คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 388 งานเลี้ยง
ในปากเคี้ยวเนื้อแห้งมังกรปิศาจ จินเฟยเหยาเหาะกลับเกาะอันห่างไกลช้าๆ ไม่รู้ว่าเนื้อแห้งแขวนไว้นานหรือไม่จึงราวกับแผ่นเหล็กเคี้ยวไม่เข้า
ฟันของจินเฟยเหยากัดได้แม้แต่ศิลาเทียนฮุ่น ทว่าพอเจอเนื้อแห้งชิ้นนี้กลับเคี้ยวยาก สิ่งนี้นอกจากไม่มีส่วนประกอบของน้ำยังเหนียวอีก ถ้าแค่แข็งยังพอว่า ขอเพียงกัดแรงๆ ก็ พอ แต่ถ้าเหนียวด้วยก็ลำบากแล้ว เคี้ยวอยู่นานก็ยังเคี้ยวไม่เข้า
มังกรปิศาจเคยเอ่ยเตือนไว้ว่าต้องกินให้หมด โชคดีที่เนื้อแห้งบาง ถ้าหนาหน่อยเกรงว่าเคี้ยวจนปวดฟันก็ไม่แน่ว่าจะกินลงไปได้
นางยัดเนื้อแห้งใส่ปาก เคี้ยวซ้ำไปซ้ำมา ยืนมองอยู่ด้านหน้าเนื้อมังกรปิศาจ เห็นได้ชัดว่าเนื้อเส้นนั้นเต็มไปด้วยความสดใหม่ ทำไมเฉือนลงมาแล้วจึงแห้งแบบนี้ จินเฟยเหยาเคี้ยวพลาง บ่นพึมพำอย่างไม่พอใจ ถ้าไม่เห็นว่าเป็นเนื้อมังกรปิศาจ นางก็ไม่อยากกินสิ่งที่เคี้ยวไม่แหลกแบบนี้หรอก
วงเวทเหล่านี้จะกลืนกินแผ่นหลังตนเองหรือไม่ นางแทบจะไม่เคยครุ่นคิด อาศัยกระเพาะอันแข็งแกร่งของเทาเที่ย เรื่องเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย
ตอนนางเคี้ยวเนื้อแห้งมังกรที่เหมือนเอ็นวัวแก่ๆ กลับมาถึงบนเกาะอันห่างไกล มองแวบเดียวก็เห็นเผ่าพิภพข้างบ้านคึกคักอย่างยิ่งในเรือนเต็มไปด้วยเผ่าปิศาจ แม้แต่ตรงประตูก็มีเผ ผ่าปิศาจจำนวนไม่น้อยเข้าๆ ออกๆ
“รังเกียจว่าข้าจะทำรอบๆ สกปรก ตนเองทำแบบนี้ไม่กลัวว่าคนอื่นจะหนวกหู วงเวทไม่ได้กั้นเสียงเสียหน่อย จงใจแสดงว่าตนเองมั่งมี” จินเฟยเหยาเอ่ยอย่างเดือดดาล
บนเกาะนอกจากราชันเผ่าพิภพข้างบ้านและนางแล้วยังมีเรือนอีกสี่หลังที่มีคนอยู่อาศัย ถ้ามิใช่ปิดด่านกักตนฝึกบำเพ็ญตลอดก็ออกไปข้างนอกไม่เห็นร่องรอย บนเกาะอันห่างไกลแห่งนี้ค คนที่ไม่มีอะไรทำก็ขยะแขยงอีกฝ่ายทั้งวันมีเพียงจินเฟยเหยาและราชันเผ่าพิภพสองบ้าน
กลับมาถึงเรือนของตนเอง จินเฟยเหยามองเข้าไปในบ้าน พั่งจื่อและหวาหวั่นซีไม่อยู่ เรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกแปลกใจ ถ้าพั่งจื่อไม่อยู่ตัวเดียวยังเป็นเรื่องปกติ เหตุใดแม้แต่หวาหวั่ นซีก็ไม่อยู่ด้วย เคยเตือนพวกเขาแล้วชัดๆ ว่าหลายวันนี้ห้ามออกไปชั่วคราว
