากขนาดนี้มาก่อน ต่อให้มีคนแขวนถุงสิบกว่าใบบนร่างก็เป็นคนที่เล่นสัตว์ภูติ พกพาถุงสัตว์ภูติที่แตกต่างกันเท่านั้น
จินเฟยเหยาปิดเสื้อผ้าเข้าหากันอีกครั้ง จากนั้นชี้ไปที่สัตว์ทะเลบนพื้นแล้วเอ่ย “ถ้าไม่นำถุงเฉียนคุนมามากๆ คงนำสัตว์ทะเลพวกนี้กลับไปไม่ได้”
หวาหวั่นซีพูดไม่ออก ผู้ใดออกมารอบหนึ่งจะสังหารสัตว์ทะเลได้มากขนาดนี้ แต่นางก็รู้สึกว่าน่าสมเพช คนที่พกถุงเฉียนคุนมากมายและสามารถสังหารสัตว์ทะเลได้คราวหนึ่งหลายร้อยตัวกลับเป็นปิศาจยากไร้ตลอดปีตลอดชาติ
“รีบเก็บสิ่งของเถอะ ไม่แน่ว่าอีกสักครู่จะไปตามราชันของพวกเขามา ข้าไม่เชื่อว่าจะโชคดีขนาดราชันทุกคนมีพลังบำเพ็ญเพียรเท่ากับหนูข้างบ้านพวกนั้น” จินเฟยเหยาโยนถุงให้หวาหวั่นซีใบหนึ่ง ให้นางช่วยเก็บสัตว์ทะเลใส่ถุง จากนั้นนางหันหน้าไปก็เห็นพั่งจื่อยังถูกสัตว์ทะเลตัวเมียสองตัวรังแกจึงด่าทออย่างอารมณ์เสีย “เจ้าบ้าพั่งจื่อ จะพอได้หรือยัง!”
“อ๊บ!” พั่งจื่อตอบอย่างจนปัญญา คิดจะบอกว่าตนเองไม่ได้กำลังเล่นอยู่ ทว่าสัตว์ทะเลสองตัวนี้หนักเกินไป มันลุกไม่ขึ้น
“เสแสร้งให้มันน้อยๆ หน่อย เจ้าคิดจะหลอกใคร คำพูดโกหกแบบนี้ก็พูดออกมาได้” จินเฟยเหยากลอกตาใส่ คร้านจะสนใจมัน รีบจัดการสนามรบกับหวาหวั่นซี
เก็บสัตว์ทะเลเรียบร้อย พวกนางก็กลับเมืองไป่เหอ ไม่ได้ไปจัดการสัตว์ทะเลก่อนทว่าตรงกลับเรือน
หลังจากพวกนางไปได้ครึ่งชั่วยาม ทางเมืองไป่เหอก็มีคนกลุ่มหนึ่งจำนวนสิบหกคนมา สิ่งที่พวกเขาโดยสารมาคือปลาฟานไป๋ขนาดยักษ์ ปลาชนิดนี้ใหญ่กว่าปลาไป๋สุ่ยสิบเท่า เผ่าปิศาจหลายคนที่กลับไปก็นั่งปลาฟานไป๋เพียงแต่นั่งอยู่ด้านข้าง ตรงกลางเป็นบุรุษผมยาวสีน้ำตาลกำลังหลับตาฟังพวกเขารายงาน
เขามีพลังบำเพ็ญเพียรขั้นเทพช่วงปลาย เส้นผมสีน้ำตาลปกคลุมแผ่นหลังตามสบาย สวมผ้าสีขาวบางเบาคลุมด้านนอก ด้านในกลับเป็นชุดยาวสีน้ำตาลเข้มปักลวดลายปีกสีเข้ม สีหน้าซีดขาว โฉมหน้าหล่อเหลา ดวงตาเป็นสีอำพันสวยงาม หากมิใช่รอบกายแผ่ปราณปิศาจอันรุนแรงออกมา บนร่างคงไม่มีลักษณะของเผ่าปิศาจเลยสักนิด
คนกลุ่มนี้มาถึงสถานที่เกิดเหตุ ยามนี้วงเวทถูกเก็บไปแล้ว น้ำทะเลท่วมถึงที่นี่อีกครั้ง เศษเนื้อที่เหลืออยู่ถูกปลาที่ผ่านมากินจนหมดเกลี้ยง แม้แต่โลหิตก็ลอยกระจายไปหมด
“มารายงานช้าขนาดนี้ คนหนีไปหมดแล้ว” เผ่าปิศาจขั้นเทพผู้นี้ไม่พอใจอยู่บ้าง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
คนที่เหลือไม่กล้าส่งเสียง เผ่าปิศาจที่กลับไปหลายคนนั้นก็อยู่ที่นี่ หากมิใช่ราชันเหวินกำลังสำราญอยู่กับสาวงามจนลากถ่วงเวลามาเนิ่นนาน พวกเขาน่าจะมาถึงที่นี่ก่อนหน้านี้ครึ่งชั่วยาม ถ้ามาตอนนั้น ถึงไม่สามารถสกัดกั้นผู้บำเพ็ญเซียนสตรีสองนางที่นี่ก็อาจจะได้พบระหว่างทาง
ถึงจะมีความไม่พอใจเต็มอก ทว่าหลายคนนี้ก็ไม่กล้าแสดงออกมาเพียงเอ่ยอย่างระมัดระวัง “ราชันเหวิน ผู้บำเพ็ญเซียนสตรีสองนางมีพลังบำเพ็ญเพียรขั้นกำเนิดใหม่ อีกทั้งคนหนึ่งในนั้นยังงดงามสุดเปรียบปาน”
“เป็นสาวบริสุทธิ์?” ราชันเหวินถามอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นยื่นนิ้วผ่านม่านแสงของปลาฟานไป๋ แตะน้ำทะเลพวกนั้นแล้วใช้ปลายลิ้นเสีย
“ต้องใช่แน่ ทั้งสองคนเลย” เผ่าปิศาจหลายคนนั้นรีบพยักหน้าตอบรับ ในใจยินดียิ่ง ถ้าคนที่ได้พบเป็นผู้บำเพ็ญเซียนสตรีสองคนที่เคยบำเพ็ญคู่กับคนอื่นมาก่อน เกรงว่าคงต้องเบิกตามองดูสหายถูกสังหารชดใช้ความผิด ต้องหนีไม่รอดแน่
ราชันเหวินเลียน้ำทะเล เม้มปากหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “น่าสนใจ ในน้ำทะเลที่นี่มีสิ่งกระตุ้นกำหนัด ถึงตอนนี้จะเจือจางอย่างยิ่ง ไม่ออกฤทธิ์กับสัตว์ทะเลและคนที่มีพลังบำเพ็ญเพียร ทว่ายังมีผลกับปลาและกุ้งธรรมดาอยู่บ้าง”
เผ่าปิศาจหลายคนนั้นเงยหน้าขึ้น “ราชันเหวินหมายความว่าเชี่ยจื่อแตะน้ำทะเลโดยไม่ทันระวัง ดังนั้นจึงจิตใจสับสนพุ่งเข้าไปในวงเวทของผู้บำเพ็ญเซียนสตรีสองคนนั้น?”