ขณะที่นางกำลังสงสัยก็มีคนมาหาตรงประตู
พอจินเฟยเหยาเดินออกไปดู เป็นเผ่าปิศาจขั้นฝึกปราณคนหนึ่งกำลังยกถาดซึ่งวางเทียบเชิญสีทองวิบวับ ไม่รอให้นางเอ่ยปาก เผ่าปิศาจคนนี้ก็เอ่ยอย่างเคารพ “ท่านที่น่านับถือ นี่คื อบัตรเชิญท่านไปงานเลี้ยงของราชันเผ่าพิภพเรา คนในเรือนของท่านไปก่อนล่วงหน้าแล้ว ข้ามารับท่านไปเป็นพิเศษ”
ราชันเผ่าพิภพเชิญข้าไปกินข้าว? จินเฟยเหยาหยิบบัตรเชิญมาดู เขียนด้วยภาษาเผ่าปิศาจเป็นพรืดแบบหงส์ฟ้อนมังกรเหิน อ่านไม่ออกเลยสักนิดว่าเขียนอะไร
เวลานี้จินเฟยเหยาจึงนึกขึ้นได้ ตนเองเป็นภาษาเผ่ามนุษย์กับเผ่ามารอยู่สองเผ่า กลับไม่เป็นภาษาของเผ่าปิศาจ หากมิใช่มาอาศัยอยู่ในเมืองไป่เหอที่มีทั้งสามเผ่าพอดี ขอเพียงสุ่ม มเลือกไปโลกวิญญาณอื่นๆ ตนเองคงไม่มีทางปลอมตัวเป็นเผ่าปิศาจได้ โชคดีที่นี่ใช้ได้ทั้งสามภาษา แต่ละเผ่าอย่างน้อยที่สุดต้องเป็นสองภาษา มิน่าเล่าเดี๋ยวตนเองใช้ภาษามาร เดี๋ยวใช้ภาษาม มนุษย์ก็ไม่ทำให้คนอื่นเกิดความสงสัย
คร่าวๆ คือตนเองและราชันเผ่าพิภพมีการติดต่อกันหลายครั้ง ภาษาที่ใช้เป็นภาษามนุษย์ ดังนั้นคนผู้นี้จึงใช้ภาษาเผ่ามนุษย์พูดจา จินเฟยเหยามองดูเทียบเชิญอย่างละเอียด จากนั้นวางกลับ ลงในถาดแล้วเอ่ยว่า “ในเมื่อราชันของพวกเจ้ามาเชิญข้าโดยเฉพาะและสหายของข้าก็ไปที่บ้านของพวกเจ้าแล้ว ข้าก็จะตามเจ้าไปสักครา”
“เชิญท่าน” เผ่าปิศาจขั้นฝึกปราณคนนี้โล่งอกและเชิญจินเฟยเหยาไปยังบ้านข้างๆ
หากมิใช่ฝั่งตรงข้ามมีวงเวทอยู่ นางก็อยากจะข้ามกำแพงไปเลย ตอนนี้ได้แต่ติดตามคนผู้นี้มาที่ข้างบ้านเดินเข้าเรือนราชันเผ่าพิภพทางประตูใหญ่
ในเรือนมีเผ่าปิศาจจำนวนมาก ส่วนมากเป็นเผ่าทะเลขั้นสร้างฐานและขั้นหลอมรวม เนื่องจากปกติเห็นสนามหญ้าและต้นไม้น้อยมากจึงชอบรวบรวมไว้ในสวน จินเฟยเหยาติดตามเผ่าปิศาจคนนี้เข ข้ามาในบ้าน
จินเฟยเหยาเพิ่งเหยียบย่างเข้าประตูก็เห็นพั่งจื่อและหวาหวั่นซี พวกเขานั่งอยู่ที่ด้านหลังทางขวาของที่นั่งเจ้าบ้าน นี่เป็นตำแหน่งที่สำคัญ ส่วนด้านหลังทางซ้ายมีบุรุษสีผิวซีด ขาว เส้นผมสีน้ำตาล พลังบำเพ็ญเพียรขั้นเทพช่วงปลายนั่งอยู่
พอนางเดินเข้ามาก็สบตากับคนผู้นั้น นั่นคือสายตาสงสัยและค้นหา สุดท้ายยังผิดหวังอยู่บ้าง