“ใช่” ราชันเหวินตอบ
ทุกคนรู้สึกว่าเชี่ยจื่อตายอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม เป็นถึงเผ่าปิศาจขั้นกำเนิดใหม่ช่วงปลาย คิดไม่ถึงว่าจะถูกคนสังหารตายตอนเป็นสัดที่ไม่ทันระวังป้องกันที่สุด ทั้งยังเป็นเพราะตนเองไม่ทันระวังโดนสิ่งกระตุ้นกำหนัดเข้า โชคร้ายสุดขีดแท้ๆ
“ราชันเหวิน ในทะเลมีสิ่งกระตุ้นกำหนัดปรากฏขึ้นได้อย่างไร?” ทุกคนยังรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง สิ่งของแบบนี้ไม่ใช่บอกว่ามีก็มีได้
ราชันเหวินใช้หางตามองพวกเขาแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยยิ้มๆ “พวกเจ้าบอกว่าในพื้นที่ซึ่งผู้บำเพ็ญเซียนสตรีสองคนอยู่มีสัตว์ทะเลหลายร้อยตัว หากไม่ใช่วิธีการบางอย่างจะมีสัตว์ทะเลมากมายเข้ามาในพื้นที่พร้อมกันได้อย่างไร”
“หา! หมายความว่าสองคนนั้นเป็นคนทำ เชี่ยจื่อพุ่งเข้าไปในวงเวทเพราะพวกนาง เชี่ยจื่อตายอย่างไม่เป็นธรรมเกินไปแล้ว อีกทั้งสองคนนั้นยังใส่ความพวกเราด้วย บอกว่าพวกเราไม่รู้จักละอาย ทำเรื่องที่ให้ผู้อื่นพบเห็นไม่ได้!” เผ่าปิศาจหลายคนนั้นลุกขึ้นทันที รู้สึกเดือดดาล ตอนนั้นเพราะเรื่องที่เชี่ยจื่อทำ พวกเขาจึงถูกด่าทอจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ตอนนี้ค้นหาอยู่นาน คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายกระทำ ทางฝั่งพวกเขาเป็นผู้เคราะห์ร้ายโดยสมบูรณ์
ส่วนราชันเหวินในยามนี้โยนถุงเฉียนคุนที่พวกเขามอบให้ลงบนหลังปลาแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “ข้าคืนถุงเฉียนคุนของเชี่ยจื่อให้พวกเจ้า นำสิ่งของด้านในไปแบ่งกันเถอะ ครั้งหน้าจำเอาไว้ สตรียิ่งงดงาม คำพูดที่เอ่ยออกมายิ่งเชื่อถือไม่ได้ สิ่งของด้านในมีมากมายเพียงพอให้พวกเจ้าใช้ไปหลายพันปีโดยไม่ต้องค้าขาย”
เผ่าปิศาจหลายคนนั้นรับฟังอย่างงุนงงอยู่บ้าง หรือว่าเชี่ยจื่อมีทรัพย์สมบัติมากมาย? ดังนั้นจึงหยิบถุงเฉียนคุนขึ้นมาดูแล้วตะลึงงันทันที หลังได้สติคืนมาก็ด่าทอเป็นการใหญ่ “น่าชังนัก! ถุงเฉียนคุนถูกสตรีเผ่าปิศาจสับเปลี่ยน ด้านในเต็มไปด้วยมุกห่วยๆ ที่ใช้ส่องสว่าง!”
“หนึ่งมนุษย์หนึ่งปิศาจ เผ่ามนุษย์ยังเป็นสตรีที่งดงามเป็นเอก การจับกลุ่มแบบนี้สอบถามได้ง่าย กลับถึงเมืองไป่เหอไปสอบถามถึงสองคนนี้ให้ข้าทันที ข้าอยากจะเห็นผู้บำเพ็ญเซียนสตรีใจกล้าสองคนนี้หน่อย ชื่อและเผ่าที่สตรีเผ่าปิศาจคนนั้นบอกต้องเป็นเรื่องโกหกแน่ แต่พวกเจ้าส่งคนไปถามคนเผ่าภูเขาหน่อยดีกว่า ดูว่าเผ่าภูเขามีปิศาจสตรีขั้นกำเนิดใหม่ช่วงกลางชื่อจินเจี่ยวหรือไม่” ราชันเหวินสั่งการ
“ขอรับ!” เผ่าปิศาจถูกคนเล่นตลก โดยเฉพาะเผ่าปิศาจหลายคนนี้ในใจมีเพลิงโทสะลุกโชน สาบานว่าถึงตายก็ต้องหาจินเฟยเหยาในเมืองไป่เหอออกมาให้ได้
คาดเดาว่าเผ่าปิศาจเหล่านั้นคงกำลังตามหาตนเองอยู่ หลังจากกลับมาจินเฟยเหยาจึงสั่งห้ามทุกคนออกไป โดยเฉพาะหวาหวั่นซี นางรูปโฉมงดงามเกินไป ขอเพียงออกไปก็จะปรากฏคนติดตามด้านหลัง เดิมทีคิดจะหารือกับนางสักหน่อยว่าจะทำหน้ากากหรือจะใช้เวทแปลงโฉมเปลี่ยนใบหน้าให้อัปลักษณ์หน่อยหรือไม่ เพิ่งเสนอออกมาก็ถูกนางโจมตีออกไป ทั้งยังเอ่ยเตือนจินเฟยเหยาอย่างดุร้ายว่าห้ามวางแผนจะทำอะไรกับใบหน้าของนางเด็ดขาด
จินเฟยเหยาเดือดดาล ห้ามวางแผนจะทำอะไรกับใบหน้าของนาง คิดถึงใบหน้านั้นเป็นสิ่งที่ตนเองหลอมสร้างขึ้นมาอย่างประณีตทีละนิดๆ อย่าว่าแต่หน้าเลย ทั้งร่างของหวาหวั่นซี เนื้อ หนัง รวมถึงชุดที่สวมบนร่าง จุดไหนบ้างที่ตนเองไม่ได้ทำ นางไปโต้เถียงกับหวาหวั่นซี ส่วนหวาหวั่นซีเพียงแค่ถามยิ้มๆ “คิดจะให้ข้าปิดบังใบหน้าก็ย่อมได้ เจ้าทำส่วนที่ขาดหายไปของข้าออกมาสิ”
พอได้ยินคำพูดนี้ จินเฟยเหยาก็หายใจถี่ หดคอและเดินออกมา ด้านหลังเหลือเพียงเสียงหัวเราะอย่างกระหยิ่มของหวาหวั่นซี
“น่าโมโหนัก ทำไมข้าต้องไปทำของพรรค์นั้นให้หุ่นเชิดด้วย ไม่ได้ใช้เสียหน่อย ทำออกมาจะมีประโยชน์อะไร!” จินเฟยเหยานั่งอยู่ในเรือนจัดการสัตว์ทะเล อดบ่นพึมพำไม่ได้
สัตว์ทะเลสามสี่ร้อยตัว แต่ละตัวให้นางจัดการคนเดียว เจ้าสองตัวนี้พึ่งพาไม่ได้เลย หากไม่ขายทั้งตัว อยากแยกตานสัตว์ปิศาจและเนื้อหนังก็ต้องจัดการเอง
นางนั่งอยู่ในเรือน รอบด้านมีถุงเฉียนคุนวางอยู่ ใบหนึ่งบรรจุสัตว์ทะเลที่ยังไม่ได้จัดการ ใบหนึ่งใส่ตานศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะ อีกสองใบใส่ตานสัตว์ปิศาจธรรมดา อีกใบหนึ่งทิ้งหนังและกระดูกที่สามารถขายแลกยามังกรคำรามได้ ส่วนเครื่องในที่ใช้ไม่ได้และเนื้อสัตว์ที่กินไม่หมด จินเฟยเหยาโยนเลี้ยงปลานอกม่านแสง
ตอนนี้ภายนอกม่านแสงมีปลาทะเลและสัตว์ทะเลเล็กๆ มาห้อมล้อมเป็นฝูง ขอเพียงมีสิ่งของโยนออกมาก็จะพุ่งมาฉีกทึ้งกัดกินอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ราชันเผ่าพิภพที่อยู่บ้านติดกันมีโทสะแทบตาย ปกติเงยหน้าขึ้นก็เห็นปลาแหวกว่ายเอื่อยเฉื่อย เห็นได้ชัดว่าเงียบสงบอย่างยิ่ง ทว่าตอนนี้เงยหน้าขึ้นมองไปจะเห็นสัตว์ทะเลเล็กๆ และปลาจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังแย่งชิงกันฉีกทึ้งชิ้นเนื้อและเครื่องในนานาชนิด ดูแล้วน่าขยะแขยงสุดขีด
ทว่าผู้อื่นกำลังจัดการสัตว์ทะเลอยู่ในเรือนของตนเอง เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ให้ผู้อื่นทำ เขาเคยส่งคนไปเตือนแล้ว ทว่าคนผู้นี้ไม่สนใจปฏิกิริยาของเพื่อนบ้านเลยสักนิด!
…………………………………..