เหมือนที่เยี่ยจื่อพูดไว้จริงๆ คนผู้นี้คือราชันเหวิน ยุงขนาดใหญ่ตัวนั้น จินเฟยเหยารั้งสายตากลับโดยไม่แสดงความผิดปกติ ติดตามเผ่าปิศาจที่นำทางมาถึงด้านหน้าราชันเผ่าพิภพราว วกับไม่มีอะไร
“สวัสดี” นางประสานมือให้ราชันเผ่าพิภพ ถือเป็นการทักทาย
พลังบำเพ็ญเพียรของราชันเผ่าพิภพต่ำกว่านาง อีกทั้งระหว่างเพื่อนบ้านก็ไม่ค่อยกลมเกลียว ดังนั้นนางจึงคร้านจะมากมารยาท ถึงอย่างไรก็ไม่นับว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ แม้แต่ท่านพ่อที่ตาย ยไปของเขาก็เป็นแค่ผู้ลี้ภัยเท่านั้น
“ข้ากับท่านเป็นเพื่อนบ้านกันมานานกลับไม่ได้ติดต่อกันมากนัก วันนี้พอดีมีงานเลี้ยงดังนั้นจึงเชิญท่านมานั่งโดยเฉพาะ” ราชันเผ่าพิภพเพิกเฉยมารยาทอันเรียบง่ายของนาง มีฐานะเป็นเชื อพระวงศ์โดดเดี่ยวที่ไม่มีความแข็งแกร่งก็ไม่มีสิทธิ์พูดมาก เชิญบุคคลที่มีหน้ามีตามาได้ก็ไว้หน้าเล็กๆ ของเขาแล้ว
“เจ้าเกรงใจเกินไป ระหว่างเพื่อนบ้านเดิมทีก็ควรอยู่ร่วมกันอย่างปรองดอง” จินเฟยเหยาพูดโดยไม่ละอาย
“เชิญนั่ง” ราชันพิภพเชิญนางนั่งลง ลูบหนวดเล็กๆ สั่งบรรดาปิศาจแมวให้ออกมาเต้นรำเพิ่มความสนุกสนาน
จินเฟยเหยานั่งลงข้างหวาหวั่นซีและถ่ายทอดเสียงถามทันที “เกิดอะไรขึ้น?”
หวาหวั่นซีตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เจ้าออกจากบ้านไปไม่นาน บุรุษพลังบำเพ็ญเพียรขั้นเทพฝั่งตรงข้ามก็มา จะให้พวกเรามาเข้าร่วมงานเลี้ยงที่นี่ให้ได้ พวกเราไม่รู้ว่าเจ้าจะกลับมาเมื่อ อใด ดังนั้นจึงมา เจ้าหมอนี่บอกว่ารู้จักเจ้า เจ้ารู้จักเขาจริงหรือ?”
คิดไม่คิดว่าราชันเหวินจะมาเชิญถึงบ้าน จินเฟยเหยาได้แต่เอ่ยว่า “คนที่ถูกเจ้าสังหารเป็นคนเผ่าของเขา เจ้าหมอนี่เป็นยุงดาบโลหิตที่ผ่านเคราะห์สายฟ้าเลื่อนขั้นขึ้นมา ไม่เหมื อนกับเผ่าปิศาจคนอื่นๆ ครั้งนี้ต้องมาหาพวกเราโดยเฉพาะแน่ อีกสักครู่ห้ามพลั้งปาก อย่าเอ่ยถึงผงกระตุ้นกำหนัดเด็ดขาด”
“รู้แล้ว ข้าจะเอ่ยถึงสิ่งของแบบนี้ได้อย่างไร” หวาหวั่นซียิ้ม
“เจ้าอำมหิต ข้ารู้ดี แค่กลัวว่าเจ้าจะทนไม่ไหวเอ่ยออกมาอย่างหยิ่งผยอง”
หวาหวั่นซีชะงัก จากนั้นเอ่ยช้าๆ “หยิ่งผยอง หุ่นเชิดตัวหนึ่ง เอ่ยถึงเรื่องพวกนี้จะมีประโยชน์อะไร เจ้าวางใจเถอะ ถึงข้าไม่ยอมรับว่าเป็นสมบัติส่วนตัวของเจ้า แต่นี่คือความจริงที่เ เปลี่ยนแปลงไม่ได้”
“พูดจาระคายหูมาก ข้าไม่ได้ว่าอะไรเจ้าเสียหน่อย”
“รู้แล้ว”
ราชันเหวินส่งสายตาให้ราชันเผ่าพิภพ ราชันเผ่าพิภพผลักราชินีที่นั่งอยู่ข้างๆ บนโต๊ะเตี้ยเดียวกันแล้วส่งสายตาให้ ราชินีหมดหนทางจึงได้แต่เอ่ยถามจินเฟยเหยาด้วยรอยยิ้ม “ท่านเ เป็นเพื่อนบ้านกับข้ามาตั้งนาน ยังไม่ทราบชื่อแซ่ของท่านเลย บุคคลอันร้ายกาจเช่นท่าน คาดว่าคงมีชื่อเสียงโด่งดังทำให้ข้าอิจฉายิ่งนัก”
จินเฟยเหยายิ้มแย้มตอบรับ “ราชินีเกรงใจไปแล้ว ข้าชื่อจินเฟยเหยาเป็นคนเผ่าเจี่ยว คนในเผ่ามีค่อนข้างน้อย ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร”
“เผ่าเจี่ยว? ไม่เคยได้ยินมาก่อน” ราชินีเอ่ยอย่างสงสัยอยู่บ้าง
“ใช่ ไม่ว่าใครได้ยินก็รู้สึกเหมือนจะรู้จักทว่าก็นึกไม่ออก หลักๆ คือมีคนน้อยเกินไป ไม่ค่อยออกมาโลกภายนอก ราชินีนึกไม่ออกก็เป็นเรื่องปกติ” จินเฟยเหยาพยักหน้าอมยิ้ม
เวลานี้หวาหวั่นซีถ่ายทอดเสียงมาถามว่า “เจ้าบอกว่าเป็นคนเผ่าภูเขาชื่อจินเจี่ยวนี่นา เหตุใดตอนนี้จึงเปลี่ยนแล้วล่ะ?”
“โง่หรือเปล่า คนฝั่งตรงข้ามมาหาเรื่องพวกเรา แน่นอนว่าจะยอมรับตั้งแต่แรกไม่ได้ อีกทั้งเดิมทีข้าก็ไม่ใช่คนเผ่าภูเขา ไม่ได้โกหกเสียหน่อย ข้าไม่รู้จักเผ่าภูเขาอะไรนั่นเลย” จินเฟ ฟยเหยาตอบ
“เจ้าไม่ใช่เผ่าปิศาจสักนิด!” สายตาของหวาหวั่นซีจ้องมองเผ่าปิศาจแมวที่ร่ายรำเหล่านั้น ไม่สนใจว่าจินเฟยเหยาจะพูดจาเหลวไหลอย่างไร
“จินเฟยเหยา เผ่าเจี่ยว?” ในเวลานี้เอง ราชันเหวินพลันเอ่ยปากขึ้น
จินเฟยเหยามองเขาอย่างยิ้มแย้ม เอ่ยด้วยสีหน้าอ่อนโยนสนิทสนม “ไม่ทราบท่านมีเรื่องใดจะชี้แนะ?”
ราชินีรีบเอ่ยแนะนำว่า “ท่านนี้คือราชันเหวินแห่งเผ่าคุน”
ราชันเหวินวางจอกสุราในมือลง ดวงตาจับจ้องจินเฟยเหยาแล้วถามว่า “ท่านรู้จักคนผู้หนึ่งชื่อจินเจี่ยวเป็นคนในเผ่าภูเขาหรือไม่”
“ไม่รู้จัก” จินเฟยเหยาตอบโดยไม่คิดสักนิด
“ไม่รู้จักจริงๆ?” ใบหน้าราชันเหวินมีรอยยิ้มบางๆ ถามย้ำอีกครั้ง
จินเฟยเหยายังส่ายศีรษะ “ไม่รู้จักจริงๆ ข้าเพิ่งมาเมืองไป่เหอ แทบจะไม่เคยออกไปเลย ดังนั้นจึงไม่รู้จักใคร ไม่เคยได้ยิน หรือว่าคนผู้นี้เป็นญาติกับราชันเหวิน ราชันเหวินคิด ดจะตามหานางมานับญาติ?”
“คนผู้นี้วางแผนสังหารคนเผ่าของข้าภายในพื้นที่รัศมีหนึ่งพันหลี่ ดังนั้นจึงคิดจะทวงความยุติธรรมกับนาง” นิ้วมือของราชันเหวินเคาะบนโต๊ะเบาๆ ดวงตากลับจ้องมองพวกนางสองคนต ตลอด กบสีขาวไม่ถือว่าเป็นคนจึงถูกเขาเมินเฉย
ทว่าสองคนฝั่งตรงข้าม เผ่ามนุษย์ผู้งามล้ำมองปิศาจแมวร่ายรำอย่างกระตือรือร้น ไม่มองมาทางเขาเลยสักนิด ส่วนเผ่าปิศาจที่เมื่อครู่ยังสนทนากับตนเอง เวลานี้กลับจ้องมองอาหารบนโต๊ะ ะ หยิบตะเกียบพลิกดูในนั้นไปมาอย่างละเอียด ไม่มีความคิดจะตอบเขาเลย
เผ่าปิศาจขั้นเทพล้วนมีศักดิ์ฐานะสูงสุดในหมู่เผ่าปิศาจ เผ่ามนุษย์ไม่ติดกับนั้นช่างเถอะ แต่สตรีเผ่าปิศาจที่มีเขาพูดจาโกหกแต่งเรื่องนี่มันเรื่องอะไรกัน คิดไม่ถึงว่าจะไม่รู้ธร รรมเนียมเผ่าปิศาจเลยสักนิด ได้ยินตนเองถามยังกล้าแสร้งโง่ ราชันเหวินขมวดคิ้ว อาศัยความไร้เหตุผลของนางตนเองก็มีเหตุผลเพียงพอจะสังหารนางได้
ไม่ว่านางเป็นคนเผ่าใด ถ้าคนในเผ่ามาหาถึงที่เขาก็จะบอกว่านางรนหาที่ตายเอง โลหิตสาวพรหมจรรย์ขั้นกำเนิดใหม่ช่วงกลาง รสชาติคงเลิศล้ำ เพียงแต่ดูไม่ออกว่าสตรีเผ่ามนุษย์คน นั้นใช่สาวพรหมจรรย์หรือไม่ เคยดูดโลหิตของเผ่ามนุษย์มาไม่น้อยก็ยังไม่เคยเห็นคนแบบนี้มาก่อน
“หรือว่าท่านไม่มีอะไรจะพูด?” ราชันเหวินบีบให้จินเฟยเหยาพูดกับตนเอง ขอเพียงพูดก็จะมีช่องโหว่ แค่เกาะกุมคำพูดที่พลั้งปากออกมาของนางได้ ตนเองก็สามารถจับตัวนางไปอย่างถูกต้ องเปิดเผยได้
ครั้งนี้ถือว่าจินเฟยเหยาได้ยินแล้ว เห็นนางวางตะเกียบเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้ามีคำพูดอยากจะพูดจริงๆ ข้านึกว่าเผ่าปิศาจที่อาศัยอยู่ในเมืองไป่เหอชอบกินสาหร่าย แต่คิดไ ไม่ถึงว่าแม้แต่ราชันเผ่าพิภพก็ชอบกินสาหร่าย อาหารเหล่านี้ไม่มีเนื้อเลยสักนิด กินไปก็ไร้ความหมาย”
ทุกคนในที่นั้นตะลึงงัน คนผู้นี้ถึงกับบอกว่าจะกินเนื้อโดยไม่สนใจมังกรเทพ
ส่วนราชันเหวินกลับเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “ท่าน เผ่าเจี่ยวไม่กินเจหรือ?”
จินเฟยเหยากระพริบตา เอ่ยอย่างสงสัย “ใครบอกว่าเผ่าเจี่ยวกินเจ ไม่ได้มีเขางอกแล้วต้องกินหญ้าหมดเสียหน่อย แม้แต่ราชันเหวินก็กินเจ ข้าคงกินเนื้อไม่ได้สินะ